ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนชะอฺบานเดือนที่ถูกลืม(คุฏบะฮ์วันศุกร์2)  (อ่าน 8481 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

เดือนชะอฺบานนั้น  ยังเป็นเดือนที่มีความประเสริฐและมีความโดดเด่นกว่าเดือนอื่น ๆ  เดือนนี้ถือเป็นเดือนที่บรรดาอะมัลถูกยกนำเสนอต่ออัลเลาะฮ์ ตาอาลา  เป็นเดือนที่อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้ขอความเมตตาต่อพระองค์  เป็นเดือนที่พระองค์ทรงอภัยโทษแก่บรดาผู้ขออภัยโทษกับพระองค์  และยังเป็นเดือนที่อัลเลาะฮ์ ตาอาลา ทรงปลดปล่อยปวงบ่าวของพระองค์ออกจากไฟนรก

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ มารดาแห่งศรัทธาชน กล่าวว่า "ฉันไม่เคยเห็นท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถือศีลอดสมบูรณ์ในเดือนหนึ่งนอกจากเดือนร่อมะฏอน และฉันไม่เคยเห็นท่านร่อซูลุลเลาะฮ์จะทำการถือศีลอดจากเดือนหนึ่งมากไปว่าเดือนชะอฺบาน" รายงานโดยบุคอรีย์

ท่านอุซามะฮ์ บิน เซด กล่าวว่า "ฉันได้กล่าวว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ฉันไม่เคยเห็นท่านทำการถือศีลอดในเดือนหนึ่งจากบรรดาเดือนทั้งหลายเหมือนกับการถือศีลอดในเดือนชะอฺบานเลย ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ดังกล่าวเป็นเดือนที่ผู้คนทั้งหลายลืม ซึ่งมันอยู่ระหว่างเดือนร่อญับและเดือนร่อมะฏอน และ(เดือนชะอฺบานนั้น)มันเป็นเดือนที่บรรดาอะมัลทั้งหลายถูกรายงานสู่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ดังนั้นท่านจึงชอบที่จะให้อะมัลของฉันถูกรายงานในสภาพที่ฉันถือศีลอด" รายงานโดยอันนะซาอี

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวหะดิษนี้ให้แก่เรา  เพื่อผลักดันให้ทุกคนมีสายใยแห่งอีหม่านเกิดขึ้นระหว่างเขากับอัลเลาะฮ์ด้วยการทำอิบาดะฮ์  เพื่อให้ทุกคนหวนกลับไปยังพระองค์โดยทำการเตาบะฮ์จากบาปต่าง ๆ ของเขา  เพื่อให้ทุกคนทุ่มเทกระทำความดีงามในทุกรูปแบบเพื่อบรรดาอะมัลของเขาจะถูกนำเสนอไปยังอัลเลาะฮ์ในเดือนชะอฺบานนี้  และหวังว่าบรรดาอะมัลคุณงามดีต่าง ๆ ที่ได้กระทำในเดือนนี้จะได้ลบล้างความชั่วต่าง ๆ ที่เราได้กระทำผ่านพ้นมา  แม้จะเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาแล้วก็ตาม  อินชาอัลเลาะฮ์   

รายงานจากท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ ท่านกล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) "เมื่อถึงคืนนิสฟูชะอฺบาน พวกท่านจงละหมาด(ทำอิบาดะฮ์)ในช่วงกลางคืนและทำการถือศีลอดในช่วงกลางวัน เพราะหลังจากดวงอาทิตย์ลับ อัลเลาะฮ์ทรงลง(ความจำเริญ) มาสู่ฟากฟ้าชั้นล่างสุด และพระองค์กล่าวว่า ไม่มีผู้ขออภัยโทษกับข้าฯดอกหรือ เพื่อข้าฯจะอภัยให้แก่เขา ไม่มีผู้วอนขอริสกีดอกหรือ เพื่อข้าฯจะประทานริสกีให้แก่เขา ไม่มีผู้ได้รับบาลออฺการทดสอบดอกหรือ เพื่อข้าฯจะให้เขาหาย ไม่มีผู้เป็นเช่นนั้น เช่นนี้ดอกหรือ จนกระทั่งแสงอรุณขึ้น" รายงานโดย อิบนุมาญะฮ์  และ ท่านอัลบัยฮะกีย์

รายงานจากอับดุลเลาะฮ์ บิน อัมร์ ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "อัลเลาะฮ์จะทรงมองมาจากมัคโลคของท่านในค่ำคืนนิสฟูชะอฺบาน ดังนั้นพระองค์ทรงอภัยให้แก่บรรดาปวงบ่าวนอกจากสองบุคคลเท่านั้น คือผู้ที่สร้างความรังเกียจต่อกันและผู้ที่ฆ่ากับชีวิตหนึ่ง" รายงานโดยท่านอิมามอะห์มัด

