ผู้เขียน หัวข้อ: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)  (อ่าน 19025 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ส.ค. 25, 2007, 06:13 PM »
0
น้องชายคงอภัยให้แล้วล่ะ..

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ส.ค. 27, 2007, 03:45 PM »
0
มีชายอยู่2คนต่างวาระกัน
คนหนึ่งผมได้นั่งรถไปกับเขาด้วยเดินทางไปมัสยิดแห่งนึง(ขอไม่บอก)เขาพูดว่าเราไปช่วยกันฟังญะมาอัตจากต่างประเทศกันเขาอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกลเราไปร่วมฟังกันหน่อย
กับอีกคนหนึ่งถามญะมาอัตที่มาจากต่างประเทศว่าที่ประเทศคุณละหมาดกันครบแล้วหรอถึงมาที่นี่คนหนึ่งตอบว่ายัง
เขาก้อเลยตอบว่า ถ้างั้นคุณก้อกลับไปดะอวะฮฺที่บ้านคุณก่อน

แค่นี้แหละจบ
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ส.ค. 27, 2007, 05:25 PM »
0
มีชายอยู่2คนต่างวาระกัน
คนหนึ่งผมได้นั่งรถไปกับเขาด้วยเดินทางไปมัสยิดแห่งนึง(ขอไม่บอก)เขาพูดว่าเราไปช่วยกันฟังญะมาอัตจากต่างประเทศกันเขาอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกลเราไปร่วมฟังกันหน่อย
กับอีกคนหนึ่งถามญะมาอัตที่มาจากต่างประเทศว่าที่ประเทศคุณละหมาดกันครบแล้วหรอถึงมาที่นี่คนหนึ่งตอบว่ายัง
เขาก้อเลยตอบว่า ถ้างั้นคุณก้อกลับไปดะอวะฮฺที่บ้านคุณก่อน

แค่นี้แหละจบ

งั้นลูกของอาจารย์ที่สอนศาสนาคนไหน
ที่ลูกสาวไม่ปิดเอารัต เรียบร้อย บางคนเป็นประธานกรรมการจังหวัด
แล้วคนไหนลูกชายไม่ละหมาด หรือทำวายิบไม่ครบ แนะว่าอาจารย์ท่านนั้นต้องลาออก
ไม่ก็ปิดปอเนาะ สอนลูกสอนเมีย ญาติโกโหติกาให้ครบก่อน กระมัง ไม่งั้นไปสอนหมู่บ้านอื่นไม่ได้ ขำๆ

แค่นี้แหละจบ  ;D

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ส.ค. 27, 2007, 06:28 PM »
0
น้องชายคงอภัยให้แล้วล่ะ..

น้องชายกับผมไม่ได้โกรธกันหรอกครับ
ผมมั่นใจ

เราถึงจะคิดต่างกัน รู้มาไม่เหมือนกัน
แต่เราพูดกันด้วยเหตุผล

อารมณ์ก็มีบ้างเป็นธรรมดา
แต่ไม่ได้ทะเลาะกัน

เหตุผลหนึ่งในนั้นก็คือ น้องชายของผมนั้นรู้ว่า ผมหวังดี
แต่ส่วนตัวแก ก็ชอบในสิ่งที่ทำอยู่

ผมในฐานะที่ได้เรียนมาก็อยากบอกน้อง
พวกเราโตกันแล้ว เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว

เราจะต้องคิดถึงสิ่งต่างๆ ให้รอบคอบ
ไม่ใช่ ตัดสินใจพรวดพราด

สิ่งที่จะตามมานั้น มันอาจจะทำให้เสียใจ
ไปตลอดก็ได้

อย่างผมก็ได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไปหลายอย่าง
ถึงจะเตาบัตแล้ว แต่พอนึกขึ้นมาก็เสียใจทุกครั้ง

วัสลาม

ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ suroiya

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 7
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ส.ค. 28, 2007, 06:08 PM »
0
ยอมรับค่ะว่าครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกเช่นคุณ del_dangerrous
เพราะป๊ะของซูเองก็เป็นนักญามาอะฮตับลีฆ
เคยตั้งคำถามในใจตัวเองตลอดเวลาทำไมต้องทำอย่างนั้น...ต้องเป็นอย่างนี้..ทำไมๆๆ
เท่าที่จำความได้ตอนเด็กๆ ป๊ะก็ออกดะวะฮแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าป๊ะกับมะเคยพาไปเคยดะฮวะด้วยบ่อยๆ (ตอนนั้นดังเด็กมาก ยังไม่ได้เข้าเรียน) พอโตขึ้นก็เร่มตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยๆ เช่น
....ทำไมวันรายอปีนี้ป๊ะไม่ได้รายอพร้อมเรานะ ในขณะที่ครอบครัวอื่นวันรายอก็จะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
....ป๊ะออก 40 วัน ...4 เดือน อีกแล้วหรือ ? ครั้งหนึ่งป๊ะเคยออก 1 ปี ยอมรับว่าตอนนั้นคิดถึงป๊ะมาก
....และอีกหลายคำถามที่เกิดขึ้นในใจ

ตอนนี้ก็พยายามศึกษาและทำความเข้าใจ
เคยอ่านบทความหนึ่งของ fityah.com"ลืมไปหรือว่า...มันเป็นเพียงร่มเงาของต้นไม้" โดยอาอิช ,บทความในspaceหนึ่ง "why (must be) tabliq" (แต่เสียดายจำชื่อspaceไม่ได้แล้ว) และจากเว็บบอร์ดนี้เอง, เว็บบอร์ดmuslimthai ด้วย
ยอมรับว่าเข้าใจป๊ะมากขึ้น เข้าใจว่าทำไมป๊ะต้องทำอย่างโน้น...ทำอย่างนี้

คุณ del_dangerrous ลองศึกษาดู อินชาอัลลอฮจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น


ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ส.ค. 28, 2007, 06:38 PM »
0
บทความในspaceหนึ่ง "why (must be) tabliq" (แต่เสียดายจำชื่อspaceไม่ได้แล้ว)

คุ้นๆว่าของคนแถวนี้  ;D

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ส.ค. 28, 2007, 08:03 PM »
0
คุณ del_dangerrous ลองศึกษาดู อินชาอัลลอฮจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น

ช่วยแควน link ให้ด้วยนะครับ
ไม่ค่อยว่างหา

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 12:46 AM »
0
อ้างจาก: suroiya

เคยอ่านบทความหนึ่งของ fityah.com"ลืมไปหรือว่า...มันเป็นเพียงร่มเงาของต้นไม้" โดยอาอิช ,บทความในspaceหนึ่ง "why (must be) tabliq" (แต่เสียดายจำชื่อspaceไม่ได้แล้ว) และจากเว็บบอร์ดนี้เอง, เว็บบอร์ดmuslimthai ด้วย


คุณ del_dangerrous ลองศึกษาดู อินชาอัลลอฮจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น



Why ..(must be).. TABLIQH

....................

