ผู้เขียน หัวข้อ: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา  (อ่าน 13095 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ azri

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 36
  • จะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อตัวเองยังไม่รู้จัก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

                                               แสดงความคิดเห็นได้ทุกรูปแบบ จะวิชาการก็ได้จะส่วนตัวก็ดีสงสัยก็ถามได้
                                                                    ขอให้อยู่ในประเด็นก็เป็นพอยัไงก็ได้ไม่ซีเรียส
                                 
ใจฉันเปรียบได้ยังทุกรูปแบบ
ดังทุ่งหญ้าสำหรับเนื้อทราย    ดังโบสถ์สำหรับพระคริสต์
ดังวิหารสำหรับรูปเคารพ        ดังกะบะห์สำหรับผู้แสวงบุญ
ดังแผ่นจารึกของเตารอต       และ ดังคู่มือของกุรอาน
 
ฉันดำเนินบนศาสนาแห่งความรัก
ไม่ว่าวิถีของอูฐแห่งรักเป็นเช่นใด
นั่นแหละ ศาสนาและศรัทธาของฉัน

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 08:19 AM »
0
ถ้าเอาที่ผมเคยเรียนมานะครับ

ห้าม ไม่ควรเล่น

เช่น กีตาร์ เค้าบอกว่า เป็นกุญแจ นรก

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 08:39 AM »
0
อ้างถึง
การตีกลองและเครื่องเล่นดนตรีที่คล้าย ๆ กัน ย่อมเป็นสิ่งมุบาห์(อนุมัติ)  การฟังเพลงที่มีเครื่องดนตรีขับร้องนั้น  เป็นสิ่งที่มุบาห์  ตราบใดที่ดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอารมณ์  (มีเนื้อหาที่ทำ)ให้หลงผิด  เกี้ยวพาราสี  ตลกทะลึ่ง  พร้อมด้วยมีการดื่มสุราเมรัย  มีการเต้นรำ  และก่อให้เกิดการกระทำความชั่ว  หรือนำเสียงเพลงไปเป็นสื่อให้กับสิ่งที่หะรอม  ทำให้ตกอยู่ในสิ่งที่ถูกตำหนิต่าง ๆ  หรือทำให้ละเลยจากภาระหน้าที่จำเป็น

สำหรับเสียงตีกลองหรือเสียงดนตรีที่เป็นสายนั้น  เราไม่พบว่ามีหลักฐานมาอนุญาตและมาห้ามมันเลย  ไม่ว่าจะเป็นหะดิษที่ซอฮิหฺหรือไม่ซอฮิหฺ  ก็ไม่ได้ระบุไว้เลย และบรรดาผู้ที่กล่าวหะรอมที่ได้ทำการายงานในการห้ามนั้น  ไม่ได้รับการยืนยันที่ซอฮิหฺจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เลย   และบรรดาบุคคลยุคก่อนถือว่าอนุญาตให้ฟังเครื่องดนตรีได้   เนื่องจากไม่มีหลักการของศาสนามาระบุห้ามและระบุอนุญาตมัน  เพราะหลักเดิมแล้ว  สรรพสิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องมะบาห์ 

ตามหลักนิติศาสตร์  ความว่า

الأصل فى الأشياء الإباحة حتى يدل الدليل على التحريم

"หลักเดิมในบรรดาสรรพสิ่งต่าง ๆ นั้น  คือ อนุญาต  จนกระทั่งมีหลักฐานหนึ่งมาระบุห้าม"

ท่านอิบนุ อัลก๊อยซะรอนีย์  ได้กล่าวไว้หนังสือ  อัศศิมาอ์  หน้า 71 และหน้าหลังจากนั้น ว่า "บรรดาเครื่องเป่าและเครื่องละเล่นต่าง ๆ ได้มีหะดิษซอฮิหฺรายงานระบุว่า เป็นสิ่งที่อนุญาตได้สดับฟังได้  เฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่อนุมัติโดยคำตรัสของ อัลเลาะฮ์  ตะอาลาม ความว่า

وإذا رأوا تجارة أو لهوا انفضوا إليها وتركوك قائما قل ما عند الله خير من اللهو ومن التجارة والله خير الرازقين

"และเมื่อพวกเขาได้เห็น(กองคาราวานที่ทำ) การค้าขาย หรือ สิ่งเพลิดเพลิน  พวกเขาก็แยกตัวออก(จากเจ้ามุ่งหน้า)ไปยังมัน  โดยปล่อยเจ้าให้ยืนอยู่ (เพียงลำพังบนมิมบัร  กับคนที่เหลืออยู่ไม่กี่คน ขณะทำการกล่าวเทศนาประจำวันศุกร์) จงประกาศเถิด  สิ่งที่มีอยู่ที่อัลเลาะฮ์ นั้น ย่อมดีกว่าสิ่งเพลิดเพลินและดีกว่าการค้าขาย และอัลเลาะฮ์ทรงประเสริฐที่สุดแห่งบรรดาผู้ให้โชคผล"  อัลญู่มุอะฮ์ 11
การอธิบายดังกล่าว คือ  หะดิษที่รายงานโดยท่านมุสลิม ในบท การละหมาดญุมอะฮ์  ซึ่งรายงานจากท่านญาบิร บิน สะมุเราะฮ์ ว่า

