การละหมาดได้ถูกเรียกว่า "الصلاة" เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ดังเช่น
1. (الايصال الى) การละหมาดนั้นนำไปสู่สวนสวรรค์ของเอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) และได้มีรายงานจากท่านอาลี(ร.ด.)ว่า :
.أتدرون لما سميت الصلاة صلاة؟ قالوا : لا ياأمير المؤمنين قال لأنها توصل صاحبها الى الجنة
พวกท่านรู้หรือเปล่าว่า ทำไมละหมาดถึงถูกเรียกว่า ''ละหมาด'' พวกเขาก็กล่าวตอบว่า : ไม่รู้ครับ โอ๋ผู้นำแห่งศรัทธาชน และท่านอาลี(ร.ด.) กล่าวตอบว่า : แท้จริงการละหมาดนั้น จะนำพาผู้ที่ปฎิบัติมัน ไปยังสวนสวรรค์ของพระองค์.
2. (الصلة) การละหมาดนั้นเป็นหนึ่งในหนทางที่เชื่อมต่อ ระหว่างบ่าวกับพระผู้เป็นเจ้า เมื่อหนึ่งเมื่อใดที่บ่าวของพระองค์ได้ปฎิบัติละหมาดอยู่เป็นประจำ ก็เท่ากับว่าเขากำลังเชื่อมต่อกับเอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)อยู่ตลอดเวลา และในขณะเดียวกัน เมื่อหนึ่งเมื่อใดที่บ่าวของพระองค์ได้ทำการละทิ้งละหมาด ก็เท่ากับว่าเขาได้ตัดสายสัมพันธ์ที่มี่ต่อพระองค์เช่นเดียวกัน ดังที่ได้มีรายงานจากท่านญาบิร(ร.ด.) กล่าวว่า : ท่านรอซูล(ซ.ล.)กล่าวว่า :
بَيْن الْعَبْد وَبَيْن الْكُفْر تَرْك الصَّلَاة
ระหว่างบ่าวของพระองค์กับการปฎิเสธศรัทธานั้น คือการทิ้งละหมาด.
3. (التصلية) การละหมาดนั้นเป็นหนึ่งในหนทางการขอดุอา ซึ่งการละหมาดนั้นมีความหมายว่า การดำรงรักษา ด้วยสาเหตุที่ว่า มนุษย์นั้นได้ทำการละหมาดอยู่ตลอดเวลา(ทั้งกลางวันและกลางคืน จนกว่าชีวิตของเขาจะสิ้นลมหายใจ) และการละหมาดนั้น จะช่วยขัดเกลาจิตใจ ให้มีความตักวาต่อพระผู้เป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น.
4. ( المواصلة) การละหมาดที่ถูกเรียกว่าละหมาด เพราะว่าสายสัมพันธ์ของเอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ที่มีต่อบ่าวของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสัญญาหรือความโปรดปรานที่อยู่ในละหมาด เสหมือนกับคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า :

ความว่า : และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้าให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฎิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มีความยำเกรง.
5. (الايصال الى) การละหมาดนั้นจะนำผู้ที่ทิ้งมัน ไปสู่ขุมนรกของพระองค์ และท่านรอซูล(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า :
إن الرجل إذا صلى الصلاة فلم يتم ركوعها ولا سجودها تلف كما يلف الثوب الخلق فيضربها وجه صاحبها
เมื่อบ่าวของพระองค์ได้ทำการละหมาด รูกัวะก็ไม่สมบูรณ์ ซูยุดก็ไม่สมบูรณ์ ละหมาดของเขาจะถูกพับ เสหมือนกับการพับผ้าขี้ริ้ว หลังจากนั้นก็จะถูกขว้างลงบนใบหน้าของเขา.______________________________________________________
ตำรา : อัล-ฟาวาอิด อัล-ญะอ์ฟารียะฮ์ มิน อัน-วาริลอาฮาดีษินนะบะวียะฮ์.หน้า : 32-33.
ผู้เรียบเรียง : อัล-อาริฟบิลละฮ์ ซัยยิด เชค ซอแหละห์ อัล-ญะอ์ฟารีย์ (ร.ด.).