ผู้เขียน หัวข้อ: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม  (อ่าน 30703 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

 หัวข้อนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับดาราศาตร์ทั่วๆไป
ที่ถ้าหากเยาวชนมุสลิมได้ศึกษาบ้างจะทำให้เราหูตากว้างไกล

Almanac (อัล-มา-นัค) เป็นหนังสือที่บรรจุข้อมูลตำแหน่งของวัตถุบนท้องฟ้า

ที่สำคัญๆไว้ สำหรับนักดาราศาสตร์และนักเดินเรือ

Altazimuth (อัล-ตา-ซิ-มุธ) เป็นขาตั้งกล้องดูดาวแบบหนึ่งที่สามารถหมุน

ไปได้ 2 ทิศทางพร้อมกันคือ

แนวราบ (azimuth motion) และแนวดิ่ง (altitude motion)

Altitude (อัล-ติ-จูด) เป็นการวัดมุมสูงของวัตถุบนท้องฟ้า เริ่มจากระดับสายตา

ของผู้สังเกต (Horizontal) 0 องศา สูงขึ้นไปจนถึงจุดเหนือศีรษะ (Zenith)

ค่า 90 องศา ถ้าวัตถุอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาจะมีค่าเป็นลบ มุมสุงสุดจึงมีค่า 90 องศา

เท่านั้น ดูคำว่า Azimuth

Analemma (แอนนาเลมม่า) เป็นปรากฏการณ์รูปเลข 8 ของตำแหน่งดวงอาทิตย์

บนท้องฟ้า ของแต่ละวัน ในเวลาเดียวกัน ในรอบ 1 ปี

เนื่องจากในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน ดวงอาทิตย์จะมีการเปลี่ยนตำแหน่งไม่คงที่บนท้องฟ้า เมื่อเรานำตำแหน่ง ของดวงอาทิตย์แต่ละวันมา plot ต่อๆ กัน จะพบว่ามีลูปที่มาบรรจบกันและเป็นรูปเลข 8 โดยที่ความสูงของเลข 8 เกิดจากแกนเอียงของโลก 23.5 องศา จุดสูงสุดตรงกับ summer solstice และจุดต่ำสุดตรงกับ winter solstice ส่วนความกว้างของเลข 8 เกิดจากค่า eccentricity ของวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ นั่นเอง

Angular Diameter (แอง-กู-ล่า-ได-มิ-เตอร์) เป็นการวัดระยะของวัตถุท้องฟ้าในรูปแบบความกว้างเชิงมุม มีหน่วยเป็นองศา หน่วยย่อยคือ arc minute , arc second ถ้าเราทราบระยะห่างระหว่างผู้สังเกตกับวัตถุท้องฟ้า ก็สามารถคำนวนหาความกว้างจริงของวัตถุท้องฟ้านั้นได้ด้วยหลักตรีโกณมิติ

Anomaly (อะ-โน-มา-รี่) เป็นการวัดเชิงมุมในการบอกตำแหน่งของวัตถุบนวงโคจรที่เป็นวงรี

Apparent magnitude (แอบ-พา-เรนท์- แมค-นิ-จูด) เป็นค่าความสว่างของวัตถุบนท้องฟ้าที่เห็นได้จากโลก เรียกว่า ความสว่างปรากฏ ใช้สัญญาลักษณ์ m (ตัวเล็ก) ซึ่งแตกต่างจาก ความสว่างสัมบูรณ์ เพราะวัตถุท้องฟ้าแต่ละชนิดจะมีระยะห่างจากโลกไม่เท่ากัน

Aperture(แอบ-เพอ-เจอร์) คือขนาดช่องรับแสงของกล้องโทรทรรศน์ ที่บอกด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเลนซ์วัตถุ หรือ กระจก primary


Apsides (แอบ-ไซด์) คือจุดสองจุดบนวงโคจรที่แทนด้วยตำแหน่งใกล้สุด เรียกว่า periapis ตำแหน่งไกลสุดเรียกว่า apapsis ของวัตถุพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่น apsides ของโลกคือตำแหน่ง perihelion และ aphelion เส้นที่เชื่อมระหว่างจุดสองจุดนี้เรียกว่า Line of Apsides

Apex (เอ-แพท) เป็นจุดบนทรงกลมท้องฟ้าทิศทางที่ดวงอาทิตย์และระบบสุริยะเคลื่อนที่เข้าไปหาด้วยความเร็วประมาณ 19-20 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งเราเรียกว่า solar apex อยู่ในกลุ่มดาวเฮอร์คิวลิสตำแหน่ง RA18h Dec+30d ส่วนจุดตรงข้ามเรียกว่า antapex อยู่ในกลุ่มดาวนกพิราบ (Columba)