أن رسول الله صلى الله عليه وسلم كان يخطب قائما ثم يجلس ثم يقوم فيخطب قائما، فمن نبأك أنه كان يخطب جالسا فقد كذب، فقد والله صليت معه أكثر من ألفى صلاة

"แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ทำการยืนคุฏบะฮ์(เทศนาในวันศุกร์) หลังจากนั้น ท่านก็นั่ง  จากนั้น  ท่านก็ทำการยืนคุฏบะฮ์ต่อไป  ดังนั้น  ผู้ใดที่บอกเล่าแก่ท่านว่า  ท่านนบีทำการคุฏบะฮ์โดยการนั่งนั้น  แท้จริง  เขาย่อมโกหก  ดังนั้น  ฉันขอยืนยันว่า  แท้จริง  ฉันได้ทำการละหมาดพร้อมกับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมากว่า 2000 ครั้ง"

รายงานจากท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์  ความว่า

أنه كان يخطب قائما يوم الجمعة فجاءت عير من الشام، فأنفتل الناس إليها حتى لم يبق إلا اثنا عشر رجلا فأنزلت هذه الآية

"แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ทำการยืนคุฏบะฮ์ในวันศุกร์  แล้วได้มีกองคาราวานจากเมืองชามเดินทางมา  บรรดาผู้คนจึงแยกตัวออกไปยังมัน  จนกระทั่งเหลือเพียงแค่ 12 คน  ดังนั้น อายะฮ์นี้จึงถูกประทานลงมา"

ท่านอัฏฏ๊อบรีย์  ได้ทำการนำเสนอรายงานหะดิษนี้ จากท่านญาบิร  ความว่า

أنهم كانوا إذا نكحوا تضرب لهم الجوارى بالمزامير فيشتد الناس إليهم ويدعون رسول الله صلى الله عليه وسلم قائما

"แท้จริง พวกเขาเหล่านั้น  เมื่อได้มีงานแต่งงาน  บรรดาทาสหญิงได้ทำการเล่นเครื่องดนตรีด้วยการเป่าปี่ให้พวกเขาฟัง  บรรดาผู้คนจึงดูพวกเขาอย่างเนืองแน่น  โดยปล่อยให้ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ยืนอยู่"

ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ทรงทำการตำหนิพวกเขาด้วยอายะฮ์นี้

ท่านอิบนุ อัลก๊อยซะรอนีย์  ได้กล่าวไว้หนังสือ  อัศศิมาอ์  หน้า 72  ความว่า "อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ทรงกล่าวคำสัณธานเชื่อมโยงระหว่างคำว่า  اللهو (สิ่งเพลิดเพลิน) ด้วยกับคำว่า   التجارة (การค้าขาย)  ดังนั้น ทั้งสองจึงอยู่ในหลักการเดียวกัน(คือมุบาห์) และโดยมติของปวงปราชญ์ระบุว่า การค้าขายเป็นสิ่งที่อนุมัติ(หะล้าล)  จึงสามารถยืนยันได้ว่า  ฮุกุ่มหะล้าล(อนุมัติ) นี้  เป็นสิ่งที่ศาสนาให้การยอมรับตามสภาพที่เคยเป็นอยู่ในสมัยญาฮิลียะฮ์  เพราะไม่สามารถตีความได้ว่า  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ห้ามมัน  หลังจากนั้น ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เดินผ่านมันไปที่ประตูมัสยิดในวันศุกร์  จากนั้น อัลเลาะฮ์ทรงตำหนิผู้ที่ปล่อยให้ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยืนอยู่  และท่านนบีก็ออกไปดูและสดับฟัง โดยที่ไม่มีอายะฮ์ใดถูกประทานลงมาระบุห้าม และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ไม่ได้กล่าวห้ามไว้ในซุนนะฮ์ใดเลย  ดังนั้น  เราจึงทราบได้ว่า สิ่งดังกล่าว ยังคงอยู่ในสถานะเดิมของมัน(คือมุบาห์)  และสามารถเพิ่มความกระจ่างชัดในสิ่งดังกล่าว  โดยหะดิษที่รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  เกี่ยวกับเรื่อง  ที่มีสตรีคนหนึ่งจากชาวอันซอร ได้ถูกส่งเจ้าสาวไปยังชายคนหนึ่งจากชาวอันซอร  ดังนั้น  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงกล่าวว่า

