ผู้เขียน หัวข้อ: ชีอะฮเป็นผู้เริ่มต้นเมาลิดจริงหรือ?  (อ่าน 8926 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรนาม

  • บุคคลทั่วไป

เค้าว่ากันว่า ชีอะฮ เป็นคนริเริ่มงานเมาลิดจริงหรือป่าวคับ แล้วพวกซุนนะฮอย่างเราไปทำเมาลิด เป็นการทำตามชีอะฮ หรือป่าวคับ ช่วยอธิบายให้หน่อยคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 28, 2008, 11:18 PM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ชีอะฮ เริ่มต้น เมาลิด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.ย. 25, 2007, 06:56 AM »
0
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

ภูมิหลังประวัติผู้ริเริ่มทำเมาลิดนบี(ซ.ล.)

ผู้ริเริ่มทำเมาลิดโดยฉลองแสดงความยินดีกับวันประสูตของท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.) คือตัวของท่านนบีมุหัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เอง ท่านอิมามมุสลิมได้รายงานจากท่านอบีเกาะตาดะฮ์ว่า

سئل رسول الله صلى الله عليه وسلم عن صوم يوم الإثنين فقال : ذلك يوم ولدت فيه وأنزل على

"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ถูกถามเกี่ยวกับการถือศีลอดในวันจันทร์ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวตอบว่า "ดังกล่าวนั้น (เพราะเป็น ) วันที่ฉันเกิด และ(อัลกุรอาน)ถูกประทานลงมาแก่ฉัน" รายงายโดยท่าน มุสลิม

หะดิษดังกล่าวนี้บ่งชี้อย่างชัดเจนถึงการอนุญาตให้มีการฉลอง มีความปิติยินดี ชุโกรเนี๊ยะมัต ในวันเกิดของท่านนบี(ซ.ล.) เพราะเหตุผลในการทำความดี ด้วยการถือศีลอดในวันจันทร์นั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวเหตุผลไว้ว่า "เพราะมันเป็นวันเกิด(เมาลิด)ของฉัน" ดังนั้น จึงถือว่าไร้ความหมายกับผู้ที่กล่าวว่า ชีอะฮ์อัลอิสมาอีลียะฮ์จากพวกฟาฏิมีย์เป็นบุคคลแรกที่ฉลองความปิติยินดี ชุโกรเนี๊ยะมัน ในวันเกิดของท่านนบี(ซ.ล.) เพราะการเชื่อว่าพวกชีอะฮ์อัลอิสมาอีลียะฮ์เป็นบุคคลแรกที่แสดงความยินดี ชุโกรเนี๊ยะมัตในวันเกิดของท่านนบี(ซ.ล.)นั้น ถือว่าเป็นการเฉไฉ และทำไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับสัจจะธรรม

หากถูกตั้งคำถามแก่เราว่า ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทำการถือศีลอด ก็เพราะว่าเป็นวันเกิดของท่าน แต่พวกเราทำการฉลองเมาลิดเพื่อรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)ด้วยการรวมตัวกัน และมาทำการอ่านประวัติ อ่านอัลกุรอานบางส่วน ซอลาวาต ทำการให้อาหารและเลี้ยงอาหาร โดยที่ท่านนบี(ซ.ล.) ไม่เคยกระทำรูปแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันเป็นบิดอะฮ์หรือไม่?

เราขอตอบว่า กรณีดังกล่าวนี้ มันอยู่ในเรื่องของ "วิธีการในการเฉลิมฉลองเมาลิดของท่านนบี(ซ.ล.) " หรือแล้วแต่สภาพการของแต่ละพื้นที่ ซึ่งวิธีการในการรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.) นั้น เป็นเรื่องวิธีการที่อยู่ในรูปแบบกว้างๆ (มุฏลัก) ที่เป็นประเด็นในเชิงวินิจฉัย (อิจญฺฮาด) ของบรรดานักปราชญ์ ดังนั้น รูปแบบในการทำเมาลิดรำลึกท่านนบี(ซ.ล.) ก็ยังคงถูกเปิดให้แก่ประชาชาติอิสลาม ในการวินิจฉัย พิจารณาตามสภาพที่สะดวกของพวกเขา โดยไม่ขัดกับหลักการของศาสนา เพราะฉะนั้น การมีความปีติยินดีเกี่ยวกับวันเกิด(เมาลิด)ของท่านนบี(ซ.ล.) นั้น มีรากฐานจากหลักการของศาสนา แต่วิธีการต่างๆ เหล่านั้น อิสลามได้เปิดกว้างโดยมอบให้อยู่ในเรื่องของการวินิจฉัย

ส่วนหลักการวินิจฉัยนั้น มีประเด็นมากมาย ที่หลักการพื้นฐานของมันได้ระบุเอาไว้ตามหลักของศาสนา แต่วิธีการนั้น ถูกมอบให้กับประชาชาติอิสลามทำการวินิจฉัยได้ อย่างเช่น เรื่องของอัลกุรอาน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้านในเรื่องของความดีงามและความประเสริฐของการท่องจำ การเรียน การสอนและเผยแพร่อัลกุรอาน

แต่วิธีการสอน การท่องจำ การเรียน และการเผยแพร่อัลกุรอานนั้น มันมีรูปแบบและวิธีการต่างกันหรือไม่? และอย่างไร?

คำตอบก็คือ ให้ผู้อ่านพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ท่านผู้อ่านจะเห็นและทราบว่า วิธีการสอน การเรียน และการเผยแพร่อัลกุรอานนั้น มีอยู่ในทั้งรูปแบบของ โรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย มีคณะอัลกุรอาน มีสมาคมสอนอัลกุรอาน มีการแข่งขันอ่านอัลกุรอาน ท่องจำอัลกุรอาน มีการมอบรางวัลให้กับผู้ท่องจำอัลกุรอาน มีประกาศนียบัตรให้กับผู้สำเร็จในหลักสูตรวิชาอัลกุรอาน และมีการสัมมนาเกี่ยวกับการเรียนการสอนและความสำคัญของอัลกุรอาน มีการบันทึกอัลกุรอานในรูปแบบ เทป หรือ ซีดี มีการเผยแพร่อัลกุรอาน ที่อยู่ในรูปแบบของโรงพิมพ์ มีการตีพิมพ์อัลกุรอานที่มีสีสันเน้นคำตัจญวีด มีการทำเล่มที่มีหลากหลายรูปแบบ และบางทีการเผยแพร่อัลกุรอานที่อยู่ในรูปแบบของสมาคมนักกอรีย์ เป็นต้น ดังนั้น รูปแบบต่างๆ เหล่านี้ มีอยู่ในสมัยของท่านนบี(ซ.ล.)หรือไม่?? ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาครับ

แต่รูปแบบการเฉลิมฉลองเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.) อย่างเป็นทางการเช่นปัจจุบันนี้นั้น ผู้คัดค้าน มักจะอ้างว่า ชีอะฮ์ อิสมาอีลียะฮ์ กษัตริย์ราชวงค์ฟาฏิมีย์ เป็นคนแรกที่กระทำเมาลิดขึ้นมาในศตวรรษที่ 4 !! แล้วก็โพทนาว่า การทำเมาลิด เป็นการเลียนแบบพวกชีอะฮ์ เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของชีอะฮ์ โดยฉวยโอกาสใช้อ้างเป็นหลักฐานให้พี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์รังเกียจในเรื่องการทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)

บทวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์

เป็นที่ทราบกันดีว่าราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ในอียิปต์ ในช่วงปี 362 ฮ.ศ. - 567 ฮ.ศ. ซึ่งในขณะนั้น ราชวงศ์ อัสสัลฆูญีย์ อัตตุรกีย์ ได้มีอำนาจเข้าครอบครองอิรัก ในช่วงปี 447 ฮ.ศ. - 656 ฮ.ศ. ซึ่งเขาอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ (ดู หนังสือ อัตตารีค อับบาซีย์ วะ อัลฟาฏิมีย์ หน้า 38 ของท่าน ดร. อะหฺมัด อัลอับบาดีย์)
ในขณะที่ราชวงศ์อัสสัลฆูญีย์เรืองอำนาจ ได้ทำการขยายอำนาจโดยการตั้งบรรดาเจ้าเมือง ซึ่งพวกเขาถูกเรียกนาม อัลอะบาติกะฮ์ แล้วทำการมอบดินแดนให้พวกเขาครอบครอง เมื่อราชวงศ์อัสสัลฆูญีย์มีอำนาจอ่อนแอลง บรรดาเจ้าเมืองเหล่านั้นก็ทำการปกครองดินแดนของตนเอง ส่วนหนึ่งจากเจ้าเมืองที่มีความโดดเด่นในช่วงสมัยนั้น คือ อิมาดุดดีน ซังกีย์ เจ้าเมืองอัลอะบาติกะฮ์ผู้วางรากฐานการปกครอง เมืองเมาซิล(โมซุล) ซีเรีย เมื่อต่างๆ ของร่อบิอะฮ์และมะฏ๊อร และจากสายของ อิมาดุดดีน ซังกีย์นี้ ก็มีท่าน นูรุดีน มะหฺมูด ซังกีย์ ผู้สืบทอดการปกครอง และในกองทัพของท่านนูรุดีน ซังกีย์นั้น ก็มีท่านซ่อลาหุดดีน อัลอัยยูบีย์ เหล่าราชวงศ์อัสสัลฆูญีย์ ได้ก่อตั้งระบบสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาวิทยาการของซุนนะฮ์เพื่อทำการต่อต้านมัซฮับชีอะฮ์อิสมาอีลียะฮ์ ซึ่งท่านนูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์ ได้ดำเนินนโยบายนี้ อยู่ที่เมืองชาม(อิรักและซีเรีย) และท่านศ่อลาหุดดีน อัลอัยยูบีย์ ได้มีเป้าหมายที่อียิปต์ เพื่อพิชิตการเผยแพร่ของฟาฏิมียะฮ์ ฮ์ (สรุปจาก หนังสือ อัตตารีค อับบาซีย์ วะ อัลฟาฏิมีย์ หน้า 197 ของท่าน ดร. อะหฺมัด อัลอับบาดีย์)

ดังนั้น การกล่าวอ้างว่า ราชวงศ์ฟาฏิมีย์เป็นผู้ริเริ่มในการทำเมาลิดนบี(ซ.ล.) เป็นครั้งแรกนั้น จึงเป็นสิ่งที่คลุมเคลือ ไม่มีความถูกต้องอย่างเด็ดขาดแต่อย่างใด ผู้อ้างตนเป็นซุนนะฮ์บางกลุ่มพยายามเชื่อและยึดมั่นว่าราชวงศ์ฟาฏิมีย์เป็นบุคคลแรกในการทำเมาลิดนบี(ซ.ล.)นั้น ไม่ใช่อื่นใด นอกจากเพื่อจะนำมาใช้ตำหนิ หุกุ่มพี่น้องมุสลิม ว่าทำบิดอะฮ์ ตกนรก เท่านั้นเอง

ท่าน อัลหาฟิซฺ อัศสะคอวีย์ (ร.ฮ.) กล่าวว่า

لم يفعله أحد من السلف في القرون الثلاثة، وإنما حدث بعد، ثم لا زال أهل الإسلام من سائر الأقطار والمدن الكبار يعملون المولد، ويتصدقون في لياليه بأنواع الصدقات، ويعتنون بقراءة مولده الكريم، ويظهر عليهم من بركاته كل فضل عميم

"(การกระทำเมาลิดในรูปแบบอย่างเป็นทางการนั้น) ไม่มีสะลัฟจากศตวรรษทั้งสามได้กระทำ แต่มันได้เกิดหลังจากนั้น หลังจากนั้นบรรดาผู้นับถือศาสนาอิสลาม จากแคว้นต่างๆ หรือเมืองใหญ่ๆ ต่างๆ ก็ยังคงกระทำเมาลิด โดยที่พวกเขาได้ทำการบริจาคทานในบรรดาค่ำคืนของเมาลิด ด้วยการบริจาคหลากหลายประเภท และพวกเขาได้เอาใจใส่กับการอ่านเล่าประวัติการเกิดอันมีเกียตริของท่านบี(ซ.ล.) และบรรดาความศิริมงคลของการเกิดของท่านนบี(ซ.ล.)ได้ประสบแก่พวกเขาในทุกๆ ความประเสริฐที่ครอบคลุมทั่วกัน"

ท่านอิมามอบูชามะฮ์ (ร่อหิมะฮุลลอฮ์) (เสียชีวิต ปี 665 ฮ.ศ.) นักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ กล่าวไว้ว่า

وكان أول من فعل ذلك بالموصل الشيخ عمر بن محمد الملا أحد الصالحين المشهورين وبه اقتدى في ذلك صاحب أربل وغيره رحمهم الله تعالى

"บุคคลแรกที่กระทำสิ่งดังกล่าว(เมาลิด) ที่เมือง เมาซิล นั้น คือ ชัยค์ อุมัร บิน มุหัมมัด อัลมุลลา หนึ่งในบรรดาผู้มีคุณธรรมที่เลื่องลือ และด้วยการกระทำของเขานั้น ก็ได้ดำเนินตามสิ่งดังกล่าว โดยเจ้าเมืองอิรบิล และคนอื่นๆ (ร่อหิมะฮุมุลเลาะฮ์)" ดู หนังสือ อัลบาอิษ อะลา อิงการ อัลบิดะอฺ เล่ม 1 หน้า 24

วิจารณ์

ท่านอิมาม อบู ชามะฮ์ ไม่ได้กล่าวเอาไว้เลยว่า การกำเหนิดเมาลิดได้ริเริ่มขึ้นมาโดยราชวงศ์อัลฟาฏิมียะฮ์ ที่อียิปต์

กษัตริย์จอมทัพ นูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์

กษัติย์ นูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์ นั้น เป็นบุคคลที่สามารถพิชิตสงครามครูเสดได้หลายสมรภูมิด้วยกัน ในกองทัพของเขา มีท่าน ซอลาหุดดีน อัลอัยยูบีย์ร่วมอยู่ด้วย และท่านก็ได้ส่งท่านซอลาหุดดีนไปประจำการที่อียิปต์หลังจากนั้น มีนักหะดิษท่านหนึ่งได้ทำการรายงานหะดิษแบบ มุซัลซัล (หะดิษมีการรายงานในรูปแบบที่สืบเนื่อง) โดยมีการยิ้ม เขาก็ได้ขอให้ท่าน นูรุดดีน ซังกีย์ทำการยิ้มด้วยเพื่อที่จะได้รายงานในรูปแบบที่สืบเนื่องกันมา แต่ท่านนูรุดดีนงดจากการกระทำสิ่งดังกล่าว และกล่าวว่า "ฉันละอายต่ออัลเลาะฮ์ ที่พระองค์ทรงเห็นฉันยิ้ม โดยที่บรรดามุสลิมีนถูกปิดล้อมโดยพวกฟรังก์(ฝรังเศส) ที่ดุมยาฏ(จังหวัดหนึ่งของอียิปต์)"