Aphelion (แอะ-เฟล-เยน) ตำแหน่งไกลสุดบนวงโคจรของวัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิยต์เช่น ดาวหาง หรือ ดาวเคราะห์ ตรงข้ามกับคำว่า perihelion

Apogee (อะ-โพ-จี่) ตำแหน่งไกลที่สุดบนวงโคจรของวัตถุ เช่น ดวงจันทร์ หรือดาวเทียม ที่โคจรเป็นวงรีรอบโลก ส่วนคำคู่กันคือ perigee คือตำแหน่งใกล้โลกที่สุด

Arc Minutes (อาค-มิ-นิด) เป็นการวัดระยะเชิงมุมของวัตถุท้องฟ้า มักจะใช้ในการบอกขนาดของวัตถุนั้นๆ โดยที่ 1 arc minute มีค่าเท่ากับ 1/60 องศา ซึ่งก็คือหน่วยย่อยขององศา ที่เรียกว่า ?ลิปดา?

Arc Seconds (อาค-เซค-คอน) เช่นเดียวกับ arc minutes โดยที่ 1 arc second มีค่าเท่ากับ 1/60 arc minute หรือ 1/3600 องศา ซึ่งก็คือหน่วยย่อยขององศา ที่เรียกว่า ?ฟิลิปดา?

Artificial Satellite (อา-ติ-ฟิ-เชียน-แซท-เทอะ-ไลท์) หรือ ดาวเทียม เป็นวัตถุที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นนำไปโคจรรอบโลก เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านวิทยาศาสตร์ คมนาคม และทางทหาร ดาวเทียมดวงแรกชื่อ สปุคนิค 1 ของรัสเซียส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 4 ตุลาคม 1957

Ascending Node (แอส-เซน-ดิ้ง-โหนด) จุดตัดของวงโคจร 2 วง ตำแหน่งที่วัตถุเคลื่อนที่จากใต้ขึ้นเหนือ ดูคำว่า Node

Aspect (เอส-เพค) ตำแหน่งของดาวเคราะห์หรือดวงจันทร์ที่สัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ เมื่อมองเห็นจากโลก ดูคำว่า Conjunction Elongation Opposition Quandrature

Atmosheric refraction (แอท-มอส-เฟอ-ริค- ีรี-แฟ็ลค-ชั่น) ปรากฏการณ์ที่เห็นวัตถุท้องฟ้าอยู่สูงกว่าความเป็นเจริง เกิดขึ้นจากความหนาของชั้นบรรกากาศจะทำให้แสงเกิดการหักเหเมื่อผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน (สูญญากาศกับชั้นบรรยากาศ) ทำให้เราเห็นดวงอาทิตย์ ด้านทิศตะวันออกก่อนอาทิตย์ขึ้นจริง และยังเห็นดวงอาทิตย์อยู่หลังจากตกลับขอบฟ้าไปแล้ว นอกจากนี้จะทำให้ขนาดของดวงอาทิตย์ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วย

Astrolabe (แอส-โตร-เลป) เป็นเครื่องดาราศาสตร์ในยุคแรกๆ ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณจนถึงศตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ในการเดินเรือ วัดเวลา และการคำนวนการเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้า

astrolabe เป็นเครื่องมือง่ายๆที่ใช้บอกมุมสูง และมุมราบของวัตถุท้องฟ้า

Astrophysics (แอส-โตร-ฟิ-สิกส์) เป็นวิชาว่าด้วยการศึกษาคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของวัตถุท้องฟ้า เช่น การแผ่รังสี สนามแม่เหล็ก และความร้อน

Astronomical unit (AU) (แอส-โตร-โน-มิ-คอล-ยู-นิด) หรือ 1 หน่วยดาราศาสตร์ เป็นค่าเฉลี่ยของระยะจากโลกถึงดวงอาทิตย์ มีค่าเท่ากับ 149,597,870 กิโลเมตร มักใช้บอกระยะของวัตถุท้องฟ้าในระบบสุริยะของเรา เช่น ดาวเคราะห์ หรือ ดาวหาง ว่าอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เท่าไหร่ หากเป็นวัตถุที่อยู่นอกระบบสุริยะจะใช้หน่วยเป็น ปีแสง (Light year) หรือ พาเสค (Parsec) แทน

Azimuth (อะ-ซิ-มุธ) เป็นการวัดมุมในแนวราบของวัตถุท้องฟ้า เริ่มที่ทิศเหนือ 0 องศาไปทางทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก และกลับมาที่ทิศเหนืออีกครั้ง 1 รอบมีค่าเท่ากับ 360 องศา

CCD (charge-coupled device) เป็นสารกึ่งตัวนำ (solid-state) ทางอิเลคทรอนิคที่ทำให้เกิดภาพได้ CCD จะประกอบด้วยขั้วไฟฟ้าขนาดสี่เหลี่ยมเล็กเรียงต่อกันเป็นแผงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เมื่อแสงตกกระทบขั้วไฟฟ้าแต่ละขั้วก็จะเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นไฟฟ้า ผ่านขบวนการเพื่อทำให้เกิดเป็นภาพได้ ความละเอียดของภาพขึ้นอยู่กับจำนวนขั้วไฟฟ้านั้นมีหน่วยเป็น พิกเซล กล้องวีดิโอทั่วไปจะมี CCD เป็นส่วนประกอบ แต่ปัจจุบันวงการดาราศาสตร์ใช้ CCD เพื่อการถ่ายภาพแทนฟิล์มซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาการถ่ายภาพนั้นลดลง

Celestial Equator (ซี-เลส-เชียน- อิ-เคว-เตอร์) เป็นแนวของเส้นศูนย์สูตรโลก ที่ขยายไปปรากฏบนทรงกลมท้องฟ้า เรียกว่า เส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า ดังนั้นแนวของเส้นศูนย์สูตรโลก กับ แนวเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า จะเป็นแนวเดียวกัน

Celestial Object (ซี-เลส-เชียน ออปเจ็คท์) ใช้เรียกวัตถุที่อยู่บนทรงกลมท้องฟ้า เช่น ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ ดาวหาง และอื่นๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์

Celestial sphere (ซี-เลส-เชียน-สเฟียร) ทรงกลมสมมุติของท้องฟ้าที่ล้อมรอบโลกเราไว้ โดยมีโลกอยู่ที่จุดศูนย์กลางและมีรัศมีเป็นอนัตต์ หมุนรอบโลกด้วยแกนที่จุดขั้วฟ้าที่เรียกว่า Celestial Pole โดยมีเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า (celestial equator) ขนานไปกับเส้นศูนย์สูตรโลกด้วย

Celestial mechanics (ซี-เลส-เชียน-แมค-คา-นิค) สาขาหนึ่งของวิชาดาราศาสตร์ ที่อธิบายถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุบนท้องฟ้า โดยใช้กฏ ทางฟิสิกส์ อธิบายแนวการโคจรของดาวเคราะห์ ดาวเทียม และอื่นๆ

Coordinates (โค-ออ-ดิ-เนท) หรือระบบพิกัด เป็นระบบที่ใช้สำหรับอ้างอิงตำแหน่งของวัตถุท้องฟ้า ในทางดาราศาสตร์นิยมใช้กันอยู่สองแบบคือ

1.ระบบขอบฟ้า (The Horizontal system) หรือ บางทีเรียกว่าระบบอัลติจูดและอะซิมุท (Altitude and Azimuth system)

อัลติจูด (Altitude) หรือ มุมเงย เป็นมุมที่วัดจากเส้นขอบฟ้า คือ 0 องศา ขี้นไปจนถึงจุดเหนือศีรษะ Zenith คือ 90 องศา

อะซิมุท (Azimuth) เป็นทิศทางตามแนวเส้นขอบฟ้า Horizontal Line เริ่มต้นจากทิศเหนือ 0 องศา ไปตามแนวทิศ ตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก กลับมาที่ทิศเหนือ ครบรอบ 360 องศา
การบอกตำแหน่งด้วยวิธีนี้ จะบอกเป็นค่ามุมเงย และ มุมอะซิมุท พร้อมกัน มีหน่วยเป็นองศา และการบอกตำแหน่งระบบนี้ จะใช้ได้กับผู้สังเกตุที่อยู่บนเส้นละติจูดเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน ( ลองจิจูดเดียวกัน) เท่านั้น เช่นขณะนี้ดาวหางอยู่ที่ตำแหน่ง มุมอัลติจูด 45 องศา มุมอะซิมุท 270 องศา เป็นต้น

2. ระบบศูนย์สูตร (Equatorial System) เป็นระบบที่จำลองมาจากการบอกตำแหน่งบนพื้นโลกด้วยเส้น ละติจูด และ ลองจิจูด โดยที่บนท้องฟ้าเราจะบอกตำแหน่งเป็นค่า เดคลิเนชั่น (Declination- Dec) และ ไรท์แอสเซนชั่น (Right Ascension- R.A)

เดคลิเนชั่น (Declination- Dec) เปรียบได้กับละติจูด มีหน่วยเป็นองศา ใช้บอกระยะเชิงมุมของดาวว่าอยู่ห่างจาก เส้นศูนย์สูตรฟ้า ( 0 องศา) ไปทางทิศเหนือ ระหว่าง 0 ถึง +90 องศา หรือ ไปทางทิศใต้ ระหว่าง 0 ถึง ?90 องศา เป็นมุมเท่าใด

ไรท์แอสเซนชั่น (Right Ascension- R.A) เปรียบได้กับ ลองจิจูด ที่บอกหน่วยเป็น เวลา ชั่วโมง:นาที:วินาที โดยที่ 360 องศามีค่าเท่ากับ 24 ชั่วโมง หรือ 15 องศา มีค่าเท่ากับ 1 ชั่วโมง ในทำนองเดียวกันกับเส้นลองจิจูด จุดเริ่มต้น 0 องศาหรือ 0 ชั่วโมง อยู่ที่เมืองกรีนิช ในประเทศอังกฤษ สำหรับ R.A ค่า 0 องศาหรือ 0 ชั่วโมงจะเริ่มที่จุดอ้างอิง

Vernal Equinox (เวอร์นัล อิควินอค) คือจุดที่แนวเส้นEcliptic ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า พอดี ในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่กลางวันกับกลางคืนยาวเท่ากัน ตรงตำแหน่งกลุ่มดาวปลา

(PISCES) แล้วนับไปทางขวามือ (Right) เป็นชั่วโมง นาที วินาที หรือถ้าเราหันหน้า เข้าหาทิศเหนือให้นับไปทางทิศตะวันออก แต่เนื่องจากกลุ่มดาวปลา ไม่ค่อยสว่างบนท้องฟ้าจึงสังเกตลำบาก เราอาจจะให้กลุ่มดาวค้างคาวหาตำแหน่งที่ RA เท่ากับศูนย์ได้เช่นกัน

corona (โคโรน่า) คือบรรยากาศชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ มีความหนาแน่นต่ำแต่มีอุณหภูมิสูงมาก ราว 1 ล้านเคลวิน (Kelvin) และแผ่ขยายกว้างไป ในอวกาศได้ไกลเป็นล้านๆ กิโลเมตร เราสามารถเห็นบรรยากาศชั้นโคโรน่าได้ ตอนเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 10, 2007, 02:47 AM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 09, 2007, 01:40 AM »
0
ญาซากัลลอฮ จขกท. ครับ

แวะมาอ่านครับ

 :)

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 12, 2007, 06:58 PM »
0
คุณ มุฮิบ ครับ  นำเสนอต่อครับ  ผมจะได้ศึกษาไปด้วยน่ะครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 14, 2007, 06:49 PM »
0
จะคอยอ่านศึกษาเพิ่มเติมเช่นครับ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 15, 2007, 04:28 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุมทุกท่าน
ช่วงนี้ผมลงมาเยี่ยมญาติและพรรคพวกที่นครศรีฯจะอยู่นครฯประมาณ 10 วันครับ

กลับขึ้นที่ทำงานก็จะลงเรื่องดาราศาสตร์ที่น่าสนใจต่อไป

อิกเราะ จงอ่าน ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างมนุษย์จากก้อนเลือด
พระองค์ผู้ทรงสอนเราให้รู้ให้ศึกษาค้นคว้า

แล้วทำไมเราไม่ฮิจญเราะฮฺจากความโง่เขลาเบาปัญญาไปสู่การเรียนรู้
เราออกจากความมืดไปสู่แสงสว่าง
อัลลอฮุ อักบัร

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 15, 2007, 04:41 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุมทุกท่าน
ช่วงนี้ผมลงมาเยี่ยมญาติและพรรคพวกที่นครศรีฯจะอยู่นครฯประมาณ 10 วันครับ

กลับขึ้นที่ทำงานก็จะลงเรื่องดาราศาสตร์ที่น่าสนใจต่อไป

อิกเราะ จงอ่าน ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างมนุษย์จากก้อนเลือด
พระองค์ผู้ทรงสอนเราให้รู้ให้ศึกษาค้นคว้า