أما كان معكن من لهو فإن الأنصار يعجبهم اللهو

"สำหรับเครื่องละเล่น(ดนตรี)ที่อยู่พร้อมกับพวกนางนั้น  แท้จริง  มันทำให้ประทับใจ(เพลิดเพลิน)กับชาวอันซอร" 

หะดิษนี้รายงานโดย อัลบุคอรีย์  ดู  หนังสือ ชัรห์ อุมดะตุลกอรีย์  อธิบายหนังสือ ซอฮิหฺ อัลบุคอรีย์  เล่ม 20 หน้า 146 ในบทเรื่อง อันนิกาห์

ท่านอัชเชากานีย์  ได้ทำการถ่ายทอดไว้ในหนังสือ  นัยลุลเอาฏอร เล่ม 8 หน้า 104 - 105  ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง  หะดิษที่รายงานเกี่ยวกับ เครื่องเล่นดนตรี  จากทัศนะต่าง ๆ ของผู้ที่กล่าวหะรอมและผู้ที่มีทัศนะว่าอนุญาต  และได้นำหลักฐานทั้งสองฝ่ายมาเสนอ  พร้อมทำการวิจารณ์หะดิษ  ที่ว่า

 كل لهو يلهو به المؤمن فهو باطل إلا ثلاثة ملاعبة الرجل أهله وتأديبه فرسه ورميه عن قوسه

"ทุก ๆ ความเพลิดเพลินที่ทำให้ผู้ศรัทธาเพลิดเพลินนั้น  เป็นสิ่งที่โมฆะ  เนื่องจาก 3 อย่าง คือ สามีได้หยอกล้อกับครอบครัวของเขา  ทำการฝึกม้า และยิงธนู"

ท่านอัชเชากานีย์  ได้อ้างอิงคำชี้แจงของอิมามอัลฆอซาลีย์  ที่ว่า "เราขอกล่าวว่า  คำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า "มันเป็นสิ่งที่โมฆะ" ไม่ได้ชี้ถึงการห้าม(ห้าม)  แต่ชี้ถึงว่า  มันเป็นสิ่งไม่มีประโยชน์"  หลังจากนั้นท่านอัชเชากานีย์กล่าวว่า "มันเป็นคำตอบที่ถูกต้อง" เพราะสิ่งที่ไม่มีประโยชน์นั้น  เป็นประเภทหนึ่งจากสิ่งที่มุบาห์

และได้ถูกถ่ายทอดจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาซอฮาบะฮ์มากมาย ว่า  พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการฟังและปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงขับร้องโดยปราศจากความ หยาบทะลึ่ง และสิ่งที่หะรอม  และมีนักปราชญ์ฟิกห์มากมายที่มีทัศนะเช่นดังกล่าวนี้  ดังนั้น  การฟัตวาจึงสรุปไว้ว่า  "การฟังเครื่องเล่นดนตรีต่าง ๆ หรือเสียงขับร้องต่าง ๆ ไม่สามารถกล่าวได้ว่า  มันเป็นสิ่งที่หะรอมโดยพิจารณาถึงเสียงของเครื่องเล่นดนตรี แต่ทว่ามันเป็นสิ่งหะรอมเมื่อมันเป็นส่วนร่วมในการส่งเสริมสิ่งที่หะรอมหรือทำมันเป็นสื่อไปยังการกระทำที่หะรอมหรือทำให้ละเลยเพิกเฉยจากภาระหน้าที่จำเป็น(คือสิ่งที่เป็นวายิบ)"
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ azri

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 36
  • จะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อตัวเองยังไม่รู้จัก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 12:31 PM »
0
                                  ดนตรีและระบำไม่ได้นำสิ่งใดเข้าไปในจิตใจเลย มันเพียงแต่กระพือเปลวไฟแห่งอารมณ์ที่สงบนิ่ง

