ผู้เขียน หัวข้อ: 0018_ได้หรือไม่ ขอดุอาเป็นจมาอะฮ์ (ร่วมกัน)  (อ่าน 6871 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Fu-ardee

  • บุคคลทั่วไป

สลามถึงพี่ๆเว็บ sunnahstudent

          จาก Topic ดังกล่าว  ผมอยากทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้  ว่าในทรรศนะแห่งอัล-อิสลาม มีหลักฐานที่ชัดเจน เชื่อถือได้

รองรับการกระทำดังที่กล่าวนี้หรือไม่

             ญาซากัลลอฮ์ล่วงหน้าสำหรับคำตอบจากพี่ๆ  ขอให้อัลลอฮ์คุ้มครองพี่ๆทุกคน

                                                                                                        
                                                                                                                                ด้วยสลามและดุอา

                                                                                                                                        ฟูอาดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 26, 2011, 06:51 PM โดย Al Fatoni »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การขอดุอาเป็นญามาอะฮ์ได้หรือไม่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 10, 2007, 09:52 PM »
0
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

การขอดุอาแบบญะมาอะฮ์  หมายถึง  มีบุคคลหลายคนทำการร่วมกันขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา  โดยมีบุคคลส่วนหนึ่งหรือบุคคลหนึ่งได้ทำการขอดุอา และส่วนบุคคลที่เหลือก็ทำการกล่าว "อามีน"  และการรวมตัวกันขอดุอา  ย่อมเป็นการรวมตัวในการปฏิบัติความดีงาม

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร (ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ) ได้กล่าวไว้ในหนังสือฟัตหุลฟารีย์ ในเรื่องการกล่าวอามีนใน บทอัดดะวาต(บรรดาบทดุอา) ว่า

:وورد في التأمين مطلقا أحاديث منها حديث عائشة مرفوعا ما حسدتكم اليهود على شيء ما حسدتكم على السّلام والتأمين رواه ابن ماجه وصححه ابن خزيمة ، وأخرجه ابن ماجه أيضا من حديث ابن عباس بلفظ ما حسدتكم على آمين فأكثروا من قول آمين

"ได้มีบรรดาหะดิษรายงานเกี่ยวการกล่าวอามีนโดยเปิดกว้างไม่มีข้อแม้ใด ๆ จากหะดิษท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา โดยยกอ้างถึงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า "สิ่งที่พวกยาฮูดีได้อิจฉาริษยากับพวกท่านในสิ่งหนึ่ง คือพวกเขาได้อิจฉาริษยาพวกท่าน กับการให้สลามและกล่าว อามีน" รายงานโดยท่าน อิบนุ มาญะฮ์ และท่านอิบนุคุซัยมะฮ์ถือว่าหะดิษซอฮิหฺ และท่านอิบนุมาญะฮ์ได้นำเสนอหะดิษเช่นกัน จากหะดิษท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ด้วยถ้อยคำที่ว่า "สิ่งที่พวกยาฮูดีได้อิจฉาริษยาพวกท่านนั้น คือการกล่าว อามีน ดังนั้น พวกท่านจงกล่าว อามีน ให้มาก ๆ " ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 11 หน้า 239

ท่านอัลหาฟิซฺ นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์  อาจารย์ของท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์  ได้  นำเสนอหะดิษ  ความว่า

ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

‏لا يجتمع ملأ فيدعو بعضهم ويؤمن سائرهم إلا أجابهم الله‏

"กลุ่มชนหนึ่งจะไม่รวมตัวกัน  แล้วบางคนจากพวกเขาได้ทำการขอดุอาและพวกเขาส่วนที่เหลือได้ทำการกล่าวอามีน  นอกจากว่า  อัลเลาะฮ์จะทำการตอบรับดุอาของพวกเขา"  รายงานโดย ท่านอัตต๊อบรอนีย์

ท่าน อัลหาฟิซฺ นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์  กล่าววิจารณ์หะดิษนี้ว่า

ورجاله رجال الصحيح غير ابن لهيعة وهو حسن الحديث‏

"บรรดานักรายงานหะดิษนี้  เป็นนักรายงานที่ซอฮฺหฺ  นอกจาก อิบนุ ละฮีอะฮ์  ซึ่งเขานั้น  หะดิษหะซัน"  ดู  หนังสือ มัจญฺมะอฺ อัซซะวาอิด  หะดิษที่ 17347

ดังนั้น  การที่บุคคลหนึ่งได้ทำการ "ขอดุอา" แล้วบุคคลอื่นทำการกล่าว "อามีน" ร่วมกัน  ย่อมเป็นการปฏิบัติในเรื่องคุณค่าของอะมัลหรือคุณงามความดี  แม้จะมีหะดิษฏออีฟไม่มากมารับรอง  ซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติได้ในเรื่องของคุณงามความดี  ตามทัศนะของมติปวงปราชญ์อิสลามที่ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้ยืนยันไว้หรือทัศนะส่วนมากของปวงปราชญ์อิสลาม

والله أعلى وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged