เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

ผู้ที่นำแสงสว่างสู่ชีวิตคน(ครู)

<< < (2/5) > >>

noor:
ku ucap ribuan terima kasih kepada suadara semua yang apa saja engkau memberi menafaat kepada saya
        wassalam









zaiyideen:
พูดเรื่องว่าครูพอดีผมไปนั่งกับท่านพ่อมา(เพราะไปเยี่ยมอาการป่วยท่าน) ท่านก้อได้พูดเรื่องหนึ่งให้ผมฟังลองอ่านดูนะครับ(ผมได้แต่งคำเพื่อสะดวกในการเข้าใจ)
มีตาบีอีน ท่านหนึ่งได้พำนักอยู่ในที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งหน้าถ้ำจะมีคนคอยดูแลและปัดกวาดและให้ความสะดวกแก่ตาบีอีน ท่านนี้
จากเหตุที่ตาบีอีนท่านนี้ ได้มีความศิริมงคลและทำอิบาดะห์จนเป็นที่ทุกคนกล่าวขาน ทำให้ผู้คนต่างทั่วทุกสารทิศได้พยายามเดินทางมาพบท่าน
เรื่องชื่อเสยงของท่านตาบีอีนท่านนี้ก้อได้ไปเข้าหูของ ผู้ทรงความรู้คนหนึ่ง ท่านผู้รู้คนนี้ก้อได้เดินทางมาเพื่อจะเข้าพบ ตาบีอีนเพื่อจะดูว่าเป็นอย่างไรเช่นไร
แต่เป็นเรื่องที่หน้าแปลกว่า ตาบีอีนท่านนี้มิยอมให้ ผู้ทรงความรู้ท่านนี้เข้าพบ ผู้ทรงความรู้นี้ก้อเลยตะโกนถามไปว่า เหตุใดถึงมิยอมให้ฉันเข้าพบ
ตาบีอีน จึงเรียกคนอยู่หน้าถ้ำมาพบแล้ว ฝากไปบอกว่า เหตุที่เราไม่อยากเจอท่านเพราะท่าน อัคลัก(กิริยา) ไม่ดี   พอผู้ทรงความรู้ทราบเท่านั้นก้อเกิดอาการฉุดเฉียด
เดินทางกลับไป
    เมื่อเดินทางกลับไปก้อได้ไปทำหนังสือรวบรวม กิริยามารยาทแบบสมบูรณ์ยิ่ง แล้วเดินทางกลับมาขอพบ ตาบีอีนนั้นอีก
 โดยนำหนังสือนี้ฝากให้คนดุแลนำไปให้ เมื่อ ตาบีอีน ได้รับหนังสือแล้วก้อสั่งให้ผู้ดูแล ต้อนรับผู้รู้คนนั้นอย่างเต็มที่อาหารการกินอย่าได้ขาด
ผู้รู้ท่านนั้นก้อ ยิ้มและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เค้าได้ชนะใจ ตาบีอีนท่านนี้แล้ว จนผู้รู้ท่านนี้จะกลับจึงได้ไปหา ตาบีอีนเพื่อจะลา แล้วเอยปากไปว่า
วันก่อนฉันนี้ละคนที่ท่านไม่อยากพบหน้าเพราะบอกว่าฉันกิริยาไม่ดี แต่ไฉนวันนี้ท่านให้พบซะละ
ตาบีอีนเลยตอบไปว่า  ที่ฉันต้อนรับนะ  ฉันต้อนรับความรู้ของท่านต่างหาก แต่ กิริยาท่าน ก้อยังเหมือนเดิม
     ป๊ะผม(ท่านพ่อ)เล่าจบท่านก้อสรุปให้ฟังว่า ความรู้นะมีมากสักแค่ไหนแต่ถ้าเราขาดเรื่องกิริยามารยาทละก้อ ก้อเหมือนกับ แก้วน้ำที่จมในสระน้ำ
มีความรู้(คือแก้ว)แต่มิอาจนำมาใส่น้ำกินได้เพราะ จมอยู่ในสระ(ดุนยา) คนที่หลงในดุนยาจะมีกิริยา ที่ เย่อหยิ่งมิน้อมน้อบเอาซะเลย
โอ้พิมพ์ไปเยอะเหะผม ไม่รู้จะพิมพ์ต่อไงละครับ เอาเปนว่า ผมแค่เล่าในสิ่งที่ท่านพ่อผมบอกมา นะครับ
วัสสลาม

