ผู้เขียน หัวข้อ: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ  (อ่าน 25630 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ก.ย. 15, 2007, 07:29 PM »
0
ท่านบุคอรีได้รายงานไว้ในบทละหมาดยามค่ำคืนจากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ความว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ يُصَلِّي إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً، كَانَتْ تِلْكَ صَلَاتَهُ، يَسْجُدُ السَّجْدَةَ مِنْ ذَلِكَ قَدْرَ مَا يَقْرَأُ أَحَدُكُمْ خَمْسِينَ آيَةً قَبْلَ أَنْ يَرْفَعَ رَأْسَهُ، وَيَرْكَعُ رَكْعَتَيْنِ قَبْلَ صَلَاةِ الْفَجْرِ‏.‏ ثُمَّ يَضْطَجِعُ عَلَى شِقِّهِ الْأَيْمَنِ حَتَّى يَأْتِيَهُ الْمُنَادِي لِلصَّلَاةِ‏

"แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ทำการละหมาด 11 รอกะอัต  ดังกล่าวนั้นคือการละหมาดของท่าน  ซึ่งท่านได้ทำการสุยูดครั้งหนึ่งจากละหมาดดังกล่าวนั้นนานขนาดบุคคลหนึ่งจากพวกท่านอายะฮ์อัลกุรอานถึง 50 อายะฮ์ ก่อนที่ท่านจะเงยศีรษะขึ้นมา  และท่านก็ทำการละหมาดสองรอกาอัตก่อนละหมาด(ฟัรดู)ซุบฮิ  หลังจากนั้นท่านได้นอนตะแคงข้างขวาจนกระทั่งผู้มีหน้าที่ป่าวประกาศ(มุอัซซิน)ให้ทำการละหมาดได้มา"  ( 1123 )

ท่านอัลฮาฟิซฺ  ได้อธิบายว่า

قوله‏:‏ ‏(‏ويركع ركعتين قبل صلاة الفجر ثم يضطجع‏)‏ سيأتي الكلام عليه في آخر أبواب التهجد إن شاء الله تعالى‏

"คำกล่าวที่ว่า (และท่านก็ทำการละหมาดสองรอกาอัตก่อนละหมาด(ฟัรดู)ซุบฮิ  หลังจากนั้นท่านได้นอนตะแคง) นั้น  ต่อไปจะทำการพูดอธิบายในช่วงท้ายของบทต่าง ๆ ของการละหมาดตะฮัจญุด  อินชาอัลเลาะฮ์"  (ฟัตหุบารีย์ อธิบายหะดิษที่ 1123)

หะดิษดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า  การละหมาด 11 รอกะอัตอยู่ในเรื่องของการละหมาดกิยามุลลัยล์ที่เป็นตะฮัจญุดหรือไม่ครับ ?  หากผมเข้าใจเองคงไม่ได้  เพราะต้องพึ่งพานักปราชญ์ฟิกห์เข้าอธิบาย  ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ก.ย. 15, 2007, 07:44 PM »
0
ท่านบุคอรีได้รายงานไว้ในบทเรื่อง การละหมาดกิยามุลลัยล์(ตะฮัจยุด) ในเดือนรอมะดอนและอื่นจากรอมะดอน จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ความว่า

"ท่านรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ...."

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ หะญัร  อธิบายว่า

 وفي الحديث دلالة على أن صلاته كانت متساوية في جميع السنة، وفيه كراهة النوم قبل الوتر

"ในหะดิษบ่งชี้ว่า  การละหมาดของท่านนบีนั้นเท่าเทียมกันตลอดทั้งปี(ไม่ว่ารอมาดอนหรือไม่ใช่รอมาดอน) และในหะดิษบ่งชี้ว่า มักโระฮ์ในการนอนก่อนละหมาดวิติร"   

กล่าวคือเมื่อละหมาดในยามค่ำคืนแล้วให้ทำการวิติรต่อจากนั้นเลย  ดังนั้น  หะดิษละหมาด 11 รอกาอัตนี้  คือละหมาดกิยามุลลัยล์ปกติทั่วไปที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ทำเป็นประจำทั้งในเดือนรอมาดอนและอื่นจากรอมาดอน   ฉะนั้น  หากว่ากิยามุลลัยล์คือละหมาดตะฮัจยุด  จึงเป็นไปได้หรือที่การละหมาดตะฮัจญุดในเดือนรอมาดอนเขาเรียกว่า ละหมาดตะรอวิห์ หรือว่าเป็นละหมาดคนละส่วนกัน ??
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ก.ย. 15, 2007, 09:08 PM »
0
ท่านบุคอรีได้รายงานไว้ในบทเรื่อง การละหมาดกิยามุลลัยล์(ตะฮัจยุด) ในเดือนรอมะดอนและอื่นจากรอมะดอน จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ความว่า

مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلَا فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلَا تَسَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلَا تَسَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ثُمَّ يُصَلِّي ثَلَاثًا

"ท่านรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ...."

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ หะญัร  อธิบายว่า

 وفي الحديث دلالة على أن صلاته كانت متساوية في جميع السنة، وفيه كراهة النوم قبل الوتر

"ในหะดิษบ่งชี้ว่า  การละหมาดของท่านนบีนั้นเท่าเทียมกันตลอดทั้งปี(ไม่ว่ารอมาดอนหรือไม่ใช่รอมาดอน) และในหะดิษบ่งชี้ว่า มักโระฮ์ในการนอนก่อนละหมาดวิติร"   

กล่าวคือเมื่อละหมาดในยามค่ำคืนแล้วให้ทำการวิติรต่อจากนั้นเลย  ดังนั้น  หะดิษละหมาด 11 รอกาอัตนี้  คือละหมาดกิยามุลลัยล์ปกติทั่วไปที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ทำเป็นประจำทั้งในเดือนรอมาดอนและอื่นจากรอมาดอน   ฉะนั้น  หากว่ากิยามุลลัยล์คือละหมาดตะฮัจยุด  จึงเป็นไปได้หรือที่การละหมาดตะฮัจญุดในเดือนรอมาดอนเขาเรียกว่า ละหมาดตะรอวิห์ ??

ท่านบุคอรีได้กล่าวรายงานไว้ในบทที่ว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดอย่างไร และเท่าไหร่ที่ท่านได้ละหมาดในยามค่ำคืน"  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  ความว่า

سَبْعٌ وَتِسْعٌ وَإِحْدَى عَشْرَةَ سِوَى رَكْعَتِي الْفَجْرِ‏

" 7 รอกะอัต  และ 9 รอกะอัต  และ 11 รอกะอัต  นอกจากสองรอกะอัต(ก่อนละหมาด)ซุบฮิ"

ท่านอัลกอซิม บิน มุฮัมมัด (หลานท่านหญิงอาอิชะฮ์)  ได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮ์  ท่านนางตอบว่า

كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُصَلِّي مِنْ اللَّيْلِ ثَلَاثَ عَشْرَةَ رَكْعَةً، مِنْهَا الْوِتْرُ وَرَكْعَتَا الْفَجْرِ‏

"ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดยามค่ำคืน 13 รอกะอัต  ส่วนหนึ่งจากมันนั้นคือละหมาดวิติรและละหมาดสองรอะกัต(ก่อน)ละหมาดซุบฮิ)"

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุหะญัร  ได้อธิบายว่า  ส่วนมากแล้วท่านนบี ละหมาด 11 รอกะอัต  แต่ที่เพิ่มมา 13 นั้น  เพราะว่านับละหมาดสุนัตอีชาอ์สองรอกะอัตเข้าไปด้วย  เพราะหะดิษมุสลิมได้รายงานจากสะอัด บิน ฮิชาม  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ว่า "ท่านนบีได้เริ่มการละหมาดด้วยสองรอกะอัตแบบเร็ว ๆ (คือละหมาดสุนัตรอวาติบหลังอีชาอ์)"

ท่านอัลฮาฟิซฺ   อิบนุ  ฮะญัร  อธิบาย ต่อไปว่า

ويؤيده ما وقع عند أحمد وأبي داود، من رواية عبد الله بن أبي قيس، عن عائشة، بلفظ ‏"‏ كان يوتر بأربع وثلاث، وست وثلاث، وثمان وثلاث، وعشر وثلاث، ولم يكن يوتر بأكثر من ثلاث عشرة ولا أنقص من سبع ‏"‏ وهذا أصح ما وقفت عليه من ذلك، وبه يجمع بين ما اختلف عن عائشة من ذلك والله أعلم‏

"และมาสนับสนุนกับ(ความแตกต่างเรื่องรอกะอัตละหมาด)โดยหะดิษจากท่านอะห์มัดและอบูดาวูด  ได้รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อบีกัยซ์  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ด้วยถ้อยคำที่ว่า "ท่านนบีได้ทำละหมาดวิติร  4 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 7)  ,  และแบบ 6 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 9) , และแบบ 8 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 11) , และแบบ 10 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 13)  โดยไม่น้อยไปกว่า 7 รอกาอัต"    และนี้คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่ฉันทราบมาจากสิ่งเรื่องดังกล่าว  และหะดิษดังกล่าวนั้น  สามารถรวมบรรดาหะดิษที่รายงานแตกต่างกันจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ในเรื่องละหมาดดังกล่าว  วัลลอฮุอะลัม"

ท่านอัลฮาฟิซฺ กล่าวอธิบายว่าต่อไปว่า

قال القرطبي‏:‏ أشكلت روايات عائشة على كثير من أهل العلم حتى نسب بعضهم حديثها إلى الاضطراب، وهذا إنما يتم لو كان الراوي عنها واحداً أو أخبرت عن وقت واحد‏:‏ والصواب أن كل شيء ذكرته من ذلك محمول على أوقات متعددة وأحوال مختلفة بحسب النشاط وبيان الجواز والله أعلم‏

"ท่านอัลกุรตุบีย์กล่าวว่า  สายรายงานต่าง ๆ ของท่านหญิงอาอิชะฮ์นี้ทำให้เกิดความคลุมเครือต่อนักวิชาการส่วนมาก  จนกระทั่งบางส่วนพาดพิงหะดิษนี้เป็นหะดิษสับสน(อิฏฏิร๊อบ)  และหะดิษนี้จะสมบูรณ์ได้หากว่าผู้รายงานมีคนเดียวและท่านนางได้บอกในเวลาเดียวกัน  และที่ถูกต้องนั้นคือทุกสิ่งที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวมา  ถูกตีความว่า  ได้กล่าวตามช่วงเวลาต่าง ๆ และสภาพที่แตกต่างกันโดยพิจารณาความกระปี้กระเป่าและอธิบายถึงอนุญาต(ให้กระทำได้)  วัลลอฮุอะลัม"

และท่านอัลฮาฟิซฺอธิบายต่อไปอีกว่า

وظهر لي أن الحكمة في عدم الزيادة على إحدى عشرة أن التهجد والوتر مختص بصلاة الليل، وفرائض النهار - الظهر وهي أربع والعصر وهي أربع والمغرب وهي ثلاث وتر النهار - فناسب أن تكون صلاة الليل كصلاة النهار في العدد جملة وتفصيلا‏

"ได้ปรากฏแก่ฉันว่า แท้จริงเคล็ดลับในการไม่เพิ่มมากไปกว่า 11 ร่อกะอัตนั้น  คือการละหมาดตะฮัจยุดและวิติร  ถูกเจาะจงด้วยการละหมาดในยามค่ำคืน  และบรรดาละหมาดฟัรดูช่วงกลางวันนั้น - คือซุฮ์ริ 4 รอกะอัต , อัสริ 4 รอกะอัต , มัฆริบ 3 รอกะอัต ซึ่งถือว่าเป็นวิติรในช่วงกลางวัน -  ดังนั้น  จึงเหมาะสมที่ละหมาดยามค่ำคืนได้เหมือนกับละหมาดกลางวันในด้านของจำนวน ไม่ว่าจะแบบสรุปหรือว่าแบบรายละเอียด"

สิ่งที่ผมได้นำเสนอมานั้น  แสดงว่าการละหมาดค่ำคืนไม่ว่ารอมะดอนหรือไม่ใช่รอมาดอนของท่านนบี 11 รอกะอัตนั้น คือละหมาดวิติรหรือส่วนหนึ่งเป็นละหมาดตะฮัจญุดด้วยครับ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ก.ย. 16, 2007, 05:03 AM »
0
ท่านบุคอรีได้รายงานไว้ในบทเรื่อง การละหมาดกิยามุลลัยล์(ตะฮัจยุด) ในเดือนรอมะดอนและอื่นจากรอมะดอน จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ความว่า

مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلَا فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلَا تَسَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلَا تَسَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ثُمَّ يُصَلِّي ثَلَاثًا

"ท่านรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ...."

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ หะญัร  อธิบายว่า

 وفي الحديث دلالة على أن صلاته كانت متساوية في جميع السنة، وفيه كراهة النوم قبل الوتر

"ในหะดิษบ่งชี้ว่า  การละหมาดของท่านนบีนั้นเท่าเทียมกันตลอดทั้งปี(ไม่ว่ารอมาดอนหรือไม่ใช่รอมาดอน) และในหะดิษบ่งชี้ว่า มักโระฮ์ในการนอนก่อนละหมาดวิติร"   

กล่าวคือเมื่อละหมาดในยามค่ำคืนแล้วให้ทำการวิติรต่อจากนั้นเลย  ดังนั้น  หะดิษละหมาด 11 รอกาอัตนี้  คือละหมาดกิยามุลลัยล์ปกติทั่วไปที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ทำเป็นประจำทั้งในเดือนรอมาดอนและอื่นจากรอมาดอน   ฉะนั้น  หากว่ากิยามุลลัยล์คือละหมาดตะฮัจยุด  จึงเป็นไปได้หรือที่การละหมาดตะฮัจญุดในเดือนรอมาดอนเขาเรียกว่า ละหมาดตะรอวิห์ ??

ท่านบุคอรีได้กล่าวรายงานไว้ในบทที่ว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดอย่างไร และเท่าไหร่ที่ท่านได้ละหมาดในยามค่ำคืน"  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  ความว่า

سَبْعٌ وَتِسْعٌ وَإِحْدَى عَشْرَةَ سِوَى رَكْعَتِي الْفَجْرِ‏

" 7 รอกะอัต  และ 9 รอกะอัต  และ 11 รอกะอัต  นอกจากสองรอกะอัต(ก่อนละหมาด)ซุบฮิ"

ท่านอัลกอซิม บิน มุฮัมมัด (หลานท่านหญิงอาอิชะฮ์)  ได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮ์  ท่านนางตอบว่า

كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُصَلِّي مِنْ اللَّيْلِ ثَلَاثَ عَشْرَةَ رَكْعَةً، مِنْهَا الْوِتْرُ وَرَكْعَتَا الْفَجْرِ‏

"ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดยามค่ำคืน 13 รอกะอัต  ส่วนหนึ่งจากมันนั้นคือละหมาดวิติรและละหมาดสองรอะกัต(ก่อน)ละหมาดซุบฮิ)"

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุหะญัร  ได้อธิบายว่า  ส่วนมากแล้วท่านนบี ละหมาด 11 รอกะอัต  แต่ที่เพิ่มมา 13 นั้น  เพราะว่านับละหมาดสุนัตอีชาอ์สองรอกะอัตเข้าไปด้วย  เพราะหะดิษมุสลิมได้รายงานจากสะอัด บิน ฮิชาม  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ว่า "ท่านนบีได้เริ่มการละหมาดด้วยสองรอกะอัตแบบเร็ว ๆ (คือละหมาดสุนัตรอวาติบหลังอีชาอ์)"

ท่านอัลฮาฟิซฺ   อิบนุ  ฮะญัร  อธิบาย ต่อไปว่า

ويؤيده ما وقع عند أحمد وأبي داود، من رواية عبد الله بن أبي قيس، عن عائشة، بلفظ ‏"‏ كان يوتر بأربع وثلاث، وست وثلاث، وثمان وثلاث، وعشر وثلاث، ولم يكن يوتر بأكثر من ثلاث عشرة ولا أنقص من سبع ‏"‏ وهذا أصح ما وقفت عليه من ذلك، وبه يجمع بين ما اختلف عن عائشة من ذلك والله أعلم‏

"และมาสนับสนุนกับ(ความแตกต่างเรื่องรอกะอัตละหมาด)โดยหะดิษจากท่านอะห์มัดและอบูดาวูด  ได้รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อบีกัยซ์  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ด้วยถ้อยคำที่ว่า "ท่านนบีได้ทำละหมาดวิติร  4 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 7)  ,  และแบบ 6 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 9) , และแบบ 8 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 11) , และแบบ 10 รอกะอัตและอีก 3 (รวมเป็น 13)  โดยไม่น้อยไปกว่า 7 รอกาอัต"    และนี้คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่ฉันทราบมาจากสิ่งเรื่องดังกล่าว  และหะดิษดังกล่าวนั้น  สามารถรวมบรรดาหะดิษที่รายงานแตกต่างกันจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ในเรื่องละหมาดดังกล่าว  วัลลอฮุอะลัม"

ท่านอัลฮาฟิซฺ กล่าวอธิบายว่าต่อไปว่า

قال القرطبي‏:‏ أشكلت روايات عائشة على كثير من أهل العلم حتى نسب بعضهم حديثها إلى الاضطراب، وهذا إنما يتم لو كان الراوي عنها واحداً أو أخبرت عن وقت واحد‏:‏ والصواب أن كل شيء ذكرته من ذلك محمول على أوقات متعددة وأحوال مختلفة بحسب النشاط وبيان الجواز والله أعلم‏

"ท่านอัลกุรตุบีย์กล่าวว่า  สายรายงานต่าง ๆ ของท่านหญิงอาอิชะฮ์นี้ทำให้เกิดความคลุมเครือต่อนักวิชาการส่วนมาก  จนกระทั่งบางส่วนพาดพิงหะดิษนี้เป็นหะดิษสับสน(อิฏฏิร๊อบ)  และหะดิษนี้จะสมบูรณ์ได้หากว่าผู้รายงานมีคนเดียวและท่านนางได้บอกในเวลาเดียวกัน  และที่ถูกต้องนั้นคือทุกสิ่งที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวมา  ถูกตีความว่า  ได้กล่าวตามช่วงเวลาต่าง ๆ และสภาพที่แตกต่างกันโดยพิจารณาความกระปี้กระเป่าและอธิบายถึงอนุญาต(ให้กระทำได้)  วัลลอฮุอะลัม"

และท่านอัลฮาฟิซฺอธิบายต่อไปอีกว่า

وظهر لي أن الحكمة في عدم الزيادة على إحدى عشرة أن التهجد والوتر مختص بصلاة الليل، وفرائض النهار - الظهر وهي أربع والعصر وهي أربع والمغرب وهي ثلاث وتر النهار - فناسب أن تكون صلاة الليل كصلاة النهار في العدد جملة وتفصيلا‏

"ได้ปรากฏแก่ฉันว่า แท้จริงเคล็ดลับในการไม่เพิ่มมากไปกว่า 11 ร่อกะอัตนั้น  คือการละหมาดตะฮัจยุดและวิติร  ถูกเจาะจงด้วยการละหมาดในยามค่ำคืน  และบรรดาละหมาดฟัรดูช่วงกลางวันนั้น - คือซุฮ์ริ 4 รอกะอัต , อัสริ 4 รอกะอัต , มัฆริบ 3 รอกะอัต ซึ่งถือว่าเป็นวิติรในช่วงกลางวัน -  ดังนั้น  จึงเหมาะสมที่ละหมาดยามค่ำคืนได้เหมือนกับละหมาดกลางวันในด้านของจำนวน ไม่ว่าจะแบบสรุปหรือว่าแบบรายละเอียด"

สิ่งที่ผมได้นำเสนอมานั้น  แสดงว่าการละหมาดค่ำคืนไม่ว่ารอมะดอนหรือไม่ใช่รอมาดอนของท่านนบี 11 รอกะอัตนั้น คือละหมาดวิติรหรือส่วนหนึ่งเป็นละหมาดตะฮัจญุดด้วยครับ 

แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ   หะดิษดังกล่าวที่ท่านบุคอรีได้นำเสนอในบทกิยามุลลัยล์ (ตะฮัจญุด) และวิติร นั้น   ท่านบุคอรีได้ทำการอิจญาด(วินิจฉัย)โดยนำหะดิษดังกล่าวมาไว้ในบทการละหมาดตะรอวิห์ด้วย   ทั้งบรรดานักหะดิษท่านอื่น ๆ ไม่ได้นำมาเสนอไว้ในบทเรื่อง กิยามรอมาดอนหรือละหมาดตะรอวิห์เลย

ท่านมุสลิม : 

ท่านอิมามมุสลิมได้นำเสนอหะดิษท่านนบี ละหมาด 11 รอกะอัตนั้น ไว้อยู่ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง

باب صَلاَةِ اللَّيْلِ وَعَدَدِ رَكَعَاتِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم فِي اللَّيْلِ وَأَنَّ الْوِتْرَ رَكْعَةٌ وَأَنَّ الرَّكْعَةَ صَلاَةٌ صَحِيحَةٌ

"บทการละหมาดยามค่ำคืนและบรรดาจำนวนรอกะอัตต่าง ๆ ที่ท่านนบีได้ละหมาดในยามค่ำคืน และทำละหมาดวิติรหนึ่งรอกะอัตและหนึ่งรอกะอัตเป็นการละหมาดที่ใช้ได้" 

حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ يَحْيَى، قَالَ قَرَأْتُ عَلَى مَالِكٍ عَنِ ابْنِ شِهَابٍ، عَنْ عُرْوَةَ، عَنْ عَائِشَةَ، أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم كَانَ يُصَلِّي بِاللَّيْلِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُوتِرُ مِنْهَا بِوَاحِدَةٍ فَإِذَا فَرَغَ مِنْهَا اضْطَجَعَ عَلَى شِقِّهِ الأَيْمَنِ حَتَّى يَأْتِيَهُ الْمُؤَذِّنُ فَيُصَلِّي رَكْعَتَيْنِ خَفِيفَتَيْنِ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ว่า  "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ละหมาดตามค่ำคืน 11 รอกะอัต  และทำการวิติร 1 รอกะอัต จาก 11 รอกะอัตนั้น  ดังนั้น  เมื่อท่านได้เสร็จสิ้นจากการละหมาดดังกล่าว  ท่านจึงนอนตะแคงขวา  จนกระทั่งมุอัซซินได้มา(อะซาน) แล้วท่านนบีก็ทำการละหมาด 2 รอกะอัตแบบเร็ว ๆ " รายงานโดยมุสลิม (1751)

