السلام عليكم ورحمة الله بركاته
เรื่องคุณงามความดีในแต่ละวันของละหมาดตะรอวิห์นั้น มีระบุไว้ในหนังสือดุรร่อตุนนาซิฮีน ซึ่งตอนนี้ผมไม่มีหนังสือเล่มนั้นครับ แต่ทว่าหะดิษที่ระบุคุณงามความดีดังกล่าวนั้น อยู่ในฐานะฏออีฟเกินไปจนไม่สามารถนำมายึดเป็นหลักการปฏิบัติและหลักยึดถือหรือเปล่า?
ดังนั้น พี่น้องท่านใดสะดวกก็นำมานำเสนอและร่วมเสวนากันครับ
แต่ทัศนะของผมนั้น เพียงพอด้วยกับหะดิษบุคอรีและมุสลิมที่รับรองถึงคุณงามความดีในการละหมาดตะรอวิห์ที่ว่า
จากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
"ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนรอมะดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์) และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"
مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
"ผู้ใดถือศีลอดในเดือนร่อมาดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์)และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและผู้ใดดำรง(ละหมาด)ในคืนลัยละตุลก่อดัรโดยมีความศรัทธาและแสวงหาการตอบแทน เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"
ท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ได้รายงานด้วยสายสืบที่ซอฮิห์จากหะดิษของท่านซัลมานอัลฟาริซีย์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่งเขากล่าวว่า : ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการคุฏบะฮ์แก่พวกเราในช่วงท้ายของเดือนชะอฺบานว่า "โอ้บรรดามนุษย์ทั้งหลาย! แท้จริงเดือนอันใหญ่อีกทั้งมีความจำเริญได้ย่างเข้าใกล้มายังพวกท่านแล้ว เป็นเดือนที่มีอยู่คืนหนึ่งซึ่งประเสริฐกว่าพันเดือน เป็นเดือนที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัตการถือศีลอดเป็นฟัรดู ทรงทำให้การละหมาดในยามค่ำคืนเป็นอิบาดะฮ์อาสาให้กระทำ(เป็นสุนัต) ผู้ใดที่สร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ในเดือนดังกล่าวด้วยความดีหนึ่ง เหมือนกับว่าเขาได้ทำหนึ่งฟัรดูในเดือนอื่น ๆ และผู้ใดที่สร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ในเดือนดังกล่าวกับหนึ่งฟัรดู เหมือนกับว่าเขาได้กระทำ 70 ฟัรดูในเดือนอื่น ๆ มันคือเดือนแห่งความอดทน และความอดทนนั้น ผลตอบแทนคือสรวงสวรรค์ เป็นเดือนแห่งการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ริสกีปัจจัยยังชีพต่าง ๆ เพิ่มทวีคูณ ผู้ใดให้ละศีอดกับผู้ที่ถือศีลอดในเดือนดังกล่าว บรรดาบาปต่าง ๆ ของเขาจะได้รับการอภัยโทษ และเขาจะได้รับผลการตอบแทนเหมือนกับผู้ที่ถือศีลอดโดยไม่บกพร่องเลยแม้แต่น้อย"
ดังนั้น การละหมาดตะรอวิห์โดยเชื่อศรัทธาในสัญญาของอัลเลาะฮ์ที่มีต่อความดีงามของการละหมาดตะรอวิห์ในเดือนรอมะดอนอีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์ใจเพื่อแสวงความหาความโปรดปรานของพระองค์ ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับคุณงามความดี ยิ่งกว่านั้น การละหมาดตะรอวิห์ถือว่าเป็นละหมาดสุนัต ซึ่งการกระทำในเดือนรอมะดอนนั้น ภาคผลบุญเหมือนกับทำละหมาดฟัรดูในเดือนอื่น ๆ อีกด้วย และเป้าหมายสูงสุดที่เราสมควรแสวงหาจากคุณความดีของละหมาดตะรอวิห์คือ อัลเลาะฮ์จะทรงให้อภัยบาปให้แก่เรา
วัลลอฮุอะลัม
والسلام