เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

ประชาธิปไตยกับอิสลาม?

<< < (3/4) > >>

papaah:
استغفرالله ขออภัยด้วยครับ  ผมนี่แย่จริง ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียเลย  เผยความโง่ของตัวเองมาให้เด็ก ๆ เขาถอนหงอกให้แล้วไหมล่ะ  ????????  เห็นจะเลิกอ่านเสียทีได้แล้ว  เวปนี้ จริงไหม ???? เด็ก ๆ   :'(

คนจำเป็น:

--- อ้างจาก: papaah ที่ ก.ย. 09, 2007, 04:59 PM ---استغفرالله ขออภัยด้วยครับ  ผมนี่แย่จริง ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียเลย  เผยความโง่ของตัวเองมาให้เด็ก ๆ เขาถอนหงอกให้แล้วไหมล่ะ  ????????  เห็นจะเลิกอ่านเสียทีได้แล้ว  เวปนี้ จริงไหม ???? เด็ก ๆ   :'(

--- End quote ---

อัสลามุอะลัยกุ้ม ครับ   คุณ papaah ครับ

ผมไม่สบายใจเลยครับ
จากที่น้องคนเดินดิน พยายาม ตอบคำถามของบัง papaah
เลยทำให้เข้าใจไปอีกประเด็น

ไม่ใช่ ถอนขนงง ขนหงอก อะไรกันหรอกครับ
ผม รู้สึก แย่ไปเลย หากมาได้ยินเช่นนี้

เราพี่น้องกันครับ ด้วยความกันเอง ฉันท์พี่ฉันท์น้อง
บางครั้ง การพยายามจะอธิบาย แต่ไม่สามารถคิดคำออกมาได้
จึงทำให้ต้องใช้วิธีการอ้างอิง ตรงโน้น ตรงนี้ มาแปะ ๆ กัน
ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบง่าย ๆ และน้องเดินดิน อาจพูดสรุปสั้น ๆ  เพียงเพราะ คิดว่า การอ้างอิง นั้น คงเป็นคำตอบสมบูรณ์แล้ว
เลยทำให้ดูห้วนๆ ไปครับ  แต่ ผมเข้าใจว่า น้องเดินเดินเองไม่ได้มีเจตนา หักหน้า หรือ ดุดัน กับ คุณ papaah หรอกครับ



จริงๆ ผมเข้าใจมุมมอง ของ คุณ papaah สำหรับปัญหา เรื่อง การใช้กฏหมายของไทย
กับ การใช้กฏหมายของอิสลามแท้ๆ มันแตกต่างกันและ อาจคัดค้านกับหลักการของเรา
ซึ่งมันก็มีส่วนจริง และทำให้เรา ไปมองรวมที่ คำว่า การปกครองระบอบ ประชาธิปไตย เข้าไปด้วย


แต่ ที่ผม พยายามอธิบาย นั้น เพราะ คำว่า ประชาธิปไตย  โดยความหมาย ก็อย่างที่ซัยยิดดีน ได้เน้นอีกที
ซึ่งหากเราใช้รัฐธรรมนูญของอิสลาม แน่แท้ ว่า คงไม่มีปัญหาเช่นนี้
แต่ บ้านเรา ก็อย่างที่เข้าใจครับ  เราไม่ได้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งอิสลาม
การใช้การแบ่งมรดก ให้เท่าๆ กัน นั้นเค้าถือว่าเป็นความชอบธรรมที่ทุกคนควรได้รับ ตามสายตาของมนุษย์


แต่ ๆๆๆ ครับ......


เพราะ ศาสนา เรา มองได้ลึกซึ้งกว่า ถึง สภาพ ตำแหน่ง หน้าที่ ของผุ้ที่ต้องได้รับสัดส่วนที่มากกว่า
เนื่องจาก มุมมองทางศาสนาของเรา ที่ ตัวผู้รับ มีภาระ หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบมากกว่า
ซึ่งมันเป็นมุมมองที่ควบคุมการดำเนินชีวิตของเราให้ต้องอยู่ในบทบัญญัติของศาสนา
ตรงนี้ ที่ต่างศาสนิก คงยอมรับให้กับเราไม่ได้


ในส่วนนี้ ถ้าผู้รับมรดก มีใจศรัทธาแท้ต่อศาสนาจริง ๆ
ก็คงไม่ต้องเอารัฐธรรมนูญอื่นมาเทียบกับรัฐธรรมนูญแห่งอิสลามของเราได้หรอกครับ


ส่วนเรื่องบังจะเลิกติดตามที่เวปนี้ 
ผมและน้อง ๆ ที่นี่ คงไม่ยอมครับ

วัสสลาม

al-azhary:

--- อ้างจาก: papaah ที่ ก.ย. 09, 2007, 04:59 PM ---استغفرالله ขออภัยด้วยครับ  ผมนี่แย่จริง ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียเลย  เผยความโง่ของตัวเองมาให้เด็ก ๆ เขาถอนหงอกให้แล้วไหมล่ะ  ????????  เห็นจะเลิกอ่านเสียทีได้แล้ว  เวปนี้ จริงไหม ???? เด็ก ๆ   :'(

--- End quote ---

เข้ามาอ่านแล้วตกใจว่า เกิดอะไรขึ้น  จริง ๆ แล้วสิ่งที่ปะป๋าได้นำเสนอมานั้น  อยู่ในองค์ประกอบสำคัญเกี่ยวกับกระทู้นี้เหมือนกัน  ซึ่งสมาชิกบางท่านอาจจะไม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เกี่ยวกับประเด็นที่ปะป๋านำเสนอ  ยังไงผมก็มะอัฟแทนที่น้องด้วยนะครับ

ส่วนจะเลิกอ่านเวปไซท์นี้  คงไม่ได้นะครับ   เพราะว่ากระทู้ตะเซาวุฟต่าง ๆ ที่ผมได้นำเสนอนั้น  สำหรับปะป๋าโดยตรง นะครับ ^^

al-azhary:

--- อ้างจาก: papaah ที่ ก.ย. 09, 2007, 02:12 PM ---السلام عليكم ทุกท่านครับ  ผมใคร่ขอความเห็นนะครับ  ในกรณีการแบ่งมรดก  ฝ่ายหญิงไม่ยอมใช้หลัก "ฟะรออิด" ฝ่ายทายาทชายในกองมรดกต้องการใช้ หลัก "ฟะรออิด" ฝ่ายหญิง กลัวส่วนได้ของตนจะลดน้อยลง  ยืนยันจะให้ระบอบประชาธิปไตย โดยต้องการแบ่งให้ทายาททุกคนได้คนละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งทายาทฝ่ายหญิงมีมากกว่า  ถ้าเอาอย่างนั้นฝ่ายหญิงก็ต้องชนะ  ผู้จัดการมรดกก็ทิ้งหลัก "ฟะรออิด" (ฟัรดู ที่อัลลอฮ์ ซุบฮานะ ฯ ทรงกำหนดไว้ ) แล้วความผิดที่ทิ้งหลักการของอัลลอฮ์จะอยู่กับใครครับ  ขอความเห็นด้วยครับ  ขอบคุณ  والسلام عليكم:(

--- End quote ---

وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

คุณคนจำเป็น และน้องคนเดินดินครับ  เหตุการณ์ที่ปะป๋ายกนำเสนอมานั้น  เป็นเหตุการณ์จริงที่ได้เกิดขึ้น  ไม่ใช่เป็นการสมมุติเรื่องขึ้นมาเพื่อตำหนิสตรีแต่อย่างใด   ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของสตรีบางท่านที่ไม่ค่อยยึดหลักการอิสลามมาเป็นที่ตั้ง  แต่พยายามเอากฏหมายมนุษย์มาอ้างเพื่อผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับ   

หลักประชาธิปไตยไม่ใช่หมายความว่าฝ่ายหญิงและฝ่ายชายต้องเท่าเทียมกันในทุก ๆ เรื่อง   เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายหญิงเท่าเทียบกับชายในทุก ๆ เรื่อง  อย่างกรณีในเรื่องของมรดกตรงนี้  ความรับผิดชอบของผู้ชายกับผู้หญิงที่มีต่อครอบครัวนั้นต่างกัน   เนื่องจากฝ่ายชายที่เป็นพี่น้องรับผิดชอบดูแลครอบครัวของตนเองเป็นหลัก  ส่วนฝ่ายหญิงที่เป็นน้องสามีของเขาเป็นตัวหลักในการเลี้ยงดูนางและลูก ๆ ของนาง 

ดังนั้น  อิสลามจึงให้ผู้ชายเป็นผู้มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร  ภรรยาและสมาชิกในครอบครัว  ที่ไม่สามารถหาเลี้ยงตนเองได้  ในขณะที่ผู้หญิงไม่ต้องดูแลผู้อื่นในด้านการเงินนอกจากตัวเอง  ซึ่งหมายความว่า  ครึ่งหนึ่งของมรดกที่ผู้ชายได้รับนั้นเป็นส่วนที่ต้องใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว  ไม่ว่าจะเป็นภรรยา บุตร  บิดา  มารดา  เป็นต้น   ดังนั้นผู้ชายจึงมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว  ส่วนผู้หญิงไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ นอกจากตัวเอง  และมีสิทธิเต็มที่ในกองมรดกที่น่ามีสิทธิได้รับ  เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าการที่ผู้หญิงได้รับส่วนแบ่งมรดกน้อยกว่าชายนั้นไม่ใช่ค้านกับเรื่องของประชาธิปใตยที่กล่าวอ้างอุปโลกน์ขึ้นมาเลย  และไม่ใช่เป็นการกดขี่ต่อผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย  แต่อิสลามได้กำหนดหน้าที่ของผู้ชายในการรับผิดชอบมากกว่าผู้หญิง  ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจึงได้รับส่วนแบ่งดังกล่าวมากกว่าผู้หญิง  ตามหลักการที่อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงตรัสระบุไว้อย่างชัดเจน  ซึ่งหากผู้ใดปฏิเสธหลักการดังกล่าวและเชื่อว่าเป็นหลักการที่ไม่ยุติธรรมถือว่เขาเป็นกาเฟร  แต่ถ้าหากเขาเชื่อว่าหลักการที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติไว้นั้นเป็นสัจธรรม  แต่เขาอ้างว่าจะเอาเท่ากันแบบประชาธิปไตยตามความคิดของเขา  ถือว่าไม่เป็นกาเฟรแต่เป็นคนชั่วที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลเลาะฮ์ตาอาลา  วัลอิยาซุบิลลาฮ์

ประชาธิปไตยที่ขัดกับหลักการนั้น  เป็นประชาธิปไตยจอมปลอมครับ   :'(

والسلام

papaah:
السلام عليكم ทุกท่านครับ  เรื่องไปกันใหญ่แล้ว  เข้าใจแล้วครับ  ผมเข้าใจ... และขอให้ยุติกระทู้นี้ตั้งแต่บัดนี้นะครับ جزاكالله خيرلكم :o

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version