وَحَدَّثَنِي حَرْمَلَةُ بْنُ يَحْيَى، حَدَّثَنَا ابْنُ وَهْبٍ، أَخْبَرَنِي عَمْرُو بْنُ الْحَارِثِ، عَنِ ابْنِ شِهَابٍ، عَنْ عُرْوَةَ بْنِ الزُّبَيْرِ، عَنْ عَائِشَةَ، زَوْجِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَالَتْ كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يُصَلِّي فِيمَا بَيْنَ أَنْ يَفْرُغَ مِنْ صَلاَةِ الْعِشَاءِ - وَهِيَ الَّتِي يَدْعُو النَّاسُ الْعَتَمَةَ - إِلَى الْفَجْرِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُسَلِّمُ بَيْنَ كُلِّ رَكْعَتَيْنِ وَيُوتِرُ بِوَاحِدَةٍ فَإِذَا سَكَتَ الْمُؤَذِّنُ مِنْ صَلاَةِ الْفَجْرِ وَتَبَيَّنَ لَهُ الْفَجْرُ وَجَاءَهُ الْمُؤَذِّنُ قَامَ فَرَكَعَ رَكْعَتَيْنِ خَفِيفَتَيْنِ ثُمَّ اضْطَجَعَ عَلَى شِقِّهِ الأَيْمَنِ حَتَّى يَأْتِيَهُ الْمُؤَذِّنُ لِلإِقَامَةِ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภริยานบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ทำการละหมาดระหว่างเสร็จสิ้นจากละหมาดอีชาอ์ - ซึ่งบรรดาผู้คนเขาเรียกว่าอัลอะตะมะฮ์ - จนแสงอรุณขึ้น 11 รอกะอัต  ท่านได้ทำการให้สลามทุก ๆ 2 รอกะอัต  และทำวิติร 1 รอกะอัต  ดังนั้น  เมื่อมุอัซซินเสร็จจาก(อะซาน)ละหมาดซุบฮิ โดยปรากฏว่ามีแสงอรุณ  มุอัซซินก็มาที่ท่านนบี  แล้วท่านนบีก็ละหมาด 2 รอกะอัตแบบเร็ว ๆ หลังจากนั้นท่านได้นอนตะแคงข้างขวา  จนกระทั้งมุอัซซินทำการอิกอมะฮ์" (1752)

ท่านอบูดาวูด :

ท่านอบูดาวูดได้นำเสนอไว้ในบท

باب فِي صَلاَةِ اللَّيْلِ

"บทในเรื่องการละหมาดยามค่ำคืน"

حَدَّثَنَا الْقَعْنَبِيُّ، عَنْ مَالِكٍ، عَنِ ابْنِ شِهَابٍ، عَنْ عُرْوَةَ بْنِ الزُّبَيْرِ، عَنْ عَائِشَةَ، زَوْجِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم ‏:‏ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم كَانَ يُصَلِّي مِنَ اللَّيْلِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً، يُوتِرُ مِنْهَا بِوَاحِدَةٍ، فَإِذَا فَرَغَ مِنْهَا اضْطَجَعَ عَلَى شِقِّهِ الأَيْمَنِ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภริยาของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ว่า  "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ละหมาดในยามค่ำคืน 11 รอกะอัต  และทำการละหมาดวิติรหนึ่งรอกะอัต  และเมื่อท่านเสร็จจากละหมาดดังกล่าว  ท่านจงนอนตะแคงข้างขวา"  รายงานโดยอบูดาวูด (1337)
 
حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ إِبْرَاهِيمَ، وَنَصْرُ بْنُ عَاصِمٍ، - وَهَذَا لَفْظُهُ - قَالاَ حَدَّثَنَا الْوَلِيدُ، حَدَّثَنَا الأَوْزَاعِيُّ، - وَقَالَ نَصْرٌ ‏:‏ عَنِ ابْنِ أَبِي ذِئْبٍ، وَالأَوْزَاعِيِّ، - عَنِ الزُّهْرِيِّ، عَنْ عُرْوَةَ، عَنْ عَائِشَةَ، - رضى الله عنها - قَالَتْ ‏:‏ كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يُصَلِّي فِيمَا بَيْنَ أَنْ يَفْرُغَ مِنْ صَلاَةِ الْعِشَاءِ إِلَى أَنْ يَنْصَدِعَ الْفَجْرُ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً، يُسَلِّمُ مِنْ كُلِّ ثِنْتَيْنِ وَيُوتِرُ بِوَاحِدَةٍ، وَيَمْكُثُ فِي سُجُودِهِ قَدْرَ مَا يَقْرَأُ أَحَدُكُمْ خَمْسِينَ آيَةً قَبْلَ أَنْ يَرْفَعَ رَأْسَهُ، فَإِذَا سَكَتَ الْمُؤَذِّنُ بِالأُولَى مِنْ صَلاَةِ الْفَجْرِ قَامَ فَرَكَعَ رَكْعَتَيْنِ خَفِيفَتَيْنِ، ثُمَّ اضْطَجَعَ عَلَى شِقِّهِ الأَيْمَنِ حَتَّى يَأْتِيَهُ الْمُؤَذِّنُ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภริยาของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ว่า "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  ในขณะที่ท่านละหมาดอีชาอ์เสร็จจนแสงอรุณขึ้น  ท่านได้ละหมาด 11 รอกะอัต  ซึ่งท่านได้ให้สลามในทุก ๆ 2 รอกะอัต  และทำการวิติรหนึ่งรอกะอัต  และท่านได้สงบนิ่งในขณะสุยูดขนาดของบุคคลหนึ่งอ่าน 50 อายะฮ์ก่อนที่ท่านจะเงยศีรษะขึ้นมา   ดังนั้น  เมื่อมุอัซซินได้อะซานละหมาดซุบฮิครั้งแรกเสร็จ  ท่านจงละหมาด(สุนัต)สองรองกะอัตแบบเร็ว  หลังจากนั้น  ท่านได้นอนตะแคงข้างขวา  จนกระทั้งมุอัซซินมา(ทำการอิกอมะฮ์)" รายงานโดยอบูดาวูด (1338)
 
حَدَّثَنَا الْقَعْنَبِيُّ، عَنْ مَالِكٍ، عَنْ سَعِيدِ بْنِ أَبِي سَعِيدٍ الْمَقْبُرِيِّ، عَنْ أَبِي سَلَمَةَ بْنِ عَبْدِ الرَّحْمَنِ، أَنَّهُ أَخْبَرَهُ ‏:‏ أَنَّهُ، سَأَلَ عَائِشَةَ زَوْجَ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم فِي رَمَضَانَ فَقَالَتْ ‏:‏ مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلاَ فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً ‏:‏ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي ثَلاَثًا، قَالَتْ عَائِشَةُ - رضى الله عنها - فَقُلْتُ ‏:‏ يَا رَسُولَ اللَّهِ أَتَنَامُ قَبْلَ أَنْ تُوتِرَ قَالَ ‏:‏ ‏"‏ يَا عَائِشَةُ إِنَّ عَيْنَىَّ تَنَامَانِ وَلاَ يَنَامُ قَلْبِي

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  กล่าวว่า  ท่านานรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  ฉันได้กล่าวว่า  โอ้ร่อซูลุลเลาะฮ์  ท่านจะนอนก่อนละหมาดวิติรกระนั้นหรือ?  ท่านนบีกล่าวว่า  โอ้อาอิชะฮ์  แท้จริงสองดวงตาของฉันนั้นหลับแต่จิตใจของฉันไม่หลับ" รายงานโดยอบูดาวูด (1343)

ท่านอัตติรมีซีย์ :

باب مَا جَاءَ فِي وَصْفِ صَلاَةِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم بِاللَّيْلِ

"บทว่าด้วยเรื่องการบอกถึงลักษณะการละหมาดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในยามค่ำคืน"

حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ مُوسَى الأَنْصَارِيُّ، حَدَّثَنَا مَعْنٌ، حَدَّثَنَا مَالِكٌ، عَنْ سَعِيدِ بْنِ أَبِي سَعِيدٍ الْمَقْبُرِيِّ، عَنْ أَبِي سَلَمَةَ، أَنَّهُ أَخْبَرَهُ أَنَّهُ، سَأَلَ عَائِشَةَ كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم بِاللَّيْلِ فِي رَمَضَانَ فَقَالَتْ مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلاَ فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ ثُمَّ يُصَلِّي ثَلاَثًا ‏.‏ فَقَالَتْ عَائِشَةُ فَقُلْتُ يَا رَسُولَ اللَّهِ أَتَنَامُ قَبْلَ أَنْ تُوتِرَ فَقَالَ ‏"‏ يَا عَائِشَةُ إِنَّ عَيْنَىَّ تَنَامَانِ وَلاَ يَنَامُ قَلْبِي ‏"‏ ‏.‏ قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ صَحِيحٌ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  กล่าวว่า  ท่านานรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  ฉันได้กล่าวว่า  โอ้ร่อซูลุลเลาะฮ์  ท่านจะนอนก่อนละหมาดวิติรกระนั้นหรือ?  ท่านนบีกล่าวว่า  โอ้อาอิชะฮ์  แท้จริงสองดวงตาของฉันนั้นหลับแต่จิตใจของฉันไม่หลับ" รายงานโดยอัตติรมีซี (441)  ท่านกล่าวว่า  เป็นหะดิษหะซันซอฮิห์

حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ مُوسَى الأَنْصَارِيُّ، حَدَّثَنَا مَعْنُ بْنُ عِيسَى، حَدَّثَنَا مَالِكٌ، عَنِ ابْنِ شِهَابٍ، عَنْ عُرْوَةَ، عَنْ عَائِشَةَ، أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم كَانَ يُصَلِّي مِنَ اللَّيْلِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُوتِرُ مِنْهَا بِوَاحِدَةٍ فَإِذَا فَرَغَ مِنْهَا اضْطَجَعَ عَلَى شِقِّهِ الأَيْمَنِ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  กล่าวว่า  "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดในยามค่ำคืน 11 รอกะอัต  โดยทำการละหมาดวิติรอีกหนึ่งรอกะอัตจากมัน( 11 รอกาอัตนั้น)  ดังนั้น  เมื่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์เสร็จสิ้นจากการละหมาด  ท่านได้นอนตระแคงข้างขวา"   รายงานโดยอัตติรมีซี (442)

ท่านอันนะซาอีย์ :

ท่านอันนะซาอีย์  ได้กล่าวไว้ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง

باب قِيَامِ اللَّيْلِ

"บทการละหมาดยามค่ำคืน"

أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ بَشَّارٍ، قَالَ حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ سَعِيدٍ، عَنْ سَعِيدٍ، عَنْ قَتَادَةَ، عَنْ زُرَارَةَ، عَنْ سَعْدِ بْنِ هِشَامٍ، أَنَّهُ لَقِيَ ابْنَ عَبَّاسٍ فَسَأَلَهُ عَنِ الْوَتْرِ، فَقَالَ أَلاَ أُنَبِّئُكَ بِأَعْلَمِ أَهْلِ الأَرْضِ بِوِتْرِ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم قَالَ نَعَمْ ‏.‏ قَالَ عَائِشَةُ
فَقُلْتُ يَا أُمَّ الْمُؤْمِنِينَ أَنْبِئِينِي عَنْ وِتْرِ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏.‏ قَالَتْ كُنَّا نُعِدُّ لَهُ سِوَاكَهُ وَطَهُورَهُ فَيَبْعَثُهُ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ لِمَا شَاءَ أَنْ يَبْعَثَهُ مِنَ اللَّيْلِ فَيَتَسَوَّكُ وَيَتَوَضَّأُ وَيُصَلِّي ثَمَانِيَ رَكَعَاتٍ لاَ يَجْلِسُ فِيهِنَّ إِلاَّ عِنْدَ الثَّامِنَةِ يَجْلِسُ فَيَذْكُرُ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ وَيَدْعُو ثُمَّ يُسَلِّمُ تَسْلِيمًا يُسْمِعُنَا ثُمَّ يُصَلِّي رَكْعَتَيْنِ وَهُوَ جَالِسٌ بَعْدَ مَا يُسَلِّمُ ثُمَّ يُصَلِّي رَكْعَةً فَتِلْكَ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً

สะอัด บุตร ฮิชาม  ได้พบกับท่านอิบนุอับบาส  แล้วถามเรื่องละหมาดวิติร  ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า  พึงทราบเถิด  ฉันจะบอกให้ท่านทราบถึงบุคคลที่รู้ยิ่งในผืนแผ่นดินนี้ในเรื่องการละหมาดวิติรของท่านนบีเอาใหม?  เขาตอบว่า  ครับ  ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า  เขาคือ อาอิชะฮ์   ดังนั้น  ฉัน(คือสะอัด บุตร ฮิชาม) กล่าวถามว่า  โอ้มารดาแห่งศรัทธาชน  ท่านโปรดบอกเล่าฉันเกี่ยวกับการละหมาดวิติรของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วยเถิด  ท่านนางกล่าวว่า  เราได้ตระเตรียมไม้ซีถูฟันซิว๊ากให้แก่ท่านนบีและน้ำเพื่อทำการอาบน้ำละหมาด  แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงให้ท่านนบีได้ตื่นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ตื่นขึ้นมาในยามค่ำคืน  ดังนั้น  ท่านนบีจึงทำการถูฟันด้วยไม้ซิว๊ากและทำการอาบน้ำละหมาด  และท่านได้ทำการละหมาด 8 รอกะอัต  โดยไม่นั่ง(พัก)ในระหว่างนั้นเลย นอกจากรอกะอัตที่ 8 ท่านได้นั่งทำการซิกรุลลอฮ์และทำการขอดุอาอ์  หลังจากนั้นท่านได้ให้สลามหนึ่งครั้งซึ่งทำให้เราได้ยิน  หลังจากให้สลามนั้นท่านได้ละหมาดอีก 2 รอกะอัต  โดยท่านั่ง และหลังจากนั้นท่านได้ทำการละหมาดอีก 1 รอกะอัต  ดังนั้น สิ่งดังกล่าวก็เป็น 11 รอกะอัต"  รายงานโดยอันนะซาอีย์ (1612)

ท่านอิบนุมาญะฮ์ :

ท่านได้นำเสนอไว้ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง

باب مَا جَاءَ فِي كَمْ يُصَلِّي بِاللَّيْلِ

"บทเกี่ยวจำนวนละหมาดของท่านนบีในยามค่ำคืน"

حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ، حَدَّثَنَا شَبَابَةُ، عَنِ ابْنِ أَبِي ذِئْبٍ، عَنِ الزُّهْرِيِّ، عَنْ عُرْوَةَ، عَنْ عَائِشَةَ، ح وَحَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ إِبْرَاهِيمَ الدِّمَشْقِيُّ، حَدَّثَنَا الْوَلِيدُ، حَدَّثَنَا الأَوْزَاعِيُّ، عَنِ الزُّهْرِيِّ، عَنْ عُرْوَةَ، عَنْ عَائِشَةَ، - وَهَذَا حَدِيثُ أَبِي بَكْرٍ - قَالَتْ كَانَ النَّبِيُّ ـ صلى الله عليه وسلم ـ يُصَلِّي مَا بَيْنَ أَنْ يَفْرُغَ مِنْ صَلاَةِ الْعِشَاءِ إِلَى الْفَجْرِ إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً يُسَلِّمُ فِي كُلِّ اثْنَتَيْنِ وَيُوتِرُ بِوَاحِدَةٍ وَيَسْجُدُ فِيهِنَّ سَجْدَةً بِقَدْرِ مَا يَقْرَأُ أَحَدُكُمْ خَمْسِينَ آيَةً قَبْلَ أَنْ يَرْفَعَ رَأْسَهُ فَإِذَا سَكَتَ الْمُؤَذِّنُ مِنَ الأَذَانِ الأَوَّلِ مِنْ صَلاَةِ الصُّبْحِ قَامَ فَرَكَعَ رَكْعَتَيْنِ خَفِيفَتَيْنِ

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภริยาของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ว่า "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  ในขณะที่ท่านละหมาดอีชาอ์เสร็จจนแสงอรุณขึ้น  ท่านได้ละหมาด 11 รอกะอัต  ซึ่งท่านได้ให้สลามในทุก ๆ 2 รอกะอัต  และทำการวิติรหนึ่งรอกะอัต  และท่านได้สงบนิ่งในขณะสุยูดขนาดของบุคคลหนึ่งอ่าน 50 อายะฮ์ก่อนที่ท่านจะเงยศีรษะขึ้นมา   ดังนั้น  เมื่อมุอัซซินได้อะซานละหมาดซุบฮิครั้งแรกเสร็จ  ท่านจงละหมาด(สุนัต)สองรองกะอัตแบบเร็ว" รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์ (1420)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ก.ย. 16, 2007, 06:03 AM »
0
ทัศนะของนักปราชญ์ฟิกห์

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  กล่าวไว้ในหนังสืออัลมินฮาจญ์ว่า   "น้อยสุดของละหมาดวิติรนั้น 1 รอกะอัต  และอย่างมากสุด 11 รอกะอัต"

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์  อธิบายว่า

أكثره إحدى عشرة ركعة للخبر المتفق عليه عن عائشة وهى أعلم بحاله من غيرها  ( ما كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يزيد فى رمضان ولا فى غيره على إحدى عشرة ركعة ) إنتهى

"ละหมาดวิติรมากสุด 11 รอกะอัต  เพราะมีหะดิษบุคอรีและมุสลิม รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ซึ่งท่านนางรู้ถึงสภาพของท่านนบีมากกว่าผู้อื่นว่า "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่เคยเพิ่มในเดือนรอมาดอนและอื่นจากรอมะดอนมากกว่าไป 11 รอกะอัต"  ( หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 1/375 ตีพิมพ์ อัษษะกอฟะฮ์อัดดีนียะฮ์)

ท่านอัลคอฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า

أكثره إحدى عشرة ركعة للأخبار الصحيحة  : منها ما كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يزيد فى رمضان ولاغيره على إحدى عشرة ركعة

"มากสุดของละหมาดวิติร คือ 11 รอกะอัต  เพราะมีบรรดาหะดิษที่ซอฮิห์  ส่วนหนึ่งคือ   "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เพิ่มในเดือนรอมะดอนและอื่นจากรอมะดอน  มากไปกว่า 11 รอกะอัต"  (หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ 1/415)

ท่านอิมามอัลบัยญูรีย์  กล่าวว่า

أكثره إحدى عشرة ركعة ويدل على ذلك  الأخبار الصحيحة كخبر عائشة : ما كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يزيد فى رمضان ولاغيره على إحدى عشرة ركعة

"มากสุดของละหมาดวิติร คือ 11 รอกะอัต  และบ่งชี้ถึงสิ่งดังกล่าว คือบรรดาหะดิษที่ซอฮิห์  เช่นหะดิษของท่านหญิงอาอิชะฮ์  ความว่า "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เพิ่มในเดือนรอมะดอนและอื่นจากรอมะดอน  มากไปกว่า 11 รอกะอัต"  ( ฮาชียะฮ์อัลบัยญูรีย์ 1/441)

สะอัด บุตร ฮิชาม  ได้พบกับท่านอิบนุอับบาส  แล้วถามเรื่องละหมาดวิติร  ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า  พึงทราบเถิด  ฉันจะบอกให้ท่านทราบถึงบุคคลที่รู้ยิ่งในผืนแผ่นดินนี้ในเรื่องการละหมาดวิติรของท่านนบีเอาใหม?  เขาตอบว่า  ครับ  ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า  เขาคือ อาอิชะฮ์   ดังนั้น  ฉัน(คือสะอัด บุตร ฮิชาม) กล่าวถามว่า  โอ้มารดาแห่งศรัทธาชน  ท่านโปรดบอกเล่าฉันเกี่ยวกับการละหมาดวิติรของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วยเถิด  ท่านนางกล่าวว่า  เราได้ตระเตรียมไม้ซีถูฟันซิว๊ากให้แก่ท่านนบีและน้ำเพื่อทำการอาบน้ำละหมาด  แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงให้ท่านนบีได้ตื่นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ตื่นขึ้นมาในยามค่ำคืน  ดังนั้น  ท่านนบีจึงทำการถูฟันด้วยไม้ซิว๊ากและทำการอาบน้ำละหมาด  และท่านได้ทำการละหมาด 8 รอกะอัต  โดยไม่นั่ง(พัก)ในระหว่างนั้นเลย นอกจากรอกะอัตที่ 8 ท่านได้นั่งทำการซิกรุลลอฮ์และทำการขอดุอาอ์  หลังจากนั้นท่านได้ให้สลามหนึ่งครั้งซึ่งทำให้เราได้ยิน  หลังจากให้สลามนั้นท่านได้ละหมาดอีก 2 รอกะอัต  โดยท่านั่ง และหลังจากนั้นท่านได้ทำการละหมาดอีก 1 รอกะอัต  ดังนั้น สิ่งดังกล่าวก็เป็น 11 รอกะอัต"  รายงานโดยอันนะซาอีย์ (1612)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 06:42 AM »
0
การละหมาดตะรอวิห์

คำว่าอัตตะรอวิหฺ (التراويح ) หมายถึง  การหยุดพัก ในเชิงภาษาอาหรับ  คือ  เป็นพหูพจน์จากคำว่า  อัตตัรวีหะฮ์ (الترويحة ) ท่านอิบนุ มันซูร (إبن منظور ) ให้คำนิยามไว้ว่า "อัตตัรวิหะฮ์ (الترويحة ) ในเดือนรอมะฏอน  ซึ่งที่ถูกเรียกแบบดังกล่าว  เพราะผู้คน(ที่ละหมาด)จะทำการหยุดพักทุก ๆ สี่ร่อกะอัต , ในการพูดว่า  ละหมาดตะรอวิหฺนั้น  เพราะว่า  พวกเขาจะทำการหยุดพัก(ละหมาด)ระหว่างการให้สะลามทุก ๆ สองครั้ง (คือทุกสี่รอกะอัต) และคำว่า อัตตะรอวิหฺ (التراويح )   เป็นพหูพจน์จากคำว่า  อัตตัรวิหะฮ์ (الترويحة ) ซึ่งหมายถึง พักหนึ่งครั้ง..."  ดู หนังสือ ลิซาน อัลอาหรับ  เล่ม 1 หน้า 615