ท่าน อัลมะเฏาะรีย์ ได้กล่าวประวัติของท่านนูรุดดีน ซังกีย์ ไว้ใหนหนังสือ ตีรีค อัลมะดีนะฮ์ ว่า "กษัตริย์ นูรุดดีน มุหฺมูด ซังกีย์ นั้น ได้ฝันเห็นท่านนบี(ซ.ล.)ในคืนหนึ่ง ถึงสามครั้งด้วยกัน โดยทุกๆ ครั้งท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวแก่เขาว่า "โอ้ มะหฺมูด ท่านจงกอบกู้ฉัน จากบุคคลสองคนนี้ด้วย" คือชายสองคนนี้มีผิวอมแดง ดังนั้น ท่านนูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์ ได้เรียกรัฐมนตรีมาพบก่อนเวลาซุบหฺ แล้วก็บอกเรื่องความฝันกับเขา รัฐมนตรีท่านนั้นได้กล่าวแก่ ท่าน นูรุดดีน มะหูมูด ซังกีย์ ว่า เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นที่เมืองมะดีนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งไม่มีผู้ใดอีกแล้ว(ที่จะช่วยเหลือ)นอกจากท่าน ดังนั้น ท่านนูรุดดีน ซังกีย์ จึงเตรียมการเดินทางเร็ว ด้วยอูฐ 1000 ตัว และติดตามด้วยม้าและอื่นๆ จนกระทั้งถึงเมืองมะดีนะฮ์โดยไม่มีผู้ใดรู้ตัว ดังนั้น ท่านนูรุดดีนจึงขอให้บรรดาผู้คนทั้งหมดร่วมกันบริจาคทาน โดยไม่มีผู้ใดคงเหลืออยู่เลยที่เมืองมะดีนะฮ์ นอกจาก ชายสองคนที่คล้ายกับคนมาจากสเปน(อันดะลูส) ที่อาศัยอยู่ในด้านหนึ่งของห้องท่านนบี(ซ.ล.)ที่อยู่นอกมัสยิด ซึ่งอยู่ ณ ที่พำนักของวงค์วานท่านอุมัรอิบนุค๊อฏฏอบ อันเป็นทราบกันดีไปปัจจุบันว่า ดารฺ อัลอะชะเราะฮ์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม) ชายสองคนกล่าวว่า เราได้มาถึงที่นี้ เพื่อทำการเคลื่ยนย้ายท่านนบี(ซ.ล.)ออกจากห้องที่มีเกียตรินี้ ท่านนูรุดดีน ซังกีย์ พบว่า ทั้งสองได้การเจาะขุดเป็นอุโมงใต้ดิน จากด้านใต้ของกำแพงมัสยิดด้านหน้า โดยทั้งสองเอาดินไปถมบ่อที่บ้านของเขาทั้งสองอาศัยอยู่ ดังนั้น ท่านนูรุดดีน ซังกีย์ จึงสั่งให้ประหารทั้งสอง" ดู หนังสือ ตีรีค อัลมะดีนะฮ์ ของท่าน อัลมะเฏาะรีย์ เล่ม 3 หน้า 507 – 508 , หนังสือ วะฟาอฺ อัลวะฟาฮ์ บิ อัคบารฺ ดารุลมุสเฏาะฟา ของท่าน อัซซัมฮูดีย์ เล่ม 2 หน้า 430 – 435 , หนังสือ อัตตั๊วะหฺฟะฮ์ อัชชะรีฟะฮ์ ฟี ตารีค อัลมะดีนะอ์อัชชะรีฟะฮ์ ของท่าน อัศศะคอวีย์ เล่ม 1 หน้า 45

ท่านอิบนุกะษีรได้กล่าวประวัติคุณความดีงามของท่าน นูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์ ได้ตอนหนึ่งว่า

ذلك كله بإشارة الشيخ الصالح العابد عمر الملا ، وقد كان له زاوية يقصد فيها وله فى كل سنة دعوة فى شهر المولد يحضر فيه عنده الملوك والأمراء والعلماء والوزراء ويحتقل بذلك

"ดังกล่าวทั้งหมดนั้น ด้วยการแนะนำของ ชัยค์ที่มีคุณธรรม ผู้เคร่งครัดในอิบาดะฮ์ คือ ท่านอุมัร อัลมุลลา โดยที่เขาจะมีมุมหนึ่งที่เขาจะมุ่งไป(ทำอิบาดะฮ์) และสำหรับ ท่านนูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์ นั้น จะมีการเชื้อเชิญแขกมาในเดือนที่ท่านนบีประสูตทุกๆ ปี โดยมีบรรดากษัตริย์ บรรดาเจ้าชาย บรรดานักปราชญ์ และบรรดารัฐมนตรี ได้มา(ตามการเชื้อเชิญ)มาในเดือนเมาลิด(ทานนบี) แล้วท่านนูรุดดีน มะหฺมูด ซังกีย์ ก็ทำการฉลองเดือนเมาลิดนบีดังกล่าว" ดู หนังสือ อัลบิดายะฮ์ วันนะนิฮายะฮ์ เล่ม 12 หน้า 263

เราสังเกตุได้ว่า ท่าน นูรุดดีน มุหฺมูด ซังกีย์ นั้น เป็นกษัตริย์ที่รักบรรดาอุลามาอ์และผู้ที่มีคุณธรรมทั้งหลาย และท่านเองก็ทำเมาลิดนบี(ซ.ล.)