                              (แต่นัฟซู ที่ดีและไม่ดีนั้น อยู่ในตัวของมนุษย์ ไม่สามาถรขจัดออกไปได้ เพียงแต่ควบคุมมันเท่านั้น)
                     ดังนั้น หากมนุษย์ที่มีจิตใจที่รักต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว การใช้ดนตรีและระบำเป็นส่วนประกอบ จะเป็นการขัดกับบทบัญญัตินั้น
                     มันคงไม่ถูกต้องนัก มันเป็นสิ่งที่ถูกอนุญาติ และควรสรรเสริญคนที่มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนให้เกิดขึ้นด้วย
                                ตรงกันข้าม หากจิตใจมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความต้องการทางอารมณ์ ดนตรีและระบำจะไปช่วยกระตุ้นเพิ่มกิเลส
                    ความต้องการทางอารมณ์ให้มากยิ่งขึ้น มันถึงควรจะเป็นสิ่งต้องห้ามทางศาสนา  ในขณะที่ ถ้าหากเราฟังดนตรีเพียงเพื่อ
                   ให้เกิดการพักผ่อน มันก็อาจเป็นไปได้ทั้งสองรูปแบบ แล้วแต่กรณี  หากฟังเพียงแค่พอเพลิดเพลิน ไม่ลุ่มหลง
                    มันก็ไม่ต่างอะไรไปกับการฟังเสียงนกร้อง หรือดูต้นหญ้าสีเขียว ซึ่งมันไม่ผิดหลักศาสนา และจุดประสงค์ของดนตรีและระบำ
                    ที่มีไว้เพื่อการบรรเทิงหรือเพื่อฆ่าเวลานั้น โดยได้รับการยอมรับโดยรายงานของท่านหญิงอาอีชะห์ ที่ว่า
                               ?ในวันอีด ชาวเผ่าผิวดำจำนวนหนึ่งได้มีการแสดงขึ้นในมัสยิด ท่านนบี(ซล)ได้กล่าวแก่ฉันว่า ?เธอชอบจะดูมันหรือ?
                    ฉันตอบว่า ?ใช่? ดังนั้น ท่านนบี(ซล)จึงได้อุ้มตัวฉันขึ้น เพื่อให้ฉันได้ดูมันอยู่เป็นเวลานาน  จนกระทั่งท่านได้ถามฉันหลายครั้งว่า
                    พอหรือยัง?   และในวันอีดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรายงานโดยท่านหญิงอาอีชะห์ว่า ?ในวันอีด ได้มีหญิงสองคนได้มาที่บ้านของฉัน แล้วก็
                    เริ่มเต้นและร้อง ซึ่งเมื่อท่านนบี(ซล)ได้เข้ามาแล้วล้มตัวลง โดยหันหน้าไปทางอื่น ในขณะนั้นท่านอบู บักร ได้เข้ามา แล้วพบเห็นหญิง
                    ที่กำลังเต้นอยู่ ท่านได้ร้องขึ้นว่า ?อะไรกัน ขลุ่ยของชัยตอนได้มาอยู่ในบ้านของท่านศาสดาหรือ?  ท่านนบี(ซล)จึงได้หันกลับมา
                    แล้วกล่าวว่า ?ปล่อยพวกเขาเถิด อบู บักร วันนี้เป็นวันอีด??
                                                                                                           (อิมามฆอซาลี)




                                                อย่าถือสานะ คนโง่ก็อย่างนี้แหละ




                                   

                                                    รักพระเจ้าให้มากๆ      ซอลาวาตให้เยอะๆ    อย่างอื่นเฉยๆไว้


                                                                                             
                                                                                                         

                                                                                                                                  จากมุอัลลัฟผู้ยะเฮล ผู้ต่ำต้อยและโง่เขลา......                 




                                                   
ใจฉันเปรียบได้ยังทุกรูปแบบ
ดังทุ่งหญ้าสำหรับเนื้อทราย    ดังโบสถ์สำหรับพระคริสต์
ดังวิหารสำหรับรูปเคารพ        ดังกะบะห์สำหรับผู้แสวงบุญ
ดังแผ่นจารึกของเตารอต       และ ดังคู่มือของกุรอาน
 
ฉันดำเนินบนศาสนาแห่งความรัก
ไม่ว่าวิถีของอูฐแห่งรักเป็นเช่นใด
นั่นแหละ ศาสนาและศรัทธาของฉัน

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.ย. 17, 2007, 11:09 PM »
0
มูบะ ครับ

เพราะ อยู่ที่เราทำมันอย่างไร
เหมือนกับ เรานั่งเล่น เกม หรือ นั่งเล่นอินเตอร์เนท เช่นกัน
เราไปดูตัวบท ห้าม จริงๆ ก็เพียง  กล่าวเป็นเรื่องเหลวไหลเท่านั้น
อนึ่ง กลองนั้น ยังเป็นที่เล่นกันในสมัยนั้นด้วย
เพียงแต่ที่มีปัญหาจริงๆ คงเป็นพวก กีตาร์ เบส เครื่องเป่า เหล่านี้ เท่านั้นเอง
ซึ่ง ตรงนี้ ถ้าเล่นเพลินๆ คลายเครียด ไม่ได้ยึดเป็นอาชีพ
พอเข้าเวลาก็ละหมาด รู้กาละเทศะ
ยังไร ก็ไม่เสียหายครับ..

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม..

ออฟไลน์ zaiyideen

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 37
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.ย. 18, 2007, 03:41 AM »
0
สลามพี่น้องทุกท่านในกระทู้นี้
ผมอ่านหัวข้อกระทู้แล้วรู้สึกปลื้มใจกับคนนำเสนอกระทู้นี้จริงๆ คิดได้ไง แต่เมื่ออ่านแล้วผมได้นั่งคิดใน มโนภาพความรู้สึกของผมว่า(จะผิดถูกประการใดลองอ่านดูนะครับ)
คำว่าบันเทิง คือ การทำให้มีสุข ผมเลยแยกมาเป็นข้อๆดังนี้
1.บันเทิงกาย  เช่น เล่นฟุตบอล ตระกร้อ บาสเก็ตบอล เต้นแอนโรบิค ว่ายน้ำ และอื่นๆ แต่สิ่งที่ดีสุดในการบันเทิงกาย คือ การแสดงท่าทางในการละหมาดทั้งฟัรดูและสุนัตเพื่ออัลเลาะฮ์
2.บันเทิงวาจา เช่น ร้องเพลง ขับเสภา อ่านบทกลอน และอื่นๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการบันเทิงวาจา คือ การอ่านคัมภีร์อัลกรุอาน และพูดถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์และการซอลาวาตให้ท่านนบี
3.บันเทิงจิต  เช่น ฟังเพลง ดูหนัง สะสมสแตมป์ สะสมเหรียญต่างๆ และอื่นๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการบันเทิงจิต คือ การสะสมอามาลอิบาดะฮ์ สะสมคุณงามความดีที่อัลลอฮ์พึ่งพอใจ สะสมแบบฉบับท่านนบีให้ติดกับตัวเรา
ผมจึงคิดว่า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิงได้หมด ทุกวัตถุเป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด แต่ทุกอย่างต้องไม่ทำให้เรา หลงลืม การปฏิบัติภาระกิจที่อัลลอฮ์ สั่ง
ทำนองว่า นั่งดูทีวี นั่งเล่นกีตาร์ แต่พอถึงเวลาละหมาด ก้อมิรีรอ ที่จะเร่งเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ อะไรทำนองนี้นะ
นี้แค่ความคิดของผมเท่านั้นนะ ผิดถูกไงก้อ ถือว่าขอมาอัฟไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะ พี่น้องทุกท่าน
วัสลาม



ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่างดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ก.ย. 20, 2007, 03:28 AM »
0
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

อิสลามไม่มีคำสอนเกี่ยวกับเสียงดนตรีของซูฟีหรือเสียงดนตรีที่นำมาเป็นเรื่องของศาสนา  อย่างน้อยสุดเสียงเพลงแค่เป็นเพียงเรื่องของมุบาห์ไม่ใช่เรื่องอิบาดะฮ์หรือเรื่องศาสนา  ดังนั้น  การนำเสียงดนตรีมาเป็นเรื่องของศาสนาหรือนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการซิกรุลลอฮ์  ย่อมเป็นความผิดอันใหญ่หลวงเพราะไม่มีหลักคำสอนของอิสลามได้รับรองไว้เลย

ได้รายงานจาก  ท่านหญิง  อาอิชะฮ์ (ร.ฏ.)  ท่านกล่าวว่า   ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) 

من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد

หมายความว่า "ผู้ใดที่กระทำขึ้นมาใหม่  ในการงาน(ศาสนา)ของเรานี้  กับสิ่งที่ไม่มีมาจากมัน(คือจากรากฐานการงานของเรา)แล้ว   สิ่งนั้นย่อมถูกปฏิเสธ"  (รายงานโดย บุคอรีย์ หะดิษที่ 2698 และมุสลิม  หะดิษที่ 1718)

والله تعالى أعلى وأعلم

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=837.0

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ก.ย. 20, 2007, 03:39 AM »
0
หากเรามีตะเซาวุฟ...เราต้องมีแนวทางที่บริสุทธิ์...ไม่ขัดแย้งกับหลักการของศาสนา...การซิกรุลลอฮ์ไม่จำเป็นต้องเอาดนตรีมาช่วยหรือนำมาเป็นสื่อ...เพราะไม่ใช่เป็นเป็นที่มีหลักการศาสนามารับรอง....ดังนั้นเราถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการซิกรุลลอฮ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับดนตรี...

"ท่านอัชเชากานีย์  ได้อ้างอิงคำชี้แจงของอิมามอัลฆอซาลีย์  ที่ว่า "เราขอกล่าวว่า  คำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า "มันเป็นสิ่งที่โมฆะ" ไม่ได้ชี้ถึงการห้าม(ห้าม)  แต่ชี้ถึงว่า  มันเป็นสิ่งไม่มีประโยชน์"  หลังจากนั้นท่านอัชเชากานีย์กล่าวว่า "มันเป็นคำตอบที่ถูกต้อง" เพราะสิ่งที่ไม่มีประโยชน์นั้น  เป็นประเภทหนึ่งจากสิ่งที่มุบาห์"

ของไม่มีประโยชน์ครับ...ดังนั้นตะเซาวุฟย่อมไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์...

