พี่น้อง ร่วมมัสหับและต่างมัสหับครับ..
สิ่งที่ผมนำเสนอ..มานั้นคือ เริ่มแรก หรือ ที่มาของผู้ที่เริ่มคิดและแบ่งแยกทัศนะ จาก4 ทัศนะออกเป็น5ทัศนะ..
.โดยแนวความคิดของ
ท่านอีหม่ามอิบนุ ตัยมียะ เพื่อให้พี่น้องได้เริ่มรู้จักและแยกแยะว่า ต้นเหตุที่มีของทัศนะใหม่หรือวะฮาบีย์นั้นมีแหล่งมาจากไหน และเกิดขึ้นเมื่อไหร่และใครคือเริ่มแรกในแนวสำนักความคิดใหม่นี้...
จากการนำเสนอข้างบน ซึ่งพอจะสรุปคร่าวๆได้ว่า
เริ่มแรกในอดีตนั้นทัศนะต่างๆที่มีความเด่นชัดนั้นมีมาในช่วง ระหว่าง ปีฮิจเราะที่100-250
ซึ่งก่อนหน้านั้น ทัศนะต่างๆเริ่มมีตั้งแต่ท่านบีได้เสียชีวิตไปแล้ว..เช่นในประวัติศาตร์ได้บอกว่า ในยุคนั้น มุสลิมมีความเจริญมาก และผู้คนต่างกระจัดกระจายกันอยู่ คนละแห่งในพื้นที่ต่างๆเพีราะต่างอาชีพและภูมิประเทศบางก็อยู่ในอีรัก บางอยู่กูฟะ บางอยู่มาดีนะ บางอยู่มักกะฮ์ บางอยู่ ซีเรีย เป็นต้น ดังนั้นเมื่อผู้คนต่างแยกย้ายอยู่ตามภูมิลำเนาเพื่อประกอบอาชีพตามที่พระองค์ประทานริสกีหรือความถนัดให้กับมนุษย์ในแต่ละพื้นที่แต่ละเมือง
บรรดาผู้รู้หรือซอฮาบะก็เช่นกัน หลังจากสิ้นยุคท่านนบีแล้ว เมื่อเกิดปัญหาใดๆเกี่ยวกับศาสนา คอลีฟะผู้ปกครอง ยังต้องทำหน้าที่ ชี้แจงปัญหาต่างๆที่ผู้คนไม่เข้าใจอีกด้วย เช่น
สมัยอบูบักร์ (รด)เมื่อเกิดปัญหาพิพาทต่างๆที่ไม่ปรากฏในอัลกรอานและซุนนะนบี
ผู้คนก็ต้องฟังคำวินิจฉัยในประเด็นบางอย่างที่ไม่เคยมีในสมัยท่านบีจากทัศนะหรือความคิดเห็นของท่านอบูบักร์
และในสมัยของท่านท่านอุมัร(รด)ท่านอุสมาน(รด) ท่านอะลี(รด).ก็เช่นเดียว ซึ่งต่างก็มีประเด็นปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าด้วยปัจัยเอื่ออำนวยทางความคิดและความเจริญของวัตถุและวัฒนธรรมหรือข้อแปลกแยกต่างๆ..ท่านอะลีเองก็เคยมีการตัดสินหลายๆอย่างในสมัยของท่าน ซึ่งประเด็นที่เกิดขึ้นก็ไม่เคยมีในสมัยท่านนบีและคอลีฟะทั้ง3
..เมื่อสิ้นยุคคุลีฟะทั้ง4 ก็มายุคของท่านมุอาวิยะ ..บรรดาผู้คนก็มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดคือ....จากฮาดิส.ที่รายงานจากอบูดาวุด..และท่านนาซาอี..
เกี่ยวการดูจันทร์เสี้ยวที่อยู่คนละตัวเมือง..เพื่อถือศีลอดในสมัย ท่านมุอาวียะ.โดย..ผู้คนที่อยู่ซีเรียเห็นดวงจันทร์ในค่ำวันศุกร์....แต่เมืองมาดีนะ ท่านอับดุลลออ์เห็นในวันเสาร์และผู้คนในมาดีนะก็ถือบวชในวันเสาร์..
และท่านอับดุลลอ์ บุตรของท่านอับบาสฯลฯ...ซึ่งมีความเห็นแตกต่างกันในวันถือศีลอดกับท่านมุอาวียะ...แต่สุดท้ายท่านกล่าว่า ..อย่างนี้แหละที่ท่านรอซุ้ลใช้เรา.
ซึ่งเขาเหล่านั้นก็ต่างยอมรับความคิดเห็นที่มันเกิดขึ้นในช่วงนั้น ..โดยต่างก็วินิจฉัยไปตามสถาณการณ์
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต กับที่มาของมัสหับ..ด้วยความแตกต่างกันในการยึดถือ..โดยไม่โจมตีและกล่าวหาว่าใครผิดหรือถูก...แต่สุดท้ายด้วยคำพูดซอฮาบะเหล่านั้นที่เหมือนกันก็คือ นั้นแหล่ะสิ่ง ที่ท่านนบีใช้เรา..
หลังจากนั้นถัดมา บรรดาซอฮาบะและผู้รู้ต่างๆ มีภาระรับผิดชอบและต่างกระจัดกระจายกัน..บางก็เผยแพร่ศานสนา โดยการสอนหนังสือ บางก็ออกไปอยู่ในความวิเวกบางก็มีลุกศิษบย์ลูกหามากมาย บรรดาซอฮาบะที่มีความรู้ตามที่ประวัติศาตร์บอกนั้นประมาณบางก็ว่า130-135 คนเช่น ท่าน ท่านอิบนิมัสอูด ท่านอิบนอุมัร ท่านอบูรอยเราะ ท่านอนัส ท่านซัลมาล(รด)...
ต่างก็แยกย้ายกันทำหน้าที่เผยแพร่สิ่งที่ตนได้รับมาจากท่านบีโดยตรงบ้างจากคำบอกกล่าวของบรรดาซอฮาบะด้วยกันบ้าง..จนบางครั้งการปฏฺบัติบางอย่างแทบจะไม่เหมือนกัน เช่น สำเนียงการอัลกรุอาน ในแต่ละหัวเมือง..การกระทำบางอย่างก็แตกต่างกันก็มีมากมาย...
มายุคของอีหม่ามทั้ง4 เขาเหล่านั้น ต่างก็เดินตามแบบฉบับของบรรดาผู้รู้ในยุคก่อน เช่น..ท่านอบูฮานีฟะ เกิดปีฮศ.80เสียชีวิตฮศ.150 ช่วงศตวรรษที่2 หรืออยู่ในช่วงของบุคคลที่ท่านนบีกล่าวถึงความประเสริฐในยุค 300ปี .ท่านมาทันกับเหล่าตาบีอีนบางคน..ซึ่งบางคนท่านก็ไม่ได้พบด้วยตัวเองแต่จากการบอกกล่าว..ทอดๆกันมา.....