หากพิจารณาคำนิยามในเชิงภาษา  ก็ปรากฏชัดแล้วว่าการละหมาดตะรอวิห์นั้นมีมากกว่า 8 รอกะอัต  เพราะการหยุดพักหนึ่งครั้ง(الترويحة )หลังจากละหมาด 4 ร่อกะอัต  หากหยุดพัก 2 ครั้ง ( الترويحتان ) หลังจากละหมาดมาแล้ว 8 ร่อกะอัต  ดังนั้น  การละหมาด 8 ร่อกะอัต  จึงไม่เรียกว่าละหมาด (التراويح ) ในเชิงของคำนิยามละหมาดตะรอวิหฺ เนื่องจากคำว่าตะรอวิหฺ(التراويح )นั้น  ต้องหยุดพักหลาย ๆ ครั้ง หรือมากกว่าสองครั้งขึ้นไป 

ผู้ทำการละหมาดตะรอวิห์คนแรก

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  คือบุคคลแรกที่ทำการละหมาดตะรอวิห์ 

บุคอรีและมุสลิมรายงาน  จากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ความว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนรอมะดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์) และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"

مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ وَمَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดถือศีลอดในเดือนร่อมาดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์)และแสวงหาการตอบแทน(จากความเมตตาของพระองค์) เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและผู้ใดดำรง(ละหมาด)ในคืนลัยละตุลก่อดัรโดยมีความศรัทธาและแสวงหาการตอบแทน  เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"
 
ท่านบุคอรี  ได้รายงานไว้ในเรื่องละหมาดกิยามุลลัยล์ (ตะฮัจยุด) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  รอฏิยัลลอฮุอันฮา  ความว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى ذَاتَ لَيْلَةٍ فِي الْمَسْجِدِ فَصَلَّى بِصَلَاتِهِ نَاسٌ، ثُمَّ صَلَّى مِنْ الْقَابِلَةِ فَكَثُرَ النَّاسُ، ثُمَّ اجْتَمَعُوا مِنْ اللَّيْلَةِ الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ فَلَمْ يَخْرُجْ إِلَيْهِمْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَمَّا أَصْبَحَ قَالَ قَدْ رَأَيْتُ الَّذِي صَنَعْتُمْ، وَلَمْ يَمْنَعْنِي مِنْ الْخُرُوجِ إِلَيْكُمْ إِلَّا أَنِّي خَشِيتُ أَنْ تُفْرَضَ عَلَيْكُمْ وَذَلِكَ فِي رَمَضَانَ‏

"แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ละหมาดในค่ำคืนหนึ่งที่มัสยิด  บรรดาผู้คนจึงได้การละหมาดตามการละหมาดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หลังจากนั้น  ท่านนบีได้ทำการละหมาดในคืนต่อไป  ผู้คนจึงมากขึ้น  หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการละหมาดรวมกันในคืนที่สามหรือคืนที่สี่  โดยที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ออกมายังพวกเขา  ดังนั้น  เมื่อถึงเวลาซุบฮิ  ท่านนบีได้กล่าวว่า  ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกท่านได้กระทำแล้ว  โดยไม่มีสิ่งใดที่มาห้ามฉันให้ออกไปยังพวกท่าน  นอกจากเสียว่า  ฉันเกรงว่ามันจะถูกฟัรดูเหนือพวกท่านต่างหาก  และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอยู่ในช่วงของเดือนรอมาดอน" 

عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدٍ الْقَارِيِّ، أَنَّهُ قَالَ خَرَجْتُ مَعَ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ـ رضى الله عنه ـ لَيْلَةً فِي رَمَضَانَ، إِلَى الْمَسْجِدِ، فَإِذَا النَّاسُ أَوْزَاعٌ مُتَفَرِّقُونَ يُصَلِّي الرَّجُلُ لِنَفْسِهِ، وَيُصَلِّي الرَّجُلُ فَيُصَلِّي بِصَلاَتِهِ الرَّهْطُ فَقَالَ عُمَرُ إِنِّي أَرَى لَوْ جَمَعْتُ هَؤُلاَءِ عَلَى قَارِئٍ وَاحِدٍ لَكَانَ أَمْثَلَ ‏.‏ ثُمَّ عَزَمَ فَجَمَعَهُمْ عَلَى أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ، ثُمَّ خَرَجْتُ مَعَهُ لَيْلَةً أُخْرَى، وَالنَّاسُ يُصَلُّونَ بِصَلاَةِ قَارِئِهِمْ، قَالَ عُمَرُ نِعْمَ الْبِدْعَةُ هَذِهِ، وَالَّتِي يَنَامُونَ عَنْهَا أَفْضَلُ مِنَ الَّتِي يَقُومُونَ ‏.‏ يُرِيدُ آخِرَ اللَّيْلِ، وَكَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ أَوَّلَهُ

จากอับดุรเราะห์มาน บุตร อับดุลกอรี   เขากล่าวว่า  ฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอุมัร บุตร ค๊อฏฏอบ  ในเดือนรอมาดอน  ไปยังมัสยิด  ได้พบว่าประชาชนได้แยกกันเป็นกลุ่ม ๆ คนหนึ่งละหมาดคนเดียวตามลำพัง  คนหนึ่งมีคนละหมาดตามหมู่หนึ่ง  ท่านอุมัรได้กล่าวขึ้นว่า  ถ้าหากพวกเขารวมกันละหมาดตามคนที่อ่านถูกต้องเพียงคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง  ต่อมาท่านอุมัรก็ได้รวมผู้คนให้ละหมาดตามอุบัยย์ บุตร กะอับ  จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับเขาในอีกคืนหนึ่ง  ประชาชนกำลังละหมาดตามผู้นำของเขา  ท่านอุมัรกล่าวว่า "นี่เป็นอุตริ (บิดอะฮ์) ที่ดี  ช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น  ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาดกิยาม  เขาหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน  แต่ประชาชนจะละหมาดกยามในตอนหัวค่ำ"

จำนวนรอกะอัตของละหมาดตะรอวิห์

นักปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลามทั้งสะลัฟและคอลัฟ ลงมติ(อิจญมาอ์) ว่า  การละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต   ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกยึดถือของมัซฮับทังสี่  คือ มัซฮับหะนะฟีย์ , มัซฮับที่เลื่องลือของมาลิกี , มัซฮับชาฟิอีย์  , และมัซฮับฮัมบาลีย์   และประชาชาติอิสลามที่ผ่านมาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าละหมาดตะรอวิห์มี 8 รอกะอัต  นอกจากเพิ่งเกิดขึ้นมาในสมัยนี้  ซึ่งสาเหตุดังกล่าวนั้นเพราะว่ามีความเข้าใจผิดต่อซุนนะฮ์ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และไม่มีความสามารถที่จะรวมบรรดาหะดิษต่าง ๆ และยังไม่เข้าใจของหลักการของอิจมาอ์(มติ)ของเหล่าซอฮาบะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม

ผู้ที่กล่าวว่าละหมาดมี 8 รอกะอัตนั้น  เพราะอ้างหลักฐานจากหะดิษท่านหญิงอาอิชะฮ์ที่ว่า

مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلاَ فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً ‏:‏ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي ثَلاَثًا، قَالَتْ عَائِشَةُ - رضى الله عنها - فَقُلْتُ ‏:‏ يَا رَسُولَ اللَّهِ أَتَنَامُ قَبْلَ أَنْ تُوتِرَ قَالَ ‏:‏ ‏"‏ يَا عَائِشَةُ إِنَّ عَيْنَىَّ تَنَامَانِ وَلاَ يَنَامُ قَلْبِي

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  กล่าวว่า  ท่านานรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  ฉันได้กล่าวว่า  โอ้ร่อซูลุลเลาะฮ์  ท่านจะนอนก่อนละหมาดวิติรกระนั้นหรือ?  ท่านนบีกล่าวว่า  โอ้อาอิชะฮ์  แท้จริงสองดวงตาของฉันนั้นหลับแต่จิตใจของฉันไม่หลับ" รายงานโดยบุคอรีย์

ซึ่งหะดิษนี้ได้บอกกล่าวถึงทางนำของท่านบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่เกี่ยวกับการละหมาดกิยามุลัยล์ทั่ว ๆ ไป  โดยมิได้บ่งถึงการเจาะจงเรื่องของละหมาดตะรอวิห์  เนื่องจากการละหมาดตะรอวิห์นั้นถูกเจาะจงเฉพาะในเดือนรอมาดอนเท่านั้น  ซึ่งมีรากฐานจากซุนนะฮ์ของท่านนบี  แต่การละหมาดเป็นวิธีการของท่านซัยยิดินาอุมัร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  หมายความว่า  ประชาชาติอิสลามได้ดำเนินตามสิ่งที่ท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้วางหลักการไว้จากการรวมผู้คนทำให้ทำากรละหมาดตะริวิห์ 20 รอกะอัต  ในทุกคืนของเดือนรอมะดอน  โดยมีอุบัยย์เป็นอิมามนำละหมาด  และท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

عليكم بسنتى وسنة الخلفاء الراشدين المهديين عضوا عليها بالنواجذ

" พวกท่านจงดำรงไว้ ด้วยซุนนะฮ์ของฉัน และแนวทางของบรรดาค่อลิฟะฮ์ผู้ทรงธรรมอีกทั้งได้รับทางนำ  พวกเขาจงกัด(ยึด)แนวทางนั้นด้วยฟันกราม"

ท่านอิมาม อัลบัยฮะกีย์  ได้ทำการรายงาน  ด้วยสายสืบที่ซอฮิหฺ  จากท่าน อัซซาอิบ บิน ยะซีด รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า "บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการละหมาดในสมัยของท่านอุมัร รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ในเดือนรอมะฏอน ถึง 20 ร่อกะอัต"  ดู  สุนันอัลบัยฮะกีย์ 2/492

ท่านอัลบัยฮะะกีย์รายงานอีกว่า จากอัซซาอิบ บิน ยะซีด ว่า "บรรดาซอฮาบะฮ์ในสมัยของท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้ได้ทำการละหมาด 20 รอกะอัตในเดือนรอมะดอน  อัซซาอิบ บิน ยะซีด  กล่าวอีกว่า  พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการอ่านถึง 200 อายะฮ์  โดยที่พวกเขาได้ทำการค้ำด้วยไม้เท้าในสมัยของท่านอุษมาน รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  เนื่องจากมีการยืนนาน" ดู สุนัน อัลบัยฮะกีย์ 2/429  และอัลมุวัฏเฏาะอฺ 1/114

ท่านอัลบัยฮะกีย์รายงานที่ซอฮิหฺเช่นกันว่า "ท่านอิมามอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านได้ใช้ให้คนหนึ่งทำการ(นำ)ละหมาดบรรดาผู้คนทั้งหลาย ในเดือนรอมะฏอน 20 ร่อกะอัต" ดู  สุนันอัลบัยฮะกีย์ 2/492

