ยอมรับว่าไม่สันทัดในภาษาอังกฤษนัก เข้าไปอ่านแล้วยังมึนๆ
แต่โดยรวมแล้ว เข้าใจว่า...ผู้เข้ารับอิสลามนั้น เป็นคริสเตียนมาก่อน
เลยนำศาสนาก่อนหน้าที่ศรัทธามาเปรียบเทียบกับอิสลามที่ได้ศึกษาเพิ่มเติม
แล้วเลยสรุปว่า มุสลิมนั้นเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของเยซูอย่างแท้จริง
ซึ่งโดยส่วนตัวของข้าน้อยนั้น...ไม่ได้นึกคิดว่าที่ปฏิบัติอยู่นั้น
เป็นการปฏิบัติตามเยซูหรือไม่ เพราะไม่ได้ศึกษาคริสตศาสนาให้ลึกลงไป
แต่เชื่อและศรัทธาพร้อมกับปฏิบัติตามศาสนทูตมุฮัมหมัด ซอลลัลลอ
ฮุอะลัยฮิวะซัลลัม...เพราะเชื่อว่าท่านได้รับวะฮีมาจากอัลลอฮฺ...
ผ่านทางญิบรีล...เพื่อมาสั่งสอนประชาชาติของท่านในยุคสุดท้ายนี้
ไม่ให้หลงผิดเดินหลงทาง...
ท่านคือ "อิฐก้อนสุดท้าย" เป็น "ศาสนทูตคนสุดท้้าย"
และเคยได้ฟังอะไรๆมาจากน้องที่เป็นคริสเตียน รับรู้ได้มาโดยตลอดว่า
น้องเขารักในเยซูคริสต์มาก...ทั้งรัก เคารพ ยกย่องและศรัทธา...
ข้าน้อยนั้นรักนาบีอีซายามเมื่อได้อ่านประวัติของท่าน แต่ไม่ได้รู้สึกเลยว่า
เยซูคริสต์ที่น้องคนนั้นรักคือนบีอีซาที่ข้าน้อยรักยามได้ศึกษาประวัติ
ของนบีอีซา อะลัยอิสลามจากอัลกุรอาน...
รู้สึกว่าคุณลักษณะของเยซูตามความเชื่อคริสเตียนกับที่อัลกุรอานบอกไว้
เกี่ยวกับนบีอีซา อะลัยอิสลามนั้นไม่เหมือนกัน...มีบ้างที่คล้ายคลึง แต่ไม่เหมือนกัน...
และข้าน้อยก็รักนบีอีซาตามคุณลักษณะที่ปรากฎในอัลกุรอ่าน...
เชื่อเกี่ยวกับนบีอีซาตามอัลกุรอ่านบอกไว้เกี่ยวกับท่าน ส่วนที่เหลือจากนั้น
ที่อัลลอฮฺไม่ได้ระบุไว้ในอัลกุรอ่าน ก็ตะวักกัล มอบหมายไปยังอัลลอฮฺ
เพราะความรู้ทั้งหมดอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ เรารู้เท่าที่อัลลอฮฺให้เรารู้...
และทำตามในสิ่งที่อัลลอฮฺบัญชามาผ่านท่านนบีมุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัย
ฮิวะซัลลัม...
เพราะมีหลายๆคน พยายามดึงให้ศาสนาอิสลามโยงกับศาสนานั้นศาสนานี้
มีการโยงเรื่องราวของพุทธเข้ากับนบีมุฮัมหมัดก็มีมาแล้ว...
มีคนบอกว่า เจ้าชายสิทธัตถะคือนบีคนหนึ่งที่อัลลอฮฺส่งมายังโลกนี้ก็มีมาแล้ว...
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ไร้การยืนยันจากอัลกุรอ่าน ข้าน้อยก็แค่อ่านเพื่อศึกษาเท่านั้น
ไม่ได้ให้การยอมรับหรือเชื่อถืออย่างจริงๆจังๆ...
ปล.ไม่ได้พยายามจะออกนอกเรื่องนะคะ แค่อยากจะบอกจะเตือน
แก่ผู้ศึกษาศาสนาทั้งหลายว่า...การศึกษาศาสนาเปรียบเทียบนั้นอันตราย
ไม่น้อย ตรงที่อาจจะทำให้อะกีดะห์เราเสียได้...เวลาอ่านเรื่องราวของ
คนโน้นคนนี้ที่นำศาสนาโน้นมาเปรียบกับอิสลามนั้น ก็ให้อ่านไปแล้วสำเหนียก
ถึงหลักอะกีดะห์ของเราไปด้วย...เราจะได้ไม่ถูกทำให้หลงทางโดยไม่รู้ตัว...
หรือถูกกลืนกินโดยละม่อม...
สำคัญคือ...พยายามศึกษาศาสนาอิสลามที่เราศรัทธาให้ถ่องแท้เสียก่อน
เพราะแค่ อิสลาม ก็เพียงพอแล้วกับชีวิตทั้งชีวิตของเราในโลกดุนยานี้...
และความรู้ในอัลกุรอ่านก็มากเกินที่ชีวิตนี้ของเราจะศึกษาได้หมด...
...อิสลามสมบูรณ์แล้ว...โดยไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาเติมเต็มอีก....
มีเพียงเราที่ยังไม่อาจทำให้อิสลามในตัวเราสมบูรณ์ได้...
ปล.อีกที...ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ...ไม่ได้มีเจตนาใดๆที่เข้ามาพูดคุย
แลกเปลี่ยนด้วย นอกจากว่า...อยากเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองความเห็น
เพราะว่า...ส่วนหนึ่งได้เจอสื่อในหลายๆด้านพยายามจะบิดเบือนอิสลาม
มีคนมากมายมาอ้างตนว่าเป็นมุสลิมแล้วก็ทำการบิดเบือนคำสอน
ในอิสลามจนเกลื่อนในโลกโซเชียล จนหลานท่ีได้เข้าไปอ่านเกิดสงสัย
ในอัลลอฮฺบ้าง นบีบ้าง สงสัยเรื่องที่ไม่ควรสงสัย...แล้วไปเอาเรื่องที่
ถูกบิดเบือนมาใส่หัว...พูดเป็นเรื่องเป็นราว เอามาเถียงเราก็มี
คือ...มีคนพยายามทำลายอิสลามอย่างเงียบๆ แต่ทรงพลังยิ่ง...
โดยเลือกทำลายหน่อของอิสลาม ซึ่งก็คือเด็กๆของเรา...
ไปจนถึงเด็กๆในวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น...ค่อยๆแทรกค่อยๆซึม...
ผ่านทางนิยาย ภาพยนตร์ การ์ตูน เกมส์ ไม่เว้นแม้กระทั่งในเฟสบุ้ค
โดยไม่ได้เหยียดหยามอิสลามโดยตรง แต่เหยียดหยามหลักปฏิบัติ
และหลักศรัทธาบางข้อในอิสลามให้เด็กๆค่อยๆรู้สึกว่าสิ่งที่ตนศรัทธา
ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง...โดยคนๆนั้นพยายามบอกว่าตนเป็นมุสลิม...
แล้วนำหลักการอิสลามมาเผยแผ่แบบซ่อนนัยยะอื่นแฝงไว้ด้วย
อย่างแนบเนียน...
พอได้อ่านอะไรที่เป็นเรื่องศาสนาเปรียบเทียบเลยอดรู้สึกเป็นห่วง
อะกีดะห์คนอ่านไม่ได้ทุกทีค่ะ ^^
ก่อนจากไปขอจบด้วย...
วจนะของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ที่ความว่า :
"อุปมาตัวฉัน และบรรดาศาสดาประกาศก่อนหน้าฉัน
อุปมัยดั่งชายผู้หนึ่ง ได้สร้างบ้านหลังหนึ่ง และเขาก็ตบแต่งบ้านนั้นอย่างสวยงาม ยกเว้นที่ของอิฐก้อนหนึ่ง จากมุมหนึ่งของบ้านหลังนั้น
แล้วผู้คนก็เริ่มเดินวนรอบบ้านหลังนั้น และแสดงความประหลาดใจ พลางกล่าวว่า :
ไฉนหนออิฐก้อนนี้ จึงมิถูกวางลงไป!! ท่านนบีกล่าวความว่า :
"ฉันคืออิฐก้อนนั้น และฉันคือศาสดาประกาศคนสุดท้าย"
(รายงานโดยมุสลิม)
ผิดพลาดประการใด ตักเตือนแนะนำกันด้วยนะคะ ^^
วัสลามค่ะ