بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ آلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ ،،، وَبعْدُ ؛
การทานซะโฮรนั้น เป็นเพียงสุนัตของการถือศีลอด ไม่ใช่เงื่อนไขหรือองค์ประกอบของการถือศีลอด ดังนั้นถ้าหากตื่นมาทานซะโฮรไม่ทัน ก็จำเป็น (วายิบ) ต้องถือศีลอดเดือนร่อมะฎอน
ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
تَسَحَّرُوا فَإِنَّ فِي السُّحُورِ بَرَكَةً
“พวกท่านจงท่านซะโฮร เพราะในซะโฮรนั้นมีความสิริมงคล” รายงานโดยอัลบุคอรีย์, ฮะดีษเลขที่ 1923 และมุสลิม, ฮะดีษเลขที่ 1095.
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ อธิบายว่า
فِيهِ : الْحَثّ عَلَى السَّحُور ، وَأَجْمَعَ الْعُلَمَاء عَلَى اِسْتِحْبَابه ، وَأَنَّهُ لَيْسَ بِوَاجِبٍ
“ในฮะดีษนี้ ส่งเสริมให้ทานซะโฮร และปวงปราชญ์ได้ลงมติว่า การทานซะโฮรเป็นสิ่งที่ถูกส่งเสริมให้กระทำ โดยไม่จำเป็น(วาญิบ)แต่การประใด” อันนะวาวีย์, ชัรห์ซอฮิห์มุสลิม เล่ม 4 หน้า 223.
ท่านอัลลามะฮ์ อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์กล่าวว่า “และสุนัตให้ล่าช้าการรับประทานอาหารซะโฮรตราบใดที่ไม่อยู่ในช่วงเวลาที่สงสัยว่าแสงอรุณจะขึ้น เพราะมีหะดิษระบุว่า "ประชาชาติของฉันยังคงอยู่ในความดีงาม ตราบใดที่พวกเขารีบละศีลอดและล้าช้าทานซะโฮร" รายงานโดยอิมามอะห์มัด และการทานซะโฮรนั้นจะทำให้มีกำลังในการทำอิบาดะฮ์ และถือว่าเป็นการทานซะโฮรแล้ว แม้ว่าจะทานอาหารมากหรือน้อยหรือเพียงดื่มน้ำก็ตาม เพราะมีหะดิษซอฮิห์อิบนุฮิบบานระบุว่า "พวกท่านจงทานซะโฮรเถิด ถึงแม้ว่าจะด้วยการดื่มน้ำเพียงครั้งเดียวก็ตาม" และเวลาเข้าซะโฮรนั้นคือหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป. ดู หนังสือมุฆนีอัลมั๊วะหตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 177.
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