อธิบายฮิกัมอิบนุอะฏออิลและฮ์ฉบับย่อ

[pineapple]

 salam    ค่ะ  ไม่รู้จึงเข้ามาอ่าน อ่านแล้วอยากรู้
ญะชากัลลอฮฺฮู่คอยรอน    สุด สุด   
อ่านแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งอธิบายได้ดีมากๆ ยกตัวอย่างได้ดีมากคร๊า
แล้ว ฮิกัมมีกี่ข้ออะคะ แฮะ ๆไม่รู้อ่ะคะ  ญะชากัลลอฮฺฮู่คอยรอนสุด สุด อีกครั้ง

[al-azhary]

แล้ว ฮิกัมมีกี่ข้ออะคะ แฮะ ๆไม่รู้อ่ะคะ  ญะชากัลลอฮฺฮู่คอยรอนสุด สุด อีกครั้ง

จำนวนของฮิกัมอิบนุอะฏออิลและฮ์นี้  มีถึง 264 ฮิกมะฮ์ ด้วยกันครับ  ไม่รู้จะนำเสนอจบกันเมื่อไหร่ 

[pineapple]

แล้ว ฮิกัมมีกี่ข้ออะคะ แฮะ ๆไม่รู้อ่ะคะ  ญะชากัลลอฮฺฮู่คอยรอนสุด สุด อีกครั้ง

จำนวนของฮิกัมอิบนุอะฏออิลและฮ์นี้  มีถึง 264 ฮิกมะฮ์ ด้วยกันครับ  ไม่รู้จะนำเสนอจบกันเมื่อไหร่ 

    264 ฮิกมะฮ์ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่แต่ก็จะรออ่านจนกว่านำเสนอจนจบหล่ะคร๊า 
เพราะว่าตั้งใจจะอ่าน   เจ้าคะ   ^___^

[al-azhary]

ิฮิกัมที่ 8

إِذَا فَتَحَ لَكَ وِجْهَةً مِنَ التَّعَرُّفِ فَلَا تُبَالِ مَعَهَا أَنْ قَلَّ عَمَلُكَ فَإِنَّهُ مَا فَتَحَهَا لَكَ إِلاَّ وَهُوَ يُرِيْدُ أَنْ يَتَعَرَّفَ إِلَيْكَ أَلَمْ تَعْلَمْ أَنَّ التَّعَرُّفَ هُوَ مُوْرِدُهُ عَلَيْكَ وَالأَعْمَالَ أَنْتَ مُهْدِيْهَا إِلَيْهِ وَأَيْنَ مَا تُهْدِيْهِ إِلَيْهِ مِمَّا هُوَمُوْرِدُهُ عَلَيْكَ

"เมื่ออัลเลาะฮ์ทรงเปิดประเภทหนึ่งจากการทำให้รู้จัก(มะริฟะฮ์ต่อพระองค์)ให้แก่ท่าน  ดังนั้น  การที่อะมัลของท่านยังน้อยอยู่  ท่านก็อย่าฉงนใจพร้อมกับการมีมะริฟะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์เลย  เพราะแท้จริงพระองค์จะไม่ทรงเปิดการมะริฟะฮ์ให้แก่ท่าน  นอกจากพระองค์จะทรงประสงค์ให้มีการมะริฟะฮ์(ต่อพระองค์)มายังท่าน ,  ซึ่งท่านไม่เคยรู้ดอกหรือว่า  แท้จริงการทำให้มะริฟะฮ์นั้น  คือพระองค์จะทรงนำมาให้แก่ท่าน  และแท้จริงบรรดาอะมัลต่าง ๆ นั้น ท่านได้ทำการมอบมันไปยังพระองค์  และอันใหนเล่าสิ่งที่ท่านได้มอบมันไปยังพระองค์นั้นจะ(มาเทียบเทียม)สิ่งที่พระองค์ทรงนำมันมาให้แก่ท่าน"

แปะไว้ก่อน  ว่าง ๆ ค่อยอธิบาย

[คะลัคคะลุย]

แปะไว้ก่อน  ว่าง ๆ ค่อยอธิบาย

รู้สึกว่านานจัง กว่าจะว่างเนี่ย 

[yunus]

รออยู่เหมือนกัน ครับ

[almadany]

ิฮิกัมที่ 8

إِذَا فَتَحَ لَكَ وِجْهَةً مِنَ التَّعَرُّفِ فَلَا تُبَالِ مَعَهَا أَنْ قَلَّ عَمَلُكَ فَإِنَّهُ مَا فَتَحَهَا لَكَ إِلاَّ وَهُوَ يُرِيْدُ أَنْ يَتَعَرَّفَ إِلَيْكَ أَلَمْ تَعْلَمْ أَنَّ التَّعَرُّفَ هُوَ مُوْرِدُهُ عَلَيْكَ وَالأَعْمَالَ أَنْتَ مُهْدِيْهَا إِلَيْهِ وَأَيْنَ مَا تُهْدِيْهِ إِلَيْهِ مِمَّا هُوَمُوْرِدُهُ عَلَيْكَ

"เมื่ออัลเลาะฮ์ทรงเปิดประเภทหนึ่งจากการทำให้รู้จัก(มะริฟะฮ์ต่อพระองค์)ให้แก่ท่าน  ดังนั้น  การที่อะมัลของท่านยังน้อยอยู่  ท่านก็อย่าฉงนใจพร้อมกับการมีมะริฟะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์เลย  เพราะแท้จริงพระองค์จะไม่ทรงเปิดการมะริฟะฮ์ให้แก่ท่าน  นอกจากพระองค์จะทรงประสงค์ให้มีการมะริฟะฮ์(ต่อพระองค์)มายังท่าน ,  ซึ่งท่านไม่เคยรู้ดอกหรือว่า  แท้จริงการทำให้มะริฟะฮ์นั้น  คือพระองค์จะทรงนำมาให้แก่ท่าน  และแท้จริงบรรดาอะมัลต่าง ๆ นั้น ท่านได้ทำการมอบมันไปยังพระองค์  และอันใหนเล่าสิ่งที่ท่านได้มอบมันไปยังพระองค์นั้นจะ(มาเทียบเทียม)สิ่งที่พระองค์ทรงนำมันมาให้แก่ท่าน"

แปะไว้ก่อน  ว่าง ๆ ค่อยอธิบาย

รู้สึกจะแปะไว้นานแล้ว...จะรออธิบายครับ...

[al-azhary]

ิฮิกัมที่ 8

إِذَا فَتَحَ لَكَ وِجْهَةً مِنَ التَّعَرُّفِ فَلَا تُبَالِ مَعَهَا أَنْ قَلَّ عَمَلُكَ فَإِنَّهُ مَا فَتَحَهَا لَكَ إِلاَّ وَهُوَ يُرِيْدُ أَنْ يَتَعَرَّفَ إِلَيْكَ أَلَمْ تَعْلَمْ أَنَّ التَّعَرُّفَ هُوَ مُوْرِدُهُ عَلَيْكَ وَالأَعْمَالَ أَنْتَ مُهْدِيْهَا إِلَيْهِ وَأَيْنَ مَا تُهْدِيْهِ إِلَيْهِ مِمَّا هُوَمُوْرِدُهُ عَلَيْكَ

"เมื่ออัลเลาะฮ์ทรงเปิดประเภทหนึ่งจากการทำให้รู้จัก(มะริฟะฮ์ต่อพระองค์)ให้แก่ท่าน  ดังนั้น  การที่อะมัลของท่านยังน้อยอยู่  ท่านก็อย่าฉงนใจพร้อมกับการมีมะริฟะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์เลย  เพราะแท้จริงพระองค์จะไม่ทรงเปิดการมะริฟะฮ์ให้แก่ท่าน  นอกจากพระองค์จะทรงประสงค์ให้มีการมะริฟะฮ์(ต่อพระองค์)มายังท่าน ,  ซึ่งท่านไม่เคยรู้ดอกหรือว่า  แท้จริงการทำให้มะริฟะฮ์นั้น  คือพระองค์จะทรงนำมาให้แก่ท่าน  และแท้จริงบรรดาอะมัลต่าง ๆ นั้น ท่านได้ทำการมอบมันไปยังพระองค์  และอันใหนเล่าสิ่งที่ท่านได้มอบมันไปยังพระองค์นั้นจะ(มาเทียบเทียม)สิ่งที่พระองค์ทรงนำมันมาให้แก่ท่าน"

แปะไว้ก่อน  ว่าง ๆ ค่อยอธิบาย

ที่อธิบายย่อไปนั้น ถูกลบไปตอนเว็บมีปัญหา  ดังนั้น ดูได้ที่  หัวข้อ: ผู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงเลือกกับผู้ที่หวนกลับไปหาพระองคี 

[al-azhary]

 salam

ฮิกัมที่ 9

ท่านอิมามอิบนุอะฏออิลและฮ์  กล่าวว่า

تَنَوعَتْ أَجْنَاسُ الأَعْمَال بتَنَوع وَاردات الأَحْوَال

“บรรดาของชนิดอะมัลที่มีหลากประเภท  ก็ด้วยเหตุความหลากหลายของสภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจ”

คำว่า  الأحوال  “อัลอะห์วาล” เป็นพหูพจน์ของคำว่า  الحال  “อัลฮ้าล” คือสภาพการณ์หรือสภาวการณ์ของจิตใจที่ผ่านเข้ามาที่มนุษย์  จากนั้นมันก็ผ่านไปโดยมิได้มั่งคงอยู่ที่ตัวเขา

สภาวการณ์ของจิตใจ  ตามทัศนะของอุลามาอ์ตะเซาวุฟ  หมายถึง  บรรดาความรู้สึกภายในจิตใจที่มันผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปโดยมิได้มั่นคงอยู่ที่ตัวเขา  อันเป็นผลมาจากความรู้และมีการพิจารณาใคร่ครวญคุณลักษณะ(ซีฟาต)และพระนามบางส่วนของอัลเลาะฮ์  อันเนื่องมาจากจิตใจได้รับอิทธิพลจากคุณลักษณะ (ซีฟาต) เหล่านั้น  ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันเขาให้ปฏิบัติอะมัลที่เหมาะสมแก่ตัวเขา  และผลของอิทธิพลดังกล่าวก็จะมาควบคุมจิตใจของเขา

เช่น  บุคคลหนึ่งมีสภาวะจิตใจรอบรู้เกี่ยวกับคุณความดีของการละหมาดในยามค่ำคืน  เขาก็จะสนใจและเน้นการละหมาดในยามค่ำคืนมากกว่า  ผู้ใดที่มีสภาวะจิตใจโน้มเอียงในเรื่องการถือศีลอด  การบริจาคทาน  และเป็นอื่น ๆ เขาก็จะสนใจและมุ่งเน้นในเรื่องนั้น ๆ  จากฮิกัมนี้  ท่านลงวิเคราะห์คำกล่าวของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ว่า "พึงทราบเถิด  แท้จริงในร่างกายทั้งหมดนั้นมีก้อนเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง  เมื่อมันดี  ร่างกายทั้งหมดก็จะดีไปด้วย  และหากมันเสีย  ร่างกายทั้งหมดก็จะเสียไปด้วย  พึงทราบเถิดว่า  ก้อนเนื้อนั้น  ก็คือหัวใจนั่นเอง"  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม

ดังนั้น  คนเราอาจจะเน้นการปฏิบัติอะมัลที่ต่างกัน  ก็เพราะอยู่ที่สภาวะของจิตใจ  หรือบางเวลาเราจะปฏิบัติอะมัลอย่างหนึ่ง  แต่ในบางเวลาก็ปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง  นั่นก็เพราะขึ้นอยู่ที่สภาวะจิตใจนั่นเอง  ก็ไม่ควรแปลกใจหากเขาทำอะมัลสุนัตที่ไม่เหมือนเรา

วัลลอฮุอะลัม

[al-azhary]

 salam

ฮิกัมที่ 10

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  กล่าวว่า

الأَعْمَالُ صُوَرٌ قَائمَةٌ ، وأَرْواحُها وُجُوْدُ سر الإخلاص فيهاَ

“บรรดาการปฏิบัติการ  คือรูปแบบที่ดำรงอยู่  และบรรดาวิญญาณของมัน  ก็คือ  การมีความบริสุทธิ์ใจซ่อนเร้นอยู่ในมัน” 

บุคคลหนึ่งที่ไม่มีวิญญาณ  ก็ย่อมไม่มีคุณประโยชน์อันใด  นอกจากมีวิญญาณ  ก็จะทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา  ฉันท์ใดฉันท์นั้น  บรรดาอะมัลความดีงามเหมือนกับรูปที่ยืนอยู่  วิญญาณของมันก็คือมีความบริสุทธิ์ใจซ่อนอยู่ภายใน  ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติอะมัลโดยไม่มีความบริสุทธิ์ใจ  อะมัลของเขาก็จะถูกปฏิเสธและเป็นอะมัลที่ตายไร้ชีวิต 

และความบริสุทธิ์ใจ(อิคลาส)ในฮิกัมนี้  ย่อมครอบคลุมถึงความบริสุทธิ์ใจในรูปแบบกว้าง ๆ แต่ระดับอาจจะต่างกันไป  กล่าวคือ

1.  ความบริสุทธิ์ใจของผู้ทำอิบาดะฮ์  ซึ่งอะมัลของเขาพ้นการความโอ้อวดที่ชัดเจนและความโอ้อวดที่แอบแฝง  เขาจะไม่ปฏิบัติอะมัลนอกจากจิตใจของเขายังมีความยากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  เช่น  เขาปฏิบัติอะมัลเพื่ออยากได้ผลบุญอยากได้สวรรค์และต้องการให้พันจากไฟนรก  ทำอะมัลเพื่อสิ่งดังกล่าว

2.  ความบริสุทธิ์ใจของผู้ที่มีความรักต่ออัลเลาะฮ์  หมายถึงพวกเขาได้ทำอิบาดะฮ์เพื่ออัลเลาะฮ์  อันเนื่องจากมาต้องการให้เกียรติ  และสนองคำสั่งใช้โดยมิได้หวังสิ่งใด  ไม่ได้หวังผลบุญและต้องการให้พ้นจากไฟนรก 

3.  ความบริสุทธิ์ใจของผุ้ที่ใกล้ชิดต่อพระองค์  หมายถึงคนอาริฟบิลลาฮ์  ซึ่งพวกเขามีจิตใจที่ประจักษ์ในความเอกภาพของอัลเลาะฮ์  กล่าวคือ  เขามีจิตใจที่รู้สึกว่า  อัลเลาะฮ์ผู้ให้เขาเคลื่อนไหว  ทำให้เขานิ่ง  โดยไม่เห็นว่าตัวเขามีพลังอำนาจใด ๆ  ดังนั้น  การทำอะมัลของพวกเขาก็จะไม่มีขึ้น  นอกจากด้วยการให้เป็นไปด้วยอัลเลาะฮ์  ด้วยพลังอำนาจให้เป็นไปโดยพระองค์  รู้สึกว่าอัลเลาะฮ์ทรงทำให้เขาเคลื่อนไหวในการทำอิบาดะฮ์  ซึ่งระดับนี้  เป็นระดับความบริสุทธิ์ใจที่สูงสุด  ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สอนให้เรากล่าวว่า  "ลาเฮาล่าวะลากู้วะต้าอิลลาบิลลาฮ์"   "ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด  และไม่มีพลังอันใด  นอกจากด้วยกับอัลเลาะฮ์เท่านั้น"

วัลลอฮุอะลัม

[al-azhary]

ฮิกัมที่ 11

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์  ได้กล่าวฮิกัมความว่า

إِدْفِنْ وُجُوْدَكَ فِيْ أَرْضِ الْخُمُوْلِ فَمَا نَبَتَ مِمَّا لَمْ يُدْفَنْ لاَ يَتِمُّ نَتَاجُهُ

“ท่านจงฝังการมีของตัวท่านเองในแผ่นดินที่ไม่มีชื่อเสียง  ดังนั้นสิ่ง(คือเมล็ดพืช)ที่งอกงามขึ้นมาโดยมิได้มาจากสิ่งที่ยังไม่ถูกฝัง(ดิน)  ผลผลิตของมันย่อมไม่สมบูรณ์”

ท่านอิมามอิบนุอะฏออิลและฮ์  รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้กล่าวฮิกัมนี้  เพื่อช่วยทำให้มีความอิคลาสยิ่งขึ้น

ความหมายของฮิกัมนี้ก็คือ  ท่านจงฝังตัวของท่านอยู่ในความไม่มีชื่อเสียง ซึ่งเปรียบเสมือนกับแผ่นดินที่รกร้างที่ไม่มีคนรู้จัก  และการฝังตัวของท่านนั้น  ก็ด้วยกับการที่ท่านต้องไม่ทำมูลเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้มีความโด่งดัง  เช่น  ท่านได้เสนอตนเองในการรับตำแหน่งต่าง ๆ และอื่น ๆ ที่ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง  เพราะการทำไม่ให้มีชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยให้มีความอัคลาสซึ่งมันจะแตกต่างกับความชอบที่จะโด่งดัง

แต่ถ้าหากท่านได้อยู่ในหนทางที่ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังเฉกเช่นดังกล่าว  ท่านก็จงมีความนอบน้อมถ่อมตน  อย่าเห็นว่าตัวท่านเองเหมาะสมกับเกียรติตำแหน่ง  และต้องไม่เห็นว่าสิ่งที่ท่านได้รับนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งใหญ่จนเกินไปเพราะตำแหน่งเป็นเรื่องของดุนยา

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์  ได้เปรียบเปรยเมล็ดพืชที่ไม่ได้ฝังดินนั้น  คือผลผลิตของมันจะไม่สมบูรณ์  ส่วนที่งอกออกมาจากเมล็ดก็จะไม่มีคุณภาพ  มีสีเหลือง  ไม่สามารถนำมาเป็นประโยชน์อย่างสมบูรณ์ได้  ยิ่งกว่านั้น  หากเมล็ดดังกล่าวไม่งอก  นกก็จะคาบไปกิน  ก็จะไม่ประโยชน์อันใดเลยแก่เรา  เฉกเช่นเดียวกัน  คนเราต้องเก็บตัวเองด้วยการศึกษาวิชาความรู้  บ่มเพาะสติปัญญาและตัรบียะฮ์ขัดเกลาตนเอง  ทำให้จิตใจมีความบริสุทธิ์จากสิ่งที่ทำให้หมองมัวด้วยการอ่านอัลกุรอาน  ซิกรุลลอฮ์ให้มาก ๆ  จนกระทั่งจิตใจมีความรักและผูกพันอยู่กับอัลเลาะฮ์  ดังนั้นเมื่อเราได้ฝังตนเองด้วยการบ่มเพาะเช่นนี้  หากอัลเลาะฮ์ให้โด่งดัง  พระองค์ก็จะประสงค์ให้เขาโด่งดังมีชื่อเสียง  และหากพระองค์ทรงประสงค์ให้เขาซ่อนเร้นไม่มีชื่อเสียง  พระองค์ก็จะไม่ให้เขามีชื่อเสียง

ดังที่ท่าน อบูลอับบาส อัลมุรซีย์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้กล่าวให้แง่คิดอันมีประโยชน์แก่เราว่า  “ผู้ใดที่รักความโด่งดังมีชื่อเสียง  เขาก็ย่อมเป็นทาสของความโด่งดังความชื่อเสียงนั้น  และผู้ใดที่รักความซ่อนเร้น  เขาก็ย่อมเป็นบ่าวของความซ่อนเร้นนั้น  และผู้ใดที่เป็นทาสบ่าวของอัลเลาะฮ์  แน่นอนว่า  ย่อมเท่าเทียมสำหรับเขา  ไม่ว่าพระองค์จะให้เขาโด่งดังหรือไม่โด่งดังมีชื่อเสียงก็ตาม” 

กล่าวคือ  ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพใด  เขาก็จะมีความนอบน้อมต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาเสมอ

วัลลอฮุอะลัม

[al-azhary]

ฮิกัมที่ 12

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮได้กล่าวฮิกัมไว้ความว่า

مَا نَفَعَ الْقَلْبَ شَيْءٌ مِثْلُ عُزْلَةٍ ، يَدْخُلُ بِهَا مِيْدَانَ فِكْرَةٍ

“ไม่มีสิ่งใดที่จะมีให้ประโยชน์กับหัวใจยิ่งไปกว่าการปลีกตนเอง  ซึ่งด้วยการปลีกตนเองนั้นเขาจะได้เข้าไปอยู่ในสนามแห่งความคิด”

โรคของหัวใจนั้น  ประมวลไปด้วยการหลงลืมอัลเลาะฮ์ตะอาลา  และห่างไกลจากพระองค์  เช่น  มีการอิจฉา  ริษยา  ประจบประแจง  โอ้อวด  ไม่มีความจริงใจ  ซึ่งสิ่งดังกล่าวนี้  จะชักนำให้บุคคลหนึ่งไปสู่อารมณ์ใฝ่ต่ำ  และตอบรับการเรียกร้องของชัยฏอน  ซึ่งผลตามจากโรคสิ่งดังกล่าวนั้น  จะทำให้มีการนินทา  ยุแหย่  ละเมิดเกียรติ  ชอบตำหนิผู้คนทั้งหลาย  หมิ่นเกียรติ  กล่าวหาว่าหลักศาสนาของเขาเลวร้าย  ล่วงละหมาดต่อคู่กรณี  เป็นต้น  ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการหลงลืมและฝ่าฝืนต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา

สำหรับหัวใจที่มีสุขภาพดีนั้น  คือหัวใจที่ปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ  ด้วยการเยียวยาและขัดเกลาจากการหลงลืมต่ออัลเลาะฮ์  มีความยากปรารถนาที่จะใกล้ชิดไปยังพระองค์ด้วยการทำอิบาดะฮ์ให้มาก ๆ ห่างไกลจากสิ่งที่ต้องห้ามต่าง ๆ   และยาที่จะสมานเยียวยาหัวใจที่ลึกล้ำและดียิ่งนั้นก็คือ  การปลีกวิเวกตนเองออกจากมนุษย์พร้อมกับใช้ความคิดใคร่ครวญ  คำว่า “ปลีกตนเองจากมนุษย์นั้น”  หมายถึง  ปลีกออกจากมนุษย์ที่ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ร่วมด้วย  เช่น  เขามีจิตใจที่เป็นโรค  อยู่ด้วยก็จะชอบพูดวิจารณ์นินทา หมิ่นเกียรติ  กล่าวหาว่าเขาเป็นคนอยู่ในแนวไม่ดี  โดยคิดว่าตนเองดีกว่าหนือกว่า  ซึ่งมิตรเช่นนี้  ควรหลีกห่างและปลีกตนออกจากเขา

