ผู้เขียน หัวข้อ: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม  (อ่าน 30561 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ก.พ. 03, 2007, 08:54 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม
ผมมีภาพจะนำมาลงทำอย่างไรครับ

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ก.พ. 03, 2007, 09:11 PM »
0
1. กลุ่มดาวปลา ( PISCES )
 
      ประจำเดือนมีนาคม เกี่ยวข้องกันราศีมีน กลุ่มดาวปลา มีรูปลักษ์คล้ายปลาสองตัว ตัวหนึ่งอยู่ถัดจากรูปสี่เหลี่ยมในกลุ่มดาวม้าปีก ไปทางใต้อีกตัวหนึ่งอยู่ถัดไปทางทิศตะวันออก ปลาทั้งคุ่ มีสายเชื่อมโยงต่อกันถึงได้ ประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณ 15 ดวง ดวงอาทิตย์ จะปรากฏผ่านในกลุ่มดาวปลา ระหว่างวันที่ 13 มีนาคม - 19 เมษายน ดวงอาทิตย์จะอยู่บนเส้นศูนย์สูตรฟ้าพอดี ในวันที่ 21 มีนาคม จะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นทางทิศตะวันออกพอดี และตกทางทิศตะวันตกพอดี เรียกว่า วัน อิควิคนอกซ์ ( Equinox ) กลางวันยาวกว่ากลางคืน กลุ่มดาวปลาจะปรากฏอยุ่บนท้องฟ้า นาน 9 ชั่วโมง
 

2. กลุ่มดาวแกะ ( ARIES )         ประจำเดือนเมษายน เกี่ยวข้องกับราศีเมษ กลุ่มดาวแกะ อยู่ถัดจากกลุ่มดาวปลาไปทางทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์จะานกลุ่มดาวแกะระหว่างวันที่ 19 เมษายน - 14 พฤษภาคม ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 4 ดวง เป็นอย่างน้อย โดย 3 ดวงแรก เป็นหัวและดวงสุดท้ายเป็นบริเวณสะโพกแกะ กลุ่มดาวแกะจะขึ้นทางจุดทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือประมาณ 22.5 องศา และจะปรากฏบนฟ้านานวันละประมาณ 12 ชั่วโมง
 
3. กลุ่มดาววัว ( TAURUS )  
      ประจำเดือนพฤษภาคม เกี่ยวข้องกับราศีพฤษภ กลุ่มดาววัวจะปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือ สังเกตง่าย เพราะปรากฏอยู่เหนือศรีษะ ในท้องฟ้าประเทศไทย ประกอบด้วยดาวฤกษ์ ประมาณ 9 ดวง ดาวที่เรียงกันเป็นรูปตัว วี ( V ) คนไทยเรียกดาวไม้ค้ำเกวียน หรือดาวธง กระจุกดาวลูกไก่ เป็นส่วนหนึ่ง ของราศีพฤษภ ด้วย ดวงอาทิตย์จะปรากฏ ผ่านกลุ่มดาววัวระหว่าง วันที่ 14 พฤษภาคม - 21 มิถุนายน ดาวฤกษ์ที่ส่องสว่างที่สุดในกลุ่มชื่อ ดาวอัลดิบาแรน เป็นดาวฤกษ์สีส้ม เป็นส่วนของตาวัว คนไทยเรียก ดาวโรหิณี มีความหมายว่า ผุ้ติดตาม เพราะเป็นดาวที่ตามหลังดาวลูกไก่ ดาวที่เรียงกัน เป็นรูปหน้าวัว แต่ไม่รวมตาวัว เรียกว่า กระจุกดาวไฮแอดส์ เป็นกระจุกดาวเปิด
 
4. กลุ่มดาวคนคู่ ( GEMINI )
 
      ประจำเดือนมิถุนายน เกี่ยวข้องกับราศีมิถุน กลุ่มดาวคนคุ่ อยู่ถัดจากดาววัว ไปทางทิศตะวันออก ประกอบด้วย ดาวฤกษ์อย่างน้อย 8 ดวง เรียงเป็นรูปคนคู่ หรือฝาแฝด ดาวที่สว่าง ที่สุดในกลุ่มชื่อ พอลลักษ์ และคาสเตอร์ เป็นดาวแฝดหก ดวงอาทิตย์ จะปรากฏผ่านในกลุ่มนี้ระหว่าง วันที่ 21 มิถุนายน ถึงวันที่ 21 กรกฏาคม ในวันที่ 21 มิถุนายน จะเป็นวันที่กลางวันยาวที่สุด เป็นดาวเห็นชัดเจนตลอดคืน ในฤดูหนาว โดยเฉพาะ เดือน มกราคมจะเห็นตลอดคืน คนไทยจิตนาการกลุ่มดาวกลุ่มนี้คล้ายโลงเก็บศพ จึงเรียกดาวโลง
 
5. กลุ่มดาวปู ( CANCER )  
      ประจำเดือนกรกฏาคม เกี่ยวข้องกับราศีกรกฏ กลุ่มดาวปู เป็นกลุ่มดาวที่อยู่ถัดจากกลุ่มดาวคนคุ่ ไปทางทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์ จะปรากฏผ่านระหว่าง วันที่ 21 กรกฏาคม - 11 สิงหาคม ประกอบด้วย ดาวฤกษ์ ประมาณ 5 ดวง ไม่มีดาวฤกษ์ดวงใดสว่างชัดเจน สามารถมองเห็นได้ในต้นเดือน กุมภาพันธ์ตลอดคืน ในกลุ่มดาวปูนี้ จะมีฝ้าขาว ๆ อยู่เรียกว่า กระจุกดาวรังผึ้ง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในคืนเดือนมืด คนไทยเรียกกระจุกดาวปุยฝ้าย เป็นกระจุกดาวเปิดประกอบด้วยดาวฤกษ์ เกือบร้อยดวง
 
6. กลุ่มดาวสิงห์โต ( LEO )  
      ประจำเดือนสิงหาคม เกี่ยวข้องกับราศีสิงห์ กลุ่มดาวสิงห์โต ประกอบด้วยดาวฤกษ์ อย่างน้อย 9 ดวง ดาวที่สว่างที่สุด ชื่อดาว เรกิวรูส หรือ หัวใจสิงห์ เป็นดาวฤกษ์ สีน้ำเงินขาว ตรงหางสิงห์เป็นรุปสามเหลี่ยมมีดาวสว่าง ตรงหางสิงห์ ชื่อ ดีเนปบอรา หรือกลุ่มดาวหางสิงห์ กลุ่มดาวตรงหัวสิงห์โต คนไทยเรียก ดาวเคียวเกี่ยวข้าว ดวงอาทิตย์จะปรากฏผ่าน กลุ่มดาวสิงห์โต ระหว่าง วันที่ 11 สิงหาคม - 17 กันยายน กลุ่มดาวสิงห์โต จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือ เล็กน้อย หางสิงห์โตชี้ไปยัง ดวงรวงข้าวทางตะวันออก ทุกคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 3 ดวงจันทร์จะปรากฏเต็มดวง บริเวณ หัวใจสิงห์โต ทุกปีจึงเรียกว่า หมุ่ดาวนักษัตร หรือ นักขัตฤกษ์ ที่เรียกว่า มาฆฤกษ์