ท่านอิบนุกะษีร กล่าวระบุไว้ว่า

الملك المظفر أبو سعيد كوكبري ، أحد الأجواد والسادات الكبراء والملوك الأمجاد له آثار حسنة وكان يعمل المولد النبوي الشريف في ربيع الأول ويحتفل به احتفالاً هائلاً ؛ وكان مع ذلك شهماً شجاعاً فاتكاً عاقلاً عادلاً ، رحمه الله وأحسن مثواه   


" กษัตริย์ อัลมุซ๊อฟฟัร อบูสะอีด กูกูบรีย์ หนึ่งจากบรรดาผู้ใจบุญศุลทาน เป็นหัวหน้าที่ยิ่งใหญ่ และเป็นกษัตริที่มีเกียรติ ซึ่งเขามีบรรดาผลงานที่ดีงาม เขาได้ทำเมาลิดนบี(ซ.ล.)ที่มีเกียตริ ในเดือนร่อบิอุลเอาวัล โดยเขาได้ทำการฉลองเมาลิดนบี(ซ.ล.) อย่างยิ่งใหญ่ และพร้อมกับสิ่งดังกล่าวนั้น เขาเป็นผู้ที่ชาญฉลาด กล้าหาญ ชาญชัย มีสติปัญญาดี และมีความยุติธรรม ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาแก่เขา และทรงประทานความดีงามแก่พี่พำนักของเขา" ดู หนังสือประวัติศาสตร์ อัลบิดายะฮ์ วัน นะฮายะฮ์ ของท่านอิบนุกะษีร เล่ม 13 หน้า 136

ท่านอัลหาฟิซฺ อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวถึง กษัตริย์ อัลมุซ๊อฟฟัร ว่า

كان متواضعا خيرا سنيا ، يحب الفقهاء والمحدثين وقد جمع له ابن دحية كتاب المولد فأعطاه ألف دينار

"ท่านอิบนุ เดี๊ยะหฺยะฮ์ได้ทำการประพันธ์เกี่ยวกับหนังสือเกี่ยวกับเมาลิดนบีให้แก่กษัตริย์มุซฺ๊อฟฟะรุดดีน แล้วได้มอบทองหนึ่งพันดีนารได้กับท่านอิบนุเดี๊ยะหฺยะฮ์ และแล้วเขา(กษัตริย์มุซฺ๊อฟฟะรุดดีน)นั้น เป็นผู้ที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นคนดี ยึดซุนนะฮ์ รักบรรดานักปราชญ์ฟิกห์ และนักปราชญ์หะดิษ" ดู ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 22 หน้า 336

ท่านผู้อ่านที่เคารพโปรดพิจารณาครับว่า ท่านอิบนุกะษีร และท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวแก่ กษัตริย์ อัลมุซ๊อฟฟัรว่า เป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีความยุติธรรม ทั้งที่เขาทำเมาลิดนบี(ซ.ล.) และบรรดานักหะดิษแห่งโลกอิสลามมากมายที่มีทัศนะในการทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 06, 2012, 11:49 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ชีอะฮ เริ่มต้น เมาลิด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.ย. 27, 2007, 10:26 AM »
0
หลักฐานเชิงประวัติศาสตร์ของผู้คัดค้าน

หลักฐานที่ดีที่สุดสำหรับผู้คัดค้านในการแอบอ้างว่า ผู้ริเริ่มทำเมาลิด คือ ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ ชีอะฮ์อิสมาอีลียะฮ์ โดยยึดคำพูดของท่าน อัลมุกรีซีย์ (เสียชีวิตปี 845 ฮ.ศ.) ในหนังสือ อัลมะวาอิซฺ วะ อัลเอี๊ยะติบาร บิ ซิกร อัลคุฏ๊อฏ วะ อัลอาษาร ซึ่งเป็นหนังสือที่รู้จักกันในนาม อัลคุฏ๊อฏ อัลมุกรีซียะฮ์ของเขา ว่า

"ในตลอดทั้งปีนั้น บรรดาคอลิฟะฮ์ ได้มีบรรดาวันอีดและเทศกาลต่างๆ คือ เทศกาลต้นปี , เทศกาลวันแรกของปี , วันอาชูรออ์ , เมาลิดนบี(ซ.ล.) , เมาลิดท่านอาลี(ร.ฏ.) , เมาลิดท่านอัลหะซัน , เมาลิดท่านอัลหุซัยน์ , เมาลิดท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ , เมาลิดคอลิฟะฮ์ปัจจุบัน , คืนแรกของเดือนร่อญับ , คืนนิศฟูร่อญับ , คนแรกของเดือนชะบาน , คืนนิสฟูชะอ์บาน , เทศกาลคืนรอมะฏอน , เทศกาลช่วงแรกของรอมะฏอน , เทศกาลปูโต๊ะเลี้ยงอาหารเดือนรอมะฏอน , คืนสุดท้ายร่อมะฏอน , เทศกาลอีดฟิตร์ , เทศกาลอีดอัฏหา , อีดฆ่อดีร , เทศกาลสวมเสื้อฤดูหนาว , เทศกาลสวมเสื้อฤดูร้อน , เทศกาลพิชิตคราบสมุทรอาหรับ , เทศกาลปีใหม่ของเปอร์เซีย , เทศกาลพิธีฉลองการเสด็จลงมาของเยซู , เทศกาลวันคริสต์มาส , เทศกาลค่อมีสอะดัส , เทศกาลบรรดาวันร่อกูบาต" ดู หนังสือ อัลคุต๊อฏ อัลมุกรีซียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 384

ข้อสังเกตุจากคำกล่าวของท่าน อัลมุกรีซีย์

1. จากคำพูดของท่าน อัลมุกรีซีย์ ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ราชวงศ์ฟาฏิมีย์ คือบุคคลแรกที่ทำการเฉลิมฉลองเมาลิดท่านนบี(ซ.ล.) และคำกล่าวของท่านอัลมุกรีซีย์นั้น ได้พูดแบบรวมๆ ว่าการเฉลิมฉลองเมาลิดนบี(ซ.ล.)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากเทศกาลต่างๆ ที่บรรดาคอลิฟะฮ์ฟาฏิมีย์ให้การควบคุมดูแล แต่ถ้าหากว่าพวกเขาเป็นบุคคลแรกที่ริเริ่มการทำเมาลิดขึ้นมา แน่นอนว่า ท่านอัลมุกรีซีย์ต้องกล่าวออกมาอย่างชัดเจนและชัดถ้อยชัดคำลงไป อย่างเช่นวันอีดนัสร์ عيد النصر (เทศกาลวันแห่งชัยนะ) ในหัวข้อที่ว่า "ในวันที่ 16 เดือนมุหัรรอม คอลิฟะฮ์ อัลหาฟิซฺ ลิดีนิลลาฮ์ ได้จัดการเกี่ยวกับวันอีดนัสร์ เพราะเป็นวันที่เขาได้ออกมาจากที่ทำการและได้ปฏิบัติสิ่งที่ได้ถูกปฏิบัติกันเหมือนกับวันเทศกาลต่างๆ " ดู หนังสือ อัลคุต๊อฏ อัลมุกรีซียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 385

2. หลักฐานจากคำกล่าวของท่านอัลมุกรีซีย์นั้น เป็นเพียงการนำเสนอแบบทั่วไปๆ เกี่ยวกับวันอีดและเทศกาลต่างๆ ที่บรรดาคอลิฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์ให้การดูแล ซึ่งไม่ใช่ระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลแรกที่ริเริ่มทำเมาลิดนบีขึ้นมา และส่วนหนึ่งจากบรรดาวันอีดและเทศกาลต่างๆ ที่ท่านอัลมุริซีย์ได้ระบุไว้ คือบรรดาวันอีดหรือวันเทศกาลของชาวคริสต์ เช่นวันคริสตร์มาส ซึ่งท่านอัลมุกรีซีย์ ได้กล่าวว่า "มันเป็นวันที่ท่านอีซา บุตร พระนางมัรยัม (อะลัยฮัสลาม)ได้ประสูติ ซึ่งชาวคริสต์เอาคืนของวันดังกล่าวเป็นวันเฉลิมฉลองคริสต์มาสและชาวคริสต์อียิปต์ได้ทำการเฉลิมฉลองในวันที่ 29 และวันเทศกาลพิธีฉลองการเสด็จลงมาของเยซู ซึ่งเป็นวันเทศกาลของชาวคริสต์อียิปต์ได้ฉลองกันในวันที่ 21 และวัน ค่อมีส อัลอะดัส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากเทศกาลของชาวคริสต์อียิปต์" ดู หนังสือ อัลคุต๊อฏ อัลมุกรีซียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 391

ดังนั้น บรรดาวันอีดและเทศกาลของชาวคริสต์เหล่านี้ เป็นวันที่ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ได้อุตริและริเริ่มทำขึ้นมาหรือไม่?? ซึ่งจะเสมือนกับผู้ที่เอาคำกล่าวของท่านอัลมุกรีซีย์มาอ้างเกี่ยวกับเรื่องเมาลิดนบีด้วยกระนั้นหรือ??

3. หลักฐานจากคำกล่าวของท่านอัลมุกรีซีย์นั้น เป็นการเพียงนำเสนอแบบทั่วไปๆ สำหรับวันอีดและเทศกาลต่างๆ ที่บรรดาคอลิฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์ให้การดูแล ซึ่งไม่ใช่ระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลแรกที่ริเริ่มทำเมาลิดนบีขึ้นมา และส่วนหนึ่งบรรดาวันอีดและเทศกาลต่างๆ ที่ท่านอัลมุริซีย์ได้ระบุไว้ คือวันอีดิลฟิตร์ และอีดิลอัฏฮา แล้ววันอีดทั้งสองนี้ ราชวงศ์อัลฟาฏิมียะฮ์เป็นผู้ริเริ่มทำขึ้นมาหรือไม่??

ท่านอัลมุกรีซีย์ ได้กล่าวเกี่ยวกับวัน "อีดอัลฆ่อดีร" ว่า "ท่านพึงทราบเถิด วันอีดฆ่อดีรนั้น ไม่ใช่เป็นวันอีดตามหลักการของศาสนา และไม่มีสะลัฟของประชาชาติอิสลามคนใดได้กระทำขึ้น และอีดฆ่อดีรนี้ เป็นที่รู้จักกันครั้งแรกในอิสลาม ที่อิรัก ในสมัยของ มุอิซฺ อัลเดาละฮ์ อาลี บิน บุวัยฮ์ (แห่งราชวงศ์ บุวัยฮ์ชีอะฮ์เปอร์เซีย) ซึ่งเขาได้ริเริ่มทำมันขึ้นมาในปี 352 ฮ.ศ. ตั้งแต่นั้นพวกชีอะฮ์จึงนำมาทำเป็นวันอีดของพวกเขา...จากนั้น อัลมุอิซฺ (ลิดีนิลและฮ์)(กษัตริย์ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์) รู้สึกประทับใจต่อสิ่งดังกล่าวจากการกระทำของพวกเขา(ที่อิรัก) และวันอีดฆ่อดีรจึงถูกทำขึ้นมาครั้งแรกในอียิปต์!!" ดู หนังสือ อัลคุต๊อฏ อัลมุกรีซียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 222 - 223

วิจารณ์

ตัวบทที่ท่านอัลมุกรีซีย์ได้ระบุไว้นี้ เราจะสังเกตุได้ว่า ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ ไม่ได้ริเริ่ม อีดอัลฆ่อดีร ขึ้นมา แต่ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ฉลองวันอีดฆ่อดีรขึ้นมาโดยสือทอดการอุตริกรรมขึ้นมาของพวกมุวัยฮียูนชีอะฮ์เปอร์เซียที่ครองอิรักอยู่ในสมัยนั้น หากเราได้ศึกษาภูมิหลังประวัติศาสตร์ระหว่างราชวงศ์(ชีอะฮ์)ฟาฏิมีย์และราชวงศ์บุวัยฮียูน(ชีอะฮ์เปอร์เซีย)แล้ว ก็จะทราบถึงความสัมพันธ์อันอย่างแนบแน่นระหว่างพวกเขา เพราะฉะนั้นหากว่าราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์เป็นผู้ริเริ่มทำเมาลิดนบีขึ้นมา แน่นอน ราชวงศ์บุวัยฮิยูนก็ต้องทำเมาลิดขึ้นมาด้วยที่อิรัก(แบกแดด) แต่ไม่มีตำราประวัติศาสตร์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์สักเล่มเดียวที่ระบุว่า ราชวงศ์บุวัยฮียูน(ชีอะฮ์เปอร์เซีย) ได้ทำเมาลิดนบี(ซ.ล.) แต่ในทางตรงกันข้าม เราจะพบว่าการฉลองอีดฆ่อดีร ที่พวกอัลบุวัยฮิยูนได้อุตริขึ้นมานั้น ได้สืบทอดกระทำจากแบกแดดไปยังอียิปต์

แต่ตำราประวัติศาสตร์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ได้ระบุได้อย่างชัดเจนว่า ท่านชัยค์ อุมัร อัลมุลลา คือบุคคลแรกที่ทำเมาลิดในรูปแบบเฉลิมฉลองขึ้นและกษัตริย์ มุซ๊อฟฟะรุดดีน ได้ปฏิบัติตาม ดังนั้น จึงไม่เป็นที่สงสัยว่า การถ่ายทอดของท่านอัลมุกรีซีย์นั้น ไม่ได้เป็นหลักฐานระบุว่าราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์เป็นบุคคลแรกที่ริเริ่มการทำเมาลิดขึ้นมาได้เลย

ท่าน อัชเชากานีย์ ได้กล่าวถึงท่าน อัลมุกรีซีย์ ไว้ในหนังสือ อัลบัดร์ อัลฏอเลี๊ยะอฺ จากการกล่าวถึงประวัติของท่านอิบนุค๊อลดูน ว่า

"ท่านอิบนุหะญัร กล่าวว่า เป็นที่แปลกใจว่า มิตรสหายของเรา ที่ชื่อ อัลมุกรีซีย์ ได้ให้เกียรติกับท่านอิบนุค๊อลดูนอย่างเลยเถิด เพราะท่านอิบนุค๊อลดูนมั่นใจว่า สายตระกูลของ บนี อะบัยดุดดีน ที่เป็นคอลิฟะฮ์(ฟาฏิมียะฮ์)ที่อียิปต์(ว่าสืบเชื้อสายจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อะลัยฮัสลาม) และบรรดานักปราชญ์ท่านอื่นมีความเห็นขัดแย้งกับท่านอิบนุค๊อลดูน และท่านอัลมุกรีซีย์ทำการคัดค้านบรรดานักปราชญ์ที่ทำการตำหนิเชื้อสายของพวกเขา(ว่าไม่ใช่สืบเชื้อสายจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์)....และท่านอัลมุกริซีย์ได้สังกัดโน้มเองไปยังพวกฟาฏิมียะฮ์ ดังนั้น ท่านอัลมุกรีซีย์ จึงชอบท่านอิบนุค๊อลดูนเพราะเขาได้ยอมรับถึงสายตระกูลของพวกฟาฏิมียะฮ์..." ดู หนังสือ อัลบัดร์ อัลฏอเลี๊ยะอฺ เล่ม 1 หน้า 337 ของท่านอัชเชากานีย์

วิจารณ์

ท่าน อัศศักคอวีย์ ได้ทำการกล่าวประวัติของอัลมุกรีซีย์ ไว้ในหนังสือ อัฏเฏาอุ อัลลาเมี๊ยะอฺ เกี่ยวกับการวิจารณ์ถึงความไร้น้ำหนักจากหลักสูตรของท่านอัลมุกรีซีย์ ในการทราบถึงความลึกซึ้งของแง่ต่างๆ ทางประวัติศาสตร์และไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และพร้อมกับสิ่งดังกล่าวนั้น ท่านอัลมุกรีซีย์ได้ยึดคำบอกเล่าจากผู้ที่ไม่ได้รับความเชื่อถือโดยไม่มีการอ้างอิงถึงเลย แม้กระทั่งเรื่องเชื้อสายของพวกฟาฏิมียะฮ์

4. การถ่ายทอดของท่าน อัลมุกริซีย์ ในการกล่าวถึงเรื่องเมาลิดนบีนั้น ย่อมไร้น้ำหนัก เพราะว่าท่านอัลมุกรีซีย์ไม่ได้อยู่ร่วมสมัยกับราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ เพราะท่านอัลมุกรีซีย์เสียชีวิตเมื่อปี 845 ฮ.ศ. และราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์สิ้นสุดอำนาจเมื่อปี 567 ฮ.ศ. ซึ่งระยะเวลาห่างช่วงกันประมาณ 300 ปี

5. นักประวัติศาสตร์ผู้ได้รับความเชื่อถือที่อยู่ในยุคสมัยก่อนจากท่านอัลมุกรีซีย์ อย่างเช่น ท่านอบูชามะฮ์ (ผู้อยู่ร่วมสมัยของฟาฏิมียะฮ์) ท่านอิบนุกะษีร และท่านอัซซะฮะบีย์ ไม่ได้กล่าวระบุไว้เลยว่า ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ คือบุคคลแรกที่ริเริ่มทำเมาลิดนบี(ซ.ล.) ขึ้นมา แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาได้ยืนยันว่าท่านชัยค์ อุมัร อัลมุลลา ได้ริเริ่มทำขึ้นมา และกษัตริย์ อัลมุซ๊อฟฟัร เจ้าแห่งเมืองอิรบิลได้เจริญรอยตาม เพราะฉะนั้น การถ่ายทอดทางประวัติศาสตร์ของท่านอัลมุกรีซีย์จึงแหวกแนวและขัดกับนักประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมากกว่า

จากสิ่งที่ผมได้นำเสนอมา สามารถสรุปได้ดังนี้

1. ไม่มีตำราประวัติศาสตร์ดั้งเดิม(อัสลีย์)ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์เล่มใด ระบุอย่างชัดเจนว่า กษัตริย์คนใดของราชวงค์ฟาฏิมีย์ เป็นคนแรกที่ริเริ่มทำเมาลิดอย่างเป็นทางการขึ้นมา ?

2. การยกอ้างการทำเมาลิดอย่างเป็นทางการ แก่ราชวงศ์ฟาฏิมีย์นั้น ไม่มีข้อยืนยันทางประวัติศาสตร์ที่ซอฮิหฺเลยแม้แต่น้อย ?

3. การยืนยันคำกล่าวอ้างว่า ราชวงศ์ฟาฏิมีย์เป็นบุคคลแรกในการทำเมาลิดนั้น เป็นการกล่าวอ้างที่แวกแนว เนื่องจากเป็นการกล่าวอ้างที่ขัดกับประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนกว่า และขัดกับสิ่งที่เลื่องลือมากกว่าจากบรรดานักปราชญ์ที่เชื่อถือได้ เช่น ท่านอิบนุกะษีร ท่านอัซซะฮะบีย์ และท่านอบูชามะฮ์ อาจารย์ของอิมามอันนะวาวีย์ เป็นต้น

4. การกล่าวอ้างว่า มุอิซลิดีนิลลาฮ์ กษัตร์ราชวงศ์ฟาฏิมีย์ เป็นคนแรกที่ทำเมาลิดนบีอย่างเป็นทางการนั้น ไม่มีตำราฉบับดั้งเดิม(อัศลีย์) ใด ที่ระบุไว้อย่างนั้น ? แต่มีตำราบางเล่มในยุคหลังได้บันทึกอย่างนั้น โดยที่ไม่สามารถอ้างอิงด้วยสายรายงานทางประวัติศาสตร์ที่ซอฮิหฺมายืนยัน และตำรายุคหลังที่ห่างไกลจากยุคฟาฏิมีย์เป็นพันปี ได้บันทึกประวัติศาสตร์การทำเมาลิดของ มุอิซลิดีนิลและฮ์นั้น ได้ใช้หลักการของการเอาตนเองเข้าไปจิตนาการอยู่ร่วมกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์โดยมีการคาดการณ์ว่าสิ่งนั้นน่าจะเกิดอย่างนั้น อย่างนี้ ย่อมไม่ใช่เป็นหลักการรายงานประวัติศาสตร์ตามทัศนะของอิสลาม แต่เป็นหลักการอธิบายประวัติศาสตร์แบบนักบูรพาคดี

5. เราต้องไม่ปักใจเชื่อคำโพธนาชวนเชื่อของผู้ที่คัดค้านแอบอ้างโดยว่าชีอะฮ์เป็นบุคคลแรกที่ทำเมาลิดนบี(ซ.ล.)

والله تعالى أعلى وأعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 01, 2015, 12:12 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged