السلام عليكم
เห็นว่าดีเลยจัดมาเสริมคร้าบ...
แด่... เพื่อนมุสลิมะฮฺที่รัก
เคยลองนั่งคิดเล่นๆ ถึงความแตกต่างระหว่างหญิงต่างศาสนิก กับหญิงมุสลิมไม๊ ?
ไม่รู้สินะ .. ว่าสิ่งที่เคยคิดจะผิดถูกอย่างไร แต่คิดว่าสิ่งที่จะเขียนต่อไป น่าจะให้ข้อคิดดีๆ แก่คนช่างคิดอย่างเธอบ้าง?ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยที่สุด ?มุสลิมะฮฺ รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้คืออะไร ?.
ขณะเดียวกันกับที่หญิงอื่น มีชีวิตที่พึ่งพิงต่อสิ่งซึ่งสมมติเองว่ามีอานุภาพต่อจิตใจ สมมติเองว่าน่าจะให้คุณให้โทษแก่เขาได้ ดำเนินชิวิตอย่างที่ไม่มีวันได้รู้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาคืออะไร ? ไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร ? มีชีวิตอยู่ทำไม ? และตายแล้วจะไปไหน ?
มุสลิมะฮฺ รู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งสำหรับชีวิตลูกผู้หญิงที่ควรรักษาคือ อะไร ?
ขณะเดียวกันกับที่หญิงอื่น ไม่เคยรู้หรือรู้แต่ไม่เห็นคุณค่าและความสำคัญ หรือไม่เคยสนใจและเอาใจใส่ต่อสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย
อิสลาม..เป็นศาสนาเดียวที่ให้เกียรติสตรี และรักษาศักดิ์ศรีสตรี คุ้มครองและปกป้องสตรีในทุกๆ ด้าน (อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่เราเกิดมาในฐานะผู้เป็นมุสลิมะฮฺคนหนึ่ง..และขอให้เราจบชีวิตลงในสภาพที่เป็นมุอฺมินะฮฺด้วยเถิด)
มีหลักฐานยืนยัน จากอัล-กุรอานและอัล-ฮะดีษมากมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผู้เขียนเองไม่สามารถนำเสนอได้ ณ ที่นี้ แต่สิ่งพื้นฐานที่เรารู้ และควรรู้ ในสิ่งที่ศาสนาได้สอนไว้มีอยู่มากมายนัก ส่วนหนึ่งจากความเอ็นดูเมตตา ความ ห่วงใยของอิสลามที่มีต่อผู้หญิง คือ?.
อิสลามให้ผู้หญิงอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของบุรุษเพศ ตั้งแต่เยาว์วัย จนกระทั่งเติบใหญ่ แต่เล็กจนโตเธออยู่ในการเลี้ยงดูของบุพการี ดังกล่าวนี้คือหน้าที่โดยตรงของผู้เป็นพ่อ พี่ชายและน้องชายที่พึงปฏิบัติต่อเธอ และเมื่อมีครอบครัว สามีและลูก คือผู้รับหน้าที่ดูแลเธอตลอดชีวิตของเธอ ไม่ได้หมายความว่าอิสลามไม่ให้สิทธิเสรีภาพต่อสตรี หรือมองสตรีว่าไม่มีความสามารถ แต่ด้วยธรรมชาติที่อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงสร้างมาพร้อมกับผู้หญิงคือความอ่อนโยน บอบบาง และมีกำลังวังชาด้อยกว่าบุรุษเพศอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า :
( บรรดาชายนั้น คือผู้ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง เนื่องด้วยการที่อัลลอฮฺได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคน ) อันนิซาอฺ 4 : 34
จากอายะฮฺข้างต้น ผู้เขียนจึงมีความคิดว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่สตรีในปัจจุบันออกมาเรียกร้องสิทธิขอความเท่าทียมในตำแหน่ง หน้าที่การงาน ความสามารถกับบุรุษเพศ จริงอยู่อาจมีหลายสิ่งที่ประจักษ์ชัดว่าผู้หญิงอาจทำได้ดีกว่าชาย รอบคอบกว่าชาย หรือสามารถทำได้เหมือนชาย แต่แน่นอนว่า ดำรัสของพระเจ้าย่อมสัจจริง และจีรังกว่า ..เวลาที่ผ่านไปความสามารถที่เธอมีอาจไม่เหมือนในวันเริ่มแรก และแน่นอนอีกเช่นเดียวกันว่า เมื่อเธอได้รับบทบาทในสิ่งซึ่งเคยเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้ชาย หน้าที่โดยตรงอันเป็นความรับผิดชอบของเธอย่อมบกพร่องลงไปตามลำดับ
อิสลามให้ความเสมอภาคระหว่างสตรีกับบุรุษ ในการกระทำอันเป็นบัญญัติใช้ของอัลลอฮฺ ซึ่งหากใครละเลย เพิกเฉย ย่อมต้องถูกสอบสวนและตอบแทนตามแต่ที่กระทำโดยไม่มียกเว้นว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่กระนั้นก็ตามอัลลอฮฺ ตะอาลาทรงเอ็นดู และปราณีต่อสตรีเพศ ด้วยทรงผ่อนปรนบางอมั้ลอิบาดะฮฮแก่เธอ อาทิ กำหนดให้หญิงมีประจำเดือน หรือมีเลือดหลังคลอดบุตรหยุดพักการอิบาดะฮฺที่ถูกกำหนดไว้ โดยไม่มีบัญญัติให้ชดใช้การละหมาดในเวลาที่ขาดไป และประวิงเวลาในการถือศีลอดใช้ของนางจนถึงรอมดอนปีถัดไป
ให้การญิฮาดของเธอคือการทำฮัจญ์และอุมเราะฮฺ แทนการออกไปรบราฆ่าฟันกับข้าศึกศัตรู ดังกล่าวนี้คือนิอฺมะฮฺอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมอบไว้แด่ผู้เป็นเพศแม่ทั้งหลาย และยังให้การตอบแทนในหน้าที่การงานของเธอตามแต่ที่พระองค์ทรงประสงค์
ทุกวันนี้เราขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์บ้างหรือเปล่า ? หรือมองเห็นความเอ็นดู เมตตาของพระองค์ที่มีต่อเราบ้างหรือไม่ ?
ศาสนาใช้ให้เราแต่งกายให้มิดชิด ปกปิดทั่งเรือนร่างเว้นแต่ใบหน้าและฝ่ามือ (มีการขัดแย้งกันในหมู่อุละมาอฺ)
ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเราเองโดยแท้ เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงเรามักชอบสิ่งสวยๆ งาม ๆ และเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่ชอบแต่งองค์ทรงเครื่อง แต่เมื่อเราประกาศว่า อัลลอฮฺคือพระเจ้า ประกาศว่า นบีมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือศาสนฑูต ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พระเจ้าใช้ นบีใช้ ที่พระเจ้าห้าม นบีห้าม คือหน้าที่ของมุอฺมินที่แท้จริงต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ดังนั้นบางสิ่งที่ใจเราอยากทำ แต่ศาสนาไม่อยากให้ทำ เราจำต้องหักห้ามและละเว้น ซึ่งทั้งหมดแล้วก็เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเองทั้งสิ้น.
หากคิดให้รอบคอบ หากไตร่ตรองถึงเหตุและผล หากพินิจพิจารณา คุณจะรู้ว่าอิสลาม รักเกียรติ และปกป้องศักดิศรีของสตรีขนาดไหน และเมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าอาภรณ์ที่คุณสวมใส่ แม้จะแตกต่างจากหญิงทั่วไป แม้จะไม่มีลวดลาย สีสันสะดุดตา
แม้ไม่ใช่การออกแบบที่เลิศหรู แต่นั่นแหละคืออาภรณ์ที่สวยงามที่สุด เรียบร้อยที่สุด ณ ที่พระเจ้าของคุณ ผู้ทรงเห็น และรับรู้ในทุกๆการพูด การกระทำของคุณ ผู้ทรงมีอำนาจในการตอบแทนตามการงานที่คุณเคยกระทำ
เหนือสิ่งอื่นใด คือการมีใจที่บริสุทธิ์ มีความสงบ และมีความยำเกรงต่อพระองค์ไม่ว่าคุณจะอยู่ ณ ที่ใด
และคุณจะภูมิใจที่สุดที่ได้ดำเนินชีวิตแบบมุสลิมะฮฺ ที่แท้จริง และภูมิใจที่คุณแตกต่างจากหญิงอื่นๆทั่วๆไป
( หากพวกเจ้ายำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงให้เครื่องแยกความจริงจากความเท็จแก่พวกเจ้า และทรงลบล้างความชั่วแก่พวกเจ้า และอัลลอฮฺนั้นคือพระผู้ทรงโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ )

?? ( อัล อันฟาล : 29 )
โดย : อุคตุกุม ฟิ้ลลาฮฺ
والسلام