ท่านอิมามมาลิกได้รายงานไว้ใน อัลมุวัฏเฏาะอ์ ความว่า "ประชาชนในสมัยท่านอุมัร  ละหมาดกิยามในเดือนรอมาดอนยี่สิบสามรอกะอัต" อัลมุวัฏเฏาะอ์ 1/115

และท่านอัลบัยฮะกีย์ได้รวมสองรายงานนี้เข้าด้วยกันว่า  อีกสามรอกะอัตนั้นคือละหมาดวิติร

ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมุฆนีย์ ว่า "รายงานถึงท่านอิมามอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านได้ใช้ให้คนหนึ่งทำการนำละหมาดบรรดาผู้คนทั้งหลาย ในเดือนรอมะฏอน 20 ร่อกะอัต นี้ถือว่าเสมือนกับเป็นการอิจญ์มาอ์(มติของซอฮาบะฮ์)"  ท่านอิบนุกุดามะฮ์กล่าวอีกว่า "สิ่งที่บรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้กระทำนั้น ดีกว่า และเหมาะสมยิ่งกว่าต่อการเจิรญรอยตาม  และได้มีรายงานว่า  แท้จริง ท่านอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้เดินผ่านบรรดามัสยิดต่าง ๆ  ซึ่งในบรรดามัสยิดนั้น  มี(การจุด)ตะเกียงในเดือนร่อมะฏอน  ดังนั้น  ท่านอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า  ขอโปรดอัลเลาะฮ์ให้รัศมีสว่างต่อกุโบรของท่านอุมัร เหมือนกับกับที่พระองค์ทรงให้แสงสว่างกับบรรดามัสยิดของเรา"  ดู  หนังสือ อัลมุฆนีย์  เล่ม 2/167

ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ สุนัน อัตติรมีซีย์ ว่า "นักปราชญ์ส่วนมาก ได้ดำเนินอยู่กับสิ่งที่รายงานจากท่านอุมัรและท่านอะลี และท่านอื่น ๆ จากบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ว่า(ละหมาดตะรอวิหฺ) มี 20 ร่อกะอัต  และมันคือทัศนะของท่าน ซุฟยาน เษารีย์ , ท่านอิบนุ มุบาร๊อก , ท่านอิมามชาฟิอีย์ , และท่านอิมามชาฟิอีย์กล่าวว่า  เช่นนี้แหละ  ที่ฉันได้ได้พบที่เมืองของเราที่มักกะฮ์  พวกเขาได้ทำการละหมาด 20 ร่อกะอัต"

และมัสยิดหะรอมที่มักกะฮ์และมะดีนะฮ์  ก็ทำการละหมาดตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัต  ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันนี้  เพราะปฏิบัติตามแนวทางของท่านคอลิฟะฮ์อุมัร , คอลิฟะฮ์อุษมาน , ท่านอิมามอะลี  และการอิจญมาอ์ (มติ) จากการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 08:36 AM »
0
ชัดเจนครับ

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 10:50 AM »
+1
ละหมาดตะรอวิห์ตามทัศนะของมัซฮับทั้งสี่

มัซฮับทั้งสี่มีทัศนะสอดคล้องว่าการละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต

มัซฮับหะนะฟีย์

ท่านอัซซะร๊อคซีย์  ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องละหมาดตะรอวิห์ว่า "ละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต  ที่อื่นจากละหมาดวิติรตามทัศนะของเรา และท่านอิมามมาลิก ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า สุนัตในละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 36 รอกะอัต"  หนังสืออัลมับซูฏ 2/144

ท่านอัลกาซานีย์  กล่าวว่า "ขนาดของการละหมาดตะรอวิห์นั้น  มี 20 รอกะอัต  อยู่ใน 10 สลาม  ใน 5 การหยุดพัก  ทุก ๆ 2 การให้สลามนั้น  หยุดพักหนึ่งครั้ง  นี่คือทัศนะคำกล่าวของนักปราชญ์ทั่วไป" หนังสือบะดาเอี๊ยะอฺอัศศ่อนาเอี๊ยะอฺ 1/288

ท่านอัลลามะฮ์ อิบนุ อาบิดีน กล่าวว่า "การละหมาดตะรอวิห์ 20 รอกะอัตนั้น เป็นทัศนะของนักปราชญ์ส่วนใหญ่  และบรรดาผู้คนทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกได้ยึดถือปฏิบัติ" ฮาชียะฮ์อิบนุอาบิดีน 2/46

มัซฮับมาลิกีย์

ทัศนะที่เลื่องลือของมัซฮับมาลิกีย์นั้น  สอดคล้องกับทัศนะของนักปราชญ์ส่วนใหญ่   ท่านอัลลามะฮ์ อัดดัรดีรกล่าวว่า "การละหมาดตะรอวิห์ในเดือนรอมะดอนนั้น  มี 20 รอกะอัต หลังละหมาดอีชาอฺ โดยให้สลามทุก ๆ สองรอกะอัต"  หนังสือ อัชชัรหุศศ่อฆีร ของท่านอัลลามะฮ์อัดดัรดีร ตีพิมพ์พร้อมกับ ฮาชียะฮ์อัศศอวีย์ 1/404

ท่านอัลลามะฮ์อันนัฟรอวีย์  ได้กล่าวถึงความมีน้ำหนักของทัศนะนักปราชญ์ส่วนมากและกล่าวถึงอีกทัศนะหนึ่งของท่านอิมามาลิกว่า "อัสสะละฟุศศอลิห์ ซึ่งพวกเขาคือบรรดาซอฮาบะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม  ได้ทำการละหมาดในเดือนรอมะดอน ในสมัยของคอลิฟะฮ์อุมัร อิบนุ  ค๊อฏฏอบ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  และด้วยคำสั่งใช้ของท่าน  ในบรรดามัสยิดต่าง ๆ 20 รอกะอัต  และมันยังเป็นทัศนะที่เลือกเฟ้นแล้วของท่านอิมามอบูหะนีฟะฮ์ , อิมามอัชชาฟิอีย์ , อิมามอะห์มัด  และปัจจุบันได้ยึดถือปฏิบัติบนทัศนะนี้ตามเมืองอื่น ๆ ทั่วไป...หลังจากนั้นสะลัฟในยุคต่อมา คือ สมัยของท่านอุมัร บิน อับดุลอะซีซ ได้ทำการละหมาดหลังจากดังกล่าว 36 รอกะอัต ก่อนจากละหมาดวิติร ....และทัศนะนี้ท่านอิมามมาลิกได้เลือกเฟ้นไว้ ซึ่งระบุไว้ในหนังสืออัลมุเดาวะนะฮ์ และท่านนับว่าเป็นสิ่งที่ดี และชาวมาดีนะฮ์(ในสมัยนั้น)ได้ปฏิบัติกัน  และส่วนหนึ่งจากผู้ตามอิมามมาลิกนั้นได้ให้น้ำหนักกับทัศนะแรกที่ท่านอุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบได้ทำการรวบรวมผู้คนทั้งหลายอยู่ละหมาด 20 รอกะอัต  เพราะว่ามีการปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องตามเมืองต่าง ๆ " หนังสือ อัลฟะวากิฮ์ อัลดะวานีย์ 1/317 - 318

มัซฮับชาฟิอีย์

ท่านอิมามอันนะวีย์ กล่าวว่า "มัซฮับของเราคือ  การละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต  10 สลามที่ไม่รับวิติร  และดังกล่าวนั้นมี 5 การหยุดพัก และหนึ่งการหยุดพักนั้นมี 4 ร่อกะอัต  ด้วย 2 สลาม  นี้คือมัซฮับของเรา  และด้วยกับทัศนะนี้  ยังเป็นทัศนะคำกล่าวของท่านอบูหะนีฟะฮ์และสานุศิษย์ของท่าน , ทัศนะของอิมามอะห์มัด , ทัศนะของดาวูด และท่านอื่น ๆ"  มัจญ์มั๊วะอฺ 3/527

ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า "การละหมาดตะรอวิห์ตามทัศนะของเรา ที่อื่นจากชาวมะดีนะฮ์นั้น  มี  20 รอกะอัต  เหมือนที่ได้นำมาปฏิบัติกันในสมัยของท่านอุมัร รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  เนื่องจากท่านอุมัรมีนัยยะความเห็นที่เหมาะสมว่าในการรวมผู้คนให้ละหมาดตามอิมามคนเดียวกัน  ดังนั้นบรรดาซอฮาบะฮ์จึงมีความเห็นพร้องกับท่านอุมัร  และพวกเขาได้ทำการละหมาดวิติรหลังจากนั้น 3 รอกะอัต  และเคล็ดลับในการทำละหมาดตะรอวิห์ 20 รอกะอัตนั้น  คือละหมาดรอวาติบที่มุอักกะดะฮ์อื่นจากเดือนรอมาดอนมี 10 รอกะอัต  ดังนั้นจึงเพิ่มอีก 1 เท่า ในเดือนรอมาดอน  เพราะเดือนรอมาดอนนั้นเป็นเดือนความขยันเอาจริงเอาจัง  และอนุญาตให้พวกเขาเท่านั้นเพราะว่าอยู่ใกล้(กุบูร)ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ทำการละหมาด 36 รอกะอัต เพราะเป็นการชดเชยสำหรับพวกเขาโดยเพิ่มอีก 16 รอกะอัต  ต่อการตอวาฟของชาวมักกะฮ์สี่ครั้งเจ็ดรอบระหว่างทุก ๆ ช่วงพักหนึ่งครั้งจากละหมาด 20 รอกะอัต จะตอวาฟเจ็ดรอบ (คือเสร็จจากรอกะอัตที่ 1 - 4 ตอวาฟครั้งหนึ่งเจ็ดรอบ , รอกะอัตที่ 4 - 8 ตอวาฟครั้งที่สองเจ็ดรอบ , รอกะอัตที่ 8 - 12 ตอวาฟครั้งที่สามเจ็ดรอบ , รอกะอัตที่ 12 - 16 ตอวาฟครั้งที่สี่เจ็ดรอบ , ส่วนรอกะอัตที่ 16 - 20 นั้นไม่มีตอวาฟเพราะเสร็จสิ้นจากตะรอวิห์  ดังนั้นชาวมะดีนะฮ์จึงเพิ่มจาก 20 รอกะอัตมาอีก 16 รอกะอัต เอารอกะอัตที่ คือเอารอกะอัตที่ 20 - 24 แทนจากการพักเพื่อการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งที่หนึ่ง , รอกะอัตที่ 24 - 28  แทนจากการการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งที่สอง , รอกะอัตที่ 28 - 32 แทนจากการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งสาม , และรอกะอัตที่ 32 - 36 แทนจากการตอวาฟของชาวมักกะฮ์ครั้งสี่ - วัลลอฮุอะลัมครับ)"  หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/240 - 241

ท่านอิมามอัรร๊อมลี  กล่าวว่า "ละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต  10 สลาม  ในทุก ๆ คืนของเดือนรอมะดอน  เพราะมีรายงานว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการละหมาดในสมัยของท่านอุมัรในเดือนรอมาดอน 20 รอกะอัต  และอีกสายรายงานหนึ่งของท่านอิมามมาลิกในหนังสืออัลมุวัฏเฏาะอฺ ระบุว่า 23 รอกะอัต  ซึ่งท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ได้รวม 2 รายงานนี้ว่า  พวกเขาได้ทำละหมาดวิติรอีก 3 รอกะอัต"  นิฮายะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/128

มัซฮับฮัมบาลีย์

ท่านอัลลามะฮ์ อิบนุ กุดามะฮ์ อัลมุก๊อดดิซีย์  กล่าวว่า "ทัศนะที่ถูกเลือกเฟ้นตามทัศนะของท่านอบีอับดิลลาฮ์(คืออิมามอะห์มัด) - รอฮิมะฮุลลฮ์ - เกี่ยวกับละหมาดตะรอวิห์นั้น มี 20 รอกะอัต  และด้วยกับทัศนะนี้เป็คำกล่าวของท่านอัษเษารีย์ , ท่านอบูหะนีฟะฮ์ , ท่านอัชชาฟิอีย์ , และท่านมาลิกกล่าวว่า มี 36 รอกะอัต  เพราะอ้างหลักการที่ว่ามันเป็นเรื่องที่ปฏิบัติมาก่อนและท่านได้ยึดการกระทำของชาวมะดีนะฮ์  และซอลิห์ เมาลาของอัตเตาอะมะฮ์  กล่าวว่า  ฉันได้ทราบว่าบรรดาผู้คน(ในมะดีนะฮ์) ทำการละหมาด 41 รอกะอัต  โดยพวกเขาได้ทำวิติรอีก 5 รอกะอัต"  หนังสืออัลมุฆนีย์ 1/406

ท่านอิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า "บรรดาอุลามาอ์ได้โต้แย้งกันเกี่ยวกับจำนวนละหมาดในเดือนรอมะดอน  เพราะแท้จริงได้รับการยืนยันว่าอุบัยย์ บิน กะอับ  ได้ทำการละหมาดนำผู้คนทั้งหลาย 20 รอกะอัต ในการละหมาดกิยามรอมะดอน(ละหมาดตะรอวิห์)  ดังนั้น  มีนักปราชญ์มากมายมีความเห็นว่า  แท้จริงสิ่งดังกล่าวนั้นคือซุนนะฮ์  เพราะได้มีการกระทำขึ้นท่ามกลางเหล่ามุฮาญิรีนและอัลอันซ๊อร  โดยไม่มีผู้ใดให้การตำหนิคัดค้านเลย" อัลฟะตาวาอัลกุ๊บรอ 2/249

ท่านศาสตราจารย์ ชัยค์ อะลีย์ ญุมอะฮ์ มุฟตีแห่งประเทศอียิปต์  ได้กล่าวสรุปไว้ว่า  "เรามีความเห็นว่า  สิ่งที่บรรดานักปราชญ์ชั้นนำ  บรรดาปวงปราชญ์และมัซฮับของนิติศาสตร์อิสามทั้งหลาย  ตั้งแต่ยุคสมัยที่ผ่านมา  ทั้งยุคสะลัฟและคอลัฟ  ทั้งทิศตะวันออกจวบจนทิศตะวันตกนั้น  มีทัศนะว่า การละหมาดตะรอวิหฺมี 20 ร่อกะอัต  ซึ่งเป็นสุนัตที่ส่งเสริมให้กระทำเป็นอย่างยิ่ง  แต่ไม่ใช่วายิบ  ดังนั้น ผู้ใดที่ละทิ้ง  ก็จะไม่ได้รับผลการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ และผู้ใดที่เพิ่มมากกว่า 20 ร่อกะอัต ย่อมไม่เป็นโทษอันใด และผู้ใดที่ลดน้อยกว่า 20 ร่อกะอัต ก็ไม่เป็นโทษอันใด  นอกจากสิ่งดังกล่าวนั้น จะถูกนับว่าเป็นเพียงแค่ กิยามุลลัยล์(ละหมาดยามค่ำคืนธรรมดา)เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการละหมาดตะรอวิหฺที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  วัลลอฮุตะอาลาอะลาวะอะลัม" ดู หนังสือ อัลบะยาน ลิมา ยัชฆุลุ อัลอัซฮาน หน้า 270
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 01:21 PM »
0
ครับไหนๆก็เห็นเพื่อนๆร่วมมัสหับ เสวนาใน เรื่อง ละหมาดตะรอเวี๊ยะแต่สับสนในเรื่องจำนวน จำนวน ละหมาด 8 ร๊อกอัตบางก็ว่า11รอ๊กอัต ตาม ท่าน Aswar  ได้เสนอมาจากหลักฐานข้างล่าง

ما كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يزيد في رمضان ولا غيره على إحدى عشرة ركعة يصلي أربعا فلا تسأل عن حسنهن وطولهن ثم يصلي أربعا فلا تسأل عن حسنهن وطولهن ثم يصلي ثلاثا

ท่านหญิงอาอิชะฮ์รายงานว่า "ท่านรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ...."

เป็นฮะดีสซอเหียะ  จากนักบันทึกฮาดีสทั้งหลาย มี ประเด็น วิเคราะห์ ดังนี้


แต่สิ่งที่ผมแปลกใจและพี่น้องคนอื่นก็เช่นกัน คือคำพูดที่ ท่านหญิงอาอีชะ(รด)กล่าว ว่า ....ท่านนบีไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์    หมายถึงการถูกถามที่เจาะจงถึงละหมาดตาราอเวีย์หรือ ก็ในเมื่อมีฮาดีสซอเหียะมากมายที่ออกมาขัดแย้งถึงจำนวนร๊อกอัตที่มากกว่าเช่น 20,23,3036และ40ร๊อกอัต

ผมเองก็เข้าใจอย่างที่น้องกอดัรและเป็นจริงดั่งที่น้องอัลอัชฮารีย์นำหลักฐานที่ชัดแจ้งมาบอกแล้ว ว่า ถ้าเป็นการละหมาดดังกล่าวมีจำนวน 11ร๊อกอัตจริง
ทำไมทั้ง4ทัศนะจึงไม่มีท่านใดยอมรับฮะดีสบทนี้ 

ฉนั้น ที่รู้ว่า  คำว่า ในหรือนอกรอมฎอน นั้น เป็นตัวชี้วัดว่า คำถามนี้ไม่ได้เจาะจงในเรื่องละหมาดตารอเวียะเลย แต่ เป็นละหมาดอื่น และอุลามะส่วนมาสกกล่าวว่าเป็นละหมาดตะฮัจญุดหรือละหมาดวิเตร   และการละหมาด ตอรอเวียะนั้น มีเฉพาะในเดือนรอมฎอนเท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ว่า ท่านหญิงอาอีซะ(รด)จะหมายถึงละหมาดตอรอเวียะอย่างที่บางทัศนะเข้าใจว่า มีเพียง11ร๊อกอัต เท่านั้น

และการที่บางท่านเข้าใจว่า การที่อีหม่ามบุคอรี ได้นำ ฮะดีส บทนี้ มาไว้ในส่วนของ "บทที่ว่าด้วยการละหมาดของนบี ซล. ในตอนกลางคืนของเดือนรอมฎอน และเดือนอื่นๆ" ซึ่งชี้ให้เห็นอีกว่า นี่คือการละหมาดตรารอเวียะ....

ดังนั้น ซอฮาบะนั้นคือผู้ที่ปฏิบัติตามท่านนบีอย่างเคร่งครัดและอีกอย่าง ไม่มีซอฮาบะท่านใดที่คัดค้านขาเหล่านั้นเช่นท่านอุมัร, ท่านอุสมาน,ท่านอะลี
ว่า เป็นการละหมาดเขาไม่ถูกต้อง...

ส่วนใครจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็เชิญร่วมแสดงความเห็นร่วมได้ครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 08:47 PM »
0
การละหมาดตะรอวิห์แบบญะมาอะฮ์หรือที่บ้านดีกว่า?

การละหมาดตะรอวิห์  ถูกบัญญัติขึ้นในเดือนรอมาดอนเป็นการเฉพาะ  และสุนัตให้ละหมาดตะรอวิฮ์รวมกันเป็นญะมาอะฮ์  และการละหมาดโดยลำพังเพียงคนเดียวก็ถือว่าใช้ได้   การละหมาดตะรอวิห์มียี่สิบรอกะอัต  ในทุก ๆ คืนของรอมาดอน  โดยสลามทุก ๆ สองรอกะอัต   ส่วนเวลาของละหมาดตะรอวิห์คือ  ระหว่างเวลาละหมาดอีชาอฺกับแสงอรุณจริงขึ้น  และให้ละหมาดตะรอวิห์ก่อนเวลาวิติร

ถ้าหากละหมาดสี่รอกะอัตด้วยการสลามหนึ่งครั้ง  ละหมาดนั้นใช้ไม่ได้  เพราะขัดแย้งกับบัญญัติศาสนา  ซึ่งแตกต่างกับการละหมาดสุนัตก่อนและหลังซุฮริและสุนันก่อนอัสริ(ที่สามารถละหมาดทีเดียว 4 รอกะอัตได้) ตามที่อิมามอันนะวาวีย์ได้ฟัตวาไว้   และจำเป็นจะต้องเหนียตระบุให้แน่นอนลงไปว่าละหมาด "ตะรอวิห์" หรือ "กิยามรอมาดอน"  ก็ใช้ได้  และถ้าเหนียตว่าเป็นละหมาดสุนัตมุตลัก(สุนัตธรรมดา)  ก็ใช้ไม่ได้ (มุฆนีลมั๊วะตาจญ์ 2/425)

ท่านบุคอรีรายงานว่า

عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدٍ الْقَارِيِّ، أَنَّهُ قَالَ خَرَجْتُ مَعَ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ـ رضى الله عنه ـ لَيْلَةً فِي رَمَضَانَ، إِلَى الْمَسْجِدِ، فَإِذَا النَّاسُ أَوْزَاعٌ مُتَفَرِّقُونَ يُصَلِّي الرَّجُلُ لِنَفْسِهِ، وَيُصَلِّي الرَّجُلُ فَيُصَلِّي بِصَلاَتِهِ الرَّهْطُ فَقَالَ عُمَرُ إِنِّي أَرَى لَوْ جَمَعْتُ هَؤُلاَءِ عَلَى قَارِئٍ وَاحِدٍ لَكَانَ أَمْثَلَ ‏.‏ ثُمَّ عَزَمَ فَجَمَعَهُمْ عَلَى أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ، ثُمَّ خَرَجْتُ مَعَهُ لَيْلَةً أُخْرَى، وَالنَّاسُ يُصَلُّونَ بِصَلاَةِ قَارِئِهِمْ، قَالَ عُمَرُ نِعْمَ الْبِدْعَةُ هَذِهِ، وَالَّتِي يَنَامُونَ عَنْهَا أَفْضَلُ مِنَ الَّتِي يَقُومُونَ ‏.‏ يُرِيدُ آخِرَ اللَّيْلِ، وَكَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ أَوَّلَهُ

จากอับดุรเราะห์มาน บุตร อับดุลกอรี   เขากล่าวว่า  ฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอุมัร บุตร ค๊อฏฏอบ  ในเดือนรอมาดอน  ไปยังมัสยิด  ได้พบว่าประชาชนได้แยกกันเป็นกลุ่ม ๆ คนหนึ่งละหมาดคนเดียวตามลำพัง  คนหนึ่งมีคนละหมาดตามหมู่หนึ่ง  ท่านอุมัรได้กล่าวขึ้นว่า  ถ้าหากพวกเขารวมกันละหมาดตามคนที่อ่านถูกต้องเพียงคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง  ต่อมาท่านอุมัรก็ได้รวมผู้คนให้ละหมาดตามอุบัยย์ บุตร กะอับ  จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับเขาในอีกคืนหนึ่ง  ประชาชนกำลังละหมาดตามผู้นำของเขา  ท่านอุมัรกล่าวว่า "นี่เป็นอุตริ (บิดอะฮ์) ที่ดี  ช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น  ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาดกิยาม  เขาหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน  แต่ประชาชนจะละหมาดกยามในตอนหัวค่ำ"

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสกอลานี  อธิบายไว้ในฟัตหุลบารีความว่า
 
ในหะดิษนี้ปรากฏว่าซอฮาบะฮ์บางส่วนได้ทำการละหมาดแบบคนเดียวตามลำพัง  แต่อีกบางส่วนทำละหมาดแบบญะมาอะฮ์  และบางทัศนะกล่าวว่า  อนุญาตให้นำผู้ละหมาดคนหนึ่งมาเป็นอิมามหากแม้นว่าเขาจะไม่เหนียตเป็นอิมามก็ตาม

ท่านอิบนุตีนและคนอื่น ๆ กล่าวว่า  ท่านอุมัรได้ทำการวินิจฉัยสิ่งดังกล่าว(คือให้รวมละหมาดเป็นญะมาอะฮ์)นั้น เพราะมาจากการยอมรับของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ต่อผู้ที่ทำการละหมาดพร้อมกับท่านในคืนต่าง ๆ (คือคืนที่ 1 - 3 ) แต่ฉันนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่ค่อยประสงค์ในสิ่งดังกล่าวสำหรับพวกเขา  เพราะท่านหวั่งเกรงว่าสิ่งดังกล่าวจะถูกกำหนดเป็นฟัรดูเหนือพวกเขา  ดังนั้นในขณะที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เสียชีวิต   ปรากฏว่าสภาพยังคงอยู่อย่างเช่นเดียวกล่าว (คือละหมาดคนเดียว) และท่านอุมัรวินิจฉัยโดยให้น้ำหนักในการรวมละหมาดเป็นญะมาอะฮ์เพราะในการละหมาดที่แตกต่างกัน(เป็นญะมาอะฮ์และไม่เป็นญะมาอะฮ์)นั้น ทำให้ถ้อยคำอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวเกิดความแตกแยกกัน  และเพราะว่าการรวมผู้คนละหมาดโดยมีอิมามคนเดียวกันนั้น  ทำให้ผู้ละหมาดส่วนมากมีความกระปี้กระเป่ากระฉับกระเฉง  และทัศนะคำกล่าวของท่านอุมัรนี้  นักปราชญ์ส่วนมากให้การโน้มเอง   แต่จากท่านมาลิกในอีกหนึ่งรายงานจากท่าน และอบูยูซุฟ และอุลามาอ์ชาฟิอีย์บางส่วน  มีทัศนะว่า  การละหมาดที่บ้านย่อมดีกว่า  เพราะปฏิบัติตามหะดิษท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แบบความหมายครอบคลุมที่ว่า "ละหมาดที่ดีเลิศของบุคคลหนึ่งนั้นคือในบ้านของเขานอกจากละหมาดฟัรดู"  ซึ่งเป็นหะดิษซอฮิห์รายงานโดยมุสลิมจากอบูฮุร๊อยเราะฮ์  และท่านอัฏเฏาะฮาวีย์ได้มีทัศนะเกินกว่านั้นคือท่านกล่าวว่า "แท้จริงการละหมาดตะรอวิห์แบบญะมาอะฮ์นั้นเป็นวายิบกิฟายะฮ์(ฟัรดูกิฟายะฮ์)"

ท่านอิบนุบัฏฏอลกล่าวว่า  การกิยามรอมาดอน(ละหมาดตะรอวิห์)นั้นเป็นซุนนะฮ์  เพราะท่านอุมัรได้นำมาจากการกระทำของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และการที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทิ้ง(ญะมาอะฮ์)การกิยามรอมาดอนนั้นเพราะเกรงว่าจะเป็นฟัรดู  และตามทัศนะของนักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์เกี่ยวกับรากฐานของประเด็นนี้มีอยู่ 3 หนทาง  ซึ่งหนทางที่ 3 กล่าวว่า  ผู้ใดที่ท่องจำอัลกุรอาน  ไม่เกรงว่าจะมีการเกียจคร้าน และการละหมาดญะมาอะฮ์ในมัสยิดจะไม่บกพร่องด้วยการที่เขาไม่ไปละหมาดเป็นญะมาอะฮ์ร่วมด้วย  ดังนั้น  การละหมาดของเขาแบบญะมาอะฮ์หรือที่บ้านย่อมเท่าเทียมกัน  แต่หากเขาได้ขาดสิ่งดังกล่าวบางส่วนไป  ดังนั้นการละหมาดของเขาแบบญะมาอะฮ์ย่อมดีกว่า

จากตัวบทที่ว่า "จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับเขาในอีกคืนหนึ่ง  ประชาชนกำลังละหมาดตามผู้นำของเขา(คืออุบัยย์)"  ซึ่งในตรงนี้บ่งบอกให้รู้ว่าท่านอุมัรมิได้ร่วมละหมาดพร้อมกับพวกเขาเป็นประจำ  ซึ่งเหมือนกับว่าท่านได้มีความเห็นว่าการละหมาดที่บ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของคืนย่อมดีกว่า

และคำกล่าวของท่านอุมัรที่ว่า "ช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น  ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาดกิยามเขาหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน" คำกล่าวนี้ชัดเจนจากท่านอุมัรว่า  การละหมาดช่วงท้ายของคืนนั้นย่อมดีกว่าช่วงแรกของคืน  แต่ทว่าในคำกล่าวนี้มิใช่ถือว่าการละหมาดยามค่ำคืนแบบคนเดียวจะดีไปกว่าการละหมาดแบบรวมเป็นญะมาอะฮ์ ( ดู หนังสือฟัตหุลบารีย์)

ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวว่า  "ทัศนะที่ชัดเจนยิ่งกว่านั้นคือการละหมาดแบบญะมาอะฮ์นั้นเป็นสุนัตในละหมาดตะรอวิห์" ท่านอิบนุหะญัรอัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า "ดังกล่าวเพราะตามท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เป็นอันดับแรก และเป็นมติของซอฮาบะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ หรือส่วนมากจากซอฮาบะฮ์  ดังนั้นรากฐานบทบัญญัติของการละหมาดตะรอวิห์แบบญะมาอะฮ์เป็นประเด็นที่มติเป็นเอกฉันท์"  ดู ตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะตาจญ์ 1/384 ตีพิมพ์อัษษะกอฟียะฮ์อัดดีนียะฮ์

วัลลอฮุอะลัม 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 09:21 PM »
0
ครับไหนๆก็เห็นเพื่อนๆร่วมมัสหับ เสวนาใน เรื่อง ละหมาดตะรอเวี๊ยะแต่สับสนในเรื่องจำนวน จำนวน ละหมาด 8 ร๊อกอัตบางก็ว่า11รอ๊กอัต ตาม ท่าน Aswar  ได้เสนอมาจากหลักฐานข้างล่าง

ما كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يزيد في رمضان ولا غيره على إحدى عشرة ركعة يصلي أربعا فلا تسأل عن حسنهن وطولهن ثم يصلي أربعا فلا تسأل عن حسنهن وطولهن ثم يصلي ثلاثا

ท่านหญิงอาอิชะฮ์รายงานว่า "ท่านรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ...."

จากหะดิษดังกล่าวนี้  ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวว่า  อนุญาตให้ทำการละหมาดหลายร่อกะอัตแล้วให้สลาม  ด้วยสลามครั้งเดียว  ถือว่าการกระทำของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ชี้ถึงอนุญาตให้กระทำได้  (ชัรห์มุสลิม 3/277) กล่าวคือ  หากจะละหมาดวิติร  จะละหมาดแบบ 4 รอกะอัตแล้วให้สลาม  และหมาดอีก 4 รอกะอัตแล้วให้สลาม  แล้วละหมาดอีก 3 รอกะอัตแล้วให้สลาม   ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้    หรือจะทำละหมาดวิติรแบบ  ทำ 8 รอกะอัตติดต่อกันแล้วให้สลาม และทำอีก 3 รอกะอัตแล้วให้สลาม  ร่วมเป็น 11 รอกะอัต  ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้เช่นเดียวกัน  (ตัวะห์ฟะตุลมั๊วะตาจญ์ 1/377)

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 10:59 PM »
0
โอ...ตาลายเลย ไม่ไหวๆ  :o

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ก.ย. 20, 2007, 03:17 AM »
0
รวบรวมและเรียบเรียงเป็นบทความอับเดท....ก็จะดีไม่น้อยนะครับ...เพราะถือว่าเป็นบะฮัษ(การค้นคว้าวิเคราะห์)...เรื่องละหมาดตะรอวิห์ได้ครอบคลุมดี...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ก.ย. 20, 2007, 10:02 AM »
0
ขออัลเลาะตอบแทน ครับน้องอัล- ในเรื่อง ของฮาดิสดังกล่าวนั้น บังถือว่า ชัดเจนครับ เพราะหลักฐานที่น้องนำมานั้นเป็นตัวตัดสินครับ.ว่า ฮะดิสดังกล่าวที่ว่า..


ما كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يزيد في رمضان ولا غيره على إحدى عشرة ركعة يصلي أربعا فلا تسأل عن حسنهن وطولهن ثم يصلي أربعا فلا تسأل عن حسنهن وطولهن ثم يصلي ثلاثا

ท่านหญิงอาอิชะฮ์รายงานว่า "ท่านรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ...."หะดีษนี้ศอเฮียฮ์นะครับ บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ อัตติรมิซีย์ อบูดาวูด อันนะซาอีย์ อิมามมาลิก ฯลฯ..

ว่าที่แท้จริงแล้ว...สิ่งที่ถูกถามถึงการละหมาดของท่านนบี(ซล)ในยามค่คืนนั้น ที่มาจากคำตอบของท่านอาอิชะนั้น ...ไม่ใช่เป็นละหมาดตารอวิห์เลย แต่มันคือละหมาดวิเตร..ต่างหาก..

ฉนั้น เราเองจะเห็นว่า แม้กระทั่ง อีม่ามทั้ง4 นั้นเขายังมีความเข้าใจ ตรงกัน ทั้ง4ทัศนะจึงถือว่า......... เป็นข้อยุติที่ถูกต้องที่สุดครับ.....



นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: จำนวนรอกาอัตในการละหมาดตารอเวี๊ยะ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ก.ย. 21, 2007, 09:48 PM »
0
เป็นการบะฮัษ بحث  ในเชิงวิชาการของแท้ขอครับ  เอามาเรียบเรียงใหม่แล้วขึ้นอับเดทซ่ะเถอะครับน้อง

 

GoogleTagged