“บนสะพานซึ่งพาฆาตกรมาที่นี่”
โดย มุฮัมมัด ส่าเหล็ม
๑.
กลับมาเยี่ยมสายน้ำแห่งวัยเยาว์อีก
กลับมาในฐานะของผู้แพ้
กลับมาเพื่อทนดูความหมองเศร้า
ของบ้านเกิด
กลับมาดูสายน้ำ
ซึ่งกำลังจะสิ้นลม
๒.
จากสะพานที่ทอดโค้งไปสู่เมือง
มองลงไปในสายน้ำแห่งความเศร้า
ลำน้ำซึ่งเคยเป็นดั่งสายเลือด
มี กุ้ง ปู ปลา เป็นอาหาร
และเป็นสนามประลองว่ายน้ำแข่ง
ในวัยแห่งความไร้เดียงสา
๓.
บนสะพานซึ่งนำฆาตกรมาที่นี่
เห็นเรือประมงลอยเคว้งคว้าง
ชาวประมงจ้ำพายไปอย่างเลื่อนลอย
เรือหางยาวบางลำ
วิ่งพล่านแผดเสียง
ดั่งแมลงปอถูกตัดหาง
ประมงชราดึงอวนขึ้นจากน้ำ
สะบัดเศษขยะด้วยความเหนื่อยหน่าย
มีเพียงเศษขยะเท่านั้น
ติดมากับอวน
๔.
เหนือขึ้นไป... ถึงต้นธารของลำน้ำชีวิต
โรงงานอุตสาหกรรมน้อย-ใหญ่เรียงราย
ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ผลิตอาหารชั้นดี
ส่งไปขายต่างชาติ
ส่งไปบริการพวกประเทศพัฒนาแล้ว
ให้อิ่มหนำสำราญอย่างปลอดภัย
แต่... โรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งมิเคยเหน็ดเหนื่อยนี้เอง
เช้า-เย็น-ค่ำ
ขับถ่ายของเสียลงในลำน้ำ
ของชาวประมงอ่อนแอ-หมดทางสู้
ซึ่งชั่วชีวิต
จับปลาหาหอยอยู่ในลำน้ำสายนี้
ลูกหลานบางคนโชคดี
ได้ไปทำงานอยู่ในโรงงาน
ซึ่งผลิตของเน่าเหม็นลงในลำน้ำของพ่อ
สายน้ำซึ่งพ่อได้จับปูจับปลา
มาเลี้ยงลูกจนเติบกล้า
จนสามารถรับใช้
โรงงานซึ่งกำลังฆ่าสายน้ำของพ่อ
บนแผ่นดินที่พ่อลูกก่อ-เกิด
๕.
ไม่มีใครคิดได้
วันที่อุตสาหกรรมเหยียบย่างมาที่นี่
ผู้คนโห่ร้องต้อนรับ
การขึ้นราคาของที่ดิน
นายหน้าเดินว่อน
เพื่อขายบ้านเกิดของตัวเอง
รถกระบะคันใหม่
วิ่งโชว์อยู่ตามถนนของหมู่บ้าน
คนขายที่ดินซื้อรถ
นายหน้าก็ซื้อรถ
มันโก้ดีจริงๆ
ที่ได้ขายบ้านเกิด
เพื่อซื้อรถยี่ห้อดีๆ มาขับ
มันโก้ดีจริงๆ
ที่ได้ขายสมบัติปู่ย่าตายาย
เพื่อการโอ้อวดชั่วครู่ชั่วยาม
๖.
ในที่สุด…
หมู่บ้านอันอุดมสมบูรณ์
และมีธรรมชาติอันงดงาม
ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของฆาตกร
คือนายทุนอันเหี้ยมโหดกักขฬะ
ข้าราชการซึ่งฉ้อฉล-ชั่วช้า
นักการเมืองคอรัปชั่น-ทรยศ
รุมกันกระทำย่ำยี
สายน้ำของหมู่บ้าน
และประชาชนผู้หมดทางสู้
๗.
ฉันกลับมาเยี่ยมสายน้ำแห่งวัยเยาว์อีก
กลับมาดูความหมองเศร้าของบ้านเกิด
กลับมาในฐานะของผู้แพ้
ตะวันสายแล้ว
เรือประมงบางลำ
ยังคงลอยอยู่อย่างไร้จุดหมาย
บนสะพานซึ่งนำฆาตกรมาที่นี่
มองเห็นถนัดชัดเจน
ยอที่หยั่งขาเรียงรายอยู่ริมฝั่ง
ชาวประมง
ค่อยๆ ยกไซอันว่างเปล่า
ขึ้นจากลำน้ำอันหมองเศร้า
ไซดักปลา
เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
วันนี้...
ติดมาเพียงเศษขยะ
และปลาตัวเล็กๆ
ซึ่งจับแทบไม่ติด
แต่ทุกค่ำเช้าของชีวิต
ชาวประมงอันหมดทางสู้
ยังคงเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ซึ่งคงเป็นเพียง
ความทรงจำที่ฝังอยู่ในอดีต
ที่ไม่อาจลืมเลือน
๘.
ฉันยังคงเหม่อลอยลงไปในสายน้ำ
ด้วยสำนึกของความพ่ายแพ้
ฉันไม่อาจปกป้องบ้านเกิดไว้ได้
////////////////////////////////////
บันทึกไว้บนสะพานซึ่งนำฆาตกรมาที่นี้
๒๗ มี.ค. ๕๑, หมู่บ้านท่าคลอง ต.นาทับ
อ.จะนะ สงขลา
ที่มา: สานแสงอรุณ ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๔ กรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๕๑