ผู้เขียน หัวข้อ: ......หายนะของ "ความทะนงตน"  (อ่าน 4965 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ muhibbah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 268
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
......หายนะของ "ความทะนงตน"
« เมื่อ: ก.พ. 02, 2009, 10:05 PM »
0

หายนะของ "ความทะนงตน"
     เขียนโดย ชารีฟา คารโล

 

สตรีมุสลิมะฮฺกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในมัสยิดพวกเธอเหล่านั้นมีความงดงามตามแบบฉบับของสตรีมุสลิม การแต่งกายของพวกเธอแลดูเรียบร้อยพวกเธอต่างปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดด้วยญิลบาบ หรืออะบายะฮฺ และบางคนในหมู่พวกเธอนั้นปิดหน้าสวมถุงมือ  พวกเธอถือเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบแห่งอิสลามและเมื่อยามที่พวกเธอทำการละหมาด พวกเธอต่างทำด้วยความอ่อนน้อมและสวยงาม อีกทั้งพวกเธอยังอ่านอัลกุรอานด้วยความไพเราะ

ขณะที่พวกเธอกำลังจะเดินทางกลับจากมัสยิดหนึ่งในหมู่พวกเธอได้มองเห็นสตรีนางหนึ่งที่กำลังทำการละหมาดอยู่ในมัสยิดและเธอก็คิดในใจว่า "ไม่สมควรที่ใครจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า"มุสลิม" เลย เพราะเธอไม่เคยแม้แต่จะสวมใส่ฮิญาบเว้นแต่เวลาที่เธอมามัสยิดเท่านั้น"

            "เธอ" ที่คิดเช่นนั้นกำลังทำร้ายตัวเธอเอง --แน่นอนว่า อิสลามคือการแสดงออกด้วยภาพลักษณ์ภายนอก และนี่ถือเป็นเหตุผลและเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากในศาสนาอิสลามหากแต่ว่า "จิตใจ" "พฤติกรรม" รวมทั้ง "จิตวิญญาณ" ก็เป็นส่วนที่สำคัญเช่นกัน  -- "เธอ"อาจมิได้ทำการนินทาหรือใส่ร้ายสตรีที่ไม่ได้คลุมหิญาบนั้นด้วยเพราะว่าเธอไม่ได้กล่าวอะไรออกมาทางวาจาหากแต่ว่าเธอได้กระทำบางอย่างที่มีความร้ายแรงและเลวร้ายยิ่งกว่านั้น นั่นคือ "ความหลงตัวเอง และความทะนงตน" ที่เกิดกับตัวเธอเธอยอมให้การกระทำเช่นนั้นเกิดขึ้นกับเธอเพื่อที่ว่ามันจะทำให้เธอรู้สึกว่าเธอนั้นมีความเหนือกว่าดีกว่า และมีความปลอดภัย (จากไฟนรก) มากกว่า หากแต่ว่าไม่มีใครสามารถรับรองสิ่งเหล่านี้ให้กับเธอได้เลย -- เราทุกคนต่างทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อสร้างความพอใจต่ออัลลอฮฺตะอาลาแต่เราก็ต้องพึ่งพาและหวังในความเมตตาของพระองค์เช่นกันอีกทั้งเราไม่สามารถที่จะตัดสินได้ว่าใครจะได้รับความปลอดภัยจากไฟนรก เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอัลลอฮฺประสงค์สิ่งใด
เช่นนั้นแล้ว..การดูถูกเหยียดหยาม"ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับเรา" ถือว่าเป็น "ความหลงตัวเอง"และเราจำต้องหลีกเลี่ยงจากการกระทำเช่นนี้

            รายงานโดยท่านอับดุลลอฮฺอิบนุ มัสอูด – ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ซล) ให้ความเห็นว่า, ผู้ใดที่หัวใจของเขานั้นมี"ความทะนงตน" เท่ากับเมล็ดมัสตาด จะไม่ได้เข้าสู่สวนสวรรค์ ดังนั้นบุคคลหนึ่ง (ที่อยู่บริเวณนั้น) ได้กล่าวขึ้นมาว่า, แท้จริงแล้วผู้ที่รักในเสื้อผ้าของเขาก็ไม่น่าจะถือว่าเป็นผู้ทะนงตนและผู้ที่รักรองเท้าของเขาก็ไม่น่าจะถือว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน  ท่านนบีจึงกล่าวต่อว่า"แท้จริงแล้วอัลลอฮฺนั้นมีความงดงาม และพระองค์ทรงรักความงดงาม หากแต่ "ความทะนงตน"  นั้นคือการปฏิเสธความจริงรวมถึงการสบประมาทผู้อื่น (ศอเฮี้ยะฮฺ มุสลิมเล่มที่ 1 ลำดับที่ 0164)
            ในหมู่ศอฮาบะฮฺบางคนนั้นเคยมีความกลัวอย่างมากว่าพวกเขานั้นจะทำความดีไม่มากพอ -- บางครั้งพวกเขาก็เป็นลมล้มพับไป ในขณะที่พวกเขาทำการละหมาดยามค่ำคืนและในวันเวลาที่ถือศีลอดอุทิศตนต่ออัลลอฮฺ ด้วยเพราะว่าพวกเขานั้นมีความกลัวต่ออัลลอฮฺ
 แล้ว "เรา" เป็นใครกันเหล่า ถึงเชื่อว่าชีวิตเรานั้นได้รับการรับรอง!!

            ฮะดีษก่อนหน้านี้ท่านรอซูลลุลลอฮฺได้ตักเตือนเราอย่างชัดแจ้งว่าเรานั้นไม่มีสิทธิที่จะดูถูกดูหมิ่นกัน ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตามแม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาจะเป็นคนบาป เราก็ไม่มีสิทธิที่จะตัดสินใครลองดูตัวอย่างของบุรุษท่านหนึ่งที่ได้รับการลงโทษบุรุษท่านนี้ได้สารภาพความผิดและถูกขว้างด้วยก้อนหินจนสิ้นชีวิต
            "....ขณะนั้นท่านศาสนทูตได้ยินศอฮาบะฮฺท่านหนึ่งกำลังพูดคุยกับบุคคลคนหนึ่งว่า "ดูชายคนนี้สิ ความผิดของเขาได้รับการปกปิดโดยอัลลอฮฺ แต่ใครเหล่าจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยเหตุนี้ เขาถึงถูกขว้างด้วยก้อนหินเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง"  (เมื่อได้ยินเช่นนั้น) ท่านนบีมิได้กล่าวสิ่งใดต่อพวกเขาท่านเดินต่อไป จนกระทั่งท่านได้เดินมาถึงตรงที่มี ซากศพของลาและขาของมันชี้ขึ้นฟ้าท่านจึงกล่าวขึ้นว่า "ท่านพวกนั้นอยู่ที่ใด" พวกเขากล่าวขึ้นว่า "พวกเราอยู่ที่นี่แล้วท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม) ท่านจึงกล่าวว่า "ก้มลงไปและกินซากศพของลาตัวนี้สิ" พวกเขาตอบว่า "โอ้ท่านศาสนทูต ใครจะไปกินสิ่งนี้ได้เหล่า" ท่านตอบว่า "ความอัปยศที่ท่านเพิ่งจะแสดงแก่พี่น้องของท่านนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าการกินบางส่วนของซากศพนี้เสียอีก" ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของมูฮัมมัด อยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์พระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางแม่น้ำหลายสายบนสวนสวรรค์และกระโดดลงไปในน้ำนั้น (สุนัน อาบูดาวูด เล่มที่ 38ลำดับที่ 4414)
            ดูจากตัวอย่างนี้บุรุษท่านนั้นได้กระทำบาปใหญ่ และเขาได้สารภาพผิด อีกทั้งการสำนึกผิดของเขานั้นมีความบริสุทธิ์จริงใจเราจึงไม่ควรทำการตัดสินผู้อื่น หากพบว่าเขาได้กระทำบาปเพราะการตัดสินนั้นเป็นอำนาจของอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว -- "มนุษย์เช่นเรานั้น"สามารถทำการลงโทษต่อเขาตามที่อัลลอฮฺกำหนดไว้เท่านั้น และการที่เขาจะได้รับการอภัยโทษหรือไม่ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียวที่จะตัดสิน-- เราไม่มีสิทธิที่จะตัดสินผู้อื่น และเราไม่อาจรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา-- หากแต่เราสามารถที่จะพูดคุยกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามหลักการที่ศาสนากำหนดเช่นการสวมฮิญาบ การไว้เครา หรือการหลีกเลี่ยงการฟังเพลง ดนตรี หรือเรื่องอื่นๆ  --
ทั้งนี้เราไม่ควรที่จะเชื่อว่า"เรานั้นดีกว่าพี่น้องของเรา" ด้วยเพราะว่าเราไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ใด หรือเขามีอะไรอยู่ในใจหรือแม้แต่โชคชะตาของเขานั้นจะเป็นอย่างไร เพราะนี่เป็นอำนาจของอัลลอฮฺ

            ลองดูจากตัวอย่างของโสเภณีนางหนึ่งหากเราพบเห็นเธอบนท้องถนน เราจะมีความคิดต่อเธอเช่นไร? แต่แม้ว่าเธอจะเป็นโสเภณีเธอก็ได้รับสวนสวรรค์เป็นรางวัลสำหรับการกระทำดีเพียงเล็กน้อยของเธอ
            รายงานโดย ท่านอบู ฮูรอยเราะฮฺ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺกล่าวว่า "โสเภณีนางหนึ่งได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺด้วยเพราะว่า เธอเดินผ่านสุนัขตัวหนึ่งที่กำลังหายใจหอบและใกล้จะตายเนื่องจากความกระหายน้ำจากนั้นนางจึงถอดรองเท้าของนางและผูกมันไว้กับผ้าคลุมหัวของนางและเธอได้ตักน้ำด้วยรองเท้านั้นให้แก่มัน ด้วยเหตุนี้อัลลอฮฺจึงทรงให้การอภัยโทษต่อบาปของนาง" (ศอเฮี้ยะ บุคอรีย์ บทที่ 4 เล่มที่ 54 ลำดับที่ 538)
            เราคงไม่มีทางที่จะรู้สึกเป็นสุขได้เพราะบาปของเธอหากแต่เราต้องสอน ตักเตือนเธอ หรือลงโทษเธอ (ตามหลักการที่อัลลอฮฺกำหนด) เราไม่ควรที่จะต่อว่าเธอหรือแน่ใจว่าเรานั้นดีกว่าเธอหลายเท่า -- อีกทั้งเราควรที่จะใช้เวลาทำความรู้จักเป็นเพื่อนกับผู้ที่เราพบว่าเขากำลังยุ่งเกี่ยวกับบาป (หากว่าเราสามารถทำได้) --บางทีคนเหล่านั้นอาจจะขาดซึ่งความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการศาสนาเราจึงควรพยายามที่จะสอนพวกเขาเพราะบางทีเราอาจจะได้บางสิ่งบางอย่างจากความพยายามนี้และอาจจะเป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความดีงามแก่เรา
            ฉัน (ผู้เขียน)ขอเพิ่มเติมบางอย่างที่ฉันได้ประสบ ฉันค่อนข้างที่จะแปลกใจอย่างมากเมื่อพบว่าพี่น้องมุสลิมนั้นดูถูกผู้อื่นด้วยสาเหตุของ"ชนชั้น" "เชื้อชาติ"หรือด้วยเพราะว่าเขาเหล่านั้นมีฐานะที่ยากจนหรือแม้แต่ด้วยสาเหตุที่ว่าพวกเขานั้นมีฐานะร่ำรวย -- ฉันได้พบเจอสตรีมุสลิมะฮฺอาหรับที่ดูถูกและสบประมาทสตรีชาวอเมริกันที่เพิ่งเข้ารับอิสลามด้วยเหตุเพราะว่าพวกเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ก่อนที่จะเข้ารับอิสลามแต่กระนั้นสตรีเหล่านี้ต่างมีความศรัทธาที่เข้มแข็ง มากกว่าบรรดาสตรีอาหรับที่สบประมาทพวกเธอเสียอีก– นอกจากกรณีนี้ ฉันยังได้พบกับชาวปากีสถานบางคนที่ดูถูกมุสลิม..ด้วยเพราะชายผู้นั้นเป็นคนดำหากแต่เขาเป็นผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺมากกว่าชาวปากีสถานที่ดูถูกเขาเสียอีก --  อีกทั้ง ฉันได้พบเห็นมุสลิมชาวอเมริกันที่ด่าทอชาวอาหรับและชาวปากีสถานที่มีฐานะร่ำรวยอย่างเสียหายด้วยเพราะว่าพวกเขาไม่เคยเห็นคนร่ำรวยเหล่านั้นทำการบริจาคต่อผู้ยากไร้แต่กระนั้นไม่มีใครที่จะรู้ได้ว่าพวกคนรวยเหล่านั้นได้กระทำความดีอันใดที่ปกปิดเป็นความลับบ้าง– ด้วยเหตุนี้ เราจึงจำเป็นต้องหยุดการเป็นผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่ดีอยู่คนเดียว-- "เรา" ในฐานะ "มุสลิม" ต่างหาหนทางที่จะทำให้เราหันห่างออกจากกันทั้งๆ ที่เราควรจะหาหนทางที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
"....และพวกจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรมและความยำเกรง และจงอย่าช่วยกันในสิ่งที่เป็นบาปและเป็นศัตรูกันและพึงกลัวเกรงอัลลอฮฺเถิดแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ" 5:2
            เมื่อเราหยาบคายต่อกันดูถูกซึ่งกันและกัน นั่นอาจหมายถึงการที่เรากำลังผลักดันความอ่อนแอของเราให้เข้าสู่การกระทำบาปมากขึ้น ลองตระหนักถึงสิ่งนี้ให้ดี-- เราจะยอมรับคำแนะนำตักเตือนจากผู้ที่สบประมาท หรือด่าทอเราหรือไม่?แน่นอนว่า "ไม่"-- ด้วยเหตุนี้ เราต่างต้องรู้สึกเคารพและมีความชอบในตัวของผู้ที่เราจะรับคำแนะนำตักเตือนจากเขาใช่หรือไม่ ดังนั้นไม่ว่าการกระทำของมุสลิมคนหนึ่งคนใดจะดูเลวร้ายสำหรับเราเราจำต้องลบความคิดที่ว่า "เรานั้นมีดีกว่าเขาและมีสิทธิ์ที่จะด่าทอ ต่อว่าหรือแม้แต่ดูถูกเขา" ลองดูตัวอย่างของท่านศาสนทูตผู้มีความเมตตาของเรา
            รายงานโดยท่านอนัสบิน มาลิก "ชาวเบดูอินผู้หนึ่งได้เข้ามาในมัสยิดและได้ปัสสาวะตรงมุมหนึ่งของมัสยิดผู้คนต่างตะโกนต่อว่าเขา แต่ท่านนบีได้ห้ามปรามพวกเขาและรอจนกระทั่งชาวเบดูอินผู้นั้นปัสสาวะจนเสร็จจากนั้นท่านนบีได้สั่งให้พวกเขาสาดน้ำชำระล้างบริเวณดังกล่าว และพวกเขาก็ทำตามคำสั่ง" ศอเฮี้ยะ บุคอรี บทที่ 1 เล่มที่ 4 ลำดับที่ 221)
            การที่บรรดามุสลิมตะโกนต่อว่าชาวเบดูอินเช่นนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด ในขณะที่ท่านศาสนทูต ผู้มีความเมตตา และความเฉลียวฉลาดทราบดีว่าการกระทำของพวกเขานั้นไม่ใช่วิธีการที่ดีที่จะสามารถอบรมสั่งสอนชายผู้นั้นได้
            อดีตอาจารย์คนหนึ่งของฉัน(ผู้เขียน) ท่าน ฆัสสัน อัล บารอกอวี (Ghassan Al Baraqawi) เคยบอกกับฉันว่า"การสอน ไม่ใช่การเทศนาต่อผู้คนเหมือนกับการอธิบาย และไม่ใช่การตรวจสอบเปรียบเทียบ"นี่เป็นคำคมยิ่งนัก – ดังนั้น เราจำต้องตระหนักให้ดีเกี่ยวกับสิ่งที่เราคิดและพูดตามนั้นเพื่อที่เราจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่การทำร้ายกัน
ไม่มีใครในหมู่พวกเราที่จะเป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดและไม่มีใครในหมู่พวกเราที่จะสามารถรับรองได้ว่า "เขา"หรือ "เธอ" จะได้เข้าสู่ญันนะฮฺปราศจากบททดสอบหรือการลงโทษเราจะต้องไม่ช่วงชิงบทบาทอำนาจหน้าที่ของอัลลอฮฺด้วยการตัดสินกันและกัน

            ความทะนงตนเป็นสิ่งที่อันตราย เราต้องหลีกเลี่ยงความรู้สึกทะนงตน หลงตัวเอง แม้แต่ความรู้สึกดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับศาสนาก็ตามดูตัวอย่างความรอบคอบ ระมัดระวังของท่านรอซูล ลุลลอฮฺ
            รายงานโดยท่านอับดุลลอฮฺบิน อุมัร ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺกล่าวว่า "ในวันแห่งการตัดสิน อัลลอฮฺจะไม่มองผู้ที่ดึงเชือก(ไว้ข้างหลัง) ด้วยความความทะนงตน" ท่านอบูบักรกล่าวว่า "เชือกของฉันข้างหนึ่งหย่อนลงเว้นเสียแต่ว่าฉันจะระมัดระวังมันอย่างดี"ท่านนบีจึงกล่าวว่า "แต่ท่านไม่ได้กระทำเช่นนั้นด้วยความทะนงตน" (ศอเฮี้ยะบุคอรี บทที่ 5 เล่มที่ 57 ลำดับที่ 17)
            ความทะนงตนและความหลงตัวเองเป็นเครื่องมือของชัยตอนเมื่อมันได้รับพระบัญชาให้ก้มคำนับต่ออดัมและมันได้ตอบปฏิเสธที่จะไม่ทำตามอัลลอฮฺทรงตรัสว่า
          และเราได้กล่าวแก่มลาอิกะฮ์ว่า"จงคำนับอาดัม" มลาอิกะฮ์ทั้งหมดได้คำนับนอกจากอิบลีสที่ปฏิเสธไม่ยอมทำ มันยโสโอหังและเป็นผู้ปฏิเสธ 2:34
          หากท่านพบว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับท่านจงตระหนักให้ดีถึงการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเอง ดูจากตัวอย่างของชัยตอนและการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวมันเองเมื่ออัลลอฮฺทรงสอบถามมันเกี่ยวกับเหตุผลที่มันปฏิเสธการคำนับต่ออดัม
          อะไรที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสูญูดขณะที่ข้าได้ใช้เจ้า มันกล่าวว่า ข้าพระองค์ดีกว่าเขาโดยที่พระองค์ทรงบังเกิดข้าพระองค์จากไฟ และได้บังเกิดเขาจากดิน พระองค์ตรัสว่าจงลงจากสวนนั้นไปเสีย ไม่สมควรแก่เจ้าที่จะทำโอหังในนั้นจงออกไปให้พ้นแท้จริงเจ้านั้นอยู่ในหมู่ผู้ต่ำต้อย 7:12-13
            เราอย่ายอมให้ตัวเรานั้นตกอยู่ในกับดักอันชั่วร้ายของชัยตอนนี้เราอย่าปล่อยให้ตัวเราเองคิดว่า "เราดีกว่า"ด้วยเพราะว่าบาปของการมีความทะนงตนนั้นเป็นบาปที่หนักยิ่ง อัลลอฮฺตรัสว่า
          และเมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่าจงเกรงกลัว (การลงโทษของ) อัลลอฮฺ ความผยองก็เกาะกุมเขาและชักนำให้เขาทำบาปสำหรับคนพวกนี้ นรกคือที่ ๆ เหมาะสมสำหรับพวกเขา และมันเป็นที่พำนักอันแสนชั่วร้าย2:206
          เช่นนั้นแล้วพี่น้องมุสลิมทั้งหลาย หากท่านพบว่าใครคนใดคนหนึ่งกำลังทำสิ่งที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกหรือการกระทำใดๆ ก็ตาม – จงตระหนักให้ดีก่อนที่ท่านจะมีความคิดที่ว่า "ท่านนั้นดีกว่า(พวกเขา)"
            และหากท่านสามารถทำได้  ก็ให้เดินเข้าไปหาผู้ที่กระทำความผิดผู้นั้นด้วยความอ่อนโยนและด้วยอัธยาศัยที่ดีอย่าคิดถึงสิ่งที่เลวร้ายกับเขา ให้นึกถึงข้ออ้างสัก 70 ข้ออ้างถึงสาเหตุของการกระทำผิดของเขาและพยายามให้ความช่วยเหลือแก่เขา ทำให้เขามีความเข้าใจถึงความเลวร้ายของการกระทำดังกล่าวและอย่าคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงจากเขา เพียงให้คำแนะนำตักเตือนและมอบหมายต่ออัลลอฮฺ – ทั้งนี้ เขาอาจจะมีความขุ่นเคืองและพยายามที่จะหาเรื่องทะเลาะกับท่านหากเป็นเช่นนั้นท่านก็อย่าตกลงไปในกับดักของชัยตอน  แต่จงให้หลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺที่น่าเชื่อถือแก่เขาเพียงเท่านั้นถึงตอนนั้นก็ให้เป็นการตัดสินใจของเขาที่จะ "ยอมรับ"หรือ "ปฏิเสธ" คำตักเตือนของท่าน และถือว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว-- แต่ท่านก็อย่าปล่อยให้เขาคิดว่าท่านนั้นดีกว่าเขา
            อีกทั้งหากท่านได้พบเห็นใครคนใดคนหนึ่งที่มาจากพื้นฐานหรือวัฒนธรรมที่ต่างกันจากท่าน ก็จงอย่าตัดสินพวกเขาโดยใช้ความเชื่อส่วนตัวของท่านเป็นมาตรฐานการตัดสินเกี่ยวกับกลุ่มคนกลุ่มนั้นแต่ให้ดูเป็นรายบุคคล จงพูดคุยกับเขาเพราะอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อตัวท่าน-- และขณะเดียวกัน ในการที่ท่านแต่งกายแสดงออกถึงความเป็น "อิสลาม"ได้ดีกว่าเขา ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขานั้นมีมารยาทในแบบอิสลามที่ดีกว่าท่านก็เป็นได้ –ขอให้ท่านอย่าคิดเอาเองว่า การที่ท่านนั้นดูเป็น "มุสลิม"มากกว่าจะทำให้ท่านเป็นมุสลิมที่ดีกว่า
ความทะนงตนและความยโสที่ท่านรู้สึกอาจจะเป็นตัวที่สร้างความหายนะแก่ท่าน

จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺพี่น้องทั้งหลาย จงยำเกรงต่อพระองค์ และให้ความยุติธรรมแก่พี่น้องของท่านอย่างที่ฉัน(ผู้เขียน) ได้กล่าวบ่อยครั้งมาก่อนหน้าที่ว่า "ที่สุดของความชั่วร้ายและความเลวทรามในหมู่พวกเรานั้นดีกว่า ที่สุดของความดีงามของกาเฟรฺ"และมันเป็นหน้าที่ของเราที่จะให้คำแนะนำตักเตือนซึ่งกันและกันเพื่อที่จะดึงพวกเราออกจากความมืดมนและความโสมมแห่งบาปมาสู่แสงสว่างและความบริสุทธิ์แห่งการเชื่อฟังอัลลอฮฺตะอาลา

ยา อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงทำให้เรามีความรักต่อกัน

ยา อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงทำให้เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ยา อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงปกป้องเราจากการทำร้ายกันและกัน

ยา อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงทำให้เราเป็นพี่น้องต่อกัน

ทรงทำให้เราเป็นดังหนึ่งร่างกายและหนึ่งจิตใจ อามีน

 
แหล่งที่แปล A Matter of Pride  Writtenby Shariffa Carlo www.idealmuslimah.com

หากการแปลมีความผิดพลาดประการใดขออภัยมาณ ที่นี่

Bint Al Islam
25ตุลาคม 2551
"สูเจ้าจงอย่าท้อ สูเจ้าจงอย่าระทม สูเจ้าจะเหนือกว่า หากสูเจ้าศรัทธา" 3:139
And be not infirm, and be not grieving, and you shall have the upper hand if you are believers.
 

--
หมายเหตุ: หากต้องการ Forward เมลล์ต่อ กรุณาลบอีเมลของผู้รับก่อนหน้านั้น เพื่อไม่ให้ปรากฏในอีเมลของบุคคลที่สาม  และกรุณาอย่าส่งต่อให้กับพี่น้องที่ท่านยังไม่ได้ขออนุญาตในการส่งเมลล์ให้

وَلاَ تَهِنُوا وَلاَ تَحْزَنُوا وَأَنتُمُ الأَعْلَوْنَ إِن كُنتُم مُّؤْمِنِينَ
"และพวกท่านจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ
พวกท่านจะเป็นผู้ที่สูงส่ง หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา"
[อาลิอิมรอน 3:139]

รู้จักกลุ่มบะนาตุลฮุดาที่นี่>>> www.banatulhuda.com
รวบรวมตอบปัญหาหญิงหญิงและทั่วไป(ไฟล์เสียง) >>>://banatulhuda.blogspot.com/

สนใจร่วมสนับสนุนกิจกรรมกลุ่มผ่านบัญชี
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขาคลองตัน
ชื่อบัญชี " นางสาวกฤษณา มงคลประเสริฐหรือนางสาวอุรุษา  แทนขำ"
เลขที่บัญชี 001-1-05315-1 

جزا كم الله خيرا  พี่น้องทุกท่านที่ร่วมเพิ่มความดีบนตราชู^^


ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 03, 2009, 10:14 AM »
0
In the name of God,Most Gracious,Most Merciful

ทรนงตน/ตะกับบุร ในระเบียบหลักการของมันแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น สาม ประเภทดังนี้
1. ทรนงจนต่อองค์อภิบาล
2. ทรนงตนต่อศาสนาทูตและสัจธรรม
3. ทรนงตนต่อมวลมนุษย์

องค์ประกอบต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความทรนงตนนี้มากมายเหลือคณานับ ไม่ว่าที่เกิดมาจากการนับถือศาสนา หรือ จากทางด้านทางโลกก็ตาม เช่นส่วนหนึ่งจากนั้นเป็นเพราะ
1. วิชาความรู้
2. การปฏิบัติศาสนกิจ
3. เชื้อสายวงศ์ตระกูล
4. ความสวยงามและความหล่อ
5. ความร่ำรวย
6. อำนาจและความสามารถ
7. ครอบครัวและสมาชิกผู้ที่ตามมากมาย


อ้างอิงจาก ตะกั๊บบุรในทัศนะของอิหม่ามฆอซาลี เรียบเรียงโ ดย อะหมัด ซูนาร์โ ต           จัดพิมพ์ โ ดย ส.วงศ์เสงี่ยม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 03, 2009, 10:19 AM โดย นกเดินทาง »
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.พ. 03, 2009, 10:18 AM »
0

อิจฉาคนแปลจัง

มีเวลาเยอะ T_T
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.พ. 03, 2009, 06:16 PM »
0
In the name of God,Most Gracious,Most Merciful

ทรนงตน/ตะกับบุร ในระเบียบหลักการของมันแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น สาม ประเภทดังนี้
1. ทรนงจนต่อองค์อภิบาล
2. ทรนงตนต่อศาสนาทูตและสัจธรรม
3. ทรนงตนต่อมวลมนุษย์
 ...

อ้างอิงจาก ตะกั๊บบุรในทัศนะของอิหม่ามฆอซาลี เรียบเรียงโ ดย อะหมัด ซูนาร์โ ต           จัดพิมพ์ โ ดย ส.วงศ์เสงี่ยม



                หนังสือนี้ ผมก็มีเล่มหนึ่ง ซื้อมาตอน ม.ไหนไม่รู้ลืมแล้ว อ่านเพลินดีกว่า ตอนแรกๆ ของหนังสือก็จะเป็นการยกหะดีษเกี่ยวกับการยกอะมัลการกระทำของคนในระดับต่างๆ โดยมลาอิกะฮ์ขึ้นไปยังอัลลอฮฺ ซ.บ. ซึ่งบางอะมัลก็ถูกตีกลับ บางอะมัลไปได้เกือบถึงระดับหนึ่งก็ถูกตีกลับ บางอะมัลเกือบถึงที่สุดแล้ว ก็ถูกตีกลับอีก มาชาอัลลอฮฺ กว่าจะได้อะมัลที่อัลลอฮฺทรงตอบรับจริงๆ นั้น เราต้องพิถีพิถันบรรจงทำกันจริงๆ ครับ ทำลวกๆ ให้เสร็จๆ คงไม่ได้การ ผมเองก็ปรับปรุงตัวเองอีกโขเลย เพราะอยู่วันๆ ไม่ค่อยรู้อะไรกะเค้าหรอก 55+  - วัสสลาม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ابن سفيان السراجى

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.พ. 03, 2009, 08:00 PM »
0
 salam
التكبر على المتكبر عبادة

"อัตต้ากั๊บบุรู่ อ้าลั่ลมู่ต้ากับบี้รี่ อิบาด้าตุน"

ผู้ที่ทรนงตน จองหอง โอ้อวด เหนือผู้ที่ทรนงตน จองหอง โอ้อวดนั้น ถือเป็น "อิบาดะห์"

للتعليم
 
"ลิตตะอลีม"เท่านั้นนะครับ เพื่อเป็นการสอน...........ศิษย์ประทีปศาสน์


والله ولي التوفيق والمستعان
 والله تعالى أعلى وأعلم fouet:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 04, 2009, 07:41 AM โดย ศิษย์ประทีปศาสน์ »

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.พ. 04, 2009, 11:15 PM »
0
salam
التكبر على المتكبر عبادة

"อัตต้ากั๊บบุรู่ อ้าลั่ลมู่ต้ากับบี้รี่ อิบาด้าตุน"

ผู้ที่ทรนงตน จองหอง โอ้อวด เหนือผู้ที่ทรนงตน จองหอง โอ้อวดนั้น ถือเป็น "อิบาดะห์"

للتعليم
 
"ลิตตะอลีม"เท่านั้นนะครับ เพื่อเป็นการสอน...........ศิษย์ประทีปศาสน์


والله ولي التوفيق والمستعان
 والله تعالى أعلى وأعلم fouet:


ข้าน้อยไม่เข้าใจขอรับท่าน อธิบายหน่อยครับ
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ก.พ. 04, 2009, 11:18 PM »
0
หนึ่ง : วิชาความรู้
   ผู้เรียนมีความทระนงตนในความรู้ที่เขาศึกษา ท่านรอซูลลุลอฮ์ (ซล) ได้กล่าวว่า อันตรายของการศึกษาคือ ตะกับบุร ผู้รู้นั้นเป็นผู้ที่ง่ายดายต่อการตะกับบุร เนื่องจากการศึกษาของเขา เขาคิดว่าเขานั้นยิ่งเพราะการศึกษา มีความสมบูรณ์พร้อมเมื่อเทียบกับผู้อื่น ดังนั้น เขาจึงมองคนอื่นอย่างดูแคลน เขาคิดว่าคนงาเขลาไร้ปัญญา เขาคิดว่าเขาได้รับความเคารพยกย่องจากปวงชน
อย่างไรก็ตาม มนุษยืเราสามารถที่จะรู้จักตนเองและรู้สึกองค์อภิบาลของเขาได้ด้วยการศึกษาอย่างแท้จริง และรู้จักอันตรายในขณะเวลาจะตายได้ ถึงแม้ว่าจะมีอันตรายอย่างยิงใหญ่หลวงในการศึกษาก็จริง แต่การศึกษาที่แท้จริงมันจะเพิ่มความยำเกรงต่ออัลเลาะห์ เพิ่มความนอบน้อมและคุณสมบัติดีของเขาให้มากยิ่งขึ้น
มีสาเหตุสองข้อที่ก่อให้เกิดความหยิ่งยะโสแก่ผู้ศึกษาได้ สาเหตุแรกคือ เขาไม่ได้ศึกษาความรู้ที่แท้จริงที่ทำให้เขาตระหนักถึงอัลเลาะห์และทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดถึงภาระในโลกหน้า ถ้าเขาตระหนักเรื่องนี้อย่างแท้จริงมันก็จะเกิดความยำเกรงและนอบน้อมต่ออัลเลาะห์ ความหยิ่งจองหองก็จะถูขจัดไปจากหัวใจของเขาอย่างแน่นอน
จากหนังสือเล่มเดียวกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 04, 2009, 11:30 PM โดย นกเดินทาง »
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ binti-adnan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 87
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ก.พ. 05, 2009, 02:07 PM »
0
salam
التكبر على المتكبر عبادة

"อัตต้ากั๊บบุรู่ อ้าลั่ลมู่ต้ากับบี้รี่ อิบาด้าตุน"

ผู้ที่ทรนงตน จองหอง โอ้อวด เหนือผู้ที่ทรนงตน จองหอง โอ้อวดนั้น ถือเป็น "อิบาดะห์"

للتعليم
 
"ลิตตะอลีม"เท่านั้นนะครับ เพื่อเป็นการสอน...........ศิษย์ประทีปศาสน์


والله ولي التوفيق والمستعان
 والله تعالى أعلى وأعلم fouet:

เอ่อ คือว่า  ไม่เข้าใจเหมือนกัน  ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยค่ะ  คือ อยากรู้มากๆ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ก.พ. 05, 2009, 03:06 PM »
0
อาจจะประมาณว่า ทำใหญ่เหนือคนตากับโบรเพื่อให้เขารู้ว่ายังมีคนที่เหนือกว่าเขาเพื่อว่าเขาจะได้ไม่หลงตัวเอง ก็อาจจะเป็นได้


wallahualam
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ก.พ. 05, 2009, 03:29 PM »
0
เหนือฟ้ายังมีฟ้า...เหนือเมฆายังมี.... ::)

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ก.พ. 05, 2009, 04:25 PM »
0
อ่านแล้วนึกถึงหนังสือเล่มเขียวเลย
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ม.ค. 16, 2010, 02:11 PM »
0

 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนทุกท่่านที่นำเสนอคค่ะ

วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 08:03 AM »
0
ญะซากั้ลลอฮฺ
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ก.พ. 10, 2010, 11:56 AM »
0
ล้ำลึกจริงๆ
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ......หายนะของ "ความทะนงตน"
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ม.ค. 17, 2015, 01:48 PM »
0
ความทะนงตน หลงตัวเองนั้น...
ช่างเปรียบเสมือนเนื้อร้ายในหัวอก
ที่เอาออกยาก เอาออกไปแล้วมันก็ยังทิ้งเนื้อเยื่อเล็กๆเอาไว้
เพื่อขยายขนาดต่อไปได้อีก...ลุกลามรวดเร็ว...

เคยถามว่าอะไรหนอที่จะช่วยเราขัดความทะนงตนออกไป
จากหัวใจได้บ้าง...ขัดบ้านใช้ไม้กวาด ใช้ผ้าชุบน้ำถู...
แล้วขัดหัวใจด้วยการเอาความทะนงตนออกไปเราจะใช้อะไรดี...

ที่ผ่านพบมาคือ...ความยากจน ความลำบาก
ความทุกข์จากการสูญเสีย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยม
ที่จะช่วยให้หัวใจเราได้ปลอดภัยจากเนื้อร้าย
แห่งความทะนงตน...

ทำให้เรารู้จักความอ่อนน้อมและความยำเกรง

เพราะภัยร้ายที่สุดของความทะนงตน หลงตัวเองคือ
มันจะชักนำเราให้ไปสู่หนทางที่อิบลิสเดิน...
ความอิจฉาจะตามติดมา ความมาดร้าย ความโอ้อวด
คุณลักษณะของอิบลิสก็จะตามมาเกาะแน่นในหัวใจเรา
หากหัวใจเรายังมีความทะนงตน หลงตัวเองเกาะกินหัวใจเราอยู่

รักตัวเอง กับ หลงตัวเอง นั้นไม่เหมือนกัน...

แม้ความรักกับความลุ่มหลงจะอยู่ใกล้กันเพียงแค่นิดเดียวก็ตาม...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged