ดนตรีและระบำไม่ได้นำสิ่งใดเข้าไปในจิตใจเลย มันเพียงแต่กระพือเปลวไฟแห่งอารมณ์ที่สงบนิ่ง
(แต่นัฟซู ที่ดีและไม่ดีนั้น อยู่ในตัวของมนุษย์ ไม่สามาถรขจัดออกไปได้
เพียงแต่ควบคุมมันเท่านั้น)
salam
คิดคล้ายๆกันค่ะ...เพราะเป็นคนนึงที่ได้สัมผัสดนตรีและระบำ
คือเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เพราะจบจากโรงเรียนสามัญทั่วไป
ซึ่งจะมีบรรจุวิชาดนตรีและนาฏศิลป์เอาไว้ด้วย...
แต่เราเล่นกันในห้อง เคยมีเข้าประกวดแข่งขันกันหลายครั้งหลายครา
แต่ตอนนั้นปฏิเสธไปทุกครั้ง แม้ใจน้ันชอบดนตรีและนาฏศิลป์สักแค่ไหน
และมีความสามารถในด้านนั้นอยู่ไม่น้อยก็ตาม...
แต่ที่ปฏิเสธไปก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ
รู้สึกว่า มันไม่เหมาะที่ตัวเองจะขึ้นไปร่ายรำให้คนดูมากมาย
(เพราะตอนนั้นไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว) ไม่ใช่เพราะอายหรือไม่กล้า
แต่เพราะรู้สึกว่ามันไม่คุ้มและไม่ใช่เป้าหมายของตัวเองในขณะนั้น
แค่รำในห้องในวิชาเรียน ในที่ของตนที่มีแต่ผู้หญิง
อาจารย์ผู้สอนชื่นชมพอใจก็เพียงพอแล้วสำหรับตอนนั้น
(คือมีความสุขและพอใจแล้ว) และบุพการีก็ไม่สนับสนุนมากนักในเรื่องนี้...
ส่วนเรื่องเครืื่องดนตรี แม้เราจะเล่นอยู่ในห้อง แต่เสียงของมันดังออกไปไกล
พ่อมักย้ำเสมอว่า ให้ดูกาลเทศะด้วยถ้าจะเล่นมัน...
โดยเฉพาะเวลาละหมาด ถึงเราจะทำแล้วหรือไม่
แต่คนอื่นเขาอาจกำลังทำอิบาดะฮฺ เราจะไปรบกวนเขามั้ย
ให้เกรงใจเขาน่ะค่ะ ใกล้เวลาละหมาดก็ให้เราเลิกน่ะค่ะ...
เลยมีหลายครั้งที่ไปนั่งเล่นกับน้องๆที่ทุ่งกว้าง ไม่ค่อยมีผู้คน
เราเลยหยิบมันขึ้นมาเล่นกัน...
เคยถามผู้ใหญ่และผู้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านเหล่านั้นก็บอกว่า
ไม่มีหลักฐานจากอัลกุรอานห้ามไว้
และบอกว่ามันไม่ก่อประโยชน์อันใดนอกจากความเพลิดเพลิน
ซึ่งมันจะเป็นโทษหากเราทำมันจนหลงลืมอัลลอฮฺ...
และถ้าหากจะเล่นก็ให้ดูกาลเทศะด้วย อะไรทำนองนี้ค่ะ...
ตั้งแต่มาอยู่ต่างแดน ก็ไม่สามารถเล่นได้ เพราะว่าที่ที่อยู่ ณ ปัจจุบัน
มีกฎห้ามทำเสียงรบกวนห้องข้างๆน่ะค่ะ หากจะเล่นดนตรีก็ต้องเล่น
ในห้องเก็บเสียงโดยเฉพาะหรือในสถานที่ที่เขาจัดไว้ให้เท่านั้น
คือไม่รบกวนห้องข้างๆ หรือบ้านใกล้เรือนเคียง...
เมื่อไม่มีโอกาส เลยเลิกร้างไป ซึ่งก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนใจแต่อย่างใดเลยค่ะ...
ส่วนเรื่องนาฏศิลป์ก็มีหลายครั้งที่ทางมหาลัยต้องการให้โชว์การแสดง
แบบไทยหรือวัฒนธรรมไทยในฐานะที่เป็นนักเรียนไทยในต่างแดน...
เช่น การร่่ายรำ ดนตรีไทย การแกะสลัก ศิลปะมวยไทย ฯลฯ
แต่เรานั้นเลือกที่จะโชว์การทำอาหารไทย ขนมไทยแทน...
ปัจจุบันนั้น โดยส่วนตัวคิดว่า ทุกอย่่างอยู่ที่เจตนาค่ะ ว่่าเราทำไปเพื่ออะไร...
และเราต้องการอะไรจากมัน...
ถึงแม้เราจะมีความสามารถแต่ก็ไม่ได้หมายความว่่า เราต้องออกไปโชว์
ในทุกๆความสามารถที่มี ถึงแม้เราจะถนัด แต่เราสามารถเปลี่ยนความถนัด
ที่มีนั้นให้มันถูกที่ถูกเวลาได้...
บอกตามตรงเลยว่่าชอบเสียงดนตรีและชอบดูการแสดง ชอบงานศิลป์...
แต่ก็ไม่ได้ถึงกับลุ่มหลงมัวเมานะคะ...ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย
ไม่ใช่เพราะว่ามันดันตรงกับนัฟซูของตัวเองแต่อย่่างไร
แต่เพราะรู้สึกว่า เครื่องดนตรีมันไม่ได้ผิด แต่ถ้าหากจะผิดก็ผิดที่เรา...
ที่ควบคุมตัวเราเองไม่ได้ต่างหาก...
เลยคิดคล้ายกับ จขกท.ว่า...
ดนตรีและระบำไม่ได้นำสิ่งใดเข้าไปในจิตใจเลย
มันเพียงแต่กระพือเปลวไฟแห่งอารมณ์ที่สงบนิ่ง (แต่นัฟซู ที่ดีและไม่ดีนั้น อยู่ในตัวของมนุษย์ ไม่สามาถรขจัดออกไปได้
เพียงแต่ควบคุมมันเท่านั้น)
ถ้าจะโทษอะไรสักอย่างก็จงโทษตัวเรา หัวใจเราเถอะค่ะ หากว่ามันไม่รักดี...
อะไรๆก็เป็นใจให้มันไม่รักดีได้ค่ะ...

ตอบไปตามความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัว ไม่ได้อยู่ในเชิงวิชาการ
และไร้ซึ่งหลักฐานมาอ้างอิงด้วยความรู้ด้านศาสนามีไม่มากนัก...
ผิดพลาดยังไง ชี้แนะด้วยนะคะ
วัสลามค่ะ