รายงานจากมุอาซฺ บิน ญะบัล ว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "อัลเลาะฮ์จะมองมายังมัคโลคของพระองค์ในคืนนิสฟูชะอฺบาน แล้วพระองค์ก็จะทรงอภัยให้บรรดามัคโลคทั้งหมดนอกจากผู้ตั้งภาคีหรือผู้ที่สร้างความรังเกียจต่อกัน" รายงานโดยท่านอิบนุฮิบาน

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  เรามีความจำเป็นที่จะต้องฉวยโอกาสในยามที่อัลเลาะฮ์ทรงสำแดงความเมตตาที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์  ซึ่งเราก็ทราบดีว่าเรานั้นมีบาปที่ไม่สามารถรอดพ้นจากมันได้เลย  นอกจากเสียว่าเราจะทำการเก็บเกี่ยวช่วงเวลาต่าง ๆ นี้ที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกเล่าให้เราทราบ  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานความเมตตาต่อปวงบ่าวของพระองค์  และไม่มีหนทางใดอีกแล้วนอกจากโอกาสเหล่านี้ที่เราจะวอนขอความเมตตาต่ออัลเลาะฮ์  ขออภัยโทษต่อพระองค์ ทำการแผ่ฝ่ามือวอนขอต่อพระองค์อย่างนอบน้อมเพื่อให้พระองค์ทรงบรรเทาลดบาปต่าง ๆ ให้ออกไปจากเรา  และให้พระองค์ทรงอภัยและประทานสุขภาพที่ดีแก่เรา

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  เดือนชะอฺบานนี้  เป็นเดือนที่ผู้คนมากมายต่างหลงลืมถึงความสำคัญที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้  ดังนั้น  หากเราจะมองและพิจารณาถึงความเมตตาของอัลเลาะฮ์ตาอาลา นั้น  สมมุติว่ามีบ่าวคนหนึ่งที่มีความอธรรมต่อตัวเขาเองอีกทั้งยังมีบาปหนา  ได้รุดไปยังประตูของอัลเลาะฮ์แล้วทำการเคาะประตูนั้นเพื่อขออภัยโทษจากพระองค์  แต่ความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม  เพราะอัลเลาะฮ์ตาอาลาจะทรงเชื่อมสัมพันธ์กับปวงบ่าวของพระองค์ด้วยการเรียกร้องให้พวกเขาหวนกลับไปปรับปรุงตนเองกับพระองค์  เรียกร้องพวกเขาให้เข้าไปสู่ปกเกล้าของพระองค์เพื่อจะทรงประทานความเมตตาและอภัยโทษให้กับพวกเขา  อีกทั้งยังปลดเปลื้องบาปให้ออกไป  ซึ่งนั่นคือรูปแบบหนึ่งจากรูปแบบต่าง ๆ แห่งความเมตตาของอัลเลาะฮ์ที่มีต่อปวงบ่าว  มันเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้มนุษย์มีความละอายต่อพระองค์  กล่าวคือความละอายของมนุษย์ที่ไม่ทำการเตาบัตขออภัยโทษและขอความเมตตาต่อพระองค์  ทั้งที่พระองค์ทรงเปิดโอกาสเป็นพิเศษให้ในเดือนชะอฺบานนี้แล้ว 

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  เดือนชะอฺบานนี้  อัลเลาะฮ์ทรงเรียกร้องพวกเราไปสู่พระองค์ในทุกโมงยามเพื่อพระองค์จะทรงประทานความเมตตาและอภัยโทษ  แต่เรากลับทำเพิกเฉย  หันหลังให้  ทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างไม่ละอาย  ทั้งที่พระองค์กำลังกล่าวแก่เราว่า  ขณะนี้ถึงเวลาที่เราได้อนุญาตให้พวกเจ้ากลับมายังเราก่อนที่โอกาสอันดีจะสิ้นสุดลง  ซึ่งมันถึงเวลาแล้ว

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

أَلَمْ يَأْنِ لِلَّذِينَ آمَنُوا أَنْ تَخْشَعَ قُلُوبُهُمْ لِذِكْرِ اللَّهِ وَما نَزَلَ مِنَ الْحَقِّ وَلا يَكُونُوا كَالَّذِينَ أُوتُوا الْكِتابَ مِنْ قَبْلُ فَطالَ عَلَيْهِمُ الأَمَدُ فَقَسَتْ قُلُوبُهُمْ

"ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือ  สำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมเพื่อการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์   และระลึกถึงสัจธรรมที่ประทานลงมา(สู่พวกเขา)?  และพวกเขาจงอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่เคยถูกประทานคัมภีร์ให้เมื่อยุคก่อน ๆ แต่แล้วเมื่อกาลเวลาได้ผ่านพวกเขาไปอย่างยาวนาน  หัวใจของพวกเขาก็แข็งกระด้างและส่วนมากของพวกเขาล้วนเป็นผู้ฝ่าฝืน" อัลหะดีด 16
นั่นคือรูปแบบหนึ่งจากรูปแบบต่าง ๆ จากความเมตตาของอัลเลาะฮ์ที่มีเกียรติยิ่ง

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย!   ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมิใช่หมายความว่า  เป็นความเพียงพอสำหรับมุสลิมคนหนึ่งที่ได้หวนกลับไปหาอัลเลาะฮ์เพื่อขอเพิ่มพูนความเมตตาและขออภัยต่ออัลเลาะฮ์ให้กับตัวเขาเองเพียงแค่โอกาสนี้เพียงเท่านั้น  พอโอกาสนี้หมดไปเขาก็กลับมาทำการฝ่าฝืนเหมือนเดิม  ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลายโปรดเข้าใจว่า  โอกาสต่าง ๆ ที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้นั้นมีอย่างต่อเนื่องและไม่ขาดตอน  ซึ่งมันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความเมตตาของอัลเลาะฮ์ที่เราต้องตระหนักว่า เราต้องมุ่งสู่พระองค์อย่างสม่ำเสมอ

พระองค์ทรงตรัสความว่า

وَاعْبُدْ رَبَّكَ حَتَّى يَأْتِيَكَ الْيَقِينُ

"เจ้าจงอิบาดะฮ์ต่อองค์อภิบาลของเจ้าจนกว่า (ความตายอันเป็นสิ่งที่เจ้ามี) ความมั่นใจมาประสบแก่ตัวเจ้า" อัลฮิจริ์ 99

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

قُلْ إِنَّ صَلاتِي وَنُسُكِي وَمَحْيايَ وَمَماتِي لِلَّهِ رَبِّ الْعالَمِينَ

"จงประกาศเถิด  แท้จริงการละหมาดของฉัน , การทำอิบาดะฮ์ของฉัน , การมีชีวิตของฉัน , และการตายของฉัน  เพื่ออัลเลาะฮ์  ผู้ทรงอภิบาลแห่งโลกทั้งมวล" อัลอันอาม 162

ดังนั้น  เราจำเป็นต้องทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา จนกระทั่งตาย  แต่เดือนชะอฺบานถือเป็นโอกาสหนึ่งที่สำคัญในการหวนกลับไปสู่การขอการอภัยโทษที่เราต้องฉวยเก็บเกี่ยวมันไว้  อย่ารอไว้โอกาสหน้า  เพราะบางครั้งท่านอาจจะไม่มีโอกาสหน้าอีกแล้ว  เนื่องจากความตายอาจจะมาเยือนท่านได้ทุกเวลา

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย  สมควรที่เราจำต้องทราบว่า  ความเป็นทาสบ่าวของเราที่มีต่ออัลเลาะฮ์นั้น  เป็นสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ภายใน  ความเป็นทาสบ่าวของเรานั้นยังเป็นตัวตนอยู่ภายในตัวเราที่ไม่มีวันเปลี่ยนผัน  ดังนั้น  การทำอะบาดะฮ์ของเราจึงต้องคงมีอยู่ตลอดไป  อิบาดะฮ์นั้นมีปลายประเภท  ซึ่งอิบาดะฮ์ลำดับแรก ๆ ที่ประเสริฐยิ่งคือการมุ่งวอนขอดุอาอ์อันนอบน้อมต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา เพราะฉะนั้น  ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเป็นบ่าวที่เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์   เขาก็ยังต้องการที่จะให้พระองค์ทรงคุ้มครองดูแล  เหตุดังกล่าวนี้  เราจึงต้องวอนขอความช่วยเหลือและขอดุอาอ์ต่อพระองค์ในทุกเวลา  คืนนิสฟูชะอฺบาน  เราจงขอให้อภัยโทษต่ออัลเลาะฮ์  ขอให้พระองค์ทรงประทานริสกีที่ดี และขอความช่วยเหลือจากพระองค์ให้พ้นจากภัยบะลอกันเถิด