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ก.พ. 05, 2007, 09:29 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุ้ม ครับ

กระทู้นี้  ก็เป็นกระทู้ในดวงใจผมเหมือนกัน  เข้ามาก๊อบ นะครับ  และหากว่ามีรูปภาพมาประกอบด้วย  ก็สามารถสร้างความเข้าใจได้อีกเยอะสำหรับคนอื่น ๆ หากมีอะไรไม่เข้าใจ  ผมจะถามคุณล่ะกันนะครับ

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ก.พ. 09, 2007, 04:08 AM »
0

ทดลอง1

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ก.พ. 09, 2007, 04:12 AM »
0
ท้องฟ้าซีกใต้

7. กลุ่มดาวหญิงสาวพรหมจารี ( VIRGO )                กลุ่มดาวประจำเดือนกันยายน เกี่ยวข้องกับราศีกันย์ กลุ่มดาวหญิงสาวพรหมจารี ประกอบด้วยประมาณ 11 ดวง เรียงเป็นรูป หญิงสาว มีดาวฤกษ์สว่าง 6 ดวง เรียงเป็นรูปตัวอักษร Y ในภาษาอังกฤษ เป็นส่วนของหน้าอก และศรีษะดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุด ชื่อดาวสไปกา แปลว่า ข้าวสาลี ที่หญิงสาวถือไว้ในมือซ้ายคนไทยเรียก ดาวรวงข้าว เป็นดาวฤกษ์ สีขาว มีอันดับความสว่าง 0.97 เห็นสว่างสุกใสในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวคนไทย เรียก แม่โภสพ สากลเรียก เทพีแห่งการเกษตร ดวงอาทิตย์ปรากฏผ่าน ระหว่างวันที่ 17 กันยายน - 1พฤศจิกายน ขึ้นปรากฏให้เห็นในเดือน มิถุนายนชัดเจน จะขึ้นทางทิศตะวันออกพอดี และตกทางทิศตะวันตกพอดี เป็นกลุ่มดาวที่เห็นชัดเจนตอนหัวค่ำ จะอยู่ กลางฟ้าต่ำจากจุดเหนือศรีษะ ไปทางใต้ประมาณ 30 องศา เป็นกลุ่มดาวที่ดวงอาทิตย์ผ่านใช้เวลานาน ที่ สุด นาน 46 วัน เมื่อถึงวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 5 ดวงจันทร์ จะปรากฏ สว่างเต็มดวงตรงดาวรวงข้าวพอดี จึงเรียกว่า เป็นหมู่ดาวนักขัตฤกษ์ ที่มีชื่อว่าจิตรฤกษ์
________________________________________
8. กลุ่มดาวคันชั่ง ( LIBRA )
                 ประจำเดือนตุลาคม เกี่ยวข้องกับราศีตุล กลุ่มดาวคันชั่ง เป็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเป็นสิ่งของเพียงกลุ่มเดียวบนท้องฟ้า จะขึ้นทางจุด ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทางใต้ 25 องศา เมื่อขึ้นไปสูงสุด จะอยู่ทาง ทิศใต้เป็นมุมเงย 60 องศา อยู่ถัดหัวแมงป่อง ไปทางทิศตะวันตก ประกอบ ด้วยดาวริบหรี่ อย่างน้อย 6 ดวง เรียงกันคล้ายรูปว่าวปักเป้า มีหางงอ ดวงอาทิตย์จะผ่านกลุ่มดาวคันชั่ง ในเดือนตุลาคม ระหว่างวันที่ 1 - 21 พฤศจิกายน มองเห็นไม่ชัดเจนบนท้องฟ้า เห็นนานตลอดคืนในเดือน พฤษภาคม
________________________________________
9. กลุ่มดาวแมงป่อง ( SCOPIUS )
                 ประจำเดือนพฤศจิกายน เกี่ยวข้องกับราศีพฤศจิก กลุ่มดาวแมงป่อง เป็นกลุ่มดาวที่มีดาวฤกษ์เรียงตัวเห็นปรากฏเป็นรูป แมงป่อง ชัดเจนมาก ปรากฏอยู่ทางตะวันตกของกลุ่มดาวคนยิงธนู มีชื่อ เป็นภาษาลาตินว่า Scopius ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษ ว่า Scopion แปลว่า แมงป่องเป็นกลุ่มดาวซึ่งขึ้นปรากฏทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยเอาหัวขึ้น ก่อนเมื่อขึ้นสูงสุด จะอยู่ทางทิศใต้คือกลางตัวแมงป่อง อยู่สูงเป็นมุมเงย 45 องศา และตกทาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และเอาหัวและข้างลงก่อน ดวงอาทิตย์จะผ่านกลุ่ม ดาวแมงป่องระหว่างวันที่ 23 - 30 พฤศจิกายน กลุ่มดาวแมงป่องจะประกอบ ด้วย ดาวฤกษ์ที่เรียงตัวกันอย่างน้อย 15 ดวง สามดวงแรก เป็นส่วนหัว ถัดไปอีก 4 ดวงเป็นลำตัว และที่เหลือเป็นส่วนหาง สำหรับประเทศไทยจะเห็นกลุ่มดาวแมงป่องชัดเจนเพราะปรากฏ อยู่เหนือ ขอบฟ้านานเกือบ 8 ชั่วโมงดาวแต่ละดวงในกลุ่มจะมีสีและปรากฏสว่าง ไม่เท่ากันดาวดวงที่สว่าง ที่สุด ชื่อ แอนทาเรส แปลว่า คู่แข่งของดาวอังคาร มีสีแดง เป็นดาวแปลแสง แฝดคู่ขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 700 เท่าของดวงอาทิตย์ คนไทยเรียกดาวฤกษ์สีแดงดวงนี้ว่า ดาวปาริชาต อันดับความสว่าง 0.9
________________________________________
10. กลุ่มดาวคนยิงธนู ( SAGITTARIUS )
                ประจำเดือนธันวาคม เกี่ยวข้องกับราศีธนู กลุ่มดาวคนยิงธนู ประกอบด้วยดาวฤกษ์ เรียงตัวอย่างน้อย 8 ดวง เรียงอยู่คล้ายกาต้มน้ำ ไม่มี ดาวดวงใดเด่นชัดเจน เมื่อขึ้นไปสูงสุดจะอยู่เหนือขอบฟ้า เป็นมุมเงย 45 องศา คนไทยจินตนาการ เหมือนกาต้มน้ำ สากลเรียก กลุ่มดาวคนยิงธนู ดวงอาทิตย์จะผ่านกลุ่มดาวคนยิงธนูระหว่าง วันที่ 19 ธันวาคม - 21 มกราคม กลุ่มดาวนี้ จะอยู่ตรงใจกลาง กาแล็กซี่ทางช้างเผือก
________________________________________
11. กลุ่มดาวมังกร ( CAPRICORNUS )                 ประจำเดือนมกราคม เกี่ยวข้องกับราศีมังกร กลุ่มดาวแพะทะเล ประกอบด้วยดาวฤกษ์เรียงตัวกันอย่างน้อย 9 ดวง เป็นรูปสามเหลี่ยมด้าน โค้ง มองเห็นไม่ชัดเจนนักเวลาขึ้นปรากฏจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงไป ทางใต้ 20 องศา เมื่อขึ้นไปสูงสุดจะอยุ่ทางขอบฟ้า ทิศใต้เป็นมูมเงย 55 องศา ดวงอาทิตย์จะผ่านกลุ่มดาวมังกร ระหว่างวันที่ 21 มกราคม - 16 กุมภาพันธ์ กลุ่มดาวมังกร จะปรากฏอยู่เหนือขอบฟ้านานประมาณ 10 ชั่วโมง
________________________________________
12. กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ ( AQUARIUS )                ประจำเดือนกุมภาพันธ์ เกี่ยวข้องกับราศีกุมภ์ กลุ่มดาวคนแบก หม้อน้ำ ประกอบด้วยดาวฤกษ์แสงริบหรี่อย่างน้อย 13 ดวง มองเห็นไม ่ชัดเจน ดวงอาทิตย์จะปรากฏผ่านกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ ระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม เวลาขึ้นปรากฏจะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไป ทางใต้ ประมาณ 60 องศา และปรากฏ อยู่บนฟ้านานประมาณ 10 ชั่วโมง ในสมัยอียิปโบราณเห็นดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวนี้ทางทิศตะวัน ออกซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ หน้าฝน จึงเห็นเสมือนหนึ่งว่ามีคนแบกหม้อน้ำ มาแทนจึงให้ชื่อกลุ่มดาวนี้ว่า คนแบกหม้อน้ำ

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ก.พ. 10, 2007, 04:58 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม
ทดลองส่งครับ

ชื่อกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ก.พ. 25, 2007, 08:18 AM »
0
อัสลามุอะลัยกุ้มครับ

ยังไงท่าน มุฮิบ อย่าลืมนำเสนอรูปภาพทั้ง 12 กลุ่มดาวเลยนะครับ  ว่าง ๆ จะเข้ามาติดตาม อินชาอัลเลาะฮ์

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ก.พ. 25, 2007, 05:08 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม

ชื่อและรูปของกลุ่มดาวนั้นมีในทุกชาติ ซึ่งตั้งเอาตามตนเห็นมีกลุ่มดาวมากมายที่มีชื่อเป็นภาษาอรับ
และลาติน อังกฤษ  และชื่อเป็นแบบไทยๆด้วย
อย่างไรก็ตามดาราศาสตร์ไม่ใช่โหราศาสตร์ เราไม่มีความเชื่อใดๆที่ว่าดวงดาวจะมามีอิทธิพลต่อมนุษย์
เพราะเราอยู่ในอำนาจของอัลลอฮฺตะอาลา เพียงพระองค์เดียวเท่านนั้น
ไม่มีผู้ใดจะยื่งใหญ่ไปกว่าพระองค์ อัลลอฮฺคือที่เราอิบาดะฮฺเคารพภักดี และที่เราขอความช่วยเหลือ
เราไม่ขอผ่านนายหน้าใดๆ ไม่ผ่านก้อนหินต้นไม้ เจ้าพ่อจ้าวแม่ ดินหินปูน มาเป็นตัวแทนของพระองค์

กลุ่มดาวปลา หรือ กลุ่มดาวมีน (♓) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำทางทิศตะวันตก กับกลุ่มดาวแกะทางทิศตะวันออก

กลุ่มดาว  (Constellations)
        ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ๆ  กัน  เคลื่อนที่ไปพร้อมๆ  กันเรียกว่ากลุ่มดาว  กลุ่มดาวบนท้องฟ้าแบ่งออกเป็น  88  กลุ่ม  ในแต่ละกลุ่มอาจมองเห็นตามจินตนาการของมนุษย์เป็นรูป  สัตว์  สิ่งของต่างๆ  เช่น  กลุ่มดาวเต่า  กลุ่มดาวจระเข้  กลุ่มดาวหมีใหญ่  กลุ่มดาวแมงป่อง  กลุ่มดาวที่อยู่บริเวณเส้นทางเดินของดวงอาทิตย์  เรียกว่า กลุ่มดาวในจักราศี  (Zodiac)  มี  12  กลุ่มดังนี้
       กลุ่มดาวแกะ  (Aries)                                                                 เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนเมษายน
       กลุ่มดาววัว  (Taurus)                                                               เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนพฤษภาคม
       กลุ่มดาวคนคู่  (Gemini)                                                            เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนมิถุนายน
      กลุ่มดาวปู  (Cancar)                                                                 เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนกรกฎาคม
      กลุ่มดาวสิงโต  (Leo)                                                                  เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนสิงหาคม
      กลุ่มดาวหญิงสาว  (Virgo)                                                          เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนกันยายน
      กลุ่มดาวคันชั่ง  (Libra)                                                               เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนตุลาคม
      กลุ่มดาวแมงป่อง  (Scorpius)                                                    เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนพฤศจิกายน
      กลุ่มดาวคนยิงธนู  (Sagittarius)                                                เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนธันวาคม
      กลุ่มดาวแพะทะเล  (Capricornus)                                            เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนมกราคม
      กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ  (Aquarius)                                          เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนกุมภาพันธ์
      กลุ่มดาวปลา  (Pisces)                                                              เป็นกลุ่มดาวประจำเดือนมีนาคม
 



ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: เม.ย. 12, 2007, 12:19 AM »
0
อัสลามุอะลัยกุม
กลุ่มดาววัว(Taurus)
กลุ่มดาวจักรราศีคือกลุ่มดาวฤกษ์ที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ปรากฎหรือมนุษย์บนโลกเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ผ่านกลุ่มดาวทั้ง 12 กลุ่ม สำหรับกลุ่มดาววัว(Taurus)หรือ กลุ่มดาวราศีพฤษภ เมื่อปรากฏบนท้องฟ้ามีดาวฤกษ์เรียงกันเป็นรูปตัววี(V) กลุ่มดาวทางฟ้าซีกเหนือ กลุ่มดาววัว ซึ่งรวมเอากระจุกดาวลูกไก่ด้วย ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ปรากฏผ่านกลุ่มดาววัวในเดือนพฤษภาคม กลุ่มดาววัวมีดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดสีส้มแดงอยู่ทีในตาขวาของวัวชื่อว่า ดาวอัลดิบะแรน(Aldebaran)หรือดาว โรหิณี คนไทยโบราณยังเคยเรียกกลุ่มดาววัวว่า กลุ่มดาวไม้ค้ำเกวียน ต่อมายังเรียก กลุ่มดาววัว กลุ่มดาว กลุ่มนี้อีกว่า กลุ่มดาวธงกลุ่มดาววัว หรือ กลุ่มดาวพฤษภ (♉) เป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี ปรากฏเด่นชัดในค่ำคืนฤดูหนาว อยู่ระหว่างกลุ่มดาวแกะทางทิศตะวันตก และกลุ่มดาวคนคู่ทางทิศตะวันออก ทางเหนือคือกลุ่มดาวเพอร์ซิอัสและกลุ่มดาวสารถี ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ คือ กลุ่มดาวนายพราน และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ คือ กลุ่มดาวแม่น้ำและกลุ่มดาวซีตัส



ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มิ.ย. 02, 2007, 02:08 AM »
0
อัสลามุอะลัยกุม
ดาวเคราะห์เดือนนี้
1 มิถุนายน 2550 
สมาคมดาราศาสตร์ไทย
ดาวพุธ มีโอกาสมองเห็นได้ในเวลาหัวค่ำบริเวณกลุ่มดาวคนคู่ตลอดช่วงครึ่งแรกของเดือนมิถุนายน วันที่ 2 มิถุนายน ดาวพุธจะทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุดซึ่งทำให้วันแรก ๆ ของเดือน ดาวพุธอยู่ห่างจากขอบฟ้าและเห็นได้ง่ายหากท้องฟ้าเปิด ความสว่างของดาวพุธลดลงเรื่อย ๆ จากโชติมาตร +0.5 ในวันที่ 1 มิถุนายน ไปอยู่ที่โชติมาตร +2.4 ในวันที่ 16 มิถุนายน และหากไม่มีเมฆมากอาจเห็นดวงจันทร์เสี้ยวอยู่ทางขวามือของดาวพุธเป็นระยะเชิงมุมประมาณ 5 องศาในเวลาพลบค่ำของวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน ปลายเดือนนี้ดาวพุธจะผ่านตำแหน่งร่วมทิศแนววงใน (inferior conjunction) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดาวพุธเคลื่อนไปอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ จึงทำให้มองไม่เห็น ดาวพุธจะกลับมาปรากฏบนท้องฟ้าอีกครั้งในเวลาเช้ามืดราวกลางเดือนกรกฎาคม
ดาวศุกร์ (โชติมาตร -4.5) เป็น "ดาวประจำเมือง" มองเห็นได้บนท้องฟ้าทิศตะวันตกตั้งแต่เวลาพลบค่ำไปจนถึงก่อน 4 ทุ่ม ดาวศุกร์ออกจากกลุ่มดาวคนคู่เข้าสู่กลุ่มดาวปูในค่ำวันที่ 3 มิถุนายน ทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุดในวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งจะเห็นดาวศุกร์สว่างครึ่งดวงเมื่อส่องดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ ก่อนจะกลายเป็นเสี้ยวหลังจากนั้น ดาวศุกร์ผ่านใกล้กระจุกดาวรังผึ้งในค่ำวันที่ 13 มิถุนายน แล้วจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้ดาวศุกร์ในวันที่ 18 มิถุนายน ดาวศุกร์ย้ายเข้าสู่กลุ่มดาวสิงโตในวันที่ 25 มิถุนายน จากนั้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนถึงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงเวลาที่ดาวศุกร์อยู่ใกล้ดาวเสาร์ ดาวเคราะห์สองดวงนี้เข้าใกล้กันมากที่สุดในค่ำวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2550 ด้วยระยะเชิงมุม 40 ลิปดา ซึ่งห่างกันมากกว่าขนาดปรากฏของดวงจันทร์เพียงเล็กน้อย
ดาวอังคาร (โชติมาตร +0.8) อยู่ในกลุ่มดาวปลาเกือบตลอดเดือนก่อนจะย้ายเข้าสู่กลุ่มดาวแกะในวันที่ 27 มิถุนายน เดือนนี้ดาวอังคารขึ้นเหนือขอบฟ้าตั้งแต่เวลาประมาณตี 2 ปรากฏบนท้องฟ้ามองเห็นได้ดีในเวลาเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น คนในภาคกลางจะเห็นดาวอังคารอยู่สูงเป็นมุมเงยไม่เกิน 50 องศาในเวลาตี 5 ซึ่งเป็นเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เช้ามืดวันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน ดวงจันทร์เสี้ยวข้างแรมจะอยู่ใกล้ดาวอังคาร ห่างกันประมาณ 5 องศา
ดาวพฤหัสบดี (โชติมาตร -2.6) อยู่ในเขตของกลุ่มดาวคนแบกงูซึ่งติดกับกลุ่มดาวแมงป่อง ต้นเดือนมิถุนายนดาวพฤหัสบดีจะผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ทำให้มันเข้าใกล้โลกและสว่างมากที่สุดในรอบปี 2550 โดยจะสามารถมองเห็นดาวพฤหัสบดีได้ตลอดทั้งคืนนับตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มมืดในเวลาพลบค่ำไปจนถึงเช้ามืดก่อนรุ่งสาง เดือนนี้จะเห็นดวงจันทร์สว่างเกือบเต็มดวงอยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีสองครั้ง คือ ค่ำวันที่ 1 มิถุนายน และ 28 มิถุนายน
ดาวเสาร์ (โชติมาตร +0.5) มองเห็นได้บนท้องฟ้าทิศตะวันตกในเวลาหัวค่ำเช่นเดียวกันดาวศุกร์แต่อยู่สูงห่างจากขอบฟ้ามากกว่า ดาวเสาร์ยังคงปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต ค่อนไปทางกลุ่มดาวปู ต้นเดือนมิถุนายนดาวเสาร์จะตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง หลังจากนั้นมันจะตกเร็วขึ้นทุกวัน ปลายเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงที่ดาวเสาร์อยู่ใกล้ดาวศุกร์ ทั้งคู่จะตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณ 21.40 น. ก่อนหน้านั้น คืนวันอังคารที่ 19 มิถุนายนจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยวอยู่เหนือดาวเสาร์ ห่างกันไม่เกิน 2 องศา
ดาวยูเรนัส (โชติมาตร +5.8) และ ดาวเนปจูน (โชติมาตร +7.9) อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำและกลุ่มดาวแพะทะเล ตามลำดับ สามารถสังเกตได้ด้วยกล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์ในเวลาประมาณ 2.30 น.-4.30 น.ซึ่งเป็นเวลาที่ดาวเคราะห์ทั้งสองดวงอยู่ห่างจากขอบฟ้ามากพอสมควรและท้องฟ้ายังมืดสนิทอยู่ ช่วงวันที่สังเกตดาวยูเรนัสและดาวเนปจูนได้ดีที่สุดโดยไม่มีแสงจันทร์รบกวนคือระหว่างวันที่ 12-26 มิถุนายน ส่วนตำแหน่งของดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน ดูได้จากวารสาร "ทางช้างเผือก" ฉบับ พ.ย.-ธ.ค. 49
ดวงจันทร์ สว่างเต็มดวงในวันที่ 1 มิถุนายน 2550 โดยดวงจันทร์จะขึ้นเหนือขอบฟ้าเกือบพร้อมกับดาวพฤหัสบดีในกลุ่มดาวคนแบกงู เช้ามืดวันที่ 8 มิถุนายน ดวงจันทร์ทำมุม 90 องศากับดวงอาทิตย์จึงมองเห็นสว่างครึ่งดวง จากนั้นเช้ามืดวันจันทร์ที่ 11 มิถุนายนจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้ดาวอังคารบนท้องฟ้าทิศตะวันออก
วันที่ 14 มิถุนายน เป็นวันสุดท้ายที่มีโอกาสเห็นดวงจันทร์ในเวลาเช้ามืดก่อนที่มันจะเข้าสู่ตำแหน่งจันทร์ดับในวันถัดไป ดวงจันทร์กลับมาปรากฏบนท้องฟ้ามองเห็นได้ในเวลาหัวค่ำตั้งแต่วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายนโดยปรากฏอยู่ทางขวามือของดาวพุธ ดวงจันทร์เคลื่อนห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้นและผ่านใกล้ดาวศุกร์กับดาวเสาร์ในค่ำวันที่ 18 และ 19 มิถุนายน ตามลำดับ
วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน ดวงจันทร์ทำมุมฉากกับดวงอาทิตย์อีกครั้งจึงสว่างครึ่งดวง จากนั้นวันที่ 24 มิถุนายน ดวงจันทร์จะผ่านใกล้ดาวรวงข้าวในกลุ่มดาวหญิงสาว ใกล้ดาวพฤหัสบดีในวันที่ 28 มิถุนายน และเพ็ญเต็มดวงอีกครั้งในคืนวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายนซึ่งนับเป็นครั้งที่สองของเดือนนี้

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ก.ค. 15, 2007, 11:33 PM »
0
 
  วิชา อัลฟาลัก มีความจำเป็นต่อมุสลิมทุกคน ในกรณีต่อไปนี้

    1. ใช้กำหนดเวลาปฏิบัติศาสนกิจหรือศอลาตในแต่ละเวลาของแต่ละวัน

    2. ใช้กำหนดทิศกิบลัตที่มุสลิมทุกคนต้องผินหน้าเข้าหาเวลาศอลาตหรือทำกิจกรรมบางอย่าง

    3. ใช้กำหนดเดือนจันทรคติ หรือเดือนกอมารียะฮ์ ของปีฮิจเราะฮ์ศักราช

    4. ใช้กำหนดวันเริ่มต้นเดือนกอมารียะฮ์

    5. ใช้กำหนดวันสำคัญของอิสลาม เช่น อิดิลอัฏฮา อิดิลฟิตรี 1 รอมดอน 1 มุฮัรรอม เป็นต้น

    สังคมมุสลิมต้องมีผู้รู้ในการที่จะกำหนดเวลาของสิ่งที่กล่าวมาทั้งห้าข้อนี้ ความสำคัญของวิชา อัล ฟาลัก ในสังคมมุสลิมจึงมานานแล้ว เพราะการกำหนดเวลาเหล่านี้ต้องใช้ความรู้ทาง อัล ฟาลัก ทั้งสิ้น แม้แต่การสังเกตจันทร์เสี้ยว ในการขึ้นต้นเดือนกอมารียะฮ์เดือนใหม่ ผู้สังเกตจันทร์เสี้ยวควรหรือต้องมีความรู้ทาง อัล ฟาลัก จึงจะสรุปได้ถูกต้องว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็น จันทร์เสี้ยวหรือไม่อย่างไร

ที่มา http://www.fathoni.com
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ก.ค. 15, 2007, 11:37 PM »
0

กุรอานกล่าวถึงดาราศาสตร์อย่างไร

กุรอานถูกวะฮ์ยูผ่านศาสดามูฮำหมัด ( ซ . ล .) เมื่อ 1400 ปีมาแล้ว ในยุควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปัจจุบัน กุรอานถูกพิสูจน์มาตลอดและกุรอานก็ไม่เคยถูกหลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาหักล้างได้ และกุรอานยังคงท้าท้ายให้มนุษยชาติพิสูจน์ถึงสัจจะที่มีอยู่ตลอดกาลไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต

ในบทที่ 44 ซูเราะฮ์อัลดุคอน โองการที่ 38 และ 39 ความว่า “ เรามิได้สร้างฟากฟ้าและแผ่นดินรวมทั้งสรรพสิ่งระหว่างทั้งสอง เพียงเพื่อไร้สาระและเรามิได้สร้างมันทั้งสองโดยไม่มีสัจธรรมภายใน แต่ทว่าส่วนมากพวกเขาไม่รู้ ”

ในบทที่ 2 ซูเราะฮ์อัลบากอเราะฮ์ โองการที่ 164 ความว่า “ และแท้จริงในการสร้างฟากฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการสลับระหว่างกลางคืนกับกลางวัน และนาวาที่เคลื่อนที่อยู่ในทะเลเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ และน้ำที่อัลลอฮ์ได้หลั่งลงมาจากฟ้า เพื่อชุบชีวิติแก่ผืนแผ่นดิน ภายหลังที่มันได้ตายไป และทรงสร้างสัตว์ทุกชนิดให้กระจายไปทั่วแผ่นดิน และการผันแปรของลม และเมฆที่ถูกควบคุมให้อยู่ระหว่างฟ้ากับแผ่นดิน สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นสัญญลักษณ์สำหรับมวลชนที่ใช้ปัญญาตริตรอง ”

กุรอานได้พยายามท้าท้ายและบอกล่าวแก่มนุษย์อย่างเป็นนัยๆถึง ความเป็นวิทยาศาสตร์และความมีเหตุผลของการสร้างสรรจักรวาล ถึงแม้ว่ากุรอานไม่ใช่ตำราทางวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งที่มีอยู่ในกุรอานนั้นพร้อมที่จะให้วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ทุกเมื่อ

กุรอานได้กล่าวถึงเหตุการทางทางดาราศาสตร์อยู่หลายโองการ เช่นโองการดังต่อไปนี้
บทที่ 55 ซูเราะฮ์ อัรรอฮ์มาน โองการที่ 5 ความว่า “ ดวงอาทิตย์และดวงเดือน ต่างโคจรไปตามการคำนวณ ”

บทที่ 55 ซูเราะฮ์ อัลอัมบิยาอ์ โองการที่ 33 ความว่า “ พระองค์ผู้ทรงบันดาลกลางคืนและกลางวัน ดวงอาทิตย์และดวงเดือน ทุกสิ่งนั้นโคจรตามเส้นทาง ”

บทที่ 10 ซูเราะฮ์ ยูนุส โองการที่ 5 ความว่า “ พระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลให้ดวงอาทิตย์มีประกายสว่างไสวและดวงเดือนเป็นรัศมี และทรงกำหนดมันไว้หลายตำแหน่ง ( ตามระบบการโคจร)เพื่อพวกเจ้าจะได้ทราบจำนวนปีและการคำนวณ อัลลอฮ์มิทรงบันดาลสิ่งนั้นนอกจากโดยความสัจจริงพระองค์ทรงจำแนกบรรดาสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อกลุ่มชนที่มีความรู้ ”

ในบทที่ 36ซูเราะฮฺ ยาซีน โองการที่ 39 ความว่า ความว่า "และดวงเดือนเราได้กำหนดตำแหน่ง(คำนวณ)ต่างๆของมันไว้ ( ให้เปลี่ยนแปลงที่ปรากฏในสายตา ) จนกระทั้งมันมีสภาพ ประหนึ่งกาบอินทผลัมเก่าๆ ( เรียวเล็กในยามข้างแรม ) "

ในบที่ 6 ซูเราะฮ์ อัลอันอาม โองการที่ 69 ความว่า " พระองค์ทรงเป็นผู้เบิกอรุณรุ่ง และทรงบันดาลเวลากลางคืนให้เป็นเวลาพักผ่อน และบันดาลดวงตะวันและดวงเดือนเป็นหลักแห่งการคำนวณนั้นเป็นข้อกำหนดของ ( อัลลอฮฺ ) ผู้ทรงอำนาจ อีกทั้งรอบรู้ยิ่ง "

โองการที่กล่าวมานี้แสดงความหมายอย่างชัดแจ้ง โดยไม่ต้องคำอธิบายใดๆเพิ่มเติม

เกี่ยวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่โคจรอยู่ การโคจรนี้ทำให้เรากำหนดเวลาได้และสามารถใช้ในการคำนวณได้

ในโองการที่กล่าวมานี้มีคำว่า "มานาซิล ” ( Manazil) หมายถึง เฟส (phase) ของดวงจันทร์หรือภาพดวงจันทร์ขนาดต่างๆที่เราเห็นในข้างขึ้นข้างแรม และมีอยู่สองโองการมีคำว่า " ก็อดดารา ”(Qaddara) หมายถึง การคำนวณ (calculate) หรือการวัด (Measure) และในโองการที่กล่าวมามีคำว่า " ฮิซาบ ”(Hisab) ซึ่งหมายถึงการคำนวณ (Computation) จะเห็นว่าในกุรอานได้ระบุชัดเจนว่าดวงดาวนั้นมีกฏเกณฑ์ที่อัลลอฮ์กำหนดไว้ หากมนุษย์มีความรู้จะสามารถคำนวณตำแหน่งหรือปริมาณอื่นๆของดวงดาวได้

ในกุรอานอัลลอฮ์ได้กล่าวว่า จันทร์เสี้ยว (hilal) นั้น ใช้กำหนดเวลาและการทำฮัจญ์ ดังในบทที่ 2 ซูเราะฮ์ อัลบากอเราะฮ์ โองการที่ 189 ความว่า " พวกเขาเหล่านั้นจะถามเจ้าเกี่ยวกับดวงจันทร์เสี้ยวเริ่มเดือนใหม่ เจ้าจงตอบว่า มันเป็นเครื่องหมายบอกเวลาแก่มนุษย์และการประกอบพิธีฮัจญ์ และหาใช่ว่าคุณธรรมแท้จะอยู่ที่พวกเจ้าเข้าบ้านทางเบื้องหลังของมัน แต่ทว่าคุณธรรมที่แท้จริงนั้นคือบุคคลที่มีความยำเกรงและเข้าบ้านตามประตูปกติของมัน และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดเพื่อพวกเจ้าจะได้ประสบความสมหวัง "

ในซูเราะฮ์ต่อไปนี้อัลลอฮ์กล่าวเป็นนัย แสดงถึงว่าโลกนี้กลม เพราะสิ่งที่จะพันหรือล้ำกันได้นั้น ต้องเป็นทรงกลม

กุรอานบทที่ 39 สูเราะฮ์ อัซซุมัร โองการที่ 5 ความว่า “ พระองค์ทรงสร้างฟากฟ้าและแผ่นดินโดยสัจจะ ทรงล้ำ(พัน)กลางคืนกลางวันและทรงล้ำ(พัน)กลางวันกลางคืน และทรงอำนวยประโยชน์แก่ดวงตะวันและดวงดาว ทุกๆสิ่งมันโคจรไปตามวาระที่ถูกกำหนดไว้แล้ว พึงสังวร! พระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง ”

และในบทที่ 31 สูเราะฮ์ ลุกมาน โองการที่ 29 ความว่า “ เจ้าไม่สังเกตดอกหรือ แท้จริงอัลลอฮ์ทรงล้ำกลางคืนเข้าในกลางวัน และล้ำกลางวันข้าในกลางคืน และพระองค์ทรงอำนวยประโยชน์ดวงตะวันและดวงเดือน ทั้งหมดนั้นจะโคจรไปตามกำหนดการที่ถูกระบุไว้ และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงตระหนักยิ่ง ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ ”

การที่จะเข้าใจกุรอานได้นอกจากต้องมีความรู้ในเรื่องภาษาอัลกุรอานแล้ว ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในสมัยปัจจุบันและในอนาคต รายละเอียดของอิสลามกับวิทยาศาสตร์นั้นมีมาก * ไม่สามารถที่จะกล่าวในที่นี่ได้ครบถ้วน
ที่มา http://www.fathoni.com
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ก.ค. 15, 2007, 11:42 PM »
0


โลกและจักรวาล

มนุษย์สงสัยในเรื่องราวเกี่ยวกับโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ท้องฟ้าและอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวมาตังแต่เริ่มมีมนุษย์อาศัยบนโลกแล้ว ในสมัยกรีกเชื่อว่าโลกแบน โดยมีแผ่นดินอยู่ตรงกลางมีทะเลล้อมรอบ คล้ายไข่ดาว โลกอยู่นิ่งกับที่ โดยมีท้องฟ้าครอบอยู่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ ติดแน่นกับท้องฟ้า โดยท้องฟ้าเป็นผลึกแก้ว (Crystaling) ที่หมุนอยู่รอบโลก ต่อมา 497 BC.( ปีก่อนคริสตศักราช ) พีทากอรัสแห่งสามอส (Pithagorus of Samos) คิดว่าโลกเป็นทรงกลมอยู่ตรงกลางโดยมีทรงกลมท้องฟ้าอยู่รอบๆ มีดวงดาวติดกับท้องฟ้าที่กำลังหมุนรอบโลก ในปี 408 BC ยูโดซัส (Eodoxus) คิดว่าโลกเป็นทรงกลมอยู่ตรงกลางมีท้องฟ้าเป็นชั้นๆจำนวน 27 ชั้นแต่ละชั้นของท้องฟ้าที่เป็นผลึกมีดวงดาวประเภทต่างๆอยู่ เช่น ชั้นที่หนึ่งเป็นที่อยู่ของดาวที่อยู่กับที่ ชั้นที่ 3 เป็นที่อยู่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ชั้นที่ 4 เป็นที่อยู่ของดาวเคราะห์ เป็นต้น ทรงกลมแต่ละชั้นจะหมุนด้วยอัตราเร็วต่างกัน ทำให้สังเกตเห็นการเคลื่อนที่แบบถอยหลัง (retrograde motion) ของดาวเคราะห์ ในปี 384-322 BC อริสโตเติล (Aristotle) ได้เพิ่มทรงกลมท้องฟ้าเป็น 55 ชั้น ระบบทั้งหมดที่กล่าวมานี้คิดว่าโลกเป็นจุดศูนย์กลาง ของจักรวาล เรียกระบบนี้ว่าจีออเซนตริก (Geocentric System) และอีกระบบหนึ่งคือเฮลิโอเซนตริก (Heliocentric System) หรือระบบที่พิจารณาว่าดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลาง โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ดาวอยู่ในทรงกลมท้องฟ้าวงนอกสุดแนวคิดนี้เสนอครั้งแรกโดย อริสตาคัส (Aristarcus 310-230BC.) แต่อย่างไรก็ตามความคิดที่ให้ดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางไม่ได้รับการยอมรับในสมัยนั้น ดังนั้นระบบจีออเซนตริกจึงยังคงใช้อยู่ ฮิปปาร์คัส (Hipparchus165-127 BC) ปโตเลมี (Ptolemais ค . ศ .150) ยังคงสนับสนุนและพัฒนาระบบจีออเซนตริก ซึ่งสามารถใช้อธิบายและทำนายปรากฏการบนท้องฟ้าได้ถูกต้อง ( การคิดแบบจีออเซนตริกและเฮโลเซนตริก จะให้ผลการคำนวณไกล้เคียงกัน )

ในช่วงอาณาจักรโรมันจนถึง ค . ศ .400 ความรู้ทางจักรวาลวิทยาไม่ได้ถูกพัฒนาต่อ บางส่วนถูกทำลายลง จนกระทั้งการมาของศาสดามุฮำหมัด ( ซ . ล .) ในปี ค . ศ .620 และจากนั้นมุสลิมมีอำนาจในการปกครองเกือบค่อนโลก นักคิด นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์มุสลิม ได้แปล ตำราของกรีกมากมายเป็นภาษาอาหรับมุสลิมมิใช่เพียงแต่ทำให้ตำราเก่าๆของกรีกยังคงอยู่ได้ เท่านั้นแต่ได้พัฒนาแนวความคิดและสร้างสรรสิ่งใหม่ขึ้นมามากมายในวงการวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 11 ในสเปญ เช่น เมืองโทเลโด เมืองคอร์โดบา (Toledo and Cordoba) นับเป็นศูนย์กลางของการศึกษาและเริ่มมีการแปลตำราจากภาษาอาหรับเป็นภาษาลาตินและฮิบรู มรดกด้านความรู้ที่มุสลิมถ่ายทอดมายังยุโรปดำเนินไปด้วยความเชื่องช้าเพราะสมัยนั้นยุโรปยังอยู่ในยุคมืด
ของศิลปวิทยาการ ตำราดาราศาสตร์ ของปโตเลมีที่ชื่อ อัลมาเจส (Almagest) ที่นักดาราศาสตร์มุสลิมแปล ซึ่งมีหลายฉบับได้รับความนิยมจากยุโรปมาก จาก นักวิทยาศาตร์
มุสลิมอัลคาวาริสมี อัลคินดี อัลบาตานี และอีก หลายๆท่าน ได้พัฒนาความรู้ทาง ดาราศาสตร์มากมายไม่ว่าจะเป็นระบบ จีออเซนตริกและระบบเฮลิโอเซนตริกจนถึงสมัย คอเปอร์นิคัสและกาลิเลโอ


ที่มาhttp://www.fathoni.com
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ก.ค. 15, 2007, 11:47 PM »
0


ตัวเลขในดาราศาสตร์

ปริมาณต่างๆทางวิทยาศาสตร์อาจจะมีค่ามากๆ เช่นปริมาณทางดาราศาสตร์ หรืออาจจะมีค่าน้อยๆ เช่นปริมาณทางฟิสิกส์ของอะตอม ปริมาณที่มีค่ามากหรือน้อยกว่าปกติ ในทางวิทยาศาสตร์จะบอกเป็นตัวเลขเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Notation) โดยอาศัยเลขสิบยกกำลังคูณกับค่าที่ต้องการ มิฉะนั้นตัวเลขเหล่านั้นจะเขียนยากและอ่านยาก เช่น

ระยะทางเฉลี่ยจากโลกถึงดวงอาทิตย์ คือ 149,597,900,000 เมตร

มวลของดวงอาทิตย์ คือ 1,989,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 กรัม

ขนาดของไฮโดรเจนอะตอม คือ 0.0000000000106 เมตร

จะเห็นว่าตัวเลขเหล่านี้นอกจากจะอ่านยากแล้วยังไม่เห็นภาพของขนาดว่าใหญ่หรือเล็กขนาดใด ในทางวิทยาศาสตร์จึงใช้เลข 10 ยกกำลัง มาช่วยในการเขียน โดยอาจจะเป็นคำนำหน้าหน่วยก็ได้หรือจะใช้คูณโดยตรงก็ได้ เลขสิบยกกำลังที่นิยมใช้แสดงในตารางที 2.1 เมื่อใช้เลขสิบยกกำลังช่วยในการเขียน ปริมาณที่กล่าวมาเขียนได้ดังนี้

มวลของดวงอาทิตย์ คือ

1,989,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 กรัม =1.989x10 30 Kg

ขนาดของไฮโดรเจนอะตอม คือ 0.0000000000106 เมตร = 1.06x10 -11 เมตร

หน่วยทางดาราศาตร์

ระทางระหว่างดวงดาวนั้นห่างไกลกันมากกว่าระยะทางที่เราใช้ในชีวิติประจำวัน ดังนั้นการวัดระยะทางในทางดาราศาสตร์นั้นจึงมีหน่วยทางดาราศาสตร์เฉพาะ คือ

1 AU หมายถึงระยะทางเฉลี่ยจากโลกถึงดวงอาทิตย์ คือ 149,597,900,000 เมตร เขียนโดยประมาณคือ 149,600,000,000 เมตร หรือ 1.496x10 8 กิโลเมตร

ระยะทาง 1.496x10 8 กิโลเมตร เรียกว่า 1 หน่วยดาราศาสตร์ (Astronomical Unit:AU)

1 LY (Light Year) หรือ 1 ปีแสง หมายถึงระยะทางที่แสงเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 299,792.458 กิโลเมตรต่อวินาที ในเวลา 1 ปี จะได้

1 ปีแสง เท่ากับ 9.46x10 12 กิโลเมตร

เช่น ดาวอัลฟา เซนเทารี ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด อยู่ห่างจากโลก 4.2 ปีแสงหมายถึงแสงจากดาวอัลฟา เซนเทารี เดินทางจากดาวนี้มาถึงโลกใช้เวลา 4.2 ปี หรือถ้าวัดเป็นหน่วยดาราศาสตร์คือ 266,000 AU
ระยะทางจากจุดศูนย์กลางของทางช้างเผือกถึงโลก คือ 26,000 ปีแสง (1.65x10 9 AU)

ที่มา http://www.fathoni.com
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
Re: มุสลิมกับการศึกษาดาราศาตร์อิสลาม
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ก.ค. 15, 2007, 11:52 PM »
0
 ทรงกลมและวงกลม

รูปที่ 3.1 ก . แสดงรูปทรงกลมใดๆ ที่มีจุด O เป็นจุดศูนย์กลาง ถ้าเราผ่าทรงกลมนี้ให้ผ่านจุดศูนย์กลางไม่ว่าจะแนวใด ดังรูปที่ 3.1 ข . ทรงกลมนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกันเสมอ



ก . ข .

 

รูปที่ 3.1 ก . แสดงทรงกลม และ

ข . แสดงการผ่าทรงกลมผ่านจุดศูนย์กลาง

 

การผ่าทรงกลมผ่านจุดศูนย์กลาง นอกจากจะทำให้เกิดการแบ่งทรงกลมออกเป็นสองส่วนเท่าๆกันแล้ว ยังทำให้เกิดระนาบของวงกลมที่บริเวณที่ถูกผ่าด้วย

รูปที่ 3.2 ก . แสดงทรงกลมที่ถูกผ่าโดยเส้นในแนวนอนผ่านจุดศูนย์กลาง แบ่งทรงกลมออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน และเกิดเป็นระนาบของวงกลมขึ้นในแต่ละซีก

วงกลมที่เกิดจากการผ่าทรงกลมผ่านจุดศูนย์กลางเรียกว่า วงกลมใหญ่ ( Large Circle ) ส่วนรูปที่ 3.2 ข . วงกลมข้างบนนั้นเป็นการผ่าทรงกลมโดยไม่ผ่านจุดศูนย์กลาง ทำให้เกิดระนาบเช่นกัน แต่ไม่ได้แบ่งทรงกลมออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน วงกลมของระนาบนี้เรียกว่าวงกลมเล็ก ( Small Circle )

 

ก .                                                                  ข .

รูปที่ 3.2 ก . แสดงวงกลมใหญ่ และ ข . แสดงวงกลมใหญ่และวงกลมเล็ก

 

ทั้งวงกลมใหญ่และวงกลมเล็กเกิดได้ในทุกระนาบของการผ่าทรงกลม วงกลมทั้งสองนี้จะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวดังจะได้กล่าวต่อไป ในทางดาราศาสตร์ทรงกลมท้องฟ้าจะมีคุณสมบัติดังทรงกลมที่กล่าวมา รูปที่ 3.2 ก . ระนาบที่ตัดในแนวนอนผ่านจุดศูนย์กลางนี้จะแบ่งท้องฟ้าออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน หากเราอยู่ที่จุดศูนย์กลาง ทรงกลมซีกบนคือท้องฟ้าของผู้สังเกต วงกลมใหญ่คือระนาบเส้นขอบฟ้า (Horizon) ของผู้สังเกต ส่วนทรงกลมส่วนล่างเรามองไม่เห็นเพราะอยู่ใต้เท้าเรา ดังรูปที่ 3.3




ในทางดาราศาสตร์จะมองว่า ทีผิวทรงกลมด้านในของทรงกลมท้องฟ้านี้จะมีเทหฟากฟ้า เช่น ดาวต่างๆ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรืออื่นๆติดอยู่และทรงกลมท้องฟ้านี้เคลื่อนที่โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาหรือจากตะวันออกไปตะวันตก เมื่อเทียบกับผู้สังเกตบนโลก เราจึงเห็นเทหฟากฟ้าเคลื่อนที่จากทิศตะวันออกไปตะวันตก เรียกว่าการขึ้น - ตกของเทหฟากฟ้า การที่เราเห็นการหมุนของทรงกลมท้องฟ้านี้ เพราะโลกหมุนรอบตัวเองในทิศตรงข้ามกับทรงกลมท้องฟ้า ดังรูปที่ 3.4



การพิจารณาตำแหน่งของเทหฟากฟ้า ทีติดอยู่กับทรงกลมท้องฟ้านั้น เป็นการลากเส้นจากจุดหนึ่งบนผิวทรงกลมท้องฟ้าไปยังอีกจุดหนึ่งบนผิวทรงกลมท้องฟ้า เส้นที่ลากระหว่า ง จุดบนทรงกลมย่อมไม่เป็นเส้นตรง แต่จะเป็นเส้นโค้ง ถ้าเป็นจุดสามจุดที่ลากเส้นผ่านบนผิวทรงกลม จะได้รูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง หรือสามเหลี่ยมทรงกลม (Spherical Triangle)

ความสัมพันธ์ระหว่างด้านและมุมของสามเหลี่ยมฐานโค้งจะไม่เป็นไปตามฟังชั่นตรีโกณมิติทั่วไป (ดูภาคผนวก ก.) แต่จะเป็นตรีโกณมิติทรงกลม( Spherical Trigonometry : Segitiga Bola ) ซึ่งนับเป็นพื้นฐานสำคัญในวิชา ดาราศาสตร์ปฏิบัติ( Practical Astronomy) ดาราศาสตร์การเดินเรือ (Nautical Astronomy) ดาราศาสตร์การรังวัด (Geodesy Astronomy)

ที่มา http://www.fathoni.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 15, 2007, 11:57 PM โดย dektharue »
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

 

GoogleTagged