วะอะลัยกุมมุสลามค่ะ...
เคยมีการเสวนาเรื่องดังกล่าวในกระทู้ด้านล่างนี้กันมาบ้างแล้วน่ะค่ะ
ลองเข้าไปส่องดูนะคะ
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,4169.0.htmlโดยส่วนตัวแล้ว...มองว่า "น้ำเสียง" ของผู้หญิง มีเสน่ห์และดับเสน่ห์ได้
ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้จังหวะ จะโคนไหนเวลาพูด
คือต้องดูไปตามกาลเทศะ (คือต้องดูเวลาและสถานที่)
ที่สำคัญ ต้องดูว่า เรากำลังพูดกับใคร...
ต้องยอมรับอยู่ข้อนึงว่า "น้ำเสียง" ของผู้หญิง สำหรับคนที่พูดเสียงหวาน
ไพเราะเพราะพริ้งนั้น สามารถทำให้คนฟังหลงใหลได้ค่ะ...
มิเช่นนั้นจะมีคนขายเสียงกันได้อย่างไรกัน...บางคนพูดจนเราฟังเพลิน
รื่นหู อยากฟังแล้วฟังอีก...มันฟังได้ไม่รู้เบื่อ นั่นล่ะค่ะ เสน่ห์ที่มาทางเสียง
ของอิสตรี...ผู้หญิงที่ร้องเพลงได้ไพเราะนั่นก็อีก...แม้ว่าหน้าตาจะดูธรรมดาๆ
แต่หากมีน้ำเสียงอันไพเราะ คนก็ย่อมจะหลงใหลได้เช่นกัน...
บางรายเป็นเสียงโดยธรรมชาติ ไม่ได้ดัดแปลงให้หวานหรือไพเราะ
คือเสียงเป็นเช่นนั้นโดยปกติเวลาพูดอยู่แล้ว บางคนก็สามารถพูดดัดเอาได้
เสียงของคนมีโทนเสียงสูงต่ำ ขึ้นกับว่าคนๆนั้นจะมีความสามารถในการ
ใช้เสียง ดัดเสียงได้เก่งแค่ไหน...หรือเลือกใช้น้ำเสียงโทนไหนในการพูดกับผู้คน
ที่เหมาะสมคือ เราไม่ควรใช้น้ำเสียงหวานหูจนทำให้คนทั่วๆไปหลงใหล
ไปกับน้ำเสียงของเรา เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อเราได้น่ะค่ะ
แต่กับผู้เป็นสามี พ่อแม่ พี่น้องของเรา จะเอาให้หวานอย่างไรก็ไม่เป็นไร
เป็นข้อดีเสียอีกค่ะ...
มันเป็นส่วนหนึ่งของจริตจก้านของเหล่าสตรีเพศค่ะ...
เพราะโดยส่วนตัวนั้น สามารถเลือกใช้โทนเสียงต่างๆได้ค่ะ
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้านายที่เป็นผู้หญิง ใช้ให้ข้าน้อยพูดกับลูกค้าให้
บอกว่าเรามีน้ำเสียงที่ดีและฟังดูสุภาพ ไม่หยาบและไม่แข็งจนเกินไป
ลูกค้าน่าจะฟังรื่นหูดี...และภาษาญี่ปุ่นก็ใช้ได้ไม่ผิดหลักไวยากรณ์มากนัก
งานก็เลยเข้า...
ยิ่งพอรู้ว่า ลูกค้ามีทั้งชายและหญิงรวมกัน เลยยิ่งต้องระมัดระวังเรื่องคำพูดและน้ำเสียง
มากขึ้นอีกเท่าตัว คือต้องพยายามหาจุดที่เหมาะสมให้ได้น่ะค่ะ
ตอนนั้นทำการบ้านอย่างหนัก...
แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี...
จึงอยากบอกว่า...บางครั้งน้ำเสียงของเราก็สามารถสร้างกระแสด้านลบ
และด้านบวกได้ และเราต้องระวังการใช้มันด้วยน่ะค่ะ...