แล้วทำไมเราไม่ฮิจญเราะฮฺจากความโง่เขลาเบาปัญญาไปสู่การเรียนรู้
เราออกจากความมืดไปสู่แสงสว่าง
อัลลอฮุ อักบัร

เด็กปัตตานี ที่เรียนนครศรีฯ ยินดีต้อนรับครับ

 :)

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 16, 2007, 02:45 AM »
0
เห็นด้วยกับคุณ มุฮิบ ครับ  และหากนำเสนอเรื่องดาศาสตร์  หากไม่เป็นการลำบาก  ก็นำภาพมาประกอบด้วย ก็ดีนะครับ  ผมจะได้เข้าใจมากขึ้นนะครับ  แต่หากเป็นการไม่สะดวกก็ไม่ต้องก็ได้นะครับ ว่าง ๆ ผมก็คอยติดตามไปเรื่อยแหละครับ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ม.ค. 17, 2007, 05:11 PM »
0
ผมอยากให้ กระทู้นี้ เป็น กระทู้ส่งเสริม ความรู้ และเรียนรู้เรื่องดาราศาสตร์ เลยนะครับ

ส่วนอีกกระทู้ ที่ผมตั้งไว้เอาเป็นแค่ชี้แจง เรื่องกำหนดดูเดือนพี่น้องเรา ไว้คร่าวๆ พอนะครับ



วัสลาม...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ม.ค. 17, 2007, 06:08 PM »
0
ดีเลยครับ  พี่น้องมุสลิมจะได้มีความรู้มากขึ้นนะครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ม.ค. 19, 2007, 08:29 PM »
0
ผมอยากให้ กระทู้นี้ เป็น กระทู้ส่งเสริม ความรู้ และเรียนรู้เรื่องดาราศาสตร์ เลยนะครับ

ส่วนอีกกระทู้ ที่ผมตั้งไว้เอาเป็นแค่ชี้แจง เรื่องกำหนดดูเดือนพี่น้องเรา ไว้คร่าวๆ พอนะครับ



วัสลาม...

ดีเลยครับน้อง Goddut  บังขอทำการศึกษาดาราศาสตร์ผ่านทางกระทู้นี้เลยนะครับ  จะติดตามน่ะ

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ม.ค. 26, 2007, 01:36 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม ทุกท่าน

ลงไปใต้หลายวันกลับขึ้นมาเมื่อวาน
ผมจะเริ่มลงเรื่องมุสลิมกับการศึกษาดาราศาสตร์ต่อครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ม.ค. 26, 2007, 07:40 PM »
0
วะอะลัยกุมุสลามครับ  คุณ มุฮิบ  ผมจะทำการศึกษาจะเวปนี้  และทำการถามสิ่งที่ผมไม่เข้าใจด้วยนะครับ  หากจะพูดว่าผมขอเป็นลูกศิษย์ในการศึกษาดาราศาสตร์ผ่านทางอินเตอร์เนท  ก็ถือว่าเป็นอย่างนั้นเลยก็ได้นะครับ  บางเวปไซท์ อย่างเช่นเวป  ฟัตตานีย์  ที่ผมเพิ่อเจอนั้น มีการนำเสนอเรื่อง ดาราศาสตร์ แต่ผมไม่สามารถสอบถามสิ่งที่ตนเองเข้าใจได้  ดังนั้น หากนำเสนอในเชิงเสวนาในกระทู้นี้  ก็ถือว่าสามารถเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องคำนวนดาราศาสตร์ทำการสอบถามได้  งั้นผม ขอเป็นศิษย์คนที่หนึ่งของกระทู้นี้เลยน่ะครับ  ใครจะขอเป็นศิษย์คนต่ไป  โปรดเข้ามาแจ้งในกระทู้นี้ด่วน  ;D

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 29, 2007, 06:56 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม ทุกท่าน

ลงไปใต้หลายวันกลับขึ้นมาเมื่อวาน  ผมจะเริ่มลงเรื่องมุสลิมกับการศึกษาดาราศาสตร์ต่อครับ


ชุกร๊อน มากๆ เลยครับ  เราจะติดตามครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ก.พ. 03, 2007, 12:43 AM »
0
อัสลามุอะลัยกุม ทุกท่าน

หลักการดูดาวเบื้องต้น
      1. ดูในคืนข้างแรม หรือคืนเดือนมืด
      2. ปราศจากแสงภาคพื้นรบรวนเช่นแสงไฟฟ้า ต่าง ๆ
      3. ปราศจากเมฆหมอกบดบัง
      4. ดูในที่โล่งแจ้ง ปราศจากสิ่งบดบังสายตาภาคพื้นดิน เช่นต้นไม้ อาคารบ้านเรือน
      5. มองหาความแตกต่าง ของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
ดาวเคราะห์
      1. ไม่มีแสงในตัวเอง แต่ปรากฏเห็นได้เพราะอาศัยแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์
      2. เคลื่อนที่อยู่ในแถบกลุ่มดาวจักรราศีเมื่อเที่ยบกับดาวดวงอื่น
      3. ตำแหน่งขึ้น - ลง ในแต่ละวันไม่คงที่
      4. ความสว่าง ไม่คงที่ เพราะระยะทางระหว่างโลกและดาวเคราะห์ เปลี่ยนตำแหน่ง อยู่ตลอดเวลา
ดาวฤกษ์
      1. มีแสงสว่างในตัวเอง
      2. มีแสงระยิบระยับ
      3. อยู่เป็นกลุ่มไม่เคลื่อนที่ เรียงกันอยู่อย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่ง ดาวแต่ละดวงในกลุ่มจะปรากฏสว่างต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง
      4. ตำแหน่งขึ้น - ลง และแนวทางการขึ้น - ตกไม่เปลี่ยนแปลง
      5. ความสว่างคงที่

การขึ้น - ตกของดวงดาว
      ประเทศไทย ตั้งอยู่ในซีกโลก ภาคเหนือ ประมาณระหว่าง ละติจุดที่ 6 ถึง 20 องศาเหนือ จึงสามารถ มองเห็น กลุ่มดาว ในซีกโลกเหนือ ทั้งหมด และกลุ่มดาวซีกโลกใต้ เห็นเป็นส่วนใหญ่ มีไม่กี่กลุ่มที่ สามารถ มองเห็นได้ เราสามารถ ศึกษา และสังเกตการณ์ เกี่ยวกับการขึ้น และตกของดวงดาว ได้ตั้งแต่ แสงสนธยา ได้หายไป จากของฟ้า หลังจาก ดาวอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไปแล้ว 18 องศา หรือประมาณ 50 นาที จนระทั่งแสงเงินแสงทอง เริ่มจับขอบฟ้า ทางทิศตะวันออก ดาวเคราะห์ เพื่อนบ้านของเราเช่น ดาวพุธ และดาวศุกร์ เป็นดาวเคราะห์วงใน มีวงโคจรน้อยกว่า โลกของเรา ดาวพุธจะเห็นทางทิศตะวันออก ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น หรือทางทิศตะวันตก หลังจาก ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ห่างจากดวงอาทิตย์ ไม่เกิน 28 องศา และจะเห็นได้นานประมาณ 1 ชั่งโมงครึ่ง ดาวศุกร์ จะเห็น ปรากฏก่อนดวงอาทิตย์ ขึ้นทางทิศตะวันออก คนไทยเรียก ดาวรุ่งหรือ ดาวประกายพฤกษ์ ถ้าเห็นห่างจาก ดวงอาทิตย์ไม่เกิน 47 องศา เห็นนานประมาณ 3 ชั่วโมง

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ก.พ. 03, 2007, 12:51 AM »
0
ซีกฟ้าเหนือ
      กลุ่มดาวจักรราศี หมายถึง กลุ่มดาวฤกษ์จำนวน 12 กลุ่ม ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ ออกไปซึ่งเมื่อมองผ่านจากโลกในระยะเวลาต่าง ๆ กัน ตลอดปีจะเห็นกลุ่มดาวเหล่านี้ ปรากฏอยู่ทางเบื้องหลังแตกต่างกันไปตาม ช่วงเวลาของเดือน ด้วยปรากฏการเช่นนี้ มนุษย์จึงได้แบ่งกลุ่มดาวฤกษ์ที่อยู่มาแนวทางเดิน ของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่า เส้นสุริยะวิถี ออกเป็น 12 กลุ่ม แต่ละกลุ่ม อยู่ห่างกันช่วงละ 30 องศา เรียกว่า 1 ราศี อยู่ในท้องฟ้าซีกเหนือ 6 กลุ่ม ท้องฟ้าซีกใต้ 6 กลุ่ม

 

GoogleTagged