ออฟไลน์ TruthSeeker

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 46
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ต.ค. 06, 2007, 09:20 PM »
0
ถ้าเอาที่ผมเคยเรียนมานะครับ

ห้าม ไม่ควรเล่น

เช่น กีตาร์ เค้าบอกว่า เป็นกุญแจ นรก

วัสลาม

[6.150]  จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงนำมาซึ่งบรรดาพยานของพวกท่านที่จะยืนว่า แท้จริงฮัลลอฮ์ได้ทรงห้ามสิ่งนี้ แล้วถ้าพวกเขา (เป็นพยาน) ยืนยัน เจ้าก็อย่ายืนยันกับพวกเขาด้วยและอย่าตามความใคร่ใฝ่ต่ำของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา และบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อปกโลก และขณะเดียวกันพวกเขาก็ให้สิ่งอื่นเท่าเทียมกับพระเจ้าของพวกเขา

[7.33]  จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงห้ามนั้น คือบรรดาสิ่งที่ชั่วช้าน่ารังเกียจ ทั้งเป็นสิ่งที่เปิดเผยจากมันและสิ่งที่ไม่เปิดเผย และสิ่งที่เป็นบาป และการข่มเหงรังแกโดยไม่เป็นธรรม และการที่พวกเจ้าให้เป็นภาคแก่อัลลอฮ์ซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ ลงมาแก่สิ่งนั้น และการที่พวกเจ้ากล่าวให้ภัยแก่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้

เรื่องดนตรีถกเถียงกันประจำ เพราะในอัลกุรอานไม่มีที่ห้าม แต่มีคนอยากตั้งกฏนอกจากในนั้น และกล่าวว่านี่เป็นกฏจากอัลลอฮ

ดังนั้นอย่าตั้งกฏห้ามอะไรนอกจากที่อัลลอฮได้ตั้งไว้เลยครับ
พระเจ้าเท่านั้นที่ฉันสักการะ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ต.ค. 06, 2007, 10:28 PM »
0

ดังนั้นอย่าตั้งกฏห้ามอะไรนอกจากที่อัลลอฮได้ตั้งไว้เลยครับ


มีมากมายที่ไม่ได้มีกฏห้ามเอาไว้ แต่ชอบฮุกุ่มฝ่ายอื่น ทั้งที่มีหลักฐานโดยรวมรับรองไว้แล้ว
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ TruthSeeker

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 46
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ต.ค. 07, 2007, 05:07 AM »
0

ดังนั้นอย่าตั้งกฏห้ามอะไรนอกจากที่อัลลอฮได้ตั้งไว้เลยครับ


มีมากมายที่ไม่ได้มีกฏห้ามเอาไว้ แต่ชอบฮุกุ่มฝ่ายอื่น ทั้งที่มีหลักฐานโดยรวมรับรองไว้แล้ว

ใช่ครับ ไม่ได้มีกฏและหลายคนชอบฮุกุ่มตั้งกฏจากอย่างอื่นนอกจากที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา

[6.114]  อื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาด ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่พวกท่านในสภาพที่ถูกแจกแจงไว้อย่างละเอียด ? และบรรดาผุ้ที่เรา ได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขา นั้น พวกเขารู้ดีว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นถูกประทานลงมาจากพระเจ้าของเจ้า ด้วยความเป็นจริง เจ้าอย่าได้อยู่ในหมู่ผู้สงสัยเป็นอันขาด

แล้วก็อ้างว่า นี่ฮาราม นั่นฮาราม ฮารามก็หมายถึงพระเจ้าได้ห้ามไว้ แต่เราบอกว่าพระเจ้าห้าม ทั้งๆที่พระเจ้าไม่ได้ห้าม นี่เป็นการกล่้าวเท็จแก่พระเจ้า สั่งพระเจ้าได้ห้ามการกล่าวเท็จแก่พระองค์ดังใน 7:33
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 07, 2007, 06:02 AM โดย TruthSeeker »
พระเจ้าเท่านั้นที่ฉันสักการะ

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ต.ค. 07, 2007, 05:49 AM »
0

 salam
       เท่าที่ทราบมานะครับ  หากเป็นการประสานเสียง และเนื้อหาถูกต้องตามหลักศาสนาก็ไม่หะรอมอะไร  แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้รับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้  เป็นข้อมูลที่ฟังมาจากการจัดสัมนาทางวิชาการของรุ่นพี่ปี 4 เอกกฎหมายอิสลาม วอศ. มอ.ปัตตานีนะครับ เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในโลกปัจจุบันกับมุมมองของอิสลาม ในหัวข้อเกี่ยวกับการร้องเพลงอนาชีดว่า  มีเครื่องดนตรีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถเล่นได้ เป็นที่อนุญาต นั่นก็คือ กลองดัฟ  หรือที่รู้จักกันในชื่อ กลองรำมะนา  ผมนึกภาพไม่ออกอะครับ  ว่ากลองแบบไหน  ใครมีรูปกลองดัฟ หรือ กลองรำมะนา ช่วยโพสต์ให้ดูหน่อยได้ไม๊  อ้อ รายงานเรื่องนี้มีปรากฏในเศาะเหียะหฺบุคอรีย์ด้วย  รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แจงเพิ่มเติมให้กระจ่างด้วยนะครับ 2hand

วัสสลามุ อะลา มะนิตตะบะอั้ลฮุดา

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 31, 2010, 05:18 PM »
0


                                  ดนตรีและระบำไม่ได้นำสิ่งใดเข้าไปในจิตใจเลย มันเพียงแต่กระพือเปลวไฟแห่งอารมณ์ที่สงบนิ่ง

(แต่นัฟซู ที่ดีและไม่ดีนั้น อยู่ในตัวของมนุษย์ ไม่สามาถรขจัดออกไปได้
เพียงแต่ควบคุมมันเท่านั้น)
                   



 salam

คิดคล้ายๆกันค่ะ...เพราะเป็นคนนึงที่ได้สัมผัสดนตรีและระบำ
คือเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เพราะจบจากโรงเรียนสามัญทั่วไป
ซึ่งจะมีบรรจุวิชาดนตรีและนาฏศิลป์เอาไว้ด้วย...

แต่เราเล่นกันในห้อง เคยมีเข้าประกวดแข่งขันกันหลายครั้งหลายครา
แต่ตอนนั้นปฏิเสธไปทุกครั้ง แม้ใจน้ันชอบดนตรีและนาฏศิลป์สักแค่ไหน
และมีความสามารถในด้านนั้นอยู่ไม่น้อยก็ตาม...
แต่ที่ปฏิเสธไปก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ
รู้สึกว่า มันไม่เหมาะที่ตัวเองจะขึ้นไปร่ายรำให้คนดูมากมาย
(เพราะตอนนั้นไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว) ไม่ใช่เพราะอายหรือไม่กล้า
แต่เพราะรู้สึกว่ามันไม่คุ้มและไม่ใช่เป้าหมายของตัวเองในขณะนั้น
แค่รำในห้องในวิชาเรียน ในที่ของตนที่มีแต่ผู้หญิง
อาจารย์ผู้สอนชื่นชมพอใจก็เพียงพอแล้วสำหรับตอนนั้น
(คือมีความสุขและพอใจแล้ว) และบุพการีก็ไม่สนับสนุนมากนักในเรื่องนี้...

ส่วนเรื่องเครืื่องดนตรี แม้เราจะเล่นอยู่ในห้อง แต่เสียงของมันดังออกไปไกล
พ่อมักย้ำเสมอว่า ให้ดูกาลเทศะด้วยถ้าจะเล่นมัน...
โดยเฉพาะเวลาละหมาด ถึงเราจะทำแล้วหรือไม่
แต่คนอื่นเขาอาจกำลังทำอิบาดะฮฺ เราจะไปรบกวนเขามั้ย
ให้เกรงใจเขาน่ะค่ะ ใกล้เวลาละหมาดก็ให้เราเลิกน่ะค่ะ...

เลยมีหลายครั้งที่ไปนั่งเล่นกับน้องๆที่ทุ่งกว้าง ไม่ค่อยมีผู้คน
เราเลยหยิบมันขึ้นมาเล่นกัน...

เคยถามผู้ใหญ่และผู้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านเหล่านั้นก็บอกว่า
ไม่มีหลักฐานจากอัลกุรอานห้ามไว้
และบอกว่ามันไม่ก่อประโยชน์อันใดนอกจากความเพลิดเพลิน
ซึ่งมันจะเป็นโทษหากเราทำมันจนหลงลืมอัลลอฮฺ...
และถ้าหากจะเล่นก็ให้ดูกาลเทศะด้วย อะไรทำนองนี้ค่ะ...


ตั้งแต่มาอยู่ต่างแดน ก็ไม่สามารถเล่นได้ เพราะว่าที่ที่อยู่ ณ ปัจจุบัน
มีกฎห้ามทำเสียงรบกวนห้องข้างๆน่ะค่ะ หากจะเล่นดนตรีก็ต้องเล่น
ในห้องเก็บเสียงโดยเฉพาะหรือในสถานที่ที่เขาจัดไว้ให้เท่านั้น
คือไม่รบกวนห้องข้างๆ หรือบ้านใกล้เรือนเคียง...
เมื่อไม่มีโอกาส เลยเลิกร้างไป ซึ่งก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนใจแต่อย่างใดเลยค่ะ...

ส่วนเรื่องนาฏศิลป์ก็มีหลายครั้งที่ทางมหาลัยต้องการให้โชว์การแสดง
แบบไทยหรือวัฒนธรรมไทยในฐานะที่เป็นนักเรียนไทยในต่างแดน...
เช่น การร่่ายรำ ดนตรีไทย การแกะสลัก ศิลปะมวยไทย ฯลฯ
แต่เรานั้นเลือกที่จะโชว์การทำอาหารไทย ขนมไทยแทน...

ปัจจุบันนั้น โดยส่วนตัวคิดว่า ทุกอย่่างอยู่ที่เจตนาค่ะ ว่่าเราทำไปเพื่ออะไร...
และเราต้องการอะไรจากมัน...

ถึงแม้เราจะมีความสามารถแต่ก็ไม่ได้หมายความว่่า เราต้องออกไปโชว์
ในทุกๆความสามารถที่มี ถึงแม้เราจะถนัด แต่เราสามารถเปลี่ยนความถนัด
ที่มีนั้นให้มันถูกที่ถูกเวลาได้...

บอกตามตรงเลยว่่าชอบเสียงดนตรีและชอบดูการแสดง ชอบงานศิลป์...
แต่ก็ไม่ได้ถึงกับลุ่มหลงมัวเมานะคะ...ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย
ไม่ใช่เพราะว่ามันดันตรงกับนัฟซูของตัวเองแต่อย่่างไร
แต่เพราะรู้สึกว่า เครื่องดนตรีมันไม่ได้ผิด แต่ถ้าหากจะผิดก็ผิดที่เรา...
ที่ควบคุมตัวเราเองไม่ได้ต่างหาก...

เลยคิดคล้ายกับ จขกท.ว่า...
 
  ดนตรีและระบำไม่ได้นำสิ่งใดเข้าไปในจิตใจเลย
มันเพียงแต่กระพือเปลวไฟแห่งอารมณ์ที่สงบนิ่ง


(แต่นัฟซู ที่ดีและไม่ดีนั้น อยู่ในตัวของมนุษย์ ไม่สามาถรขจัดออกไปได้
เพียงแต่ควบคุมมันเท่านั้น)


ถ้าจะโทษอะไรสักอย่างก็จงโทษตัวเรา หัวใจเราเถอะค่ะ หากว่ามันไม่รักดี...
อะไรๆก็เป็นใจให้มันไม่รักดีได้ค่ะ... ;D


ตอบไปตามความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัว ไม่ได้อยู่ในเชิงวิชาการ
และไร้ซึ่งหลักฐานมาอ้างอิงด้วยความรู้ด้านศาสนามีไม่มากนัก...

ผิดพลาดยังไง ชี้แนะด้วยนะคะ

วัสลามค่ะ


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 31, 2010, 07:07 PM »
0
จอบผูกโบว์สีม่วง ออกโรง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: คิดยังไงครับระหว่าง ดนตรีกับศาสนา
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ม.ค. 31, 2010, 07:30 PM »
0
^
^

สีชมพู...  fouet:

เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่มานะคะว่า
หากเราเป่าขลุ่ยหรือพวกเครื่องเป่าทั้งหลายนั้น
(เพราะมือทั้งสองของเราก็สามารถเป่าเป็นเสียงได้)
จะเรียกให้อสรพิษ(งู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ)ออกมาจากที่ของมัน

ซึ่งมันก็แปลกจริงๆนะคะ เพราะว่่า มันออกมาจริงๆด้วย
หากว่าที่นั้นๆมีมันอาศัยอยู่... แต่ก็คงยืนยันไม่ได้ เพราะว่าไม่ใช่ทุกกรณี
แต่เคยเจอมากับตัว ตะขาบกับงูออกมาหาเลยค่ะ...แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนั้น
ยิ่งหากเป็นช่วงน้ำหลากและในยามวิกาล
คนเฒ่าคนแก่เตือนประจำว่าอย่าเป่่า... hehe

เลยรู้สึกว่า สิ่งที่คนแต่แรก(คนเฒ่าคนแก่)สั่งห้าม บางเรื่องก็เพื่อเป็นผลดีกับเรา
ซึ่งเกิดจากการสังเกต ซึ่งพอถามหาเหตุผล ท่านก็อธิบายให้เราไม่ได้...

เลยคิดตามสุภาษิตไทยนะคะว่า...

"ตามหลังผู้ใหญ่ งูไม่กัด..." hehe


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged