ตามนั้นเลยค่ะ...
ซึ่งในบทความนี้ มีไวยากรณ์ 3 แบบที่น่าสนใจ
นั่นคือ
1......................するんです。
2....より.....
3........になろうと......
เอาไว้จะกลับมาอธิบายนะคะ...อินชาอัลลอฮฺ
ปูเสื่อรอเลยคะ
ช่วงนี้ทุ่มเทอยู่กับการทำวิจัยอยู่คะ
แต่ละคน งง จับต้นชนปลายไม่ถูก จนวิจัยขึ้นสมอง (อาจเป็นเพราะเราไม่เข้าใจในความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิจัยมั้งคะ)
หนูคนนึงที่เป็นอย่างนั้นคะ รู้สึกอยากไปทะเลแล้วร้องให้ก้องโลกว่า หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ

แต่พอได้เข้ามาดูบอร์ดนี้ เปิดดูเรื่องเกี่ยวกับภาษา รู้สึกดีขึ้นจริงๆคะ อัลฮัมดุลลิลาฮฺ
ตอนพี่เรียนอยู่ปี 3 เคยอยากไปยืนอยู่บนหน้าผาแล้วตะโกน
ให้ก้องฟ้า ว่าสุดจะทนแล้ว...มาเหมือนกันนะ...
แต่ก็ผ่านมันมาได้ เมื่อได้กลับไปมองภาพถ่ายของตัวเอง
ที่ยิ้มให้กล้องบนยอดเขาฟูจิ และเขาอีกหลายลูกที่เคยไปปีนมา
ช่วงไปอยู่ญี่ปุ่นสองปีแรก พี่เล่นปีนเขาบ่อยมาก เพราะว่ามีคน
เคยบอกว่า...ไม่มีอะไรยากเท่ากับการปีนเขาแล้ว...
แต่พี่ว่า...ภาษาญี่ปุ่นและการปรับตัวให้เข้ากับคนญี่ปุ่นโคตรยากเลย
คือทุกอย่างรอบตัวตอนนั้นมันยากไปหมด...
พอมีเวลาว่างก็จะหาเรื่องชวนพี่ที่เขามีปัญหาชีวิตครอบครัวอยู่
ไปปีนเขากัน...บอกได้เลยว่าการปีนเขาช่วยเราได้จริงๆ
โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิลูกนั้น...ตอนขึ้นไปอยู่บนยอดภูเขาไฟลูกนั้น
พี่บอกกับตัวเองว่ามันสุดยอดมาก...พอลงมาได้มันยอดยิ่งกว่า
เพราะมันได้รู้จักกับทุกๆสภาวะ...มันสอนให้เราเรียนรู้ที่จะรับมือ
กับทุกๆสภาวะเหล่านั้นในเวลาที่มีไม่มาก...
และหลังจากนั้น...ชีวิตก็ไม่มีอะไรยากเกินกำลังและความสามารถ
ที่เราจะอดทนไม่ไหว...
ถ้าถึงจุดที่ "สุดจะทน" เมื่อไหร่...พี่กลับไปปีนเขาแน่ค่ะ...
เอาไอ้ลูกที่มันยากๆนั่นแหล่ะ...
ส่วนการไปทะเล ไปดูอะไรสวยๆงามๆจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย
แต่ไม่ได้อะไรๆในชีวิตเท่ากับการไปปีนภูเขา...
เขาเรียกว่า "หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง" ค่ะ
ถ้าไม่ไหวจริงๆ...ไปปีนภูเขาดู...ถ้าในไทยก็น่าจะดอยอินทนน
เขาว่าอย่าเอาแฟนไปปีนด้วย ไม่งั้น อาจมีเลิกกันนิ...
แต่พี่ขอบอกว่า...พี่ได้พบกับมิตรภาพบนยอดเขาอยู่บ่อยครั้ง...
เป็นมิตรภาพที่ยืนยงซะด้วย...
ตอนปีนฟูจิ เพื่อนโกรธพี่แทบตาย โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แต่สุดท้ายกอดคอพี่แล้วไปด้วยกันท่ามกลางความมืดบนยอดเขา...
ต่อมาเราที่ไม่เคยจะชอบขี้หน้ากันเท่าไหร่
ก็เริ่มจะชอบขี้หน้ากันมากขึ้น...ตอนบนเขาเพื่อนบอกไม่ไหว
พี่ที่ไม่ไหวเหมือนกันบอกมันว่า ไม่ได้ เราต้องไปด้วยกัน
มันไม่ยอม มันว่ามันไม่ไปแล้ว มันจะลงเขาแล้ว
ไม่เอาแล้ว ยอมแล้ว...พี่เลยลากมันขึ้นไป
บอกมันว่า ฉันจะไม่กลับหลัง และแกมากับฉัน
ก็ต้องไปกับฉัน...มันด่าพี่ซะสะเทือนภูเขา...กรี๊ดใส่ด้วยนะ
พี่ก็ด่ามันชนิดที่ไม่ให้น้อยหน้าด้วย...
แถมพี่ไม่ยอม เราดึงกันไปมา....แล้วก็ล้มกลิ้งไปพร้อมๆกัน
สุดท้ายเราก็ได้หัวเราะออกมา
นอนบนแผ่นหินดูฟ้าที่มีดวงจันทร์กับดวงดาวสวยๆด้วยกัน
อยู่พักนึงแล้วเดินต่อไป...และต่อไป จนถึงเป้าหมายด้วยกัน
เพื่อนคนนี้มักบอกว่า...พี่มันเหยียบข้ีไก่ไม่ฝ่อ
ขี้เกียจอ่านหนังสือ ภาษาเลยแย่...เพราะตอนนั้นพี่ภาษาแย่ที่สุด
ในโรงเรียนเลยก็ว่าได้...แต่ก็นั่นแหล่ะ...ภูเขาไฟฟูจิ
ก็ทำให้เพื่อนพี่ได้เห็นบางอย่าง...มันบอกเลยว่า...
คนบางคน...ดูเผินๆไม่ได้...
เพื่อนพี่มันพกกล้องไปด้วย ตอนแรกพี่บอกมันว่าพกไปให้หนัก
เดี๋ยวก็อยากโยนมันทิ้ง...แต่ก็ต้องขอบคุณกล้องของเพื่อน
ที่ทำให้เราได้เห็นรอยยิ้มของนักสู้...
คือแบบว่า...ยิ้มไม่ออกแล้วแต่เราก็ยังจะอยากยิ้มให้กล้อง
พี่บอกเพื่อนว่า...
"ฉันจะยิ้มให้สวยที่สุดเลย ไม่ให้คนข้างล่างเห็นรอยเหนื่อยล้า
บนใบหน้าฉันเด็ดขาด..."
มันเลยถ่ายยิ้มพี่ไปตั้งหลายรูป
ตอนนั้นเพ่ือนยังถามพี่ว่า "ยิ้มได้ยังไง"
คือมันเหนื่อย มันท้อ มันทรมาน มันยากมากเลยนะที่จะฝ่าไปได้...
แต่พี่ให้เหตุผลมันว่า...เราต้องสนุกไปกับมัน...ไม่อย่างนั้น
มันจะหัวเราะเยาะเราที่เราขี้แย...ยิ้มให้มันซะ
เรียกความเป็นเด็กที่มองอะไรก็ดูน่าสนใจน่าตื่นเต้นไปหมด
กลับคืนมา...ปลุกความเป็นเด็กให้ตื่น
เพราะไม่ใช่แค่อดทนนะคะ ต้องทนอดแบบสุดๆด้วย...
แต่หลังจากกลับมาจากปีนเขาครั้งนั้น...
ไม่มีอะไรที่พี่คิดว่ายากเกินกว่าจะอดทนไม่ได้อีกเลย...
เหนื่อยแค่ไหนพี่ก็เอาอยู่
...ทางที่ไม่มีดอกไม้โรย แม้ไม่สวย
แต่น่าท้าทาย ความท้าทายคือ ความสนุก
หากเรายินดีที่จะสนุกไปกับมัน...ยิ้มให้กับมัน
เราก็จะพบว่า ไม่มีอะไรมาพรากหัวใจที่เปี่ยมสุขของเราไปได้
เขาเรียกว่า ความสุขที่ไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้
แต่เป็นความสุขที่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางขวากหนาม...
แม้ทั้งตัวมีแต่บาดแผล แต่เราก็ยังยิ้มได้...ไม่แตกต่าง
กับตอนที่เรากำลังยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้งาม...
พี่ก้าวผ่านวันยากๆมาก็ด้วยรอยยิ้มค่ะ
ไม่ใช่ยิ้มแบบที่ฉีกปากกว้างๆ
แต่เป็นยิ้มที่ออกมาจากตาของเราด้วย...
ทั้งปากทั้งตาประสานกันเป็นหน่ึง...
ซึ่งรอยยิ้มแบบนั้น ไม่มีใครยิ้มได้ นอกจากว่าคนๆนั้น
จะมีความสุขจริงๆถึงยิ้มได้...
ไม่อยากจะโม้เลย...ว่ามีแต่คนบอกว่าพี่ยิ้มสวย... ^^
พ่ีเลยมักบอกคนชมว่า พระเจ้าสอนให้พี่รู้ว่าเราควรยิ้มยังไง
ให้สวยน่ะสิ...เพราะมนุษย์ทุกคนสามารถยิ้มให้สวยได้
แค่ยิ้มทั้งปากทั้งตา... ^^
บางคน...เมื่อมองคนที่ร้องไห้ เขามักจะคิดว่าคนๆนั้นกำลังเสียใจ
จริงๆแล้ว ไม่ใช่เสมอไป...พี่เคยร้องไห้เพราะความซาบซึ้ง
ในเนียะมัตของอัลลอฮฺอยู่บ่อยครั้ง...
เมื่อเจอกับอะไรที่ว่ายาก...ลองมองหาความสนุกจาก
สิ่งนั้นดูค่ะ...และพยายามสนุกกับมันให้ได้...
เรื่องที่ว่ายากจะง่ายโดยที่เราแทบไม่อยากจะเชื่อเลย
ว่าเราจะทำมันให้ง่ายได้...
อัลลอฮฺคือที่พึ่ง...ขอความอดทนจากพระองค์
แล้วเราจะไม่ผิดหวัง...อินชาอัลลอฮฺ...
เพราะไม่มีหัวใจดวงใดจะก้าวผ่านอุปสรรคไปได้
เว้นแต่หัวใจดวงนั้นจะ "อดทน"
^^
頑張ってね!!!
ปล.เรื่องไวยากรณ์ พี่ค่อยมาต่อ เพราะว่าน่าจะยาวกว่านี้จ่ะ
อิอิ