ผู้เขียน หัวข้อ: การถือศิลอด – ละศิลอด ของคนผู้เดินทาง บนเครื่องบิน  (อ่าน 992 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 23
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด

การถือศิลอด – ละศิลอด ของคนผู้เดินทาง บนเครื่องบิน


คำถาม
 
ฉันเดินทางมาจากอียิปต์ โดยสายการบินอียิปต์ ไปยัง เคนาดา และนักวิชาการท่านหนึ่ง(จากพนักงานบนเครื่องบิน) ได้บอกกับเราว่าให้ถือศิลอด ทั้งที่เครื่องบินจะใช้เวลาบิน 11 ชั่วโมงโดยประมาณ เราได้เริ่มเดินทางตั้งแต่ บ่ายโมง(ตีหนึ่ง เที่ยงวัน) และให้เราก็ได้ละศิลอดตามเวลาของประเทศอียิปต์ แต่ปัญหามันก็คือขณะที่เราละศิลอดปรากฏว่าดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสง ยังไม่ตก ยังไม่ลับขอบฟ้าเว้นแต่เราจะไปจนถึงจุดหมายเสียก่อน(ดวงอาทิตย์จึงจะตก) กล่าวคือ หลังจาก 11 ชั่วโมงผ่านไป และฉันได้สัญญาไว้กับคนหนึ่งในหมู่ลูกเรือบนเครื่องบินนั้นว่าจะมานำคำฟัตวา(ที่ถูกต้อง)มาเสนอพวกเขา....

....ดังนั้นเราจึงอยากทราบทัศนะของท่าน (สถาบันสุงสุดเพื่อการชี้ขาดปัญหาศาสนาแห่งสาธารณรัฐอาหรับ อียิปต์)ในกรณีของเราดังกล่าว?.


คำตอบ

ให้ผู้ถือศิลอด ละศิลอดในขณะ(เครื่องบินกำลังบิน)อยู่ เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในขณะนั้น ในพิกัดนั้นๆ(ซึ่งดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า) มิใช่ว่าให้เขาละศิลอดตามเวลาประเทศเดิม(อียิปต์) หรือ ประเทศที่ซึ่งเขากำลังบินข้ามผ่านในเส้นทางการบิน ทว่า(ให้เขาละศิลอด)ในขณะที่อาทิตย์ลับขอบฟ้าลงทั้งดวงโดยสมบูรณ์ ตามสายตาของเขา.

    และหากว่าเป็นการยากลำบากแก่เขาที่จะถือศิลอดในเวลาดังกล่าว ก็ให้เขาละศิลอด เนื่องจากความยากลำบากที่มีเพิ่มขึ้นในการเดินทาง โดยไม่ต้องรอให้กลางวันสิ้นสุดลง และเมื่อเขาได้ละศิลอดแล้ว(ในกรณีที่เกิดความลำบากและกลางวันยังไม่สิ้นสุด) ก็ให้เขาชดใช้หนึ่งวันด้วยการถือศิลอดทดแทนวันดังกล่าวที่เขาได้เสียไป ส่วนคำตัดสินที่พนักงานบินที่ว่าให้ถือศิลอดตามเวลาของประเทศเดิม(ที่เดินทางมา) หรือ ประเทศที่กำลังบินผ่าน โดยไม่ต้องคำนึงถึงการลับขอบฟ้าของดวงอาทิตย์ที่อยู่ต่อหน้าผู้เดินทางนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามบัญญัติศาสนา.

     ปล. มีบางสภาพที่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า และหลังจากนั้นก็กลับโผล่ขึ้นมาอีกทางทิศตะวันตกเนื่องจากความเร็วของเครื่องบินที่บินผ่าน  และในสภาพเช่นนี้ก็ให้ผู้ถือศิลอดละศิลอดได้เลยโดยไม่ต้องไปคำนึงถึงการกลับมาโผล่อีกครั้งของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น.

อ้างอิง ดารุ้ลอิฟตาอฺ อัล-มิศรียะฮ์ ฮ.ศ.1434  : ซูอ่าล่าตุ้ล อะก๊อลลี่ยาต หน้า 231.

 

GoogleTagged