أقول قولى هذا وأستغفر الله العظيم لى ولكم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
 :)ขอบคุณครับ ;D
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย  สมควรที่เราจำต้องทราบว่า  ความเป็นทาสบ่าวของเราที่มีต่ออัลเลาะฮ์นั้น  เป็นสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ภายใน  ความเป็นทาสบ่าวของเรานั้นยังเป็นตัวตนอยู่ภายในตัวเราที่ไม่มีวันเปลี่ยนผัน  ดังนั้น  การทำอะบาดะฮ์ของเราจึงต้องคงมีอยู่ตลอดไป  อิบาดะฮ์นั้นมีปลายประเภท  ซึ่งอิบาดะฮ์ลำดับแรก ๆ ที่ประเสริฐยิ่งคือการมุ่งวอนขอดุอาอ์อันนอบน้อมต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา เพราะฉะนั้น  ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเป็นบ่าวที่เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์   เขาก็ยังต้องการที่จะให้พระองค์ทรงคุ้มครองดูแล  เหตุดังกล่าวนี้  เราจึงต้องวอนขอความช่วยเหลือและขอดุอาอ์ต่อพระองค์ในทุกเวลา  คืนนิสฟูชะอฺบาน  เราจงขอให้อภัยโทษต่ออัลเลาะฮ์  ขอให้พระองค์ทรงประทานริสกีที่ดี และขอความช่วยเหลือจากพระองค์ให้พ้นจากภัยบะลอกันเถิด

       แสดงว่าความเป็นทาสบ่าวอันต่ำต้อยของมนุษย์ไม่ได้แสดงออกกันมาทางภายนอก  บางคนทำท่าเดินนอบน้อมถ่อมตน  แต่จิตใจยะโสมองคนอื่นชั่วไปเสียทั้งหมดและตนเองดีกว่าคนอื่นไปเสียหมด  นั่นเป็นเพราะว่าลักษณะความทาสบ่าวภายในมันชักจะสั่นคลอน

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
ขอน่ะครับ
 ;D ;D ;D
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อายะฮฺของอัลกุรอ่านที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)

ได้ทราบมาว่าเป็นส่วนหนึ่งในดุอาในคืนนิสฟูชะอฺบานที่ใช้กันในประเทศไทย

ช่วยชี้แจงด้วยครับ ว่าเป็นยังไงกันแน่

วัสลาม

ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อายะฮฺของอัลกุรอ่านที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)

ได้ทราบมาว่าเป็นส่วนหนึ่งในดุอาในคืนนิสฟูชะอฺบานที่ใช้กันในประเทศไทย

ช่วยชี้แจงด้วยครับ ว่าเป็นยังไงกันแน่

วัสลาม


ก็คืนนั้น...อัลเลาะฮ์จะทรงอธิบายความผิดให้แก่มัคโลค...การอภัยผิดก็คือการลบความผิดให้หมดไป...จึงไม่แปลกอะไรที่จะเอาอัลกุรอานมาอยู่ในส่วนประกอบของดุอาอ์เพื่อขออภัยโทษต่ออัลเลาะฮ์ให้ลบล้างบาปออกไป...

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อายะฮฺของอัลกุรอ่านที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)

อายะฮฺนี้ได้ถูกนำไปบรรจุอยู่ในดุอาอฺ ของคืนนิสฟุชะอฺบาน โดยเข้าใจว่าอัลลอฮฺทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงให้อายุยืนยาว ริสกีเพิ่มพูน และความทุกข์ยากให้เป็นความผาสุก และพระองค์จะทรงคงไว้ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะเป้าหมายของอายะฮฺนี้คือ พระองค์อัลลออฺทรงตอบโต้ ต่อคำพูดของบรรดาผู้ปฏิเสธ ที่ขอให้ท่านนบีมุฮัมมัด  นำเอามัวะอฺญิซาต (อภินิหาร) ของนบีก่อน ๆ มาเสนอ เช่นมัวะอฺญิซาตของท่านนบีอิบรอฮีม มูซา อีซา เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงการเป็นศาสดา ของนบีมุฮัมมัด  อัลลออฺจึงได้ทรงประทานอายะฮฺนี้มา

โดย อาจารย์มุนีร มุฮัมมัด

ถูกผิดยังไง

บัง kowee หรือใครก็ได้นะครับ ช่วยอธิบายหน่อย
พอดีไม่เคยใช้ อยากใช้ แต่ไม่มั่นใจครับ

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อายะฮฺของอัลกุรอ่านที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)

อายะฮฺนี้ได้ถูกนำไปบรรจุอยู่ในดุอาอฺ ของคืนนิสฟุชะอฺบาน โดยเข้าใจว่าอัลลอฮฺทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงให้อายุยืนยาว ริสกีเพิ่มพูน และความทุกข์ยากให้เป็นความผาสุก และพระองค์จะทรงคงไว้ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะเป้าหมายของอายะฮฺนี้คือ พระองค์อัลลออฺทรงตอบโต้ ต่อคำพูดของบรรดาผู้ปฏิเสธ ที่ขอให้ท่านนบีมุฮัมมัด  นำเอามัวะอฺญิซาต (อภินิหาร) ของนบีก่อน ๆ มาเสนอ เช่นมัวะอฺญิซาตของท่านนบีอิบรอฮีม มูซา อีซา เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงการเป็นศาสดา ของนบีมุฮัมมัด  อัลลออฺจึงได้ทรงประทานอายะฮฺนี้มา

โดย อาจารย์มุนีร มุฮัมมัด

ถูกผิดยังไง

เป็นการตั้งประเด็นขึ้นมาน่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียวครับ  ญะซากัลลอฮ์   เราจะทำการชี้แจงต่อไปครับ  อินชาอัลเลาะฮุตาอาลา
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อายะฮฺของอัลกุรอ่านที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)

อายะฮฺนี้ได้ถูกนำไปบรรจุอยู่ในดุอาอฺ ของคืนนิสฟุชะอฺบาน โดยเข้าใจว่าอัลลอฮฺทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงให้อายุยืนยาว ริสกีเพิ่มพูน และความทุกข์ยากให้เป็นความผาสุก และพระองค์จะทรงคงไว้ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะเป้าหมายของอายะฮฺนี้คือ พระองค์อัลลออฺทรงตอบโต้ ต่อคำพูดของบรรดาผู้ปฏิเสธ ที่ขอให้ท่านนบีมุฮัมมัด  นำเอามัวะอฺญิซาต (อภินิหาร) ของนบีก่อน ๆ มาเสนอ เช่นมัวะอฺญิซาตของท่านนบีอิบรอฮีม มูซา อีซา เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงการเป็นศาสดา ของนบีมุฮัมมัด  อัลลออฺจึงได้ทรงประทานอายะฮฺนี้มา

โดย อาจารย์มุนีร มุฮัมมัด

ถูกผิดยังไง

อายะฮฺของอัลกุรอ่านที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)
อายะฮ์นี้หากเราไม่เข้าใจ  ก็ไม่สมควรแช่แข็งเพียงแค่มูลเหตุของอายะฮ์ (อัสบาบุนนุซูล) และการกล่าว "ว่าอัลลอฮฺทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงให้อายุยืนยาว ริสกีเพิ่มพูน และความทุกข์ยากให้เป็นความผาสุก และพระองค์จะทรงคงไว้ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด" นั้น  คือได้ยึดมาจากสายรายงานที่ฏออีฟเป็นอย่างยิ่งจากท่านอิบนุอับบาส โดยการรายงานของอัลกะลิบีย์  ท่านอิมามอัลกุรฏูบีย์ ได้กล่าวว่า "หากรายงานไม่ซอฮิห์  ดังนั้นที่ชัดเจนยิ่งกว่า  คืออายะฮ์นี้มีความหมายครอบคลุมในประการทั้งหมด วัลลอฮุอะลัม" ตัฟซีรอัลกุรฏุบีย์ ซูเราะฮ์อัลอัรเราะอฺดุ/39

ประเด็นปัญหาอันสำคัญที่ผู้คนทั่วไปอาจจะคุ้นคิดกันก็คือ  กรณีที่อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงตรัส ความว่า

"อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" (อัรเราะอฺดุ /39)
และหะดิษที่ท่านอิบนุอับบาสได้รายงานว่า ".....บรรดาปากกาถูกยกแล้วและบันทึกได้แห้งแล้ว" รายงานโดยติรมีซีย์  ท่านอัตติรมีซ๊ย์กล่าวว่า เป็นหะดิษหะซันซอฮิห์

หากดูผิวเผินแล้วนั้น  เหมือนกับว่าอัลกุรอานและหะดิษจะขัดแย้งกัน  เพราะอัลกุรอานได้ระบุว่า อัลเลาะฮ์ทรงลบตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่หะดิษได้บอกว่าการบันทึกได้เหือดแห้งไปแล้ว  บรรดาการงานได้ถูกบันทึกไว้เสร็จสรรพจากอดีตจวบจนถึงอนาคตต่อไปข้างหน้า

เราขอชี้แจงว่า  การกำหนดสภาวะของอัลเลาะฮ์นั้น  ได้ถูกบันทึกไว้ 2 ที่

1. บันทึกไว้ใน แม่บทแห่งบันทึก (อุมุลกิตาบ)

2. บันทึกไว้ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺ 

สิ่งที่ได้ยืนยันเกี่ยวกับการกำหนดสภาวะของอัลเลาะฮ์ไว้ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺนั้น  เพื่อเสนอให้บรรดามะลาอิกะฮ์  บรรดานบี และบรรดาร่อซูล  ได้แลเห็นและรับรู้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์  ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เร้นลับที่อัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้ได้เพียงพระองค์  แต่พระองค์ทรงให้ผู้อื่นรับรู้ในบางส่วนด้วย

ซึ่งส่วนมากจากสิ่งที่ได้ถูกบันทึกไว้ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺจะเป็น กอฏอมุอัลลัก (ไม่ใช่กอฏอมุบร๊อมที่มีการกำหนดตายตัว) ซึ่งกอฏอมุอัลลักนั้น  ต้องขึ้นอยู่กับสถานะภาพของมนุษย์ที่ประพฤติปฏิบัติและดุอาอ์วอนขอ  แม้กระทั่งบรรดามะลาอิกะฮ์และบรรดาร่อซูลเองก็ยังไม่มั่นใจในสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนไปเสียทีเดียว  เนื่องจากพวกเขาไม่ทราบว่า มันเป็นกอฏอมุบร๊อมหรือว่ากอฏอมุอัลลัก

ดังนั้นประเด็นต่าง ๆ ที่ได้ถูกบันทึกไว้ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺ  ย่อมรับการเปลี่ยนแปลงด้วยมูลเหตุต่าง ๆ  เช่นบางครั้งมนุษย์ทำการพึ่งพาต่ออัลเลาะฮ์ด้วยการวอนขอดุอาอ์แต่บางคนไม่ยอมขอดุอาอ์  ผลจึงได้รับต่าง ๆ กัน  และบางคนผลักบะลอให้การทำทานซอดาเกาะฮ์แต่บางคนไม่ทำงาน  ผลที่ได้รับจึงต่างกัน  และบางคนเจ็บป่วยก็ไปรักษาแต่บางคนไม่ยอมไป  ผลย่อมได้รับต่างกัน   คือหากป่วยก็ต้องกินยารักษาถึงจะหาย  เขาเรียกว่า กอฏอมุอัลลัก (การกำหนดที่ถูกวางข้อแม้จากสิ่งที่เราได้กระทำ)

ส่วน อุมมุลกิตาบ (แม่บทบันทึก) ซึ่งเป็นการกำหนดทั้งหมดของอัลเลาะฮ์ และพระองค์องค์เดียวเท่านั้นที่รู้  มันเป็นความเร้นลับที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลย  และยังเป็นการรู้ของพระองค์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่มีการลบ  และเลาฮิลมะห์ฟูซฺนั้น  ได้รับการถ่ายทอดบันทึกมาจากอุมมุลกิตาบมาอีกทีหนึ่ง  ดังนั้น  เมื่อเราพูดถึงคำว่า กอฏอ(การกำหนดสภาวะของอัลเลาะฮ์นั้น)  ย่อมหมายถึง อุมุลกิตาบเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นการกำหนดที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีการลบ  ดังกล่าว ท่านอิมามอัลกุรฏูบีย์จึงกล่าวว่า "ตามหลักอะกีดะฮ์นั้น คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้กับการกำหนดของอัลเลาะฮ์   การทรงลบและทรงคงอยู่ไว้นั้นได้ถูกกำหนดมาก่อน(ไว้ในอุมมุลกิตาบ)แล้ว" ตัฟซีรอัลกุรฏุบีย์ ซูเราะฮ์อัลอัรเราะอฺดุ/39

ตัวอย่างเช่น  ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺบันทึกว่าเขาจะได้ริสกีเท่านี้เท่านั้น  แต่เขาได้กระทำความดีของดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา  ริสกีในเลาฮิลมะห์ฟูซฺจึงถูกเพิ่มพูนให้แก่เขา  แต่ในอุมมุลกิตาบนั้นที่อยู่ ณ อัลเลาะฮ์นั้น  พระองค์ได้รู้มาแต่เดิมแล้วว่า "บ่าวคนนี้ได้รับริสกีเท่านี้เท่านั้น" และพระองค์ก็ทรงรู้มาแล้วว่า "บ่าวคนนี้จะกระทำความดีและขอดุอาอ์ให้เพิ่มริสกี" และพระองค์ก็รู้มาแต่เดิมว่า "พระองค์จะทรงเพิ่มพูนริสกีให้"  ดังนั้น การบันทึกไว้ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺจึงมีการลบและมีการเปลี่ยนแปลง  ส่วนในอุมุลกิตาบนั้น  จะไม่มีการลบและไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ตามความหมายนี้   ท่านอะลีบินอบีฏ๊อลหะฮ์  ได้รายงานจากท่านอิบนุอับบาส  ในความหมายของคำตรัสของอัลเลาะฮ์ที่ว่า "อัลลอฮฺ จะทรงลบสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงคงไว้ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์)" หมายถึง พระองค์จะทรงเปลี่ยนสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงลบกับสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์  และพระองค์จะยังคงอยู่กับสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง  "และ ณ พระองค์มีแม่บทแห่งบันทึก" หมายถึง  ประมวลสิ่งดังกล่าว(ทั้งหมด)นั้น อยู่ ณ ที่พระองค์ ที่อยู่ในอุมมุลกิตาบที่ได้บันทึกไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ถูกให้คงอยู่  ซึ่งทั้งหมดดังกล่าวอยู่ในบันทึก" ดู ตัฟซีรอิบนุกะษีร 2/520

