เห็นชาวญี่ปุ่นดูนิ่งๆ ท่าทางใจดีๆแบบนั้น
แต่แอบต่อต้านหลักศรัทธาและหลักปฏิบัติของมุสลิมเราไม่น้อยเลยค่ะ
นับว่า...ไม่ได้น้อยหน้าพวกยิว...เพียงแต่ไม่ได้ออกตัวแรง
อย่างอเมริกาอย่างอิสราเอลก็เท่านั้น...
หมายถึง พวกเขาพยายามซ่อนเอาไว้
เนื่องจาก...เจอมากับตัว...ยิ่งเราพยายามเป็นตัวของเรา
หมายถึงพยายามแสดงความเป็นมุสลิมมากเท่าไหร่
เขาก็จะยิ่งแสดงออกถึงการต่อต้านได้อย่างล้ำลึกมากขึ้นเท่านั้น
ไม่โจ่งแจ้ง แต่เป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำ...
เปรียบได้ดั่งสำนวนไทยว่า... "น้ำนิ่งไหลลึก"
พอได้อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว รู้สึกคาดไม่ถึงจริง ๆ
พอมาคิด ๆ กับความใฝ่ฝันหนึ่งที่ตั้งไว้ คือ อยากเป็นครูสอนอิสลามศึกษาที่ญี่ปุ่นคะ
รู้สึกว่ามันท้าทายดีคะ
เห็นด้วยค่ะ...แต่ต้องเริ่มสอนที่เด็กๆของเขาค่ะ...
เพราะไม้แก่ดัดยากเหลือเกิน...อิอิ
พี่เคยชวนเพื่อนญี่ปุ่นถือศีลอด พอบอกว่าต้องทำไงบ้าง
เขายกมือโบกไหวๆเลย...ขนาดให้ลองเขายังไม่อยากลองเลยค่ะ
จากที่คิดว่าให้เขาลองปฏิบัติก่อนเห็นจะยาก เพราะเราต้องสอนเขา
ให้เข้าใจหลักศรัทธาก่อน เมื่อเขาศรัทธา เขาจะเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม
เหมือนที่ช่วงแรกๆแห่งการเผยแผ่สัจธรรมของท่านนบีของเรา...
ท่านก็เริ่มจากการสอนให้กล่าว "ลาอิลาอะอิลลัลลอฮฺ"
แล้วสอนเรื่องศรัทธา...นำสู่การปฏิบัติ...
ตอนที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้ปฏิเสธอัลลอฮฺเพียงคนเดียว
ไม่มีแนวร่วม ทำให้พี่ร้องไห้ทุกครั้งเวลาอ่านประวัติของท่านนบี
ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม...เพราะทำให้เรารู้ว่า กว่าท่านจะ
เผยแผ่ศาสนาอิสลามสู่หัวใจคนได้มากมายนั้น ท่านผ่านความลำบาก
มาแค่ไหน...เราเอาแค่คนสองคนยังทำไม่ได้เลย...
แต่ก็ได้แต่บอกกล่าว...ส่วนการเปิดทางนำเราก็มอบหมายไปยังอัลลอฮฺ
ไม่วันใดก็วันหนึ่งเขาอาจนึกถึงสิ่งที่เราบอกเขาก็ได้...อินชาอัลลอฮฺ
และถ้าเราไม่แข็งพอ แทนที่เราจะสอนให้เขาเดินตาม
แนวทางของอิสลาม อาจจะกลายเป็นเราที่จะเผลอ
เดินตามแนวทางของเขาไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ...
บอกได้แค่ว่า...ญี่ปุ่นจิตวิทยาล้ำลึก...
เขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยมเหมือนมุสลิมเราค่ะ...
เพียงแต่ของเราต้องเรียกว่า ศาสนานิยม...
ส่วนของพวกเขา วัตถุนิยม
ญี่ปุ่นกับอเมริกา มีผลทำให้โลกกลายเป็นโลกแห่งวัตถุค่ะ
พยายามสอนให้คนหลงใหลในวัตถุ(ดุนยา)
เพราะพวกเขาให้ความสำคัญต่อชีวิตในโลกนี้...
เขาไม่ได้ศรัทธาในโลกหน้า...
ไม่เหมือนอิสลามเราที่จะสอนให้เราศรัทธาในโลกหน้า
และให้ความสำคัญต่อโลกหน้า
ดังนั้น...อย่าได้แปลกใจ ถ้าเรากับเขาจะเกิดการต่อต้าน
ซึ่งกันและกัน...เพราะเราไม่เหมือนกัน รวมกันไม่ได้
ไปด้วยกันลำบาก...ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ...
เพราะพี่เมื่อก่อนเน้นเรื่องวัตถุเป็นหลักโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเอง
จนได้มาอ่านมุมตะเซาวุฟ ศึกษาตะเซาวุฟ
จึงได้รู้ว่าเรากลายเป็นคนหลงในวัตถุไป...
พี่เลยตัดสินใจใหม่ เปลี่ยนแปลงหัวใจให้เป็นดวงใหม่
ขัดอะไรที่มันเกาะหัวใจเราอย่างแน่นหนาออกไป
พยายามมาตลอด และยังพยายามอยู่...
พี่จึงไม่ค่อยอยากสนับสนุนให้ลูกหลานคนใด
ไปศึกษาที่ญี่ปุ่นเลย...ถ้าต้องไปก็คงต้องคอยดุอากันล่ะค่ะ
ว่าอย่าให้เขาหลุดไปอีกทางนึง...ซึ่งเป็นทางลวง
ไม่ได้พูดให้กลัวนะคะ แต่เพื่อให้คิด...
เพราะสิ่งที่เราเห็นๆเกี่ยวกับญี่ปุ่น บางทีมันก็แค่
"ภาพมายา"
ปล.คนญี่ปุ่นไม่ได้ขาดความรู้ในอิสลามค่ะ
แต่เขาขาดศรัทธา...และโดยส่วนมาก...
ไม่ยอมรับอิสลาม...ออกไปทางเหยียดหยันด้วยซ้ำ...
เขามักมองว่าเขาคือผู้เจริญแล้ว เพราะเป็นหนึ่งในประเทศ
ที่พัฒนาแล้ว...คนไทยที่ไม่อยู่ที่นั่นถูกเหยียด
พี่ที่หน้าไม่ค่อยเหมือนคนไทย ตอนแรกๆเขาก็ไม่เท่าไหร่
แต่พอรู้ว่าคนไทย เขามองเราว่าต่ำกว่าเขาค่ะ...
มันสัมผัสกันได้ไม่ยาก...คนไทยที่ไปอยู่ที่โน่นก็ไม่อยาก
แสดงตนว่าเป็นคนไทย เจอคนไทยด้วยกันเดือดร้อน
ก็ไม่ยอมช่วยเหลือกัน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเป็นคนไทย
จึงพยายามกลืนตัวเองให้เหมือนเจ้าของประเทศ...
ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงพาสปอร์ตของตน...เพราะกลัวว่าเขา
จะรู้ว่าเป็นคนไทย ชอบแต่งตัวตามคนญี่ปุ่นเพื่อกลบเกลื่อน
ความเป็นคนไทย...
อันนี้พี่ไม่ได้มองในแง่ดีหรือแง่ร้าย แต่เล่าตามประสบการณ์
เกือบหกปีที่ประสบพบเจอมาค่ะ เพราะพี่ไม่ได้ไปเรียนอย่างเดียว
แต่ไปทำงานคลุกคลีกับคนในสังคมนอกรั้วโรงเรียน
ของเขามาด้วย...
ภาพภายนอกเขาดูเหมือนให้เกียรติ ยกย่องคนไทย
มองคนไทยเป็นมิตรก็จริง แต่เขาก็ไม่ต่างจากประเทศมหาอำนาจ
ที่บ้าอำนาจและหลงตัวเองอย่างอเมริกาเลย...
ที่มักมองว่าตัวเองดีกว่าชนชาติอื่น...และไม่คิดว่าเราหรือใคร
จะไปเทียบชั้นกับพวกเขาได้...
แต่สำหรับพี่...พี่มองมาที่ตัวเองว่า พี่เป็นมุสลิม...
ไม่ว่ามนุษย์ชาติใดเชื้อชาติใดประสบความเดือดร้อน
พี่ช่วยได้พี่ช่วย...ไม่เลือกว่าศาสนาใดด้วย...
คิดเพียงว่า...เป็นลูกหลานนบีอาดัมเหมือนกัน...
ยิ่งกับมุสลิมหรือศาสนาอิสลามแล้ว เขามองว่าล้าหลังค่ะ
อีกนานกว่าจะเจริญทันพวกเขา...
ซึ่งสำหรับพี่...ผู้พิพากษาในโลกนี้มีมากมาย
และมักจะมีไม้บรรทัดของตัวเองเอาไว้ชี้วัดสิ่งต่างๆ
แต่ผู้พิพากษาที่แท้จริงมีเพียง อัลลอฮฺเท่านั้น
และพระองค์คือสักขีพยาน... ^o^