ผู้เขียน หัวข้อ: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์  (อ่าน 52854 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« เมื่อ: ต.ค. 26, 2006, 12:05 PM »
0

อัสลามูอาลัยกุมฯ

พี่น้องครับ .เป็นที่ทราบกันมาตั้งแต่อดีตแล้วว่า ก่อน ปีฮิจเราะที่300ปีถัดมา นั้นบรรดาผู้มีความรู้ด้านฟิกฮ์ในสมัยนั้น ต่างก็เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางโดยนักปราชญ์มุสลิมทั่วโลก  ไม่ว่า

ท่านอีหม่าม ฮะนาฟี  ท่านอีหม่ามมาลิกี ท่านอีหม่าม ชาฟีอี ดาวุดซอฮีรีย์ ท่านอีหม่ามอัชเชารี ท่านอีหม่ามฮัมบาลี  ฯลฯและบรรดานักฟิกฮ์ที่สืบเจตนารมณ์ยุคหลังๆก็มีมากเช่นผู้ที่ตักลีดตามทัศนะของท่านอีหม่ามชาฟีอี ไม่ว่า อีหม่ามฆอซาลี  ฮีหม่ามรอฟี     อีหม่ามนาวะวีย์   อีหม่ามอิบนุฮะญัร-อัลฮัยตามี  อีหม่ามรอมลี  เป็นต้น

ท่านเหล่านี้คือ ผู้ที่มีความรู้ทั้งในด้านฟิกฮ์และอากีดะซึ่งเป็นที่รู้จักยอมรับในชื่อเสียงของบุคคลผู้ทรงเกียตริเหล่านี้...

หลักการสำคัญของของผู้รู้เหล่านั้นคือ

ยึดตาม กิตาบุลลอฮ์ และซุนนะนบี เป็น2สิ่งแรก

ซึ่งทัศนะท่านเหล่านั้นต่างก็ดำเนินชีวิตที่ สอดคล้องกับ สิ่งที่ท่านนบีใช้ ก่อนที่ท่านจะจากเราไปคือซึ่งท่านกล่าวว่า  ..หลังจากฉันจากไปแล้ว...ทั้งหลายก็จะพบความขัดแย้งมากมาย....และฉันจะทิ้งสิ่งทั้งสองไว้ คือ อัลกรอาน และซุนนะชของฉัน....เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่หลงทาง.........และจงปฏิบัติมัน.....บุคอรี..

แต่บางอย่างที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับศาสนาโดยตรง   กับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจุบันหรืออดีตก็ตาม โดยบางครั้งไม่มีในสมัยท่านนบี ...บรรดาผู้รู้เหล่านั้นก็ต่างค้นคว้าและสืบเสาะ จากการกระทำของบรรดาซอฮาบะที่ดี จากตาบีอีน จากตาบีอีตตาบีอีน หรือ จากบุคลที่ชาวสลัฟที่ดี
...ในการแก้ปัญหาศาสนาของพระองค์เกิดทางตัน.จนไม่สามารถแก้ไขได้..

จะเห็นว่าจากบรรดาเจ้าของทัศนะที่กล่าวมาแล้วนั้นล้วนไม่ได้คิดหรือสร้างเหตุผลขึ้นมาเองเลย แต่ตรงกันข้าม พวกเขารอบคอบในการค้นคว้าและวินิจฉัย...

เช่น สิ่งใดที่ไม่มีจากอัลกรุอ่าน พวกเขาก็ค้นหาจากอัลฮาดิสหรือซุนนะของท่านฉนั้นการที่นักมุฮาดีษีนทำการวิจัยฮาดีสนั้นถึงว่าเขามากด้วยความพยายามที่จะค้นหาความจริงกับศาสนาของพระองค์ด้วยความอิคลาสใจ...

ตัวอย่าง
ท่านอีหม่ามชาฟีอี(รฮ)เมื่อ ท่านพบปัญหาสักอย่างที่ไม่สามารถค้นหามาจากอกีตาบุลลออ์และซุนนะบีได้แล้ว สิ่งที่ท่านทำต่อไปคือ..อิจมะฮ์มุตาญิด...แต่ถ้าไม่มีสิ่งนั้นท่านก็จะใช้หลักการเปรียบเทียบ..(กิยาส)  ว่าสามารถกระทำได้หรือไม่
ท่านอีหม่ามฮัมบาลี (รฮ)ก็เช่นกัน สิ่งใดที่ไม่มีพบจากกีตาบุลลออ์และซุนนะบี  ท่านก็จะเอาคำฟัตวาของสาวกนบี ถัดจากสองสิ่งนั้น รองลงมาคือ ฮาดีสมุรซาลและฮาดีสดออีฟ.และถัดมาคือ การกิยาส..


เราจะพบว่า...ถ้าสิ่งใดที่ไม่ปรากฏข้อห้ามข้อใช้ อย่างชัดเจน แล้ว ท่านเหล่านั้นจะทิ้งปัญหานั้นให้พ้นไปโดยให้ผ่านมาถึงมือเราเลย  แต่ทุกอย่าง ต้องได้รับการตรวจสอบและค้นคว้าเสมอ
......................................................................................................

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ต.ค. 26, 2006, 12:14 PM »
0
ฉนั้น การที่มีทัศนะใหม่บางทัศนะอ้างถึง.การไม่ยอมรับความคิดเห็นผลงานของเขาโดยไม่รับทัศนะจากผู้รู้ทั้ง4 ของบรรดาอุลามะในยุคก่อน300ปีนั้น
....
จึงไม่แปลกเลยที่เราขอกล่าวว่า นั้นคือ..บิดอะฮ์ที่เกิดขึ้นในยุคหลังกับปฏิเสธผู้รู้หรืออุลามะในอดีต ...และแท้จริงเขาเป็นคนหนึ่งที่ค้าน กับซุนนะท่านนบี ที่กล่าวว่า...  อุมะของฉันดีที่สุดก็คือ ในยุคของฉัน  และถัดมา และรองลงมา..
บรราดาผู้มีความรู้ส่วนมากไม่มีใครปฏิสธว่า ..100ปีแรกนั้น คือตั้งแต่สมัยท่านนบีและบรรดาซอฮาบะที่ใช้ชีวิตอยู่....และ100ปีถัดมาคือ บรรดาผู้ทีมาทันซอฮาบะคือตาบีอี...และ100ปีหลังสุดคือ บรรดผู่ทีมาทันตาบีอีนคือเหล่าตาบีอิตตาบีนหรือคนสลัฟ...ดังนั้น รายชื่อของ อีหม่ามดังกล่าวที่มีอายุ300ปี ขึ้นไปนั้นย่อม ไม่มีใครปฏิเสธถึงความปรัเสริฐของพวกเขาเช่นกัน  คือเจ้าของทัศนะหรืออีหม่ามทั้ง4...

....แต่หลังจากนั้นประมาณ 400ปี..สเมือนเป็นการทดสอบของอัลลออ์ตะอาลา..

จู่ๆก็มีสำนักความคิดใหม่..ที่อุตริกรรมขึ้นมาโดยอุลามะยุคหลังท่านหนึ่งในประเทศซีเรีย ดินแดนที่ท่านมุอาวิยะปกครองในอดีต ท่านผู้นี้คือ อะหมัด ตะกียะยุดดีน......บินอับดุลลาห์..
ในตระกูล..อิบนุตัยมียะ...ชื่อนี้มาจากพี่ชายของเขาที่ชื่อว่า มุฮำมัด บินอัลคอดาร..โดยเอาตระกูลนี้จากการเส้นทางที่เดินทางไปทำฮัจย์ชื่อว่า ตัยมาฮ์....และหลังจากกลับจากทำฮัจย์ เขามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อตัยมียะ....ดังนั้นเชื่อสายและตระกูลจึงถุฏเรียกว่าตัยมียะ..ตั้งแต่นั้นมา

อะหมัด ตะกายุดีนหรือท่านตัยมียะนั้น เกิดที่หมู่บ้าฮาเราในปาเสตไตน์ ..วันที่10 เดือนรอบีอุลเอาวัล คศ.661

ตอนเด็กๆก็เรียนหนังสือจากพ่อของเขาชื่อ ซีฮาบุดดีน..ซึ่งเป็นอุลามะคนหนึ่งที่สังกัดมัสหับฮัมบาลี(รฮ)ในสมัยนั้นและปู่ของเขาที่ชื่อว่ามัญดุดีดีนก็เช่นเดียวกัน

อายุ7ขวบ ครอบครัวของท่านก็ได้ย้ายไปอญุ่ที่เมืองดาซิก(ซีเรีย)เพราะหมู่บ้านของเขาโดนคุกคามจากพวกตารตาฮ์ (จีนมองโกลจากแผ่นดินใหญ่)ซึ่งได้ยึดแบคแดดก่อนหน้านั้นแล้ว..


ก่อนหน้านั้นเป็นที่ทราบแล้วว่า ในดามซิกนั้นมีมุสลิมทั้ง3มัสหับ คือ ฮัมบาลี ชาฟีอี และมาลีกี  ..เมื่อครอบครัวของท่านได้อพยพมา   ซึ่งพ่อของท่านก็พยายามหางานทำจนในที่สุดก็ได้เป็นครูสอนศาสนาแห่งหนึ่งและตัวท่านอิบนุตัยมียะก็เรียนอยุ่ที่นั้นด้วย...

และท่านมีความจำและฉลาดดีมาก ในที่สุดก็เป็นถึงระดับอุลามะในมัสหับฮัมบาลีตามรอยปู่และพ่อของเขา..ท่านยังเก่งในด้านฟิกฮ์และอูซุลลุดดีน และเตาฮีดอีกด้วย..

แต่มาตอนหลังท่านได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก ทัศนะของ มุซับบีฮะและมุญัสสิมะมากเกินไปโดยที่พยายามและเน้นโดยศึกษาคุณลักษณะของอัลเลาะจนถึงขั้นเลยเถิด..และฟัตวา.ว่าอัลลออ์นั้นมีรูปร่างคล้ายมนุษย์..

แม้ว่าท่านจะยึดฟิกฮ์ของทัศนะฮัมบาลีก็ตาม  แต่หลายๆอย่างที่ท่านไม่เห็นด้วย และมีความเห็นแตกต่างกับเจ้าของทัศนะฮัมบาลีและอุลามะก่อนไม่ว่าปู่และพ่อของเขาเองจนบางครั้งมีความขัดเเย้งกัน

ในบางครั้งเขาเองยังออกฟัตวา แบบไม่อยู่ในร่องรอยของทัศนะที่เขาตักลีด..ในด้านอุซุลฟิกฮ์นั้น เขายังคงยึดกับมัสหับฮัมบาลีของเขา   ทั้งนี้เพราะเขาไม่มีความรู้พอในด้านนี้..