ดังนั้น  ผู้ที่หาเวลาปลีกวิเวกตนเองสักช่วงเวลาหนึ่งนั้น  เขาก็จะมีโอกาสในการคิดพิเคราะห์  ใคร่ควรญพิจารณาถึงการสรรสร้างฟากฟ้าและแผ่นดิน  อีหม่านของเขาก็จะเพิ่มขึ้น  การยาเกนต่ออัลเลาะฮ์ก็จะทวีคูณ  และปลีกตนเพื่อใคร่ครวญถึงข้อบกพร่องของตนเอง  เพื่อให้ตนเองรู้สึกมีความต่ำต้อยต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา  จิตสำนึกก็จะเกิด  การเตาบะฮ์ก็มีขึ้นมา

ท่านนบีอีซาอะลัยฮิสลามได้กล่าวไว้ด้วยเนื้อความที่ถูกต้องความว่า “พวกท่านจงอย่านั่งร่วมคนตาย  เพราะมันจะเป็นเหตุให้หัวใจของท่านตาย  จึงถูกถามขึ้นว่า  ใครคือคนตายหรือ?  ท่านกล่วว่า  คือบรรดาบุคคลที่รักดุนยาและปรารถนาในดุนยา”  หนังสือ ฮิกัมอิบนุอะฏออิและฮ์ อธิบายโดย ชัยค์ มุฮัมมัด บิน มุสตอฟา บิน อะบิลอะลา 1/93

และฮะดิษที่มีสายรายงานสนับสนุมากมาย  จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  เขากล่าวว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  “การคิดใคร่ครวญสักช่วงเวลาหนึ่ง  ย่อมดีกว่าการทำอิบาดะฮ์(สุนัต)ถึง 60 ปี” หนังสือ อันนุกัตอัลบะดีอาต ของอิมามอัสสะยูฏี หน้า 211

[อิดริส]

 salamเมื่อไร่ฮิกัมจะคัมแบ็ค

[Al Fatoni]

บังอัลฯ ครับ จะให้ผมช่วยแปลไหม ผมเจอเล่มหนึ่ง ฉบับแปลมลายู แต่ยังไม่ซื้อ กะว่าซื้อ อินชาอัลลอฮฺ ไม่เหลือกว่าแรงจะลองแปลดู คอนเม้นท์ได้นะ อิอิ - วัสสลาม

[sa27]

[

2. การวางแผนที่ถูกตำหนิ  คือการวางแผนผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น  ซึ่งเป็นการวางแผนที่ค้านกับความเป็นทาสบ่าว  เช่นเขาทำการค้าขาย  เขาวางแผนว่าต้องได้กำไรเท่านั้นเท่านี้  , หากฉันทำสิ่งนี้ฉันต้องได้เท่านั้น , หากฉันไม่ทำมันแบบนั้นมันก็จะไม่เกิดแบบนี้หรอก , หากฉันสอบก็ต้องได้คะแนนเท่านั้นเท่านี้  เป็นต้น  ซึ่งการวางแผนเช่นนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ  เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามที่เราได้วางแผนนั้น  เป็นสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงรู้ตั้งแต่เดิมแล้ว(กอฏออฺ) ว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างไร  และผลก็เกิดขึ้นมาตาม(ที่อัลเลาะฮ์ทรงรู้มาแล้ว)นั้น(กอดัร)   เราจะไปกำหนดให้เป็นไปตามที่เราคาดวางแผนไว้นั้น  ถือเป็นการคิดวางแผนล้ำหน้าอัลเลาะฮ์ตาอาลา  ซึ่งขัดกับคุณลักษณะของการเป็นทาสบ่าวผู้ต่ำต้อย

ขอบคุณครับสำหรับคุณค่าที่ได้อ่าน แต่มีข้อที่ไม่เข้าใจคือ เช่นเขาทำการค้าขาย  เขาวางแผนว่าต้องได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