บาชีร:
เพื่อนผมบอกว่า

ท่านอิหม่ามบุคอรีกล่าวว่า
ใครไม่มีครูชัยตอนจะเป็นครูเขา

เพื่อนบางคนก็บอกว่าเป็นคำพูดอุลามาอฺ(แต่ไม่รู้ว่าใคร)

วัลลอฮุอะอฺลัม

zaiyideen:
สลาม bashir จากประโยคที่ท่านสื่อมาว่า
*ท่านอิหม่ามบุคอรีกล่าวว่า
ใครไม่มีครูชัยตอนจะเป็นครูเขา*

ผมขออธิบายเป็นข้อๆ
1.คำว่าครู เป็นคำที่ มนุษย์ได้อุปโลคขึ้นมาเป็นตำแหน่ง เพื่อ จะสื่อบอกว่า บุคคลนี้มีความรู้เพียงพอแก่การน่าจะไปศึกษาความรู้จากเค้า
2.คำว่าครู  มนุษย์ได้มอบตำแหน่งนี้ให้แก่คนที่มีความรู้มากมาย
3.คำว่าครู  มนุษย์ได้แยกเป็นสองส่วนคือ ส่วนบุคคลและส่วนสื่อต่างๆเช่น หนังสือ ข้อมุลจากอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
พอสรุปได้ว่า
ครูตอนนี้มีอยู่เยอะมากที่เราจะเสาะแสวงหาความรู้ จึงทำให้กระแสความรู้มีเส้นทางไหลผ่านเป็นอย่างมาก ถ้าเรายังคงเสาะแสวงหาความรู้แล้วปฏิบัติ
มีหรือไชตอนจะมาเป็นครูเรา   แต่ถ้าเราศึกษาเยอะมากแต่มิคิดปฏิบัติ (ขอมิกล่าวต่อ ละไว้ฐานเข้าใจ)
ส่วนครูที่ถุกต้องคือ เมื่อสอนอะไรใครไปแล้วก้อให้บอกไปด้วยว่า ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมศึกษาอีกนะ เพราะความรู้ในเรื่องนี้มิใช่มีแต่ฉันแค่คนเดียวที่รู้
เจ้าต้องไปศึกษาหลายๆจุดแล้วนำมาวิเคาะห์ ว่าเหมาะที่จะกระทำตามหรือไม่
ขอบอกเป็นข้อคิดนิดว่า  เราอยู่ในโลกนี้ คือ นักเรียนที่กำลังทำข้อสอบอยู่ เราพยายามหาคำตอบที่คิดว่าดีและถูกต้องที่สุด แล้วนำมาตอบหรือนำมาปฏิบัติ แต่คนให้คะแนนคืออัลลอฮ์ เราทำข้อสอบไปได้กี่คะแนน เราอยู่อับดับที่เท่าไหร่ของห้อง เราเหมาะจะได้รับรางวัลจากฉัน(อัลลฮ์) นั้นเป็นสิ่งที่เราทุกคนมิทราบเลย
ดังนั้น พยายามหาคำตอบแล้วนำมาตอบ(ปฏิบัติ) แต่อย่าหาคำตอบแล้วนำมาแขวน(ไม่ปฏิบัติ)
bashir ครับ ผมอธิบายไปนี้ผมแค่บอกความรู้สึกของผมให้ทราบเท่านั้นนะ มิได้คิดโต้แย้งอะไรเลย ถ้าสื่อผมผิดไปขอมาอัฟด้วยนะครับ
วัสลาม

 

บาชีร:
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ถึงความเป็นจริงของข้อความเหล่านี้

หากมีอุลามาอฺตะเซาวุฟมาอธิบายก็คงจะดียิ่งขึ้น

วัลลอฮุอะอฺลัม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version