บิดอะห์ที่พี่น้องในไทยกำลังถูกโจมตีก็คือ อีซีกุโบร์ที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาพราห์ม (ไม่รู้เขียนถูกไหม) และศาสนาพุทธ สังเกตได้จากข้าวเหนียวเหลืองข้าวเหนียวแดง โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบกินนะอร่อยดี แต่เมื่อมามองเรื่องเนื้อหาพิธีการก็ดันไปผสมโรงกับซูฟีย์ตอรีกัตซะนี่ครับ เอากุรอานผสมซิกรฺแล้วมาผสมอีกทีกับพิธีชาวพราห์ม และพุทธ แต่ถ้าพี่น้องตัดเอาข้าวเหนียวเหลืองแดงออกไป แล้วก็3-7วันออกไป การอ่านกุรอานและซิกรฺก็ถือว่าไม่ได้บิดอะห์แน่นอนครับเพราะซอฮาบะฮ์เคยทำไว้ ถ้าพี่น้องไม่อยากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เอเซียอาคาเนก็ลองถามพราห์มที่รู้จักดูว่าประวัติศาสตร์เดิมทีที่พราห์มเติบโตแถบนี้นั้นเขาทำอย่างไรมีข้าวเหนียวเหลืองแดงเซ่นไหว้ไหม แล้วก็ถามเพื่อนพุทธดูว่าเขากำหนดวันขึ้นเนื่องจากอะไร แล้วเขาทำมาตั้งแต่สมัยไหน ส่วนใครที่ขี้เกียจถามผมแนะนำให้ตีตั๋วขึ้นเครื่องไปหา ราจาพราห์ม ที่อยู่ในเกาะหลายๆเกาะขออินโดฯ เพราะเขายังนุ่งสโร่งแกแจะนายู ยกมือไหว้ จัดข้าวจัดของแบบโต๊ะปาเกบ้านเราทำกันแล้วเอาไปเซ่นไหว้ ตามความเชื่อ
อิสลามให้มองประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับหลักการศาสนาครับ ไม่ได้ให้หลับหูหลับตาตามโต๊ะครู หรือผู้นำอันอ่อนปวกเปียก
ดังนั้น สี่มัซฮับทำไมต้องฟัตวาชี้ขาดโดยนำฮะดิษซอฮิห์มาใช้บ้าง นำดออีฟมาใช้บ้าง นั่นก็เพราะเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น บวกกับสภาพความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ท่านจึงใช้วิธีการฟัตวาให้ง่ายๆที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสาย เอาเข้าจริงๆท่านก็ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างบิดอะห์ต่างภายหลังหรอกเพียงเพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างเลยเถิดเอาบางส่วนของท่านอิหม่ามมาขยายความเพื่อความสุขและเพื่อผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้น จริงไหมครับพี่ชาย
ย่อหน้าแรกของน้อง ahmedisa ถูกต้องครับ
แต่ย่อหน้าหลัง บังว่ายังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
บังขอชี้แจงดังนี้
เรื่องของ 4 มัซฮับนั้น เป็นเช่นนี้ครับ1. อีหม่ามฮะนาฟี แนวทาง ใช้ฮะดีสมุรซัล มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) และนำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
2. อีหม่ามมาลิกี แนวทาง ใช้ฮะดีสมุรซัล มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) และนำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
3. อีหม่ามซาฟีอี แนวทาง จะไม่นำฮะดีสเดาะอีฟ มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) แต่นำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
4. อีหม่ามฮัมบาลี แนวทาง นำฮะดีสเดาะอีฟ มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) ด้วย แต่ต้องไม่มีสายรายงานที่ไม่อ่อนจนเกินไป
อนึ่ง ฮะดีสเดาะอีฟ ไม่ใช่ ฮะดีสเก๊ หรือฮะดีสปลอม แบบ เมาดัวะ ดังนั้นการปฏิเสธฮะดีสเดาะฮีฟ เหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรส่วนทรรศนะใดดีกว่าทรรศนะใดนั้น วัลลอฮฺอะลัมวัสลาม...