ท่านอิมามอะห์มัดและอิมามอันนะซาอีได้รายงานจาก เษาบาน เขากล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "แท้จริงผู้ชายคนหนึ่งจะถูกห้ามริสกีด้วยเหตุของบาปที่มาประสบกับเขา และการกำหนดจากไม่ถูกโต้กลับนอกจากการดุอาอ์ และจะไม่เพิ่มพูนในอายุไขนอกจากกระทำความดีงาม"   ดังกล่าวหมายถึง  กอฏอมุอัลลักในเลาฮิลมะห์ฟูซฺ   คือเขาจะได้ริสกีเท่านี้  แต่เขาทำความชั่วเยอะ  ริสกีจึงถูกลบออกไปให้เหลือน้อยลง

ท่านอิมามบุคอรีและอิมามมุสลิม ได้รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ความว่า  "ผู้ใดที่ชอบที่จะให้ริสกีแผ่กว้างสำหรับเขาและความตายถูกประวิงสำหรับเขา  ดังนั้น เขาก็จะเชื่อมสัมพันธไมตรีเครื่องญาติ"  หมายถึงการที่อายุไขและริสกีของเขานั้นถูกบันทึกโดยเปลี่ยนแปลงให้อายุยืนและเพิ่มพูนริสกีไว้ในเลาหิลมะห์ฟูซฺ  ซึ่งเรียกว่ากอฏอมุอัลลัก  และการที่เขาได้ทำการเชื่อมสัมพันธไมตรีแล้วมีอายุยืนริสกีเพิ่มพูนนั้น  อัลเลาะฮ์ทรงรู้มาแล้วในแม่บทแห่งบันทึก(อุมมุลกิตาบ) ที่อยู่ ณ พระองค์

ดังนั้น ทัศนะที่ถูกต้องก็คือ  ทุก ๆ สิ่งได้ถูกบันทึกไว้ในเลาฮิลมะห์ฟูซฺ  โดยสามารถมีการลบและทำให้คงอยู่  จนกระทั่งระยะเวลาการตาย  ริสกี  ความสุข  ความทุก  เพราะอายะฮ์ได้ให้ความหมายโดยครอบคลุมในสิ่งดังกล่าวแล้ว  ส่วนสายรายงานต่าง ๆ ที่ระบุยกเว้นว่า กำหนดเวลาตาย  ริสกี  ความทุกข์(บะลา)ความสุข จะไม่เปลี่ยนแปลง ถือว่าเป็นสายรายงานที่ฏออีฟและโมฆะไม่สามารถนำมายึดเป็นหลักยึดมั่นได้เลย

เพราะฉะนั้น  ในคืนนิสฟูชะอฺบานนั้น หากเราได้ขอดุอาอ์  ให้อายุยืนยาว  ให้ได้ริสกีที่ดี  และให้พ้นจากภัยบะลา นั้น อัลเลาะฮ์สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันในเลาฮิลมะห์ฟูซฺได้ครับ  โดยพระองค์ได้บันทึกไว้ในอุมุลกิตาบแล้วว่า เราจะทำการขอดุอาอ์และเราจะถูกตอบรับจากดุอาอ์นั้นโดยเพิ่มพูดริสกี อายุไข และให้พ้นบะลาอฺ 

วัลลอฮุอะลัม

โปรดติดตามต่อไป......อินชาอัลเลาะฮุตะอาลา   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 30, 2007, 09:05 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 salam

วันนี้ได้มีโอกาสหากระทู้เกี่ยวกับอะมัลในเดือนชะอฺบาน ก็เจอหลายกระทู้ และมาสะดุดกับกระทู้นี้
ในกระทู้นี้มีเรื่องการกำหนดสภาวะที่อาจารย์อัลอัซฮารี ได้นำมาให้อ่านกัน ซึ่งอ.อธิบายเรื่องนี้ได้ละเอียดทีเดียวครับ  myGreat:
เหมาะสำหรับคนความรู้น้อยอย่างผมเป็นอย่างยิ่ง  cool2:

ร่ายมายืดยาว...เหอๆ  ;D

โปรดติดตามต่อไป......อินชาอัลเลาะฮุตะอาลา   

คือว่า... ถ้าอ.ว่าง ช่วยนำเสนอต่อนะครับ รออ่านขอรับ  ;D

ญะซากัลลอฮ์ อาจารย์ฯ ล่วงหน้าครับ




เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย!  เดือนชะอฺบานนี้  อัลเลาะฮ์ทรงเรียกร้องพวกเราไปสู่พระองค์ในทุกโมงยามเพื่อพระองค์จะทรงประทานความเมตตาและอภัยโทษ  แต่เรากลับทำเพิกเฉย  หันหลังให้  ทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างไม่ละอาย  ทั้งที่พระองค์กำลังกล่าวแก่เราว่า  ขณะนี้ถึงเวลาที่เราได้อนุญาตให้พวกเจ้ากลับมายังเราก่อนที่โอกาสอันดีจะสิ้นสุดลง  ซึ่งมันถึงเวลาแล้ว

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

أَلَمْ يَأْنِ لِلَّذِينَ آمَنُوا أَنْ تَخْشَعَ قُلُوبُهُمْ لِذِكْرِ اللَّهِ وَما نَزَلَ مِنَ الْحَقِّ وَلا يَكُونُوا كَالَّذِينَ أُوتُوا الْكِتابَ مِنْ قَبْلُ فَطالَ عَلَيْهِمُ الأَمَدُ فَقَسَتْ قُلُوبُهُمْ

"ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือ  สำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมเพื่อการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์   และระลึกถึงสัจธรรมที่ประทานลงมา(สู่พวกเขา)?  และพวกเขาจงอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่เคยถูกประทานคัมภีร์ให้เมื่อยุคก่อน ๆ แต่แล้วเมื่อกาลเวลาได้ผ่านพวกเขาไปอย่างยาวนาน  หัวใจของพวกเขาก็แข็งกระด้างและส่วนมากของพวกเขาล้วนเป็นผู้ฝ่าฝืน" อัลหะดีด 16


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ขุดมาทบทวน

วัสสลาม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
วะอะลัยกุมมุสลาม

ญะซากัลลอฮุคอยรอนแชค่ะ
ที่ขุดมาให้อ่านก่อนนอน...

ตอนที่พ่อพาไปเยี่ยมลุงและญาติๆที่อยู่ห่างไกล
ระหว่างทางพ่อจะสอนและพูดประโยคนึงให้ฟังบ่อยๆตั้งแต่เด็ก

และเพิ่งได้เห็นหลักฐานที่มาของประโยคดังกล่าวก็วันนี้ค่ะ
ประโยคนั้นคือ



ท่านอิมามบุคอรีและอิมามมุสลิม
ได้รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ความว่า 

"ผู้ใดที่ชอบที่จะให้ริสกีแผ่กว้างสำหรับเขาและความตายถูกประวิงสำหรับเขา 
ดังนั้น เขาก็จะเชื่อมสัมพันธไมตรีเครือญาติ" 

หมายถึงการที่อายุไขและริสกีของเขานั้นถูกบันทึก
โดยเปลี่ยนแปลงให้อายุยืนและเพิ่มพูนริสกีไว้ในเลาหิลมะห์ฟูซฺ 
ซึ่งเรียกว่ากอฏอมุอัลลัก 
และการที่เขาได้ทำการเชื่อมสัมพันธไมตรีแล้วมีอายุยืนริสกีเพิ่มพูนนั้น 
อัลเลาะฮ์ทรงรู้มาแล้วในแม่บทแห่งบันทึก(อุมมุลกิตาบ) ที่อยู่ ณ พระองค์


และยังมีอีกบทนึงคือ

และยังบอกว่า...การเปลี่ยนแปลงการกำหนดในสมุดบันทึก
เลาหิลมะฮฺฟูซฺนั้น คือ ดุอา
ดุอาฮฺจึงเป็นอาวุธของเรา...เพราะเลาหิลมะฮฺฟูซฺคือสิ่งหนึ่งที่อัลลอฮฺ
สร้างขึ้นมา พระองค์จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระองค์...
เรามีหน้าที่ขอ เราก็ขอ...ส่วนผลลัพธ์ต่างๆ
เราก็มอบหมายไปยังพระองค์...

พอได้มาอ่านบทความที่อ.อารีฟีนเขียนไว้ จึงทำให้นึกถึง
สิ่งที่พ่อบอกเอาไว้ขึ้นมา...

วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged