ซุลฏอนมุร็อดที่ 4 แห่งอาณาจักรอุษมานียะฮ์ ได้กล่าวไว้ในบันทึกของท่าน !! โดย อาจารย์ อารีฟีน แสงวิมาน ผู้อำนวยการสถาบันอัล-กุดวะฮฺอาจารย์ อารีฟีน แสงวิมาน อัล-อัซฮารีย์
ผู้อำนวยการสถาบันอัล-กุดวะฮฺ
ขออัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงปกปักษ์รักษาท่าน
ตอบ ..
ซุลฏอนมุร็อดที่ 4 แห่งอาณาจักรอุษมานียะฮ์ ได้กล่าวไว้ในบันทึกของท่านว่า
“ในคืนหนึ่งท่านซุลฏอนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากโดยไม่รู้สาเหตุ ท่านจึงเรียกหัวหน้าผู้อารักขามา ซึ่งปกติแล้วท่านจะชอบซ่อนเร้นและปลอมตัวเองออกไปตรวจตราประชาชน ท่านกล่าวว่า เราจะออกไปตรวจตราทุกข์สุขประชาชาสักหน่อย จนกระทั่งไปถึงตรอกหนึ่ง พบชายคนหนึ่งได้ถูกปล่อยทิ้งไว้บนผืนดิน ท่านซุลฏอนมุร็อดจึงเข้าไปขยับร่างกายของเขา ปรากฏว่าเขาตายเสียแล้ว ผู้คนทั้งหลายต่างก็เดินผ่านเขาไปโดยไม่เหลียวแล และท่านซุลฏอนจึงเรียกพวกเขาโดยที่ประชาชนเหล่านั้นไม่รู้จักท่านซุลฏอนเลย พวกกล่าวว่า ท่านต้องการอะไร? ท่านซุลฏอนกล่าวว่า เพราะอะไรชายผู้นี้ถึงตาย โดยที่ไม่มีผู้ใดแบกเขาไป ซึ่งเขาเป็นใครและครอบครัวเขาอยู่ไหน? พวกเขาตอบว่า ชายคนนี้เป็นคนนอกลู่นอกทางชอบดื่มเหล้าและชอบผิดประเวณี ท่านซุลฏอนกล่าวว่า เขามิใช่เป็นประชาชาติของท่านนะบีย์มุฮัมมัดดอกหรือ? ดังนั้นพวกท่านโปรดแบกเขาไปที่บ้านเขาเถิด แล้วพวกเขาก็ทำตาม
ในขณะที่ภรรยาของเขาได้เห็น ก็ร้องไห้ ผู้คนทั้งหลายก็เดินจากไป โดยซุลฏอนและหัวหน้าอารักขายังคงอยู่ ในระหว่างที่นางร้องไห้อยู่นั้น นางก็กล่าวว่า “ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่านโอ้วะลียุลลอฮ์ ฉันขอยืนยันว่า แท้จริงท่านเป็นคนดีมีคุณธรรม”
ท่านซุลฏอนมุร็อดจึงรู้สึกแปลกใจและกล่าวว่า เขาจะเป็นวะลียุลลอฮ์ได้อย่างไรในเมื่อผู้คนทั้งหลายต่างพูดกันว่า เขามีพฤติกรรมที่นอกลู่นอกทาง ชอบดื่มเหล้า และผิดประเวณีจนกระทั่งผู้คนทั้งหลายไม่เหลียวแลในการตายของเขา
ภรรยาของเขากล่าวว่า ฉันก็คิดว่าจะต้องเกิดขึ้นเช่นนั้น เพราะว่าสามีของฉันไปสถานที่ขายเหล้าทุกคืนเพื่อไปซื้อเหล้ามาให้มากสุดความสามารถเท่าที่จะซื้อมาได้ หลังจากนั้นเขาก็นำมาที่บ้านและเททิ้งลงโถส้วมและกล่าวว่า ฉันได้ทำให้(บาป)เบาบางลงแก่บรรดามุสลิมีนแล้ว
และสามีของฉันก็จะไปที่โสเภณี เขาก็จะให้เงินแก่นาง และกล่าวว่าคืนนี้ฉันจ่ายให้แล้ว เธอจงปิดประตูจนกระทั่งถึงเช้าเถิด แล้วเขาก็กลับมาที่บ้าน และกล่าวว่า มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ฉันได้บรรเทา(บาป)แก่นางและแก่บรรดาคนหนุ่มมุสลิมีนในค่ำคืนนี้แล้ว
ดังนั้นผู้คนทั้งหลายต่างก็เห็นว่าสามีของฉันไปซื้อเหล้าและเข้าไปหาโสเภณี พวกเขาจึงทำการพูดกันเกี่ยวกับเขา ครั้งหนึ่งฉันได้เคยกล่าวแก่เขาว่า หากท่านตายไป ก็จะไม่มีใครอาบน้ำศพให้แก่ท่าน และไม่มีมุสลิมคนใดจะละหมาดและฝังท่าน
แล้วสามีของฉันจึงยิ้มและกล่าวว่า เธออย่ากลัวไปเลย ต่อไปผู้นำบรรดามุสลิมีน บรรดาอุลามาอฺ และวะลียุลลอฮ์ทั้งหลาย จะมาละหมาดให้แก่ฉัน
ท่านซุลฏอนมุร็อดจึงร้องไห้และกล่าวว่า เขาพูดจริง ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันคือซุลฏอนมุร็อด พรุ่งนี้ เราจะอาบน้ำ ละหมาด และทำการฝังเขา และแล้วบรรดาอุละมาอฺ บรรดาผู้มีคุณธรรม และผู้คนทั้งหลายต่างก็ร่วมจัดการศพของชายคนนั้น”
ซุบหานัลลอฮฺ เราอาจจะตัดสินบุคคลหนึ่งด้วยสิ่งที่เราเห็นและได้ยินจากคนอื่น จนทำให้ลิ้นของเรานั้นไปนินทาและละเมิดเกียรติของเขา เพราะหากเรารู้ความจริงที่ซ่อนไว้เบื้องหลังแล้ว ลิ้นของเราก็จะหยุดฉงัก ดังนั้นการที่เราในคิดแง่ดีกับพี่น้องมุสลิมนั้น จึงเป็นสิทธิและมารยาทที่ดีงามแก่ปวงบ่าวของอัลลอฮฺนั่นเอง
และการทำความดีแบบซ่อนเร้นนั้น ย่อมอิคลาศและประเสริฐยิ่ง
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=918924778210267&set=a.115788235190596.11540.100002782610160&type=3