(ดูหนังสือ อิบนุตัยมียะที่เขียนโดย  ลูกศิษย์คือ ดร.มุฮำมัดยุซุฟ มูซา หน้า168-170)

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ต.ค. 26, 2006, 12:39 PM »
0
ท่าน อิบนุ บาตูเตาะห์ซึ่งเป็นนักท่องเทียวมุสลิมคนหนึ่ง ท่านได้กล่าวในหนังสือชื่อ เราะละอิบนุ บูตาเตาะ  เล่มที่1 หน้า 57 ว่า ...

ในเมืองดามซิกนั้นมีผู้นับถือมัสหับฮัมบาลีท่านหนึ่งที่เก่งแย่งใหญ่มากด้าฟิกฮ์หมาถึงอิบนุตัยมียะ  แต่น่าเสียดายที่เขานั้นเป็นผู้ "ฟีอักลีฮู ชัยอุน"(สติไม่ค่อยสมบุรณ์)

ซึ่งเขาได้ยืนบนมิมบัรหรือที่สั่งสอนที่โอ่โถง ...แต่เขากลับฟัตวาบางอย่างผิดแปลกไปจากนักวิชาการฟิกฮ์ท่านอื่นในมัสหับเดียวกัน...   จนบางครั้งได้มีผู้ไปฟ้องร้องต่อท่านผู้ครองเมืองคือท่านนาซิร ขณะนั้นปกครองเมืองเมอซีร..ตอนนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอียิปต์..

และครั้งหนึ่งท่านถูกนำตังไปยัง ผู้พิพากษา ชื่อ ซะรอฟุดดีน ซะวาวี ผู้เป็นนักกฏหมายสังกัดมัสหับฮัมบาลี.....

โดยเขาได้สอบถามทุกประเด็นที่มีผู้ฟ้องมา แต่ท่านอิบนุตัยมียะกล่าวเพียงชาฮาดะว่า  ลาอีล้า ฮาลิ้ลัลลอฮ์  
จนในที่สุดท่านก็ถูก...จองจำในคุกเป็นเวลาหลายปี..จนในที่สุดแม่ของเขาได้ยื่นร้องต่อศาลและศาลได้ปล่อยท่านออกไป..

หลังจากประธานศาลคือท่าน อิบนุ มัคลุฟก็ได้สอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองโดยกล่าวหาจะว่าอย่างไร  ท่านกล่าวเพียงว่า อัลหัมดูลิ้ลลาห์.พร้อมกับซอลาวัตนบีจนดัง.

เช่นเดียวกับที่ท่านปราศัยบนมิมบัร  ท่านประธานศาลเลย  ตะคอกกลับว่า ...สถานที่นี้ไม่ใช่มัสยิดและที่ปาฐกาถา.. แต่นี่คือศาลที่ท่านจะต้องตอบและชี้แจงมาเท่านั้น...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ต.ค. 26, 2006, 12:55 PM »
0
พี่น้องครับ

นี้คือเรื่องเล่าแบบย่อๆตามประศาสตร์ความจริง อีกมุมมหนึ่งที่ถูกบันทึกสืบตกทอดกันมา  

ถึงความเป็นมาของ บิดอะดอลาละ ด้านหลักการยึดมั่นของทัศนะใหม่แบบวะฮาบีย์ที่ขึ้นเริ่มครั้งแรกว่า มาจากใคร...

ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาหลังทัศนะของอิหม่ามทั้ง4 ..ประมาณ400ปี  โดยท่านผู้นี้..และก็สืบทอดๆกันมาจนถึงปัจจุบันนี้   และได้ขยายพันธ์แตกหน่อแตกก้านสาขา มายังเมืองไทย....

จนได้รับการชื่นชอบจากพี่น้องเราบางคนที่ไม่มีความรู้พอในการตักลีดและเชื่อแบบไม่มีต้นสายปลายเหตุและที่มาของประวัติศาตร์หรืออาจจะได้อีกอย่างกล่าวว่า ...ตักลีดแบบตาบอดหูหนวก  ก็คงไม่ผิดอะไร.....

แต่ที่เลยเถิดถึงขนาดไม่ยอมรับแนวความคิดของทัศนะของบรรดาผู้รู้เช่นอีหม่ามทั้ง4และบรรดาลูกศิษย์ในอดีตนั้น  มันเป็นสิ่งเลวร้ายยิ่งนัก..กลับการต่อต้านและคัดค้านและเตะถ่วง.
.การอิตญาด มุตะญิดและการอิตมาอะของท่านผู้รู้เหล่านั้น  ทั้งที่อัลลออ์นั้นทรงยุติธรรมกับบ่าวของพระองค์เสมอไนการเสียสละในหนทางของอัลลออ์ตะอาลา  ...

อัลกรุอานทรงยืนยันในเรื่องนี้ไว้..ถึงการที่บ่าวผู้หนึ่งผู้ใดที...เสียสละในหนทางอัลเลาะไม่ว่าการค้นคว้าการหาหลักและเหตุผลของงานศาสนา ย่อมมีผลตอบแทนในสิ่งนั้นเสมอ..

พระองค์กล่าวว่า...วามัยยะมันมิสกอลาซัรรอติลคอยรอยยะเราะ..

..ใครประกอบกิจการงานที่ดีไม่ว่าแค่เพียงธุลีเดียว พระองค์ก็จะตอบแทนความดีนั้นให้เห็น.

และอีกโองการที่ว่า... อินคอยรอยว่าคอยรอน..

...ใครประกอบความดีใดๆ ก็ได้ความดีนั้นๆ..

ฉนั้น..เป็นไปได้อย่างไรที่ผลงานที่สอดคล้องกับกีตาบุลลออ์และซุนนะบีของอุลามะเหล่านั้นจะโดนแช่เเข็งหรือโดนเตะทิ้ง...

.เหมือนที่อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนทิ้ง..ขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของเขาเหล่านั้น แบบไม่ใยดี ..แล้วกลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..

จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ล่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง  ....นะอูซุบิ้ลลา... ..

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 06:23 AM »
0
บังคนอยากรู้ครับ  หากเราศึกษาแนวทางของวะฮาบีย์จริง ๆ นั้น  มันน่ากลัวดว่าที่คิด  แต่วะฮาบีย์เมืองไทยอาจจะไม่ค่อยจะรู้แนวทางของตนสักเท่าไหร่  และหากวะฮาบีย์ไม่มีแนวทางที่บิดอะฮ์จริง  คงไม่มีนักปราชญ์ร่วมสมัยต้องเคยตอบโต้กลุ่มวะฮาบีย์หรอกครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 07:20 AM »
0
หากเราศึกษาหลักการของวะฮาบีย์แล้ว  สามารถกล่าวบิดอะฮ์และกล่าวชิริกกับบรรดาซอฮาบะฮ์เลยทีเดียว  นั่นแค่คำนึงหลักการของพวกเขา

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 08:27 AM »
0
อ้างจาก: "นูรุ้ลอิสลาม"
หากเราศึกษาหลักการของวะฮาบีย์แล้ว  สามารถกล่าวบิดอะฮ์และกล่าวชิริกกับบรรดาซอฮาบะฮ์เลยทีเดียว  นั่นแค่คำนึงหลักการของพวกเขา



สิ่งน้องนูรุ้ลอสลามกล่าวมานั้น ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง..ครับ..


น้องนูรุ้ลอิสลามครับ  ....เมืองไทยทุกวันนี้ ความไม่ปรองดองระหว่างต่างทัศนะที่เกือบจะเข้ากันไม่ได้กันเลยนั้น...ต้นเหตุรากเหง้า มันก็คือ บิดอะที่วะฮาบีย์เผยแพร่เชื้อร้ายกับชาวบ้านตาดำๆที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร..

แม้ว่าบางครั้งจะทำบุญเพื่อฮีดายะให้กับพ่อแม่ตัวเอง ยังถูกวะฮาบีย์ฮุกมว่าเป็นบิดอะดอลาละและฝ่าฝืนท่านนบีเลยครับ...

นี่ขนาดลูกคิดจะตอบแทนหรือรำลึกบุญคุณของผู้บังเกิดเกล้าของเขา ยังโดนโจมตีกลาวหาถึงขนาดนี้  ..แล้วผู้ตามมัสหับ...ละ  จะเหลือหรือครับ.
..น้องนูรุ้ลอิสลาม

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 09:34 AM »
0
:D

พี่น้อง ร่วมมัสหับและต่างมัสหับครับ..

สิ่งที่ผมนำเสนอ..มานั้นคือ เริ่มแรก หรือ ที่มาของผู้ที่เริ่มคิดและแบ่งแยกทัศนะ จาก4 ทัศนะออกเป็น5ทัศนะ..

.โดยแนวความคิดของ ท่านอีหม่ามอิบนุ  ตัยมียะ  
เพื่อให้พี่น้องได้เริ่มรู้จักและแยกแยะว่า  ต้นเหตุที่มีของทัศนะใหม่หรือวะฮาบีย์นั้นมีแหล่งมาจากไหน และเกิดขึ้นเมื่อไหร่และใครคือเริ่มแรกในแนวสำนักความคิดใหม่นี้...

จากการนำเสนอข้างบน ซึ่งพอจะสรุปคร่าวๆได้ว่า

เริ่มแรกในอดีตนั้นทัศนะต่างๆที่มีความเด่นชัดนั้นมีมาในช่วง ระหว่าง ปีฮิจเราะที่100-250

ซึ่งก่อนหน้านั้น ทัศนะต่างๆเริ่มมีตั้งแต่ท่านบีได้เสียชีวิตไปแล้ว..เช่นในประวัติศาตร์ได้บอกว่า ในยุคนั้น มุสลิมมีความเจริญมาก และผู้คนต่างกระจัดกระจายกันอยู่ คนละแห่งในพื้นที่ต่างๆเพีราะต่างอาชีพและภูมิประเทศบางก็อยู่ในอีรัก บางอยู่กูฟะ บางอยู่มาดีนะ  บางอยู่มักกะฮ์  บางอยู่ ซีเรีย เป็นต้น  ดังนั้นเมื่อผู้คนต่างแยกย้ายอยู่ตามภูมิลำเนาเพื่อประกอบอาชีพตามที่พระองค์ประทานริสกีหรือความถนัดให้กับมนุษย์ในแต่ละพื้นที่แต่ละเมือง

บรรดาผู้รู้หรือซอฮาบะก็เช่นกัน หลังจากสิ้นยุคท่านนบีแล้ว เมื่อเกิดปัญหาใดๆเกี่ยวกับศาสนา  คอลีฟะผู้ปกครอง ยังต้องทำหน้าที่ ชี้แจงปัญหาต่างๆที่ผู้คนไม่เข้าใจอีกด้วย เช่น

สมัยอบูบักร์ (รด)เมื่อเกิดปัญหาพิพาทต่างๆที่ไม่ปรากฏในอัลกรอานและซุนนะนบี

ผู้คนก็ต้องฟังคำวินิจฉัยในประเด็นบางอย่างที่ไม่เคยมีในสมัยท่านบีจากทัศนะหรือความคิดเห็นของ
ท่านอบูบักร์

และในสมัยของท่านท่านอุมัร(รด)ท่านอุสมาน(รด) ท่านอะลี(รด).ก็เช่นเดียว ซึ่งต่างก็มีประเด็นปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าด้วยปัจัยเอื่ออำนวยทางความคิดและความเจริญของวัตถุและวัฒนธรรมหรือข้อแปลกแยกต่างๆ..ท่านอะลีเองก็เคยมีการตัดสินหลายๆอย่างในสมัยของท่าน ซึ่งประเด็นที่เกิดขึ้นก็ไม่เคยมีในสมัยท่านนบีและคอลีฟะทั้ง3

..เมื่อสิ้นยุคคุลีฟะทั้ง4 ก็มายุคของท่านมุอาวิยะ ..บรรดาผู้คนก็มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดคือ....จากฮาดิส.ที่รายงานจากอบูดาวุด..และท่านนาซาอี..
เกี่ยวการดูจันทร์เสี้ยวที่อยู่คนละตัวเมือง..เพื่อถือศีลอดในสมัย ท่านมุอาวียะ.โดย..ผู้คนที่อยู่ซีเรียเห็นดวงจันทร์ในค่ำวันศุกร์....แต่เมืองมาดีนะ ท่านอับดุลลออ์เห็นในวันเสาร์และผู้คนในมาดีนะก็ถือบวชในวันเสาร์..

และท่านอับดุลลอ์ บุตรของท่านอับบาสฯลฯ...ซึ่งมีความเห็นแตกต่างกันในวันถือศีลอดกับท่านมุอาวียะ...แต่สุดท้ายท่านกล่าว่า ..อย่างนี้แหละที่ท่านรอซุ้ลใช้เรา.

ซึ่งเขาเหล่านั้นก็ต่างยอมรับความคิดเห็นที่มันเกิดขึ้นในช่วงนั้น ..โดยต่างก็วินิจฉัยไปตามสถาณการณ์

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต กับที่มาของมัสหับ..ด้วยความแตกต่างกันในการยึดถือ..โดยไม่โจมตีและกล่าวหาว่าใครผิดหรือถูก...แต่สุดท้ายด้วยคำพูดซอฮาบะเหล่านั้นที่เหมือนกันก็คือ นั้นแหล่ะสิ่ง  ที่ท่านนบีใช้เรา..

หลังจากนั้นถัดมา บรรดาซอฮาบะและผู้รู้ต่างๆ  มีภาระรับผิดชอบและต่างกระจัดกระจายกัน..บางก็เผยแพร่ศานสนา โดยการสอนหนังสือ บางก็ออกไปอยู่ในความวิเวกบางก็มีลุกศิษบย์ลูกหามากมาย บรรดาซอฮาบะที่มีความรู้ตามที่ประวัติศาตร์บอกนั้นประมาณบางก็ว่า130-135 คนเช่น  ท่าน ท่านอิบนิมัสอูด ท่านอิบนอุมัร ท่านอบูรอยเราะ ท่านอนัส ท่านซัลมาล(รด)...

ต่างก็แยกย้ายกันทำหน้าที่เผยแพร่สิ่งที่ตนได้รับมาจากท่านบีโดยตรงบ้างจากคำบอกกล่าวของบรรดาซอฮาบะด้วยกันบ้าง..จนบางครั้งการปฏฺบัติบางอย่างแทบจะไม่เหมือนกัน เช่น สำเนียงการอัลกรุอาน  ในแต่ละหัวเมือง..การกระทำบางอย่างก็แตกต่างกันก็มีมากมาย...

มายุคของอีหม่ามทั้ง4 เขาเหล่านั้น ต่างก็เดินตามแบบฉบับของบรรดาผู้รู้ในยุคก่อน เช่น..


ท่านอบูฮานีฟะ เกิดปีฮศ.80เสียชีวิตฮศ.150 ช่วงศตวรรษที่2 หรืออยู่ในช่วงของบุคคลที่ท่านนบีกล่าวถึงความประเสริฐในยุค 300ปี .ท่านมาทันกับเหล่าตาบีอีนบางคน..ซึ่งบางคนท่านก็ไม่ได้พบด้วยตัวเองแต่จากการบอกกล่าว..ทอดๆกันมา.....

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 11:02 AM »
0
อัสลามูอาลัยกุม หาตัวมาตั้งนาน หายไปจากบอร์ดมุสลิมไทยเลยนะครับ   มาเจอบังคนอยากรู้ที่นี่เอง แต่มีอะไรมาฝากเหมือนเดิม   คิดถึงบังครับ  :lol:  :lol:

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 05:22 PM »
0
อ้างจาก: "sufriyan"
อัสลามูอาลัยกุม หาตัวมาตั้งนาน หายไปจากบอร์ดมุสลิมไทยเลยนะครับ   มาเจอบังคนอยากรู้ที่นี่เอง แต่มีอะไรมาฝากเหมือนเดิม   คิดถึงบังครับ  :lol:  :lol:



วะอาลัยกุ้มมุสลามน้องซุฟียาน...บังคิดถึงน้องเช่นกัน...ที่นี่เหมือนบังของเรานะครับ..อบอุ่นจริงๆ..หลังจากโดนแบนจากเวปมุสลิมไทยมานานฮ้าๆๆๆๆๆมันส้มปากนะน้อง555


วัสลาม

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ต.ค. 28, 2006, 01:48 PM »
0
ท่ามมาลิกี เกิดปีฮศ.93 เสียชีวิตปี179..เจ้าของหนังสือที่มีชื่อเสียงดังมากคือ อัลมุวัฏเฎา ะ ท่านเป็นชาวมาดีนะและได้รับความรู้จากตาบีอีนโดยตรง ซึ่งไม่เหมือนกับท่านฮานะฟีที่เป็นชาวกุฟะ ท่านได้รับฮาดสน้อยกว่าท่านมาลิกี และท่านมาลีกีนี้ เป็นผู้ที่เข้มงวดในการปฏิบัติตามกีตาบุลลอฮ์และซุนนะบีมาก.

ท่านชาฟีอี.เกิดปีฮศ.150 เสียชีวิตปีฮศ.204..เป็นคนที่มีความจำเก่งและฉลาดท่านเก่งในด้านฟิกฮ์มากและเคร่งในกีตาบุลลอฮ์และสนับสนุนซุนนะในซุนนะ(นาซิรซุนนะ)

ท่านฮัมบาลี เกิดปี164 เสียชีวิตปีฮศ.214  เจ้าของหนังสืออัลมุสุนัดเป็นผู้ที่เคร่งในซุนนะและต่อต้านบิดอะที่หลงผิด

สรุป มัสหับต่างที่กล่าวมานั้น  

ล้วนยึดถือตามคัมภีร์ของอัลลออ์เล่มเดียวกันและแบบฉบับบรอซุ้ลลัลลออ์คนเดียวกัน....

มีอะกีดะเดียวกัน  ยอมรับในชารีอัตของท่านนะบี เหมือนกันและมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันและหลักอีบาดะเดียวกัน


ฉนั้นเป็นไปได้หรือว่า ท่านอีหม่ามทั้ง4 และคนรุ่นก่อนๆจะนำสิ่งที่ไม่มีแบบอย่างมาก่อนมาถ่ายทอดหรือยัดเยียด...สิ่งที่วะฮาบีย์เข้าใจว่า  การมีมัสหับนั้น เป็นการกระทำที่เป็นบิดอะในสายตาเขา....

ซึ่งวะฮาบีย์อ้างว่าไม่จำเป็นต้องมีมัสหับ..เลยทำให้เขาไม่รับอุลามะบางคนที่เห็นว่าขัดแย้งกับทัศนะของเขา..


ฉนั้น  ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับนักศึกษาวิชาความรู้จากมัซฮับผู้อยู่ในแนวทาง..อะฮ์ลิสซุนนะฮ์..

  ที่สมควรทราบถึงประวัติการกำเนิดหรือที่มาของมัซฮับต่างๆ  สถานพร้อมทั้งที่แพร่หลาย  และบรรดารายชื่อของนักปราชญ์ในมัซฮับนั้นๆ  


และถ้าเราทุกคนไม่ลืมว่า ท่าน อัลกอฏีย์ อิยาฏ (รฮ) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  ตัรตีบ อัลมะดาริก วะ ตักรีบ อัลมะซาลิก  เล่ม ที่ 1 หน้า 17  ว่า

?ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ใช้ให้เจริญรอยตามบรรดาค่อลิฟะฮ์และบรรดาซอฮาบะฮ์หลังจากท่าน(เสียชีวิต)"
 และท่านนบี(ซ.ล.) ได้ส่งบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านไปยังผู้คนทั้งหลาย  เพื่อสั่งสอนให้พวกเขามีความเข้าใจในเรื่องศาสนา  และเพื่อจะได้ตักเตือนกลุ่มชนของพวกเขาเมื่อได้หวนกลับไป(สู่มาตุภูมิ)  และเมื่อกรณีดังกล่าวนี้  มีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

 ดังนั้น   นักปราชญ์ระดับซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ที่ได้รับความรู้มาจากท่านนบี(ซ.ล.) และรอบรู้ถึงมูลเหตุในข้อบัญญัติใช้และบัญญัติห้าม   หลักการต่างๆ ของชาริอะฮ์  บรรดาคำพูดที่ออกมาจากท่านนบี(ซ.ล.) และพวกเขารู้ถึงบรรดาความหมายนัยยะแวดล้อมของสิ่งดังกล่าว  ซึ่งพวกเขารอบรู้เป็นอย่างดีจากท่านนบี(ซ.ล.) และได้ทำการสอบถาม  พร้อมทั้งพวกเขามีความกว้างขวางในวิชาความรู้ , ทราบถึงบรรดาความหมายของคำพูดท่านนบี(ซ.ล.) , มีหัวใจที่สว่างไสว , หัวอกอันแจ้งประจักษ์  


เพราะฉะนั้น  พวกเขาจึงเป็นประชาชาติที่มีความรอบรู้เป็นที่สุดอย่างปราศจากความสงสัยและพวกเขาเหมาะสมยิ่งสำหรับการตัดลีดตาม  แต่พวกเขาไม่เคยพูดบรรดาปัญหาที่จะเกิดขึ้น  นอกจากส่วนน้อยจากสิ่งที่ได้เกิดขึ้นเท่านั้น  และบรรดาประเด็นปัญหาข้อปลีกย่อยต่างๆ  ก็ไม่ได้แตกกิ่งก้านสาขามาออกจากพวกเขามากมาย  พวกเขาไม่ได้พูดประเด็นในเรื่องของศาสนานอกกรณีที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์และประเด็นต่างๆ  ที่เกิดขึ้น  และพวกเขาเน้นความสนใจในการปฏิบัติในสิ่งที่พวกเขารู้  ปกป้องศาสนาและตอกย้ำให้แน่นแฟ้นกับหลักชาริอัตของบรรดามุสลิมีน

ในแวดวงของซอฮาบะฮ์นั้น  มีบางประเด็นการขัดแย้งที่พวกเขาได้ทำการอธิบายหลักการที่คนมุก๊อลลิดอาจจะยังคงมีความสับสนและมีความต้องไปยังการพิจารณาไตร่ตรอง  แต่แท้จริง  ได้มีการอธิบาย  สังเคราะห์  และตีแผ่คำพูดในประเด็นที่อาจจะเกิดขึ้นมาหลังจากพวกเขา  

เมื่อถึงยุคตาบิอีน  พวกเขาก็ทำการพิเคราะห์ในประเด็นการขัดแย้งของซอฮาบะฮ์  และพวกเขาก็ดำรงอยู่บนโครงสร้างหลักมูลฐานนิติศาสตร์ของเหล่าซอฮาบะฮ์  หลังจากนั้น  เมื่อยุคสมัยของตาบิอิตตาบิอีนมาถึง  บรรดาเหตุการณ์และประเด็นปัญหาต่างๆ  ได้เกิดขึ้นมากมาย   บรรดาฟัตวาต่างๆ  ได้กระจัดกระจาย  

ดังนั้น  พวกเขาจึงทำการรวบบรรดาคำวินิจฉัยทั้งหมด  และทำการจดจำหลักนิติศาสตร์ของผู้ที่อยู่ก่อนจากนั้น   พวกเขาได้ทำการวิเคราะห์การขัดแย้งและความเห็นสอดคล้องของซอฮาบะฮ์และตาบิอีน  ซึ่งพวกเขาได้เตือนให้ระวังการแพร่ขยายของกรณีดังกล่าวและการขัดแย้งที่ออกนอกกฏ   พวกเขาจึงทำการวินิจฉัย  โดยการรวบรวมบรรดาซุนนะฮ์ต่างๆ  และได้กำหนดบรรดาหลักมูลฐานแห่งนิติศาสตร์อิสลามขึ้น  และเมื่อมีการถูกตั้งคำถามขึ้นมา  พวกเขาก็จะทำการตอบและทำการกำหนดบรรดากฎเกณฑ์แห่งนิติศาสตร์วางแนวทางหลักมูลฐานแห่งนิติศาสตร์ และทำการอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ  ที่เกิดขึ้นโดยให้อยู่บนหลักการเหล่านั้น  แล้วได้มีการประพันธ์และจัดเรียบเรียงเป็นบทๆ ขึ้นมาให้แก่ผู้คนทั้งหลาย  และพวกเขาทุกๆ  คนก็ได้ปฏิบัติสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงเปิดและชี้นำแก่เขา..


และถ้าเราจะตั้งคำถามว่า ...

ทำไมทัศนะวะฮาบีย์หรือกมมูดอจึงไม่ยอมให้ผู้ใดตักลีดตามมัสหับ  โดยที่เขาพากันขัดขวางการกระทำแบบนั้น...จริงๆแล้วมันเกิดจากการเข้าใจผิด ของหัวหน้าผู้นำทัศนะ .

ตอนเริ่มแรก..นั้นเรารับรู้แล้วว่า ท่านอิบนุตัยมียะ นั้น  เดิมครอบครัวของเขาทั้งพ่อมแม่พี่น้องปูและญาติต่างอยู่ในแนวทางของมัสหับฮัมบาลี (รฮ)

แต่มีเพียงท่านเท่านั้นที่พยามยามออกนอกลู่.แนวทางที่มัสหับของท่านฮัมลาลีขีดไว้แล้ว...
ตรงนี้และคือก้าวแรกแห่งความบิดเบือนและก้าวแรกของบิดอะ..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ต.ค. 30, 2006, 12:16 PM »
0
:lol:

บิดอะที่ล่มหลงถัดมาคือ..

การที่ลูกศิย์ลูกหาของท่านบางคนพากันนิยมชมชอบทัศนะของอิบนุตัยมียะ ในสิ่งสิ่งที่ท่าน มีเอียะติกอด กับคุณลักษณะของอัลลอฮ์  ที่เหล่าลูกศิษย์เหล่านั้น ต่างเข้าใจว่า

 สิ่งที่ท่านอิบนุตัยมียะกล่าวถึงคุณลักษณะอัลเลาะในรูปแบบต่างๆนั้นเป็นความจริง..ซึ่งเป็นที่รู้ว่า

หลังนั้น ท่านได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก ทัศนะของ มุซับบีฮะและมุญัสสิมะมากเกินไปโดยที่พยายามและเน้นโดยศึกษาคุณลักษณะของอัลเลาะจนถึงขั้นเลยเถิด..และฟัตวา.ว่าอัลลออ์นั้นมีรูปร่างคล้ายมนุษย์.. และอ้างว่า นีคือสิ่งที่อัลกรอานกล่าวไว้ ที่ไม่ให้มีการตีความใดแม้ว่า อายะบางอายะจะมีความครุมเเครือก็ตาม..โดยที่ท่านเหล่านั้นมักอ้างต่อๆกันว่า

..ผู้ใดก็ตามที่ถามถึงคุณลักษรณะของอัลออฮ์แล้ว  ผู้นั้นกระทำบิดอะ..และสติไม่ดี..จนในที่สุดบรรดาผูเจริญรอยตาม  ก็เลยไม่มีใครจะพูดถึงคุณลักษณะของอัลลออ์และถ้าใครก็ตาม..

ที่พยายามอ้างถึงคุณลักษณะซีฟาตต่างๆของอัลลออ์แล้ว  พวกเขาก็จะฮุกมว่า แนวทางบิดเบื่อน  เหมือนที่มีอลามะในวะฮาบีย์บางท่านกล่าสวหาว่า แนวทางอาชาอีเราะคือกลุ่มผู้หลงผิด  ดูหนังสือ  อากีดะอิลสลาม เล่มสีน้ำตาลแปลโดย มุฮำมัด  เหมอนุกุล

ออฟไลน์ อายะฮ์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ต.ค. 30, 2006, 12:47 PM »
0
ผมจะติดต่ออ่านนะครับ บังคนอยากรู้  และอยากให้ผู้รู้อธิบายเพิ่มเติมสิงที่บังคนอยากรู้นำเสนอมา  อย่างเช่นเรื่องอากิดะฮ์ หรือชื่อของกลุ่มลัทธินั้น ๆ เช่นพวกมุชับบิฮะฮ์และมุญัสสิมะฮ์ เป็นต้น  ซึ่งอากิดะฮ์ของพวกเหล่านี้ วะฮาบีย์จะไม่วิจารณ์และต่อต้านเป็นการพิเศษเลย จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ
สานุศิษย์

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ต.ค. 31, 2006, 01:36 PM »
0
อ้างจาก: "ลายเคง"
ผมจะติดต่ออ่านนะครับ บังคนอยากรู้  และอยากให้ผู้รู้อธิบายเพิ่มเติมสิงที่บังคนอยากรู้นำเสนอมา  อย่างเช่นเรื่องอากิดะฮ์ หรือชื่อของกลุ่มลัทธินั้น ๆ เช่นพวกมุชับบิฮะฮ์และมุญัสสิมะฮ์ เป็นต้น  ซึ่งอากิดะฮ์ของพวกเหล่านี้ วะฮาบีย์จะไม่วิจารณ์และต่อต้านเป็นการพิเศษเลย จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ



---ครับ..คุณลายเคง..และพี่น้องร่วมทัศนะอื่นๆ ผมยินดีต้อนรับครับ และถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณลายเคงและเพื่อนๆ..ช่วยนำเสอสิ่งที่ผมวิจารณ์ไป..ต่อจากผมได้ก็ถือว่าเป็นที่ดียิงครับ..


วะฮาบีย์นั้น เป็นที่รู้ว่าเขานั้นยึดถือหลักอากีดะคล้ายกับ..พวกมุชับบิฮะฮ์และมุญัสสิมะฮ์
โดยเขาไม่พอใจแนวทางอาชาอีเราะที่มีทัศนะตรงข้ามกับแนวของเขาที่เราเชื่อว่า อัลลออ์นั้นไม่เหมือนสิ่งหนึ่งสิ่งใด   และบางอายะในอัลกรุอานที่กล่าวในเชิงอุมาอุปมัยนั้นจำต้อง มีการตะวีล  แต่วะฮาบีย์นั้นจะไม่เห็นด้วย และฮูกมแนวทางเราว่า บิดอะและฟาซิก

จะเห็นว่า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ วะฮาบีย์จะไม่อยากพูดด้วยกับแนวทางของเรา..ที่ไม่ยอมรับในทัศนะของเขา..

ออฟไลน์ asanmd

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 9
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พ.ย. 01, 2006, 12:31 PM »
0
อัสสลามุอะลัยกุ้ม ท่านอาจารย์คนอยากรู้
    ยังไฟแรกเหมือนเดิมนะครับ :lol:  :lol:

 

GoogleTagged