เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

ทำความเข้าใจกันใหม่กับดาราศาสตร์อิสลามและชี้แจงข้อผิดของมุสลิมที่เข้าวันที่ 4 ตค

<< < (2/2)

Goddut:
ตอนที่ 5
ความผสมผสานของดาราศาสตร์สากลกับดาราศาสตร์อิสลามที่ไม่ลงตัว
อ่านไม่จบห้ามกดไลค์ กดแชร์ และ ห้ามถาม !!!

ด้วยความเคารพอย่างสูง
มีผู้คนแชร์รูปว่า จันทรุปราคาเกิด ในวันที่ 9 ตุลาคมนั้น
คือวันที่ 15 ซุลหิจญะ ( จัทรุปราคา คือ ค่ำ 15 ดวงจันทร์เต็มดวง

*** เกร็ด *** Full Moon คือ เดือนเพ็ญ หรือ จันทร์เต็มดวง )
ดังนั้น 4 ตุลาคม จึงเป็นวันที่ 10 ซุลหิจญะ ( นับกลับไป 5 วัน )

เราขอตอบว่า ถ้าเป็นไปตามดาราศาสตร์สากล ก็คือ "ใช่"
แต่ถ้าตามดาราศาสตร์อิสลาม ก็คือ "ไม่ใช่

เพราะดาราศาสตร์อิสลาม มิได้เข้าเดือนแบบนี้
นิวมูน หรือ จันทร์ดับ มิได้นับเป็นวันที่ 1 ของเดือน

*** เกร็ด *** New Moon ( นิวมูน ) หรือ จันทร์ดับ หรือ เดือนมืด
มีสาเหตุมาจาก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ โลก ตรงเป็นเส้นตรงเดียวกัน
ทำให้แสงดวงอาทิตย์ถูกโลกบดบังดวงจันทร์จึงไม่สะท้อนแสง

การไม่สะท้อนแสงเช่นนี้จึงเรียกจันทร์ดับ
ในทางอิสลาม จันทร์ดับ ไม่ใช่จันทร์เสี้ยว
หรือไม่ใช่ ฮิลาล ( จันทร์เสี้ยวข้างขึ้น )

เมื่อไม่ใช่ฮิลาล เราจึงไม่นับวันนี้เป็นวันที่ 1 ของเดือนใหม่
แล้ววันที่ 1 ของเราตรงกับ จันทร์ดับได้ไหม ก็อาจจะได้
หากว่าจันทร์ดับเกิดก่อนมักริบ และอายุเสี้ยวของดวงจันทร์
มีอายุที่มากพอที่จะเกิดเสี้ยวหนึ่งสำหรับที่ตามองเห็นได้

อีกประการ การเกิดฮิลาล จะต้องหลังเวลามักริบ
อีกทั้ง ในอิสลาม กลางคืน มาก่อน กลางวัน
ดังนั้นเวลาเราดูฮิลาล จริงๆ จะดูนำหน้า 1 วัน
หมายถึง ถ้าเราบอกว่า 1 ซุลหิจญะ ตรงกับ 25 ตุลาคม
แสดงว่าเราดูในวันที่ 24 ตุลาคม เวลาหลังมักริบ

ทีนี้ผมยกข้อมูลในจังหวัดกรุงเทพ
คือ วันที่ 24 กันยายน เวลาดวงอาทิตย์ตก ( มักริบ )
เป็นเวลา 18.13 น. ดวงจันทร์ตก 18.13 น. เป็นเวลาเดียวกัน
จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 24 กันยายน เวลาดวงอาทิตย์ตก ( มักริบ )
เป็นเวลา 18.19 น. ดวงจันทร์ตก 18.18 น. ดวงจันทร์ตกก่อน

การที่ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์
เราจึงไม่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้
ดังนั้นวันที่ 1 ซุลหิจญะ จึงจะตรงกับวันที่ 25-26 กันยายน
หรือ 25 กันยายน ตั้งแต่เวลา มักริบ ( 18.12 น. )
จนถึง 26 กันยายน เวลามักริบ ( 18.12 น. )
ที่กรุงเทพมหานคร

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
วัลลอฮฺอะลัม...

ปล. จากรูป อธิบายดังนี้
ด้านบนสุด จาก สมาคมดาราศาสตร์ไทย
ตรงกลาง จาก กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
ล่างสุด จาก โปรแกรม Al-falak
ขวา จาก เว็ปไซต์ อิสลามมิกซ์ฟินเดอร์



อ่านได้จากในเฟส
http://goo.gl/R0mLhx

nada-yoru:
อ่านหมด อ่านจบ แล้วค่ะ...

แต่ยังเข้าใจไม่กระจ่างนัก คงต้องอ่านหลายๆรอบ...
เพราะไม่เคยเรียนเรื่องดาราศาสตร์อิสลามมาก่อน
เรียนแต่ดาราศาสตร์ทั่วไปตามแบบโลกตะวันตกเขามา...
และก็ไม่ได้รู้ลึกเสียด้วย...

จึงอยากให้เจ้าของกระทู้สรุปแบบสั้นๆเกี่ยวกับเหตุผล
ที่เราคนไทยถึงได้เถียงกันใน หัวข้อวันออกอีดฮัฏฮาปีนี้ได้มั้ยคะ...
จะได้กระจ่างชัดลงไปว่า ทำไมผู้นำของเราในเมืองไทย
ถึงได้มีมติให้เราคนไทยออกอีดในวันที่ 5 ที่ผ่านมา
ไม่ใช่วันที่ 4 อย่างที่หลายๆคนอยากจะออกกัน...

เพราะเชื่อว่า ยังมีมนุษย์อีกมากมายที่ไม่ชอบการอ่านอะไรเยอะๆยาวๆ
หรือเรียกสั้นๆว่า ขี้เกียจอ่าน มันก็เลยอาจกลายเป็นประเด็นให้ต้องเถียงกัน
เช้ายันดึกอยู่ร่ำไป สุดท้ายก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี...

เพราะการจะทำความเข้าใจอะไรได้ก่อนนั้น
เราต้องฟังให้เข้าใจหรืออ่านให้เข้าใจเป็นอันดับแรก

เมื่อเราทำการวิเคราะห์เสร็จ มีคำถามก็ถามไป สงสัยอะไรก็ถามไป
เมื่อมีบางอย่างที่เรารู้สึกได้ถึงความขัดแย้งกับสิ่งที่เรารู้หรือเข้าใจมาก่อนหน้านั้น
เราก็เปิดประเด็กถกกันต่อ...เอาให้จบกระบวนการ...
ไม่หนีไม่ชักดาบมาห้ำหั่นกันเองให้เลือดสาด...
แล้วลงเอยด้วยคำว่า ขอบคุณ ขอโทษ แล้วพบกันใหม่...


หากเราทุกคนยึดมั่นอยู่บนหลักการดังกล่าวข้างต้นนั้น
เชื่อว่า การเถียงกันอย่างไร้ประโยชน์คงลดน้อยลง...
ความเข้าใจก็จะมีมากขึ้น...

รอบนี้เคาะแป้นพิมพ์เพื่อบอกเจ้าของกระทู้ว่า...
ดีใจที่ท่านมาให้ความรู้ และขอบคุณมากๆค่ะ

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนการงานของท่าน


หากอ่านแล้วหลายๆรอบ จนพอจะเข้าใจได้
อาจมีคำถาม และอาจจะกลับมาเคาะแป้นถามในนี้อีกรอบค่ะ...

ปล.ทุกวันนี้ เรามุสลิมโดนทำร้ายมิใช่น้อย และข้าน้อยก็เริ่มเห็นเงาดำ
ของภัยคุกคามลูกหลานมุสลิมเราย่างกรายเข้ามาจนจะหมดสภาพอยู่แล้ว
หากเรายังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียงกันไม่เลิก...แล้วเราจะเอาเวลาที่ไหน
ไปดูแลใส่ใจลูกหลานของเราที่ตอนนี้เอาแต่จ้องอยู่แต่จอโทรศัพท์
ราวกับขาดมันไม่ได้ ไปไหนมาไหนก็ต้องมีมัน นึกถึงมันอยู่ตลอดเวลา
เอาแต่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์
ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับสามีตัวเอง
เอาแต่โพสต์รูปโชว์ เอาแต่อวดกายอวดโฉม อวดแฟน
อวดความมั่งมี ทิ้งการศึกษาศาสนา ทิ้งการศึกษาเรื่องวิชาทำมาหากิน...
หันไปเอาดีเอาเด่นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง...
เสพยาเสพติดราวกับเป็นขนมหวาน เมาก็อาละวาด
ไม่ได้ดั่งใจก็ไปชกต่อยกันจนเข้าไปนอนนับลูกกรงอยู่ในคุก

พอเถียงไม่ชนะก็พาลเกเรเสียดื้อๆ...หาความเป็นอารยชนแทบไม่ได้...
วันๆมุ่งแต่เรื่องของวัตถุ...หมกมุ่นอยู่กับวงจรของดอกเบี้ย
หากินบนความทุกข์ยากและคราบน้ำตาของคนอื่น...

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภัยคุกคามที่จะพรากจิตวิญญาณของลูกหลานมุสลิมเรา
แม้เราจะไม่อาจยับยั้งคำทำนายถึงวันสิ้นโลกได้
แต่เราก็ยังสามารถตักเตือนลูกหลานของเราได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
อะไรคือภัยคุกคามสำหรับพวกเขา...และอะไรที่เขาต้องระวังเป็นพิเศษ


สำหรับข้าน้อยนะ เรื่องวันอีดจะวันไหน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย
เพราะยังไงก็คงจะตามผู้นำอยู่ดี ตอนอยู่ญี่ปุ่นก็ออกอีดตามที่ผู้นำศาสนา
ในญ่ีปุ่นประกาศ เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยก็ทำตามผู้นำศาสนาในเมืองไทยประกาศ
หากผู้นำผิดพลาด แน่นอน ผู้นำเรารับไปเต็มๆ...

ก็เพราะถ้าไม่ตามผู้นำ เราจะละหมาดพร้อมกันได้อย่างไร...
ถ้าเราไม่ตามอีหม่ามของเรา...แล้วเราจะละหมาดตามใคร...
ในเมื่อละหมาดอีดเป็นละหมาดรวม...

หรือเราจะไปรวมตัวกันที่มัสยิดแล้วเถียงกันว่าจะเอายังไง
จะละหมาดตามใคร...จะละหมาดวันไหน เวลาไหนกันดี...

ก็แล้วเรามีอีหม่ามหรือผู้นำไว้ทำไม ถ้าไม่มีไว้ให้ตาม...
ถ้าอีหม่ามหรือผู้นำของเราไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอะไรสักอย่าง
เราก็หาคนอื่นมาเป็นแทน...
แต่ถ้าเขายังคงมีอำนาจในตัดสินใจอยู่ อะไรที่เขาตัดสินใจมา เราก็ทำตามไป...

รอให้อีหม่ามของเราไม่มีความรู้เรื่องศาสนาก่อนเถอะค่ะ
ถึงวันนั้น เราค่อยรอวันกิยามัตไปด้วยกัน...

แต่วันนี้ยังค่ะ อีหม่ามหรือผู้นำของเรายังรู้
และเป็นผู้รู้มากกว่าเราอยู่...

บางครั้งเราก็ต้องหัดยอมรับว่า เราไม่รู้
ดีกว่าบอกว่ารู้และเถียงออกไปทั้งๆที่ไม่รู้


เรื่องบางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เราก็ทำให้ใหญ่โตได้
แต่เรื่องบางอย่างที่เป็นภัยคุกคามขนานแท้ ทำไมเรายังนิ่งเฉยกันอยู่ได้

ถ้าการทำให้เด็กคนนึงรู้จักรักอัลลอฮฺ รักนบี เชื่ออัลลอฮฺ เชื่อนบี
ทำตามอัลลอฮฺ ทำตามนบี มันเป็นเรื่องเล็ก
แล้วในโลกนี้ จะมีอะไรใหญ่อีก...

ในเมื่อเรื่องใหญ่ที่เรามองข้ามกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้วแบบนี้...


ส่วนตัวนะ...
ทุกวันนี้ กำลังหมดค่ากลายเป็นเพียงแพะตัวนึง กลายเป็นคนแปลกหน้า
ที่คนในสังคมไม่อยากรับเข้ากลุ่ม เพราะเรามันผิดเพี้ยนไปจากพวกเขา

จากการที่เคยมีคนยอมรับกลับไม่ยอมรับ...
เพียงแค่เราขอยืนหยัดอยู่บนหนทางของอัลลอฮฺ
เราขอเพียงแค่นั้น...แต่พวกเขาไม่ตอบรับซ้ำยังต่อต้านการกระทำของเรา
ไม่อยากคบหา ไม่อยากใส่ใจ...ความสามารถที่เคยมีเขาก็ไม่คิดจะมองมา
ท่านว่ามุสลิมคนนึงจะเจ็บปวดแค่ไหน
กับการต่อต้านที่พวกเขาที่ปฏิเสธศรัทธามีมาอย่างต่อเนื่อง

เกือบหกปีที่ญี่ปุ่นเจอมาอย่างไร ทุกวันนี้ในกรุงเทพฯ
ในสังคมของการทำงานก็ยังเจออยู่อย่างไม่หยุดยั้ง...

หากไม่คิดว่านี่คือ การต่อสู้บนหนทางของอัลลอฮฺแล้ว
ก็คงสิ้นหวังไปเสียตั้งนาน...

ดังนั้น...อยากให้พี่น้องเราเลิกทะเลาะกันแล้วหันมาต่อสู้
กับสิ่งที่มองไม่เห็นตัว แต่มีอานุภาพรุนแรงอย่างสมุนชัยตอนกันเถิด
ไม่ต้องรอดูดัดญาญอะไรหรอก ตอนนี้มันมาอยู่ต่อหน้าเราแล้ว
ดัดญาญที่ไม่มีสัญลักษณ์น่ะมันน่ากลัวกว่าดัดญาณที่มีสัญลักษณ์มากนะคะ


ถ้าวันนี้ เวลานี้
มีสิ่งที่ทำให้ท่านไม่สามารถดำรงละหมาดเพื่ออัลลอฮฺได้
จงพิจารณาเถิดว่าอะไรคือภัยคุกคาม...
เมื่อรู้แล้วจงสู้กับมันอย่างเข้มแข็งและอดทน...

จงเตรียมกายและใจให้พร้อมที่จะเจอกับความยากลำบาก
และการต่อต้านในทุกรูปแบบที่จะมีมาอย่างไม่หยุดยั้ง...

แล้วค่อยไปรอเอาความสุขนิรันดร์ในโลกหน้า...อินชาอัลลอฮฺ

เพราะความสุขในโลกนี้ไม่ได้มีค่ามากพอสำหรับมุอฺมินหรอกค่ะ



วัสลามค่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version