บิสมิลลาฮ ฮิรรอฮมานิรรอฮีม

นะฮมาดูฮุ วานูซอลลีอาลา วารอซูลลิลการีม

ทำไม... ตับลีฆ

อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ทรงจำกัดความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์และญินอยู่ในงานศาสนา งานศาสนาเป็นคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และเป็นซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม นอกเหนือจากนี้ (คำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลาและซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม) มิใช่งานศาสนา จะให้ได้มาซึ่งศาสนาที่สมบูรณ์อยู่ในการดำเนินชีวิตนั้นด้วยการพยายาม (มูญาฮาดะฮ) ที่จะทำความเข้าใจกับความต้องการ (ตากาซาร) ของศาสนา ว่าทุกๆ อามัลศาสนานั้น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ต้องการอะไรจากเรา


ความเข้าใจของมนุษย์ส่วนใหญ่นั้น เขาคิดว่า ?ศาสนา? คือ หลักปฏิบัติอิสลาม การกล่าวกาลีมะฮชาฮาดะฮ, ละหมาด 5 เวลา, ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน, จ่ายทาน, ทำฮัจย์ เมื่อใครได้ปฏิบัติครบทั้ง 5 ประการ เขาคิดว่า ศาสนาอิสลามสมบูรณ์แล้วในตัวเขา ซึ่งจริงๆ แล้วมันมิใช่ ศาสนาคือการการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่ตรงกับคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และตรงกับซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม


หน้าที่ของมุอมินในวันนี้ คือ ต้องทบทวนว่าหลักปฏิบัติต่างๆ ของอิสลามที่เราปฏิบัตินั้นตรงกับความต้องการของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลาหรือไม่ ตรงกับซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัมหรือไม่ มากมายปัจจุบันนี้ มุสลิมที่กล่าวกาลีมะฮชาฮาดะฮแล้ว แต่การยึดมั่น (ยากีน) ของเขาไม่ต่างกับบรรดาผู้ปฏิเสธ (กาเฟร)


มากมายที่มุสลิมละหมาด แต่ฮากีกัตของการละหมาดไม่มี ทั้งๆ ที่เขาละหมาด แต่การค้าขาย การแต่งงาน การดำเนินชีวิตของเขาแยกไม่ออกระหว่างมุสลิมหรือคนต่างศาสนิก


มากมายบุคคลที่ไม่มีความกลัวเรื่องการจ่ายทาน (ซากาต) เขาจะออกซากาตตามอำเภอใจ เขาไม่ได้เอาฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา มาวางไว้ข้างหน้า ถึงกับละเลยฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ไปเลย ตราบใดที่ไม่ตรงกับคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม เราจะไม่มีวันประสบกับความสำเร็จที่แท้จริง


สาเหตุที่เรามีความรู้สึกว่าศาสนาเป็นเรื่องยาก เพราะเราไม่เคยชินกับการปฏิบัติอามัลศาสนา เราจะปฏิบัติอามัลศาสนาตามประเพณีหรือตามอำเภอใจตลอด หลังจากที่เราได้ศึกษาหรือรับรู้ฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ที่มาขัดกับความรู้สึกหรือผลประโยชน์ของเรา ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากลำบาก ซึ่งความรู้สึกที่มีผลสะท้อนกับการรับรู้ฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา นี่แหละ มันถูกผลักดันจาก ?อีหม่าน? ในหัวใจของเรา


?อีหม่าน? หรือความศรัทธา คือการทำให้มีความรักกันทุกๆ อามัลศาสนา ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อศาสนา เสียสละทรัพย์สิน เสียสละร่างกาย เสียสละเวลา มากเท่าไรที่เราเสียสละเพื่อศาสนา ความรักความผูกพันกับศาสนาจะมีมากขึ้นเท่านั้น ศาสนาคือความสำเร็จที่แท้จริงที่อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา สัญญากับบ่าวของพระองค์ ในทุกๆ อามัลศาสนานั้น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา มีสัญญาทั้งหมด บ่าวของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ที่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าทรัพย์สิน ร่างกาย เวลา เพื่อศาสนา  อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะให้สิ่งตอบแทนตามสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา เราอาจจะได้รับผลตอบแทนในโลกดุนยาเพียงน้อยนิดหรืออาจจะไม่ได้รับเลย แต่ในโลกอาคีเราะฮอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะตอบแทนด้วยสิ่งที่หัวใจของมนุษย์ไม่สามารถคิดคำนวณได้


?โลกดุนยา? มิได้อยู่ในพันธะสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา บางทีเราเสียสละมากมายสุดท้ายผลตอบแทนกลับตรงกันข้าม บางทีเราเสียสละน้อยนิดแต่ผลตอบแทนมหาศาล เพราะโลกดุนยาไม่มีค่า อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา เปรียบเทียบแค่ปีกยุงเท่านั้นเอง แต่ศาสนาใครพยายามมากได้มาก ใครพยายามน้อยก็ได้น้อย เช่นกันบนงานฮีดายะฮ (งานตับลีฆ)

 
?ฮีดายัต? เท่านั้นที่จะทำให้คนๆ หนึ่งอามัลศาสนาได้ คนแข็งแรงสามารถเดินขึ้นบนบันไดฉันใด บนงานฮีดายัตจะทำให้คนอามัลศาสนาทุกคำสั่งของอัลลอฮได้ฉันนั้น มนุษย์ที่ขาดฮีดายัตเขาไม่อาจเดินตามศาสนาได้ เมื่อมีฮีดายัตจะมีความศรัทธา (อีหม่าน) มีความยำเกรง (ตักวา)


?ตักวา? หรือความยำเกรง เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่พร้อมจะเดินอยู่ตลอด มุอมินทุกคนจะมีสภาพเหมือนเครื่องยนต์ที่พร้อมจะเดินอยู่ตลอด เราต้องตกแต่งความศรัทธาของเราให้ถูกต้อง เมื่อข้างใน (การยึดมั่น) ถูกต้อง ข้างนอก (การปฏิบัติ) ก็ถูกต้อง ต้องสร้างการยึดมั่นให้มีน้ำหนัก เมื่อการยึดมั่นไม่มีน้ำหนัก เราจะไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากการหลอกลวงของมารร้ายได้ เมื่อเห็นผลประโยชน์ในเรื่องวัตถุ เมื่อต้องเจอกับสภาพการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กำไร, ขาดทุน, ได้ตำแหน่ง, หลุดจากตำแหน่ง, ร้อน, หนาว ฯลฯ เราสามารถทิ้งอามัลศาสนาได้ทันที (นาอูซูบิลลาฮ ฮิ มินซาลิก) แต่เมื่อการยึดมั่นมีน้ำหนัก ถึงแม้ต้องห่างไกลจากครอบครัว ถึงแม้ต้องห่างไกลจากถิ่นกำเนิด ถึงแม้ต้องห่างไกลจากทุกๆ สิ่งอำนวยความสะดวก เราจะรับได้ทุกๆ สภาพการณ์ ไม่หวั่นไหวกับการล่อลวงของมารร้าย มั่นใจในสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา


เราต้องเปลี่ยนทางเดินของการยึดมั่นที่บกพร่องให้ถูกต้อง จงรับรู้ไว้เถิดว่า เราอยู่ในสภาพของคนถูกหลอกด้วยกับการที่เราเชื่อมความสัมพันธ์กับสิ่งที่มันไม่สามารถจะให้คุณหรือโทษกับเราได้เลย จนกระทั่งทำให้เราลืมผู้ที่ให้คุณให้โทษที่แท้จริง เราต้องย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ?ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ถูกสร้างจะต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอน? ความรักความผูกพันกับทรัพย์สิน เครือญาติหรือแม้กระทั่งความรักระหว่างพ่อ แม่ ลูก ความรักในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ทั้งหมดมันจะไม่มีประโยชน์กับเราเลย ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวพันธ์กับศาสนา แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกทำลาย คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ที่ถูกสร้าง


มนุษย์ทุกคนสามารถสร้างการยึดมั่นที่สมบูรณ์ให้เกิดขึ้นได้ ถ้าเรายึดมั่นในสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ยึดมั่นในความสามารถ (กุดรัต) ของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ปฏิเสธในสิ่งที่เราเห็นด้วยตา ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง มันหลอกลวงเราว่าจะนำมาซึ่งความสำเร็จ สิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การครอบครองของเราในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง เกียรติยศหรือศักดิ์ศรีทั้งหมดนั้น มันจะไม่มีคุณค่า ไม่มีราคาเลย วันที่เราไม่มีที่พึ่งพิง (วันอาคีเราะฮ) ถ้าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันไม่ได้ถูกใช้ไปเพื่อศาสนา มันจะต้องสิ้นสลายลงเหมือนไม้ฟืนที่ถูกสุมในกองไฟ แต่ถ้าสิ่งต่างๆ นั้นอยู่ภายใต้ ?อามานะฮ? ที่อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ได้ฝากกับเราไว้นั้นมันได้ถูกใช้ไปเพื่อศาสนา มิใช่เพื่อแสวงหาความสุขส่วนตัวหรือโจมตีผู้อื่น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะเพิ่มราคาให้เกินกว่าที่เราคาดคิดในวันอาคีเราะฮ ความมั่นใจในสัญญาเหล่านี้แหละ ยอมเสียสละในสิ่งที่ตามองเห็นเพื่อแลกกับ ?อัซบาบ? สัญญาที่อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ยืนยันว่า ?ไม่เป็นหมันแน่นอน? นั่นแหละคือ ?ยากีน? ที่สมบูรณ์ (อย่าลืม อัซบาบ นั้นวาญิบ แต่เราอย่าไปยึดติดกับ อัซบาบ) แต่มนุษย์ที่มีความเข้าใจและพยายามที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มีน้อยมาก


ด้วยเหตุนี้คุณลักษณะของคนมุอมิน ต้องมีคุณลักษณะของคนที่ ?ชุโกร? (ขอบคุณ) ต่ออัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา คือ เขาได้ใช้ ?เนียะอมัต? ของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา อย่างถูกต้อง ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสภาพไหน เราจะต้องอดทนในทุกสภาพ เราจะกล่าวคำว่า ?อัลฮัมดุลลิลลาฮ? เพราะทุกๆ การทดสอบนั้น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะแลกกับอีหม่านที่เพิ่มขึ้น


คนที่ ?ตออัต? (เชื่อฟัง) ต่ออัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ความหวังของเขาจะสมบูรณ์ แต่ถ้าเมื่อใดที่เขาไม่รู้จักอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ทำให้เขาไม่รู้จักตัวเอง และลืมหน้าที่ของตัวเองที่พึงมีกับอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ซึ่งเมื่อใดที่เราต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เราจะต้องพบกับสภาพที่ขาดทุน ชีวิตทั้งชีวิตที่เสมือนกระสุนนัดเดียว เมื่อใดที่เรายิงพลาดเป้า เมื่อนั้นเราไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ตัวอีกแล้ว สุดท้ายจุดจบของคนๆ หนึ่ง มารู้ว่าถูกหลอกก็ต่อเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินแก้ วันที่เราจะต้องนอนอย่างเดียวดายในกุโบร วันนั้นแหละ เราจะรู้ค่าของคำว่า ?ศาสนา?


อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ทรงจำกัดความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์และญินอยู่ในงานศาสนา งานศาสนาเป็นคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และเป็นซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม นอกเหนือจากนี้ (คำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลาและซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม) มิใช่งานศาสนา


ยังมีมุสลิมเป็นจำนวนมากที่ยืนยันว่าตัวเขาเดินถูกทางแล้ว ตัวเขาปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา และแบบอย่างของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม แล้ว แต่หากจะติดตามความเข้าใจของฮาดิษของท่านนบี มุหัมมหัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม แล้ว กล่าวได้ว่า มุสลิมคนใดก็ตามเมื่อได้เห็นผู้ประพฤติผิด ก็ให้แก้ไขด้วยกำลัง หากไม่สามารถก็ให้ใช้คำพูด หากไม่สามารถอีกก็ให้ใช้หัวใจ กล่าวคือ ขอดุอาอและมีความรู้สึกปวดร้าวเพื่อให้อัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา ประทานฮิดายะฮ (ทางนำ) ในระดับนี้ถือว่าเป็นอีหม่านที่ต่ำสุด


ความผิด ความชั่วในทรรศนะของอิสลามมีอยู่มากมายในสังคมมุสลิมของเรา จากตัวบุคคล จากครอบครัว ที่สุดในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการละเลยการละหมาด การไม่ปกปิดเอารัต การดื่มเหล้า ยาเสพติด ฯลฯ ผู้นำในสังคมก็คิดแก้ไขกันอยู่ตลอด แต่ก็ไม่สำเร็จ รังแต่จะเพิ่มมากขึ้น ดังที่รับรู้กันอยู่


ที่สุดหากจะมองการทำงานศาสนาและการชี้นำของท่านนบี มุหัมมหัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม แล้ว จะเห็นว่า ท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม  จะเริ่มที่อีหม่านยากีนอย่างจริงจัง ให้ผู้คนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ รู้จักความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา มีความยำเกรงในอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา ระดับลงสู่หัวใจ ดังที่เราได้ทราบมาว่าท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม พยายามอยู่บนกาลีมะฮ ?ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และนบีมุหัมหมัดเป็นรอซูลของอัลลอฮ? อยู่ 13 ปี ที่เมืองมักกะฮ ท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม ได้เยือนบ้านต่อบ้าน ประตูต่อประตู ถึงขนาด อุลามาอ ได้เปรียบเทียบไว้ว่า ?มาตรแม้นว่าฝ่าเท้าของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม เป็นสีแดงแล้วไซร้ แน่นอนทั่วเมืองมักกะฮ ย่อมเป็นสีแดง? สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัย การมุญาฮาดะฮ (ความเสียสละ) ทั้งทรัพย์สินตัวเอง เวลาของตัวเอง และที่สำคัญตัวของเราเอง ซึ่งเป็นตัรตีบในการทำงานของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม ไม่มีตัวอย่างอื่น นอกจากตัวอย่างความสำเร็จของเหล่าศอฮาบะฮ (รอฎียัลลอฮ ฮุ อันฮม อัจมาอีน) ที่พวกเขาเหล่านั้นได้รับความสำเร็จทั้งโลกนี้และโลกหน้ามาแล้ว


ที่จริงในทางทฤษฎีแล้ว อีหม่าน จะเกิดขึ้นได้สามทาง คือ เกิดจากการทำอิบาดะฮ เกิดจากการศึกษาหาความรู้ และเกิดจากการมุญาฮาดะฮ (การเสียสละ) แต่... อีหม่าน ที่เกิดขึ้นจากการมุญาฮาดะฮ (การเสียสละ)  นั้น ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นอีหม่านที่คงทนถาวร มีพลังในการทำอิบาดะฮ มีพลังที่งดความชั่ว อีกทั้งมีพลังที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา และแบบอย่างของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม  และจะมีซักกี่คนใน ยุคปัจจุบัน  ที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างปวดร้าว และนำการทำงานของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม และเหล่าศอฮาบะฮ (รอฎียัลลอฮ ฮุ อันฮม อัจมาอีน) มาชี้นำผู้คนอีกต่อหนึ่ง อีกทั้งลงมือทำงานอย่างจริงจังด้วยตัวเอง

สรุปจาก ... มูเชาวารัตที่อินเดีย โดยอาวุโสจากกลุ่มญามาอะฮตับลีฆ

จัดทำโดย กลุ่มมัคตาบะฮมีม

คัดลอกจาก forum muslimthai




ส่วนอีกบทความนึงที่มาจากเวบนัดวาตุลฟิตยะฮ ที่ชื่อว่า "ลืมไปหรือว่า...มันเป็นเพียงร่มเงาของต้นไม้" โดยอาอิช นั้น เนื่องจากว่า เวบนัดวาตุลฟิตยะฮ มีปัญหาขัดข้องที่ไม่สามารถเปิดได้ จึงไม่สามารถนำ link มาแปะบนบอร์ดนี้ได้

แต่อัลฮัมดุลลิลลาฮ ... ที่ได้ save ไว้ แต่เนื่องจากคืนนี้ง่วงจัด ขออนุญาตนำมาแปะในวันอื่นน่ะครับ แต่ไม่ขอบอกว่าวันไหน เพราะกลัวผิดสัญญา เวลาที่ไม่รักษาสัญญา  ;)

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 07:35 AM »
0

 :)ทำไมไม่ มะกะ หรือ มะดีนะ
 เหมือน จะเน้นไป ที่อินเดีย คลายข้อสงสัยให้หน่อยครับ
อย่าเปรียบทำไมต้องไปเรียนที่ไคโร ทำไมไม่ไปมะกะ มะดีนะ นะครับ


 :)มากมายที่มุสลิมละหมาด แต่ฮากีกัตของการละหมาดไม่มี ทั้งๆ ที่เขาละหมาด แต่การค้าขาย การแต่งงาน การดำเนินชีวิตของเขาแยกไม่ออกระหว่างมุสลิมหรือคนต่างศาสนิก :)
เราไปรู้ในใจเขา ไปฮูกุ่มเขาได้ไง ว่าเขาไม่มีความแตกต่าง
อ้างจาก: suroiya

เคยอ่านบทความหนึ่งของ fityah.com"ลืมไปหรือว่า...มันเป็นเพียงร่มเงาของต้นไม้" โดยอาอิช ,บทความในspaceหนึ่ง "why (must be) tabliq" (แต่เสียดายจำชื่อspaceไม่ได้แล้ว) และจากเว็บบอร์ดนี้เอง, เว็บบอร์ดmuslimthai ด้วย


คุณ del_dangerrous ลองศึกษาดู อินชาอัลลอฮจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น



Why ..(must be).. TABLIQH

....................

บิสมิลลาฮ ฮิรรอฮมานิรรอฮีม

นะฮมาดูฮุ วานูซอลลีอาลา วารอซูลลิลการีม

ทำไม... ตับลีฆ

อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ทรงจำกัดความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์และญินอยู่ในงานศาสนา งานศาสนาเป็นคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และเป็นซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม นอกเหนือจากนี้ (คำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลาและซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม) มิใช่งานศาสนา จะให้ได้มาซึ่งศาสนาที่สมบูรณ์อยู่ในการดำเนินชีวิตนั้นด้วยการพยายาม (มูญาฮาดะฮ) ที่จะทำความเข้าใจกับความต้องการ (ตากาซาร) ของศาสนา ว่าทุกๆ อามัลศาสนานั้น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ต้องการอะไรจากเรา


ความเข้าใจของมนุษย์ส่วนใหญ่นั้น เขาคิดว่า ?ศาสนา? คือ หลักปฏิบัติอิสลาม การกล่าวกาลีมะฮชาฮาดะฮ, ละหมาด 5 เวลา, ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน, จ่ายทาน, ทำฮัจย์ เมื่อใครได้ปฏิบัติครบทั้ง 5 ประการ เขาคิดว่า ศาสนาอิสลามสมบูรณ์แล้วในตัวเขา ซึ่งจริงๆ แล้วมันมิใช่ ศาสนาคือการการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่ตรงกับคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และตรงกับซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม


หน้าที่ของมุอมินในวันนี้ คือ ต้องทบทวนว่าหลักปฏิบัติต่างๆ ของอิสลามที่เราปฏิบัตินั้นตรงกับความต้องการของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลาหรือไม่ ตรงกับซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัมหรือไม่ มากมายปัจจุบันนี้ มุสลิมที่กล่าวกาลีมะฮชาฮาดะฮแล้ว แต่การยึดมั่น (ยากีน) ของเขาไม่ต่างกับบรรดาผู้ปฏิเสธ (กาเฟร)


มากมายที่มุสลิมละหมาด แต่ฮากีกัตของการละหมาดไม่มี ทั้งๆ ที่เขาละหมาด แต่การค้าขาย การแต่งงาน การดำเนินชีวิตของเขาแยกไม่ออกระหว่างมุสลิมหรือคนต่างศาสนิก


มากมายบุคคลที่ไม่มีความกลัวเรื่องการจ่ายทาน (ซากาต) เขาจะออกซากาตตามอำเภอใจ เขาไม่ได้เอาฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา มาวางไว้ข้างหน้า ถึงกับละเลยฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ไปเลย ตราบใดที่ไม่ตรงกับคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม เราจะไม่มีวันประสบกับความสำเร็จที่แท้จริง


สาเหตุที่เรามีความรู้สึกว่าศาสนาเป็นเรื่องยาก เพราะเราไม่เคยชินกับการปฏิบัติอามัลศาสนา เราจะปฏิบัติอามัลศาสนาตามประเพณีหรือตามอำเภอใจตลอด หลังจากที่เราได้ศึกษาหรือรับรู้ฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ที่มาขัดกับความรู้สึกหรือผลประโยชน์ของเรา ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากลำบาก ซึ่งความรู้สึกที่มีผลสะท้อนกับการรับรู้ฮูก่มของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา นี่แหละ มันถูกผลักดันจาก ?อีหม่าน? ในหัวใจของเรา


?อีหม่าน? หรือความศรัทธา คือการทำให้มีความรักกันทุกๆ อามัลศาสนา ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อศาสนา เสียสละทรัพย์สิน เสียสละร่างกาย เสียสละเวลา มากเท่าไรที่เราเสียสละเพื่อศาสนา ความรักความผูกพันกับศาสนาจะมีมากขึ้นเท่านั้น ศาสนาคือความสำเร็จที่แท้จริงที่อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา สัญญากับบ่าวของพระองค์ ในทุกๆ อามัลศาสนานั้น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา มีสัญญาทั้งหมด บ่าวของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ที่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าทรัพย์สิน ร่างกาย เวลา เพื่อศาสนา  อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะให้สิ่งตอบแทนตามสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา เราอาจจะได้รับผลตอบแทนในโลกดุนยาเพียงน้อยนิดหรืออาจจะไม่ได้รับเลย แต่ในโลกอาคีเราะฮอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะตอบแทนด้วยสิ่งที่หัวใจของมนุษย์ไม่สามารถคิดคำนวณได้


?โลกดุนยา? มิได้อยู่ในพันธะสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา บางทีเราเสียสละมากมายสุดท้ายผลตอบแทนกลับตรงกันข้าม บางทีเราเสียสละน้อยนิดแต่ผลตอบแทนมหาศาล เพราะโลกดุนยาไม่มีค่า อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา เปรียบเทียบแค่ปีกยุงเท่านั้นเอง แต่ศาสนาใครพยายามมากได้มาก ใครพยายามน้อยก็ได้น้อย เช่นกันบนงานฮีดายะฮ (งานตับลีฆ)

 
?ฮีดายัต? เท่านั้นที่จะทำให้คนๆ หนึ่งอามัลศาสนาได้ คนแข็งแรงสามารถเดินขึ้นบนบันไดฉันใด บนงานฮีดายัตจะทำให้คนอามัลศาสนาทุกคำสั่งของอัลลอฮได้ฉันนั้น มนุษย์ที่ขาดฮีดายัตเขาไม่อาจเดินตามศาสนาได้ เมื่อมีฮีดายัตจะมีความศรัทธา (อีหม่าน) มีความยำเกรง (ตักวา)


?ตักวา? หรือความยำเกรง เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่พร้อมจะเดินอยู่ตลอด มุอมินทุกคนจะมีสภาพเหมือนเครื่องยนต์ที่พร้อมจะเดินอยู่ตลอด เราต้องตกแต่งความศรัทธาของเราให้ถูกต้อง เมื่อข้างใน (การยึดมั่น) ถูกต้อง ข้างนอก (การปฏิบัติ) ก็ถูกต้อง ต้องสร้างการยึดมั่นให้มีน้ำหนัก เมื่อการยึดมั่นไม่มีน้ำหนัก เราจะไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากการหลอกลวงของมารร้ายได้ เมื่อเห็นผลประโยชน์ในเรื่องวัตถุ เมื่อต้องเจอกับสภาพการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กำไร, ขาดทุน, ได้ตำแหน่ง, หลุดจากตำแหน่ง, ร้อน, หนาว ฯลฯ เราสามารถทิ้งอามัลศาสนาได้ทันที (นาอูซูบิลลาฮ ฮิ มินซาลิก) แต่เมื่อการยึดมั่นมีน้ำหนัก ถึงแม้ต้องห่างไกลจากครอบครัว ถึงแม้ต้องห่างไกลจากถิ่นกำเนิด ถึงแม้ต้องห่างไกลจากทุกๆ สิ่งอำนวยความสะดวก เราจะรับได้ทุกๆ สภาพการณ์ ไม่หวั่นไหวกับการล่อลวงของมารร้าย มั่นใจในสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา


เราต้องเปลี่ยนทางเดินของการยึดมั่นที่บกพร่องให้ถูกต้อง จงรับรู้ไว้เถิดว่า เราอยู่ในสภาพของคนถูกหลอกด้วยกับการที่เราเชื่อมความสัมพันธ์กับสิ่งที่มันไม่สามารถจะให้คุณหรือโทษกับเราได้เลย จนกระทั่งทำให้เราลืมผู้ที่ให้คุณให้โทษที่แท้จริง เราต้องย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ?ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ถูกสร้างจะต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอน? ความรักความผูกพันกับทรัพย์สิน เครือญาติหรือแม้กระทั่งความรักระหว่างพ่อ แม่ ลูก ความรักในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ทั้งหมดมันจะไม่มีประโยชน์กับเราเลย ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวพันธ์กับศาสนา แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกทำลาย คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ที่ถูกสร้าง


มนุษย์ทุกคนสามารถสร้างการยึดมั่นที่สมบูรณ์ให้เกิดขึ้นได้ ถ้าเรายึดมั่นในสัญญาของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ยึดมั่นในความสามารถ (กุดรัต) ของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ปฏิเสธในสิ่งที่เราเห็นด้วยตา ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง มันหลอกลวงเราว่าจะนำมาซึ่งความสำเร็จ สิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การครอบครองของเราในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง เกียรติยศหรือศักดิ์ศรีทั้งหมดนั้น มันจะไม่มีคุณค่า ไม่มีราคาเลย วันที่เราไม่มีที่พึ่งพิง (วันอาคีเราะฮ) ถ้าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันไม่ได้ถูกใช้ไปเพื่อศาสนา มันจะต้องสิ้นสลายลงเหมือนไม้ฟืนที่ถูกสุมในกองไฟ แต่ถ้าสิ่งต่างๆ นั้นอยู่ภายใต้ ?อามานะฮ? ที่อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ได้ฝากกับเราไว้นั้นมันได้ถูกใช้ไปเพื่อศาสนา มิใช่เพื่อแสวงหาความสุขส่วนตัวหรือโจมตีผู้อื่น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะเพิ่มราคาให้เกินกว่าที่เราคาดคิดในวันอาคีเราะฮ ความมั่นใจในสัญญาเหล่านี้แหละ ยอมเสียสละในสิ่งที่ตามองเห็นเพื่อแลกกับ ?อัซบาบ? สัญญาที่อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ยืนยันว่า ?ไม่เป็นหมันแน่นอน? นั่นแหละคือ ?ยากีน? ที่สมบูรณ์ (อย่าลืม อัซบาบ นั้นวาญิบ แต่เราอย่าไปยึดติดกับ อัซบาบ) แต่มนุษย์ที่มีความเข้าใจและพยายามที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มีน้อยมาก


ด้วยเหตุนี้คุณลักษณะของคนมุอมิน ต้องมีคุณลักษณะของคนที่ ?ชุโกร? (ขอบคุณ) ต่ออัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา คือ เขาได้ใช้ ?เนียะอมัต? ของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา อย่างถูกต้อง ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสภาพไหน เราจะต้องอดทนในทุกสภาพ เราจะกล่าวคำว่า ?อัลฮัมดุลลิลลาฮ? เพราะทุกๆ การทดสอบนั้น อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา จะแลกกับอีหม่านที่เพิ่มขึ้น


คนที่ ?ตออัต? (เชื่อฟัง) ต่ออัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ความหวังของเขาจะสมบูรณ์ แต่ถ้าเมื่อใดที่เขาไม่รู้จักอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ทำให้เขาไม่รู้จักตัวเอง และลืมหน้าที่ของตัวเองที่พึงมีกับอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ซึ่งเมื่อใดที่เราต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เราจะต้องพบกับสภาพที่ขาดทุน ชีวิตทั้งชีวิตที่เสมือนกระสุนนัดเดียว เมื่อใดที่เรายิงพลาดเป้า เมื่อนั้นเราไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ตัวอีกแล้ว สุดท้ายจุดจบของคนๆ หนึ่ง มารู้ว่าถูกหลอกก็ต่อเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินแก้ วันที่เราจะต้องนอนอย่างเดียวดายในกุโบร วันนั้นแหละ เราจะรู้ค่าของคำว่า ?ศาสนา?


อัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา ทรงจำกัดความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์และญินอยู่ในงานศาสนา งานศาสนาเป็นคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลา และเป็นซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม นอกเหนือจากนี้ (คำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮูวะตะอาลาและซุนนะฮของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม) มิใช่งานศาสนา


ยังมีมุสลิมเป็นจำนวนมากที่ยืนยันว่าตัวเขาเดินถูกทางแล้ว ตัวเขาปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา และแบบอย่างของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม แล้ว แต่หากจะติดตามความเข้าใจของฮาดิษของท่านนบี มุหัมมหัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม แล้ว กล่าวได้ว่า มุสลิมคนใดก็ตามเมื่อได้เห็นผู้ประพฤติผิด ก็ให้แก้ไขด้วยกำลัง หากไม่สามารถก็ให้ใช้คำพูด หากไม่สามารถอีกก็ให้ใช้หัวใจ กล่าวคือ ขอดุอาอและมีความรู้สึกปวดร้าวเพื่อให้อัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา ประทานฮิดายะฮ (ทางนำ) ในระดับนี้ถือว่าเป็นอีหม่านที่ต่ำสุด


ความผิด ความชั่วในทรรศนะของอิสลามมีอยู่มากมายในสังคมมุสลิมของเรา จากตัวบุคคล จากครอบครัว ที่สุดในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการละเลยการละหมาด การไม่ปกปิดเอารัต การดื่มเหล้า ยาเสพติด ฯลฯ ผู้นำในสังคมก็คิดแก้ไขกันอยู่ตลอด แต่ก็ไม่สำเร็จ รังแต่จะเพิ่มมากขึ้น ดังที่รับรู้กันอยู่


ที่สุดหากจะมองการทำงานศาสนาและการชี้นำของท่านนบี มุหัมมหัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม แล้ว จะเห็นว่า ท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม  จะเริ่มที่อีหม่านยากีนอย่างจริงจัง ให้ผู้คนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ รู้จักความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา มีความยำเกรงในอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา ระดับลงสู่หัวใจ ดังที่เราได้ทราบมาว่าท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม พยายามอยู่บนกาลีมะฮ ?ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และนบีมุหัมหมัดเป็นรอซูลของอัลลอฮ? อยู่ 13 ปี ที่เมืองมักกะฮ ท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม ได้เยือนบ้านต่อบ้าน ประตูต่อประตู ถึงขนาด อุลามาอ ได้เปรียบเทียบไว้ว่า ?มาตรแม้นว่าฝ่าเท้าของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม เป็นสีแดงแล้วไซร้ แน่นอนทั่วเมืองมักกะฮ ย่อมเป็นสีแดง? สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัย การมุญาฮาดะฮ (ความเสียสละ) ทั้งทรัพย์สินตัวเอง เวลาของตัวเอง และที่สำคัญตัวของเราเอง ซึ่งเป็นตัรตีบในการทำงานของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม ไม่มีตัวอย่างอื่น นอกจากตัวอย่างความสำเร็จของเหล่าศอฮาบะฮ (รอฎียัลลอฮ ฮุ อันฮม อัจมาอีน) ที่พวกเขาเหล่านั้นได้รับความสำเร็จทั้งโลกนี้และโลกหน้ามาแล้ว


ที่จริงในทางทฤษฎีแล้ว อีหม่าน จะเกิดขึ้นได้สามทาง คือ เกิดจากการทำอิบาดะฮ เกิดจากการศึกษาหาความรู้ และเกิดจากการมุญาฮาดะฮ (การเสียสละ) แต่... อีหม่าน ที่เกิดขึ้นจากการมุญาฮาดะฮ (การเสียสละ)  นั้น ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นอีหม่านที่คงทนถาวร มีพลังในการทำอิบาดะฮ มีพลังที่งดความชั่ว อีกทั้งมีพลังที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ ซุบฮานาฮู วะตะอาลา และแบบอย่างของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม  และจะมีซักกี่คนใน ยุคปัจจุบัน  ที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างปวดร้าว และนำการทำงานของท่านนบี มุหัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮ ฮุ อะลัย ฮิ วะซัลลัม และเหล่าศอฮาบะฮ (รอฎียัลลอฮ ฮุ อันฮม อัจมาอีน) มาชี้นำผู้คนอีกต่อหนึ่ง อีกทั้งลงมือทำงานอย่างจริงจังด้วยตัวเอง

สรุปจาก ... มูเชาวารัตที่อินเดีย โดยอาวุโสจากกลุ่มญามาอะฮตับลีฆ

จัดทำโดย กลุ่มมัคตาบะฮมีม

คัดลอกจาก forum muslimthai




ส่วนอีกบทความนึงที่มาจากเวบนัดวาตุลฟิตยะฮ ที่ชื่อว่า "ลืมไปหรือว่า...มันเป็นเพียงร่มเงาของต้นไม้" โดยอาอิช นั้น เนื่องจากว่า เวบนัดวาตุลฟิตยะฮ มีปัญหาขัดข้องที่ไม่สามารถเปิดได้ จึงไม่สามารถนำ link มาแปะบนบอร์ดนี้ได้

แต่อัลฮัมดุลลิลลาฮ ... ที่ได้ save ไว้ แต่เนื่องจากคืนนี้ง่วงจัด ขออนุญาตนำมาแปะในวันอื่นน่ะครับ แต่ไม่ขอบอกว่าวันไหน เพราะกลัวผิดสัญญา เวลาที่ไม่รักษาสัญญา  ;)

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 09:45 AM »
0
ทำไมต้องไปเรียนที่ไคโร ทำไมไม่ไปมะกะ มะดีนะ หละครับ  ;D

ออฟไลน์ philosophy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 12:25 PM »
0
السلام عليكم
สำหรับผมแล้วคิดว่าถ้าหากเราไม่มีพันธะใดๆ ก็สามารถที่จะออกได้ แต่ถ้าหากว่าเรามีพันธะแล้วออกดะวะฮฺ เกรงว่ามันจะไปขัดกับสิ่งที่นบีกล่าวนะคร้าบ...
وَتَعَاوَنُواْ عَلَى الْبرِّ وَالتَّقْوَى وَلاَ تَعَاوَنُواْ عَلَى الإِثْمِ وَالْعُدْوَانِ
และพวกเจ้าจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม และความยำเกรง และจงอย่าช่วยกันในสิ่งที่เป็นบาป และเป็นศัตรูกัน
 والسلام

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 05:08 PM »
0
อ้างจาก: ตัวผมเอง

ส่วนอีกบทความนึงที่มาจากเวบนัดวาตุลฟิตยะฮ ที่ชื่อว่า "ลืมไปหรือว่า...มันเป็นเพียงร่มเงาของต้นไม้" โดยอาอิช นั้น เนื่องจากว่า เวบนัดวาตุลฟิตยะฮ มีปัญหาขัดข้องที่ไม่สามารถเปิดได้ จึงไม่สามารถนำ link มาแปะบนบอร์ดนี้ได้

แต่อัลฮัมดุลลิลลาฮ ... ที่ได้ save ไว้ แต่เนื่องจากคืนนี้ง่วงจัด ขออนุญาตนำมาแปะในวันอื่นน่ะครับ แต่ไม่ขอบอกว่าวันไหน เพราะกลัวผิดสัญญา เวลาที่ไม่รักษาสัญญา  ;)

ลืมไปว่ามันเป็นเพียงแค่ร่มเงาของต้นไม้

โดย อาอิช

หลังจากที่ผมพึ่งแต่งงานเพียงไม่กี่เดือน(ความจริงในชีวิตจริงกำลังเริ่มต้น) หลายครั้งหลายคราที่ผมรู้สึกเพลิดเพลินเหมือกันกับวงสนทนาที่คุยกันถึงเรื่องการวางแผนครอบครัว การวางแผนเรื่องชีวิตของลูกๆ ที่จะเติบโตขึ้นมาในอนาคต การวางแผนในหน้าที่การงานในอนาคตเพื่อความมั่นคงให้กับชีวิตโดยการมีบ้านหลังโตๆ มีรถยนต์ราคาแพงๆ อะไรประมาณนี้พร้อมกับท่าทางและมีสีหน้าที่จริงจัง  ซึ่งเป็นการสนทนาที่ทำให้เราหลายคนรู้สึกมีกำลังใจที่จะสู้ชีวิต

ผมไม่ได้บอกว่าการสนทนาในหัวข้อเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผิด หรือเป็นเรื่องหะรอมอะไรทำนองนั้น แต่กลับเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำที่เห็นผู้นำครอบครัวมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเขาที่มีต่อสมาชิกในครอบครัวดีกว่าหลายๆ คนที่ขาดความรับผิดชอบหรือบกพร่องในหน้าที่ตรงนี้ที่พบได้สังคมของเรา จนกลายเป็นปัญหาของสังคมอยู่ทุกวันนี้

แต่สิ่งผมกำลังจะบอกก็คือว่าเราสนทนากันในหัวข้อนี้มากจนหลงลืมแก่นแท้ของชีวิตไปเสียแล้ว จนหลงลืมบทบาทหน้าที่อันมีเกียรติของเรา  หลงลืมความตายจนหลุ่มหลงดุนยา หลงลืมการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายตามแบบฉบับของท่านนะบีและเหล่าเศาะฮาบะฮ์ หลงลืมถึงหน้าที่อันสำคัญของหัวหน้าของครอบครัวอีกมิติหนึ่งนั่นก็คือการอบรมสมาชิกของเขาให้พ้นจากไฟนรกที่ถูกกำชับไว้ในอัล กุรอานว่า

?โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์? อัตตะหฺรีม 6

การบีบคั้นของกระแสสังคมแบบนิยมวัตถุนั้นทำให้เราต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ จนบางครั้งเราไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้เลย พ่ายแพ้ต่อมันแบบจำยอม จนมองว่าการดิ้นรนให้ได้มาซึ่งความสุขในโลกใบนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และมองว่าภาระหน้าที่ที่สำคัญที่สุดนั้นเป็นเรื่องไม่สระสำคัญอะไร  นั่นคือภาระหน้าที่แห่งการเรียกร้องผู้คนไปสู่อัลลอฮ์ หรือที่เราเรียกภารกิจนี้ว่า  ?งานดะอ์วะฮ์? 

งานดะอ์ดะอวะฮ์คือ ภารกิจที่นำความเมตตามาสู่มนุษย์ เป็นภารกิจที่ทำให้มนุษย์รู้จักตัวตนที่แท้จริงของการเป็นมนุษย์ เป็นภารกิจนำความสุขอันแท้จริงมามอบให้กับมนุษย์ เป็นภารกิจที่นำมนุษย์ออกจากความมืดมนไปสู่แสงสว่างแห่งชีวิต ทำให้มนุษย์รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ฉะนั้นภารกิจนี้มีความหมายต่อชีวิตมนุษย์ยิ่งนัก

การที่ชีวิตมนุษย์เชื่อมโยงอยู่กับงานดะอ์วะฮ์นั้นจะทำให้เขาเป็นคนออกจากการมองโลกกระทัศน์แบบแคบๆ ไปสู่วิสัยทัศน์อันกว้างไกล เขาจะมีทัศนคติการมองโลกในมุมมองที่ต่างออกไปจากคนทั่วไปมอง เป็นการมองโลกในมุมของบรรดานะบี เหล่าเศาะฮาบะฮ์ นักต่อสู้ และคนดีทั้งหลายตลอดประวัติศาสตร์ที่ได้จารึกวีรกรรมของบุคคลเหล่านี้ไว้อย่างน่าประทับใจที่สุด ซึ่งไม่มีวิถีชีวิตแบบใดที่จะสร้าง ?เหล่าบุรุษที่แท้จริง? ที่มีอิทธิพลต่อโลกได้อีกแล้ว เว้นแต่เป็นวิถีชีวิตแบบ ?อิสลามอันบริสุทธิ์? ที่ไม่ยึดอยู่กับความเพลิดแพร้ว ความสนุก ความละเล่น การแข่งขันกันและการทับถมของโลกดุนยา เพราะพวกเขารู้ว่าดุนยานั้นไม่มีค่าอันใดสำหรับพวกเขาที่จะต้องถวิลหาหรือหาความสุขจากมัน ความสวยงามของมันมิอาจล่อลวงพวกเขาได้ เพราะว่ามันเป็นความสุขจอมปลอมที่ไว้หลอกผู้ที่หลงลืมดังที่อัล กุรอานกล่าวว่า

?และชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้น มิใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่งอำนวยประโยชน์แห่งการหลอกหลวง? อาลิ อิมรอน 185

คือประโยชน์ที่ไม่จีรัง และหลอกหลวงความรู้สึกอยู่เป็นเนืองนิจ และในอัล กุรอานยังกล่าวถึงสิ่งที่เราพยายามแสวงหาไว้ในโลกดุนยานี้ว่าเป็นสิ่งชั่วคราว

?นั่นเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้เท่านั้น? อาลิ อิมรอน 14
?ทรัพย์สมบัติและลูกหลานคือ เครื่องประดับแห่งการดำรงชีวิตแห่งโลกนี้? อัลกะฮฺฟฺ 46

ท่านนะบีมองโลกดุนยาเป็นเพียงแค่ ร่มเงาของต้นไม้ ที่ท่านไว้พักพิงเพราะท่านเปรียบตัวเองเหมือนกับนักเดินทางที่หยุดพักเพียงครู่หนึ่งเพื่อจะเดินทางต่อไปยังจุดมุ่งหมาย(คือ โลกอาคิเราะฮ์) และท่านก็ได้สอนแก่เหล่าเศาะฮาบะฮ์และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้คิดเช่นนี้เหมือนกัน ท่านบอกให้เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่พลัดมาจากถิ่นอื่นหรือเป็นนักเดินทาง

เราอย่าลืมว่า ชีวิตบนโลกนี้ก็เป็นเพียงแค่ร่มเงาของต้นไม้ที่เราไว้พักพิงเพื่อเดินทางต่อ อย่าไปจริงจังกับโลกนี้มากจนทำให้เราลืมแก่นแท้ของชีวิตว่าเรามาทำอะไรที่นี้ทำไม และจะไปไหนต่อ เพราะการที่เราหลงลืมนั้นจะทำให้เราตกหลุมพรางของดุนยา เมื่อตกหลุมพรางของมันแล้วเราก็จะตกเป็นทาสของดุนยาเมื่อเราตกเป็นทาสของมัน ชีวิตของเราก็จะมีแต่คำว่าขาดทุนทั้งโลกนี้และโลกหน้า
   
เราต้องปรับทัศนคติการมองโลกเสียใหม่ เป็นการมองโลกในมุมมองของท่านนะบี อย่าทำให้อุปสรรคในโลกดุนยามามีชัยเหนือเราจนขนาดเราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปตามกระแสของมันที่แทบจะทำลายความสง่างามของการเป็นมนุษย์ไปหมดสิ้น

ฉะนั้นชีวิตบนดุนยาที่เราต่างกังวลและเคร่งเครียดอยู่กับมันนั้น จนลืมไปเลยว่ามันเป็นเพียงแค่ร่มเงาของต้นไม้เท่านั้นเอง

อ้างอิงจากที่นี่ >>> ตอนนี้ลิ้งค์เสีย  :'(


ข้อพึงสังวร... บทความ จากมุสลิมไทยกับบทความจากนัดวาตุลฟิตยะฮ เป็นบทความที่ พี่น้องท่านนึงใช้นามว่า suroiya ต้องการให้ จขกท. อ่าน แต่เนื่องจาก จขกท. ไม่มีเวลาว่างหาจึงให้แขวน link ทำให้สองบทความข้างต้น ได้ถูกถ่ายทอดลงในเวบบอร์ดนี้






หากเราได้อ่าน... และได้สัมผัสกับตัวอักษรอย่างพินิจพิเคราะห์แล้ว จะเห็นได้ว่าคำถามที่ผ่านๆ มา ถูกคลายความสงสัยลงแล้ว เพราะเป็นคำถามที่ถูกตั้งคำถามเมื่อครั้งสมัยที่ ท่านเมาลานา อิลยาซ ยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นคำถามที่ถูกสอบถามเป็นแค่คำถามเก่าที่นำมาเล่าใหม่ก็แค่นั้น...

ครั้งนึง ท่านเมาลานา อิลยาซ ถูกถามถึง "กลุ่ม" ที่ท่านจัดตั้งขึ้น ท่านกล่าวตอบว่า

"กลุ่ม (จะมาอัต) มุสลิมได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว หลักการของพวกเขาคือกุรอ่าน มัสยิดคือสถานที่ดำเนินการของกลุ่ม ศูนย์กลางอยู่ที่มักกะฮฺ และ มะดีนะฮฺ กิจกรรมประจำปีของพวกเขาคือ ฮัจยฺ กิจวัตรของพวกเขาคือการละหมาด และการถือศีลอด ... หากฉันจะให้ชื่อแก่งานนี้ ฉันจะให้ชื่อว่า "ตะฮฺรีเกอีมาน" หมายถึง "การพยายามบนหัวใจมนุษย์ (ให้เข้าใจศาสนา)" (จดหมายตอบ อิฟติคอรุ้ล ฟารีดีย์ ลงวันที่ 17 ตุลาคม 1967)


ครับผม ... และขอยกประโยคบางส่วนของ ท่านที่ใช้ user name ว่า . SA Student . ใน forum muslimthai ว่า ...


'จริงอย่างที่ว่าครับ ทุกคนมีคำตอบสำหรับตัวเองอยู่แล้ว จุดยืนของแต่ละคนไม่เหมือนกันมาแต่ใดมา ... 


ปัญหาของงานนี้มีสองอย่างเท่านั้นเอง

๑. คนทำงานนี้ นำเสนองานต่อคนอื่นในรูปแบบที่คลาดเคลื่อน ก่อให้เกิดการเข้าใจผิด

๒. คนที่ไม่เข้าใจงานนี้ นำการเสนอแบบผิดๆ นั้นไปขยายผลต่อ โดยไม่ได้รับการต้านทานจากคนที่เข้าใจ


ผลลัพธ์จึงออกมาในรูป อคติ ต่องานนี้ครับ'


ปล. ตัวงานนั้นดี แต่คนทำงานต้องปรับปรุงอีกเยอะ  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 29, 2007, 05:19 PM โดย [MusalmarN] »

ออฟไลน์ Haytham

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 91
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 05:49 PM »
0
โหวตให้เป็นกระทู้ดีเด่นแห่งปี   พี่น้องมาต่อกันเลยครับ จะรออ่าน  แต่ ขอให้มีเจตนาที่ดี ไม่มีอคติ
คราวนี้ อ่านแล้วขนลุกยังไงไม่รู้  ภาพกลุ่มดะฮวะที่ผมเห็น ได้ยิน และสัมผัสมาอย่าง จขกท. บอกเปะๆ  แต่ก็เฉยๆ ไม่วิจารณ์
ไม่กล้า  ด้วยตระหนักว่าตัวเราเองก็มีจุดบกพร่อง  จึงปล่อยให้มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด  แม้บางครั้งไม่ชอบลักษณะการพูดการจาของบางคนที่ชอบมาพูดชักจูงชี้นำให้ออกพักตามมัสยิดต่างๆ   ผมเองฟังแล้วไม่เถียง ไม่รังเกียจแต่ทำนองฟังหูไว้หู เพราะบางครั้งเขายกหลักฐานซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า บางครั้งความรู้สึกลึกๆเอือมระอาโดยไม่ได้ตั้งใจ  เช่น บางคนเปรียบว่าคนเรียนๆเช่นผมนั้นจะทำอะไรได้ อามั้ลไม่มี บางครั้งเลยเถิดถึงขนาดพาดพิงคนที่จบศาสานาแล้วมาเป็นครูสอนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามว่าเทียบเท่ากับกลุ่มเขาไม่ได้เลยในเรื่องอามั้ล
มีหลายเรื่อง ที่เคยเจอ แต่ผมมองขำๆมากกว่า  ครั้งหนึ่งกำลังกินก๋วยเตี้ยว บางคน  เดินเข้ามา
" เฮ้ย นี่มรึงกินด้วยตะเกียบทำไม......" 
    งงเลยครับพี่น้อง "ทำไมหรือ......"
"นั้นแหละเพราะมรึงไม่รู้ศาสนา  เรียนแต่ดุนยาเข้าไป"
  จบเลย  ผมก็เงียบ เฉยๆ  ไม่อยากโต้ นึกขำอยู่ในใจ แปลกๆ.....................................
     เอาเป็นว่ากระทู้นี้  ให้ผมได้เห็นส่วนดีของพี่น้องกลุ่มนี้บ้าง   ต่อเลยครับพี่น้อง

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 06:28 PM »
0
ปล. ตัวงานนั้นดี แต่คนทำงานต้องปรับปรุงอีกเยอะ  :)

ผมเห็นด้วยกับทัศนะท่านเป็นอย่างยิ่งครับ

วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 29, 2007, 06:48 PM โดย del_dangerous »
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
Re: ดะวะฮฺตับลีฆ(น้องชาย)
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 06:31 PM »
0
รุ่นน้องคนนึงมาจาก 3 จังหวัด หลังจากละหมาดมักริบเลยแวะกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน
มันไม่ยอมกินด้วยตะเกียบ คะยั้นคยอตั้งนานกว่ามันจะยอมเรียนรู้วัฒนธรรมกินตะเกียบ
(ผมมองว่ามันก็ไม่ต่างจากช้อนตรงไหน) กว่ามันจะกินหมด รอนานเลย 555  ;D

อ้างจาก: ตัวผมเอง
ปล. ตัวงานนั้นดี แต่คนทำงานต้องปรับปรุงอีกเยอะ  :)

ผมเห็นด้วยกับทัศนะท่านเป็นอย่างยิ่งครับ

วัสลาม

ผมงงเหมือนกันไม่ได้กวนนะครับ มีงานไหนบ้างหรอที่ คนทำงานไม่ต้องปรับปรุง
ถ้าคิดออกช่วยบอกผมมาสักงานครับ จริงๆนะผมได้ยินคำนี้หลายครั้งแล้ว
เป็นคำพูดที่ดีมากๆแต่ผมก็อดสงสัยแบบนี้ไม่ได้อะ ถ้าผมจะพูดผมคงพูดว่า

อ้างจาก: ตัวผมเอง
ปล. ตัวงานนั้นดี(แต่ก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อบกพร่องอยู่ตลอด) แต่คนทำงานต้องปรับปรุงตลอดไปจนตายหรือไม่ก็วันกียามะฮ์เพราะมีคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 29, 2007, 06:48 PM โดย intifad »

 

GoogleTagged