ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติศาสตร์ลูกหลานตระกูลแสงวิมานที่มาจากปัตตานี มีความเป็นมาอย่างไร ??  (อ่าน 1256 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด

ประวัติศาสตร์ลูกหลานตระกูลแสงวิมานที่มาจากปัตตานี มีความเป็นมาอย่างไร ?? โดย อาจารย์ อารีฟีน แสงวิมาน ผู้อำนวยการสถาบันอัล-กุดวะฮฺ



อาจารย์ อารีฟีน แสงวิมาน อัล-อัซฮารีย์
ผู้อำนวยการสถาบันอัล-กุดวะฮฺ
ขออัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงปกปักษ์รักษาท่าน


ตอบ ..

วันนี้หลังละหมาดญุมุอะฮ์ได้พบเจอนายก อบต. ท่านหนึ่งที่มาจากปัตตานี ท่านหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ท่านจ้องผมอยู่เป็นระยะ เมื่อได้จับมือสะลามกัน ก็แนะนำตัว ว่าท่านเป็น นายก อบต. มาจากปัตตานี เป็นลูกเขยหน้าราม ผมก็แนะนำตัวว่า ผมก็เป็นลูกหลานตระกูลแสงวิมานมาจากปัตตานี บรรพบุรุษของผมชื่อ มุฮัมมัด อัลฟาฏอนี จาก ต.สะนอ ท่านนายก อบต. จึงกล่าวว่า ลูกหลานที่สะนอ เป็นลูกหลานปัตตานีสายอุลามาอฺ(ไม่ใช่สายนักการเมือง)เพราะโต๊ะครูปอเนาะบอแน(บือนัง)ดายอ ที่ สะนอ ได้เคยพบเจอคืนลัยละตุลก็อดร์ และท่านได้ขอดุอาอฺให้บรรดาลูกหลานมีเป็นคนเหล็มและมีอีหม่าน 7 ชั่วลูกหลาน (เขาบอกผมมาแบบนั้น)

 ผมจึงกลับมาค้นคว้าข้อมูล ก็พบข้อเชิงประวัติศาสตร์ที่พอจะสรุปได้ คือ:

“เมื่อมีมัสญิดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั่นคือสถานศึกษา ในปี พ.ศ. 2103 – 2113 ปอเนาะแห่งแรกของชาวมลายูก็เกิดขึ้นโดย โต๊ะครูนามว่า ฟะกีหฺ วันมูซา ได้บุกเบิกถางป่าแห่งหนึ่งที่มีต้นสะนอ(ต้นก้ามปู) ขึ้นกันอย่างหนาแน่น ต่อมาท่านก็ตั้งปอเนาะขึ้นมา โดยชาวบ้านเรียก ‘ปอเนาะสะนอ’ ตั้งอยู่ที่ ต.สะนอ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในปัจจุบัน

พ.ศ. 2360 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หะยีวันมุสฏอฟา อัลฟะฏอนี (แม่ทัพเรือชื่อดังของอาณาจักรฟะเฏาะนี) เหลนของท่านฟะกีหฺ ได้ปลูกต้นสะนอเพิ่มเติมล้อมรั้วปอเนาะ ที่นี่จึงถูกเรียกว่าบ้านสะนอยันยาร (ยันยารแปลว่าเป็นแถว,แนว) สุลตานปัตตานีสมัยนั้น ต่วนปูเต๊ะ ยังได้ให้บุกเบิกป่าอีกแห่ง ซึ่งต่อมาเป็นหมู่บ้านบือแนดายอ (บือแนแปลว่าทุ่งนา ดายอแปลว่าขุมพลัง) เพื่อปลูกข้าวเป็นเสบียงเลี้ยงเด็กปอเนาะที่สะนอยันยาร และได้เปิดปอเนาะอีกแห่งชื่อ ‘ปอเนาะบือแนดายอ’ จนหลายคนเข้าใจว่า นี่เป็นปอเนาะแห่งแรกของอาณาจักรแห่งนี้

หะยีวันมุสฏอฟา มีลูกคนหนึ่งชื่อ ชัยคฺ วันมุหัมมัด ซัยนุลอาบีดีน อัลฟะฏอนี เป็นโต๊ะครูสอนอยู่ที่ปอเนาะสะนอ ซึ่งในปีเดียวกันที่หะยีวันมุสฏอฟาได้ปลูกต้นสะนอ ล้อมเป็นรั้วปอเนาะสะนอนั้น อัลลอฮฺก็ได้ตักดีรให้เขาได้หลานชายคนหนึ่งนามว่า ชัยคฺ วันอะหฺมัด อัลฟาฏอนี (พ.ศ.2399-2451) เด็กชายได้เติบโตและกลายเป็นอุละมาอ์คนสำคัญแห่งปัตตานีและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมุสลิม

อัลลอฮ์ ซ.บ.ทรงประทานให้บาบอได้พบกับสัญลักษ์ของคืน “ลัยลาตุลก็อดร์” เป็นที่รู้กันว่าบาบอจะตื่นละหมาด ตะฮัจยุดเกือบทุกคืน นี่คือสัญลักษ์ของอาเล็มอุลามะอฺในอดีต ที่มีความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ ซ.บ. และได้รับความบารอกัตจาก พระองค์ และในปัจจุบันจะไม่ค่อยมีใครประสบพบเจอกับคืนอันมีเกียรตินี้มากนัก

ช่วงก่อนรุ่งอรุณ(ก่อนละหมาดซุบฮิ) บาบอได้ลงอาบน้ำละหมาดที่บ่อ อยู่ในบริเวณปอเนาะบือแนดายอ แห่งนี้ ก่อนจะตักน้ำจากบ่อ ท่านก็ได้วางผ้าซัรบั่นของที่ท่าน ไว้ที่ต้นมะพร้าว โดยที่ท่านก็ไม่ได้สังเกตุว่าขณะนั้นต้นมะพร้าวได้โน้มลงมาก่อนแล้ว ท่านก็ไม่ได้เอะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังจากอาบน้ำละหมาดเสร็จท่านก็จะเอื้อมมือหยิบผ้าซัรบั่นที่ได้วางไว้ ปรากฏว่าผ้าซัรบั่นนั้นได้อยู่บนยอดมะพร้าวต้นนั้นแล้ว ท่านจึงนึกขึ้นได้ว่า ท่านคงได้ประสบกับคืน “ลัยลาตุลก็อดร์” เป็นแน่แล้ว

ทันใดนั้น บาบอจึงยกมือขึ้นดุอาอ์ทันที เพื่อให้ลูกหลานของท่าน ได้เป็นคนอาเล็ม เป็นคนมีอีหม่าน เป็นคนที่รวย 7 ชั่วลูกหลาน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาลูกหลานของบาบอ ก็จะประสบกับสิ่งที่ บาบอขอดุอาอ์เป็นส่วนใหญ่ และบ่อน้ำแห่งนี้ก็ยังมีคนใช้ น้ำใสไม่เคยแห้งจนถึงปัจจุบัน”

อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ลูกหลานที่ ต.สะนอ นั้น มีปราชญ์ท่านหนึ่งชื่อ ชัยค์อะห์มัด อัลฟะฏอนีย์ เจ้าของหนังสือฟะรีดะฮ์ (เตาฮีดอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์) ซึ่งตะเซาวุฟสายอัลกอดิรีย์ทางสายมาลายูที่ผมมีนั้น จากโต๊ะกือนาลี จากชัยค์อะห์มัด อัลฟะฏอนีย์ ฉะนั้นเจ้าของหนังสือฟะรีดะฮ์ มีตะเซาวุฟสาย(ฏ่อรีเกาะฮ์)อัลกอดิรีย์ นั่นเอง


ที่มา :https://www.facebook.com/photo.php?fbid=971300706306007&set=a.115788235190596.11540.100002782610160&type=3&permPage=1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 23, 2017, 09:24 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆเลยค่ะ ^^

สายตระกูลของข้าน้อยก็เคยมีการสาวไปราวๆเจ็ดชั่วคนเช่นกัน
แต่...ที่น่าแปลกใจก็คือ ปู่กับย่าของข้าน้อยมีอัลกุรอ่านเล็มเล็ก
ขนาดเล็กกว่าหัวแม่มือ 2 เล่ม หน้าปกเป็นสีเงินกับสีทอง...
ย่าเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีด้วยความหวงแหน
แต่อยู่ๆก็มาหายไปในช่วงรุ่นของข้าน้อย...เล่มที่พ่อได้มา
พี่ชายเป็นคนเก็บรักษาไว้...ส่วนอีกเล่มเหมือนจะอยู่ที่อา

แต่ปรากฎว่าทั้งสองเล่มหายไปพร้อมๆกัน
ยังหาไม่เจอจนกระทั่งๆตอนนี้...ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหนเหมือนกันค่ะ

รู้แค่ว่า มีขนาดเล็กกว่าที่เคยมีการบันทึกหนังสือ
ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน...

ถ้าใช้แว่นขยายอ่าน จะพบว่าตัวอักษรมีครบสมบูรณ์ค่ะ

ยังเสียดายที่หายไป...และที่แปลกคือ หายไปพร้อมๆกัน...
โดยที่ไม่มีใครเคยพูดถึงอัลกุรอ่านเล่มเล็กสีเงินกับสีทองให้ได้ยิน
ว่าพบเห็นอยู่ที่ไหนหรืออยู่กับใครอีกเลยตั้งแต่หายไป...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 25, 2017, 10:58 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Adisark

  • Adisark
  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • sbo
สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ สอนให้คนเป็นคนดีครับ