ผู้เขียน หัวข้อ: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์  (อ่าน 56517 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #105 เมื่อ: ก.พ. 05, 2007, 05:05 PM »
0

พี่น้องทั้งหลายครับ

แต่ ถ้าเรามองด้วยใจเป็นธรรมต่อพี่น้องมุสลิมที่มีมัสหับต่างๆนั้น เขาเหล่านั้นมีความสุขอยู่กับการมีมัสหับอย่างภาคภูมิใจ และเขาไม่ใส่ร้ายป้ายสี ผู้ร่วมต่างทัศนะ เช่น โจมตี หรือแหน็บแนมการกระทำของพี่น้องในทัศนะของอีหม่าม ฮานาฟีว่า ........การทำกรุบานในวันอีดนั้น จำต้องกระทำเพราะท่านอีม่ามฮะนาฟีนั้นมี อิจมาญว่า สิ่งนี้ต้องวายิบกับมุสลิมทุกคน..โดยอ้างถึง อายะกรุอาน บทที่กล่าวถึงเรื่องการตอบแทนในแม่น้ำสายหนึ่งที่ชื่อว่า อัลเกาซัรที่ท่านนบี(ซล)เพียงให้ความสำคัญมันมากกว่า การกระทำบุญอื่นๆ...หรือการกิยาสการเสียซะกาตฟิตเราะด้วยเงิน หรือการกระดิดนิ้วในตะชาฮุด..
เราต่างให้เกียตริต่อกันเสมอ บางอย่างที่บรรดาชาฟียะกระทำแม้ว่าท่านอีม่ามชาฟีอีไม่กระทำแต่พี่น้องร่วมอะลิสซุนนะต่างมัสหับก็ไม่เคยมีการฮุกมว่า ผิดหรือดอลาละ...

..หลายอย่างที่เป็นความแตกต่างระหว่าการปฏิบัติของทัศนะ ทั้ง4 ล้วนเป็นความแปลกแยกที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง

ถึงขนาดว่า ฮูกมถึงตกนรกเลย...ก็จะมีเพียงแค่วะฮาบียะบางกลุ่มเท่านั้นที่ถือดีว่า ตนนั้นถูกต้องเสมอ..เลยทำให้.เกิดความขัดแย้งกันมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่เราก็คือ ชาวอะลิสซุนนะเหมือนกัน..

ถ้าหากว่าพวกเขาไม่เลยเถิดกับฮะดิสระดับฮะซันของอันนะสาอีแล้ว พวกเขาก็คงไม่ถึงขนาดนี้ แต่นี้พวกเขาให้ความสำคัญมันมากจนเกินไป....โดยเกือบจะกล่าวได้ว่า ฮะดีสบทนี้ เป็แค่ฮะซันที่ใกล้เคียงดออีฟก็ว่าได้ แต่วะฮาบีย์พยายามโยงความเข้าใจว่ามันเป็นฮะซันระดับดี...

เขาอ้างว่าท่านนบีกล่าวว่า...กุ้ลลูบิดอะ ดอลาละ............




นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #106 เมื่อ: ก.พ. 05, 2007, 07:44 PM »
0
วะฮาบีย์นั้น บางครั้งฮุกุ่มหะดิษซอฮิหฺ ให้กลายเป็นฏออีฟ เพราะไม่ตรงกับทัศนะของพวกเขา  และบางครั้งฮะดิษฏออีฟ กลับกลายเป็นหะดิษซอฮิหฺ เพราะมันไปตรงกับทัศนะที่พวกเขาจะเอา ;D

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #107 เมื่อ: ก.พ. 06, 2007, 05:04 PM »
0
ครับ น้องนุ้รุ้ลอิสลาม.

ปัจจุบันนี้วะฮาบีย์ยังกำแหงกล่าวหาพี่น้องที่ทำงาน ดาวะห์ตับลีคว่า  เป็นอีหม่านปลอม หรืออีม่านพันะเทียม
เป็นที่รู้ว่า วะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียมนั้นจะฮุกมตามใบสั่งของ มุรีด  และนอกจากนี้ ชาววะฮาบียะหลายๆท่านในเมือง ไทยที่เดินตาม อิม่าม มุนาญิด จากซาอุฯย่อมกล่สวหาว่า พี่น้องดาวะห์ตับลีค ที่ส่วนมากแล้วมียึดวิชาฟิกฮ์ตามท่านอีม่ามชาฟีอี และมีอะกีดะแบบเดียว อาชาอีเราะ ซึ่งไม่ตรงวกับ วะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียม..ที่มีอะกีดะแบบ มุญัสสิมะของมัสหับดาวุดซอฮีรีย์..

วะฮาบีย์นั้นชอบฮุกมพี่น้องดาวะ พี่รน้องตอรีกัต พี่น้องซุฟี ซึ่งเขากล่าวหาว่าคนเหล่านี้กระทำบิดอะ ที่ไม่มีในสมัยท่านบี..นะอูซุบิ้ลลา...


วะฮาบียะในเมืองไทยนั้นไม่เข้าใจในคำนิยาม ว่า บิดอะหมายถึงอะไร  แต่พวกเขานั้นเปรียบเสมือนคนตาบอดหูหนวก หรือคนที่ว่าตามผู้คนมาอีกที  เหมือนอย่างที่มีคนมาบอกกล่าวเขาอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเขาก็ว่าตามและเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ คนพวกนี้เปรียบเสมือน ผู้ที่ได้ยินเสียงกลองดังแต่ก็ไม่รู้ว่าดังมาจากไหน  แค่เพียงได้ยินเท่านั้นแต่ไม่รู้ต้นตอที่เกิดเสียงดังได้

พวกเขากล่าวกันว่า บิดอะฮในทางศาสนานั้น ไม่มีคำว่า หะสะนะ หรือ บิดอะฮที่ดี เพราะท่านนบี ศอลฯ กล่าวว่า

"كل بدعة ضلالة، وكل ضلالة في النار" [رواه النسائي في "سننه" (3/188 ـ 189

ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด และทุกการหลงผิดนั้น จะอยู่ในนรก ?รายงานโดย อัลนะสาอีย์ ในสุนันของท่าน ? 3/188-189

ซึ่งจริงๆแล้ว  หะดิษนี้ ที่ท่าน อันนะซาอีย์ นำมารายงานนั้น...มีเพียงตัวอักษรแดงที่ผมเน้นคำไว้เท้านั้น ส่วนสำนวนหลังยนั้นบรรดานักหะดิษกล่าวว่า  ท่านนะซาอีย์  เพิ่มคำว่า "และทุกการหลงผิดนั้น อยู่ในนรกเอง"
ผมไม่ทราบว่า การเพิ่มรายงาน จากท่านอันนะซะอีย์นี้ และท่านเองที่กล่าวว่าหะดิษนี้มีความซอเฮี๊ยะ

แต่ที่แน่ๆ  ท่านอิมามมุสลิมและอิมามบุคคอรีย์ ไม่ยอมเอามารายงาน และก็ไม่เคยเห็นว่าอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ท่านใด ได้ทำการยกหะดิษที่เพิ่มคำว่า "และทุกการลุ่มหลงนั้น อยู่ในนรก" ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ผมพูดในเชิงตัวหะดิษ หรือความซอเฮี๊ยะหฺหรือฏออีฟของหะดิษเท่านั้นนะครับ

แต่อุลามะส่วนมากกล่าวว่า หะดิษนี้มันเป็นแค่ระดับฮะซันเท่านั้น

แต่ถ้ามันเป็น ทุกๆบิดอะฮ์ที่ไม่มีรากฐานเดิมจากศาสนา ซึ่งไม่เกี่ยวกับบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ที่มีรากฐานบนหลักการของศาสนา อยู่แล้ว

แต่ในที่นี้ บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น ท่าน อิบนุรอญับ ไม่เรียกว่าเป็นบิดอะฮ์ แต่แก่นแท้แล้ว มันคือ ซุนนะที่อยู่ความหมายบิดอะฮ์ในเชิงภาษา เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีการขัดแย้งกันในหลักการ แต่ขัดแย้งกันในการเรียก

ดังนั้น การดำเนินอยู่ในซุนนะฮ์ ย่อมดีกว่า การวินิจฉัยในเรื่องบิดอะฮ์ แต่ประเด็นที่เราพูดสนทนากันอยู่นี้ คือ การแบ่งบิดอะฮ์ ไปเป็นบิดอะฮ์หะสะนะฮ์และซัยยิอะฮ์ นั้น อยู่ในหลักการหรือไม่? และอนุญาติให้แบ่งได้หรือไม่เท่านั้นเอง ? คำรายงานดังกล่าวนี้ ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ที่มีพื้นฐานบนหลักการของศาสนา

บางครั้ง
วะฮาบีย์มักจะยกคำอ้างของท่าน.

قال ابن مسعود: (اتبعوا ولا تبتدعوا فقد كفيتم) [الدرامي: 175

อิบนุมัสอูดกล่าวว่า? พวกท่านจงเจริญรอยตาม(สุนนะอ)และอย่าอุตริบิดอะฮ แท้จริง(การอิตติบาอ)นั้นทำให้ เพียงพอแก่พวกท่านแล้ว ? อัดดาเราะมี /175 บาบที่ 23


คำกล่าวของท่านอิบนุมัสอูดนั้น คือบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง ซึ่งท่านอิบนุมัสอูดได้พูดกับพวกค่อวาริจ ที่ทำเล่าขานกันและกันในการสรรญเสริญซอฮาบะฮ์บางท่าน และทำการตำหนิประนาม กล่าวกุฟุรกับซอฮาบะฮ์อีกบางส่วน ซึ่งพฤติกรรมอย่างนี้ ย่อมเป็นบิดอะฮ์ โดยที่บรรดาซอฮาบะฮ์ได้เคยกระทำมาก่อน ดังที่ผมจะนำมากล่าวในหลักฐานคำกล่าวและการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์

ดังนั้นท่านอิบนุมัสอูด ไม่ได้ปฏิเสธบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ที่มีรากฐานและอยู่บนหลักพื้นฐานของศาสนา เช่นท่านอิบนุมัสอูด อ่าน อะฮีอัต ในตะชะฮุด ว่า
السلام عليك ايها النيى ورحمة الله ويركاته السلام علينا من ربنا
โดยเพิ่มขึ้นมาเอง กับคำว่า من ربنا หากมันเป็นการเพียงพอแล้ว ทำไมท่านอิบนุมัสอูด ถึงเพิ่มคำดังกล่าวขึ้นมาอีก ทั้งๆที่ท่านนบีไม่ได้เพิ่มไว้ และมีตัวอย่างอีกมากมายจากท่านอิบนุมัสอูด ที่กระทำอิบาอะฮ์ที่ท่านนบีไม่ได้ทำ เช่นละหมาดสุนัตหลังละหมาดซุบหฺ และอื่นๆอีก ซึ่งผมจะนำมากล่าวในหลักฐานคำกล่าวและการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์ ดังนั้น คำกล่าวของท่านอิบนุมัสอูดนี้ ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ที่มีรากฐานและอยู่บนพื้นฐานของศาสนา

เมื่อเป็นเช่นนี้  วะฮาบีสลัฟพันะเทียม จึงเสียหน้าเกือบทุกเรื่องในการโต้แย้ง กับชาว4มัสหับ ดัง การสนทนาที่น้องอัลอัชฮารีย์แปลมาให้เรารับทราบกัน..  ปัจุบันนี้ วะฮาบีย์ก็พยายามหาเรื่องพี่น้องดาวะ ตอรีกัต ซุฟี ฯลฯเพื่อจะสร้างผลงานชิ้นโง่ของเขานั้นเอง

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #108 เมื่อ: ก.พ. 06, 2007, 07:34 PM »
0
ครับ บัง ผมจะรอความรู้จากบังต่อครับ

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #109 เมื่อ: ก.พ. 07, 2007, 11:12 AM »
0
ขอบคุณครับน้องซุฟีรยาน  อย่าหายไปนานซิครับบังอิงะยาย๊อๆนะครับ555

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #110 เมื่อ: ก.พ. 08, 2007, 09:50 AM »
0
เป็นที่รู้กันว่า

บรรดาชาววะฮาบียะนั้น เป็นทัศนะใหม่ ที่ไม่ใช่ ทัศนะเดียวกับทัศนะของอีม่ามฮัมบาลี 

เพราะ อีม่ามฮัมบาลีนั้นนอกจากจะยึดกีตาบุลลอฮ์และซุนนะบีแล้ว  ในการ อิติญาจของท่าน นั้น หะดิษฎออีฟยังดีกว่าบางคำพูดของผู้เชื่อถือได้บางคน  ดังนั้นบิดอะของวะฮาบีย์นั้น มันจึงเลยเถิดไปมากในเรื่องนี้..

ทัศนะของอีม่ามชาฟีอีถือว่าหะดิษฎออีฟนั้นเป็นสิ่งที่สนับสนุนในการกระทำสิ่งส่งเสริมในศาสนา ถ้าผู้ทำคิดว่ามันไม่เป็นการบังคับและขัดต่อหลักการเพราะหะดิษฎออีฟนั้นมีหลายระดับด้วยกัน..

แต่เป็นที่รู้ว่า ชาววะฮาบีมักจะละทิ้งในเรื่องฟาฏออิลอะมาลนั้นและกล่าวว่ามัน "ผิด" และยอมระบไม่ได้

พี่น้องครับ บิดอะจากวะฮาบีย์นั้นเกิดขึ้นตรงนี้ครับ..เขาละทิ้งหมดที่เป็นฎออีฟ  ทั้งที่รู้ว่าหะดษนี้ก็เป็นคำพูดของท่านนบี(ซล)ไม่ได้เป็นหะดิษที่กุหรือเก๊แต่อย่างใดและคนละสถานะกันแต่วะฮาบีย์นั้น ตะอัศศุบ แม้มีหะดิษฏออีฟ(เขาว่า)มาอ้างแล้วอิมามนาวะวีย์บอกว่าเป็นเรื่อง...ฟาฏออิลอะมาล ..แต่วะฮาบีย์กล่าวว่ามัน..ไม่ถูกต้องและห้ามนำมาใช้ หมายถึง ไม่ใช่เป็นสุนัตแต่เป็นบิดอะฮ์ในทัศนะของวะฮาบีย์ที่ไม่เข้าใจในคำๆนี้!! เมื่อเป็นเช่นนี้มันนำมาใช้ในการทำอบาดัตไม่ได้ แล้วมันจะไปแตกต่างอะไรกับหะดิษเมาฏั๊วะในเชิงฟิกห์ที่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้

ดังนั้นเราจะเห็นว่า ปัจจุบัน มีแต่ กลุ่มวะฮาบีย์ เท่านั้น  ที่ ทำให้ฐานะของ หะดิษฏออีฟ อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ หะดิษเมาฏั๊วะ แล้วทำการฮุกุ่มผู่ทปฏิบัติอาม้าลอิบาดะว่าทำบิดอะฮ์ลุ่มหลง

โดยเอาหะดิษหะซัน ที่กล่าวว่า.."كل بدعة ضلالة، وكل ضلالة في النار" [رواه النسائي في "سننه" (3/188 ـ 189

ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด และทุกการหลงผิดนั้น จะอยู่ในนรก ?รายงานโดย อัลนะสาอีย์ ในสุนันของท่าน ? 3/188-189

.และทุกบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงนั้น อยู่ในไฟนรก กับบรรดาพี่น้องมุสลิมีนที่มีทัศนะในการกระทำความงามความดีด้วยกับหะดิษฏออีฟ?! ซุบหานัลลอฮ์!!!"
..........................................

เราจึงเห็นได้ว่า วะฮาบีย์นั้นไม่ว่าจะวิจารณ์ปัญหาคีลาฟใดๆเขามักจะอ้างว่า หะดิษฎออีฟนั้น ท่านนบีไม่กระทำ ซึ่งเท่ากับว่าเขาปฏิเสธสิ่งนี้อย่างน่าหดหู่โดยยึดคำพูดของอุลามะซอเฮรบางคนของเขา  ที่ต่อต้านมัสหับที่เอาหะดิษฎออีฟในการที่ส่งเสริมให้คนละเลยต่ออะมั้ลอิบาดะฮ ...และบางครั้งเขายังกล่าวอ้างว่า  นักวิชาการบางท่านบอกว่า หะดิษฎออีฟนั้นเป็นหะดิษปลอมด้วยซ้ำ..นี่คือหลักฐานจากผู้รู้วะอาบีย์ท่านหนึ่งที่ชาววะฮาบียะชื่นชอบและตักลีดตามเขาเช่น

ท่านนาศิรุดดีน อัลบานีย์...ท่านอิบนุกอยยิม   ท่านมะซุมีย์  ท่านอัศซออนีย์ ฯลฯ

และบางคำพูดของเขาอัศศอ็นอานีย ได้กล่าวไว้ในสุบุลุสสลาม 2/161 ว่า

"يتحصل من كلام أئمة التحقيق أنه حديث ضعيف، والعمل به بدعة"

"สรุปจากคำพูดของบรรดาผู้นำที่ได้รับการรับรอง ว่า แท้จริง มันเป็นหะดิษเฎาะอีฟ และการนำมันมาปฏิบัตินั้น เป็นบิดอะฮ

....เมื่อเป็นเช่นนี้  คำพูดของ  อีม่ามอะหมัด(รด) อันนาวีย์(รฮ) ท่านอนุหะญัร(รฮ)  ฯลฯนั้นกลับไม่ที่ยอมรับของ
ชาววะฮาบียะ  ฉไน  เลยวะฮาบีย์..จึงไม่ยอมรับอุลามะที่ทั้วโลกให้การยอมรับ.กัน...นะอูซุบิ้ลามินซาลิก...

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #111 เมื่อ: ก.พ. 08, 2007, 11:27 PM »
0
อัสลามมู่อะลัยกุ้มฯ
ตกลงบิดอะฮ์วะฮาบีย์ คือ บิดอะฮ์อะไรครับ มีอะไรบ้างครับ แต่ที่แน่ๆอากีดะฮ์ของเขาถูกต้องตามกฎสลาฟุสซอลิห์ ความจริงเราต้องแยกแยะนะครับระหว่างอะกีดะฮ์กับชารีอะฮ์ เพราะชารีอะฮ์คือการคิลาฟิยะห์ ขณะเดียวกันบิดอะห์บางทรรศนะก็มีแยกแยะออกมาอีกมากมาย ดังนั้นสิ่งที่พี่น้องสลาฟุสซอลิห์หรือวะฮาบีย์(ชื่อที่จักรวรรดิตั้งเพื่อสร้างความแตกแยก)ตามที่ท่านเข้าใจและได้เห็นมันก็คือสิ่งที่เป็นการคิลาฟิยะห์ซึ่งก็ถือว่าอนุญาติในฐานะการเป็นนักวิชาการของเขา พี่น้องจะอ้างชื่อ อ. ท่านใดก็ควรจะหลีกหนีต่อการโจมตีกลับกันควรให้เกียรติด้วยซ้ำไปครับ เพราะนั่นคือหน้าที่พวกเขา ดังนั้นอะกีดะฮ์ถ้าถูกต้องคงต้องยอมรับโดยดุษฎี อากีดะฮ์ถูกต้องครับไม่เชื่อลองถามเว็บมาสเตอร์ของพี่น้องดู :D :D
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #112 เมื่อ: ก.พ. 09, 2007, 12:12 AM »
0
อัสลามมู่อะลัยกุ้มฯ
ตกลงบิดอะฮ์วะฮาบีย์ คือ บิดอะฮ์อะไรครับ มีอะไรบ้างครับ แต่ที่แน่ๆอากีดะฮ์ของเขาถูกต้องตามกฎสลาฟุสซอลิห์

อะกีดะฮ์วะฮาบีย์  ถูกต้องตามกฏสะละฟุศศอลิหฺอย่างไรครับ?  สงสัยคุณคงเป็นน้องไหม่  งั้นช่วยบอกหน่อยว่า วะฮาบีย์มีอะกีดะฮ์ถูกต้องตามกฏสะละฟุศศอลิหฺอย่างไร?
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #113 เมื่อ: ก.พ. 09, 2007, 11:17 AM »
0
เรื่องใหญ่ จริงๆ ที่ทำให้ พี่น้องแตกแยกกัน

ก็คงเป็นจากเหตุผลนี้

" เมื่อไม่มีหลักฐาน ฮาล้าลหรือฮารอม วายิบหรือสุนัต ทรรศนะดังกล่าวจึงเป็นบิดอะ "

แล้วก็กลายเป็นว่า จริงๆ แล้ว ตัวเองก็บิดอะด้วย จากเหตุผลด้านบน
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราก็บิดอะ กันมาตั้งแต่สมัย คอลีฟะ แล้วละครับ

ดังนั้นที่เรากล่าวว่า บิดอะวะฮะบี นั้น ก็เพียงจะบอกให้เขารู้ตัวว่า
ถ้าเขาเลิกเอากฎที่ว่า ไม่มีหลักฐานบิดอะ นั้นทิ้งไป  กลุ่มวะฮะบีเอง ก็ไม่บิดอะ เพราะเรื่องทรรศนะมันก็อุตริกันทั้งนั้น

แต่ถ้ายังอยากจะใช้กฎที่ว่า มาโจมตีใส่ร้ายพี่น้องมุสลิมอยู่อย่างนี้
กลุ่มตัวเอง ก็ไม่พ้นหรอกครับ คำว่า บิดอะ เพราะก็โดนเหมือนๆ กันทั้งหมด

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #114 เมื่อ: ก.พ. 09, 2007, 04:04 PM »
0
อัสลามมู่อะลัยกุ้มฯ
ตกลงบิดอะฮ์วะฮาบีย์ คือ บิดอะฮ์อะไรครับ มีอะไรบ้างครับ แต่ที่แน่ๆอากีดะฮ์ของเขาถูกต้องตามกฎสลาฟุสซอลิห์

อะกีดะฮ์วะฮาบีย์  ถูกต้องตามกฏสะละฟุศศอลิหฺอย่างไรครับ?  สงสัยคุณคงเป็นน้องไหม่  งั้นช่วยบอกหน่อยว่า วะฮาบีย์มีอะกีดะฮ์ถูกต้องตามกฏสะละฟุศศอลิหฺอย่างไร?

ผมคอมเมนต์แล้วนะครับ ว่าให้ถามเว็บมาสเตอร์(เห็นพี่เขาบอกว่าเป็นเว็บมาสเตอร์เว็บนี้นะครับ)  เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าอะกีดะห์สลาฟถูกต้องเขายอมรับแล้วขอย้ำนะครับ ดังนั้นบรรดาพี่น้องสายสลาฟในประเทศไทย(หรือที่ถูกยัดเยียดว่าเป็นวะฮาบีย์) พวกเขามีอะกีดะห์ที่ถูกต้องครับ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องจากสาย มอ. วอย. อ.ย่านเจริญกรุง อ.ย่านบางกอกน้อย ฯลฯ สรุปคือเราคือพี่น้องกันครับอย่าโจมตีกันเองเลยนะครับ ;)
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #115 เมื่อ: ก.พ. 09, 2007, 06:23 PM »
0
คุณคงไม่ทราบ
ถ้าพูดถึง บางกอกน้อย
คุณต้องเข้าใจว่า มันมีทั้ง ในรั้ว และ นอกรั้ว มัสยิด
เพราะคนในรั้วมัสยิด เขามัซฮับฮัมบาลี กันทั้งนั้น
และยังมีอีกหลายกลุ่มสังกัด มัซฮับฮัมบาลี ที่เราไม่ได้โจมตี และรักปรองดองกันมากนะครับ
ส่วนคนนอกรั้ว เขาไม่เคยแม้กระทั่ง จะเข้ามาละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด  ( ผมไม่ค่อยอยากเล่าว่าทำไม )

ในหนังสือเรียนของบางกอกน้อยเอง ยังมีเรื่องที่ถูกกลุ่มนอกรั้วกล่าวว่าบิดอะเสียมากมาย ( ไปหาดูได้ครับ )
นี่ยังไม่รวมการเข้าค่าย และเรื่องราวฮุก่ม รวมทั้งเรื่องดุนยา อีกมากมาย

สรุปคือ ไม่ว่าจะอยู่มัซฮับไหน ถ้าตาม 1 ใน 4 ของมัซฮับ จะเป็นบิดอะในสายตาของวะฮะบี ทั้งนั้น
แต่ที่เราเห็นๆ ว่ามัซฮับฮัมบาลี จะแตกต่างนั้น ก็เป็นเพียงทรรศนะนั้นๆ ของแต่ละมัซฮับ แต่ไม่มีการว่าบิดอะกันครับ

เช่น
ออกอีดคนละวัน เพราะถือว่าตามประเทศอื่นหรือไม่ก็ได้ตามทรรศนะ
ไม่ไปเที่ยวงานเมาลิด เพราะเห็นว่ารูปแบบงานไม่ดี และไม่สนับสนุนไป
ไม่มีการเรียนการสอนแบบฟัรดูอีน เพราะระบบฟัรดูอีนของคุรุสภา เป็นสายมัซฮับซาฟีอี
ไม่ต้องจยอัลกรุอาน เพราะใครอ่านก็ได้อยู่แล้วไม่เป็นไร

แต่พี่น้องสายต่างๆ
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิมด้วยกันทำบิดอะ
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิมที่ไม่ออกอีดเหมือนเขาไม่ใช่ซุนนะ
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิมว่าเป็น มุนาฟิก
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิม ...... ฯลฯ

และแน่นอน เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันหายไปนานมากแล้วจริงๆ ตั้งแต่สมัย 50 ปีก่อนเราๆ จะเกิดเสียอีก
แล้วเขาก็เข้าใจเป็นอันดีแล้วว่า พี่น้องที่ทำต่างก็มีหลักฐาน

ที่เขากล่าวหาบิดอะต่างๆ ทำให้ดูเหมือนเขามองพี่น้องมุสลิมไม่มีความรู้และไม่มีหลักฐาน โดยคิดว่าตนเองมีหลักฐานอยู่ผู้เดียว (ซึ่งจริงๆ ไม่มีหลักฐานเลย)
และนั่นแหละคือสิ่งที่พวกคนไม่มีความรู้และหลักฐาน มากกว่าที่จะกล่าวหาพี่น้องสายมัซฮับต่างๆ

ขออภัยที่เรียนความจริงให้ทราบ...   ว่าบางกอกน้อยที่คุณว่าจริงๆ เป็นมัซฮับฮัมบาลี ไม่ใช่ สลัฟแบบ วะฮะบี ครับ...
คุณต้องเข้าใจใหม่ครับ คุณน้อง ^^
วัสลาม...

ออฟไลน์ มะเซ็ง

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 8
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #116 เมื่อ: ก.พ. 10, 2007, 01:49 PM »
0
 เมื่อไม่มีหลักฐาน ฮาล้าลหรือฮารอม วายิบหรือสุนัต ทรรศนะดังกล่าวจึงเป็นบิดอะ "
แล้วก็กลายเป็นว่า จริงๆ แล้ว ตัวเองก็บิดอะด้วย จากเหตุผลด้านบน

เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราก็บิดอะ กันมาตั้งแต่สมัย คอลีฟะ แล้วละครับ

ดังนั้นที่เรากล่าวว่า บิดอะวะฮะบี นั้น ก็เพียงจะบอกให้เขารู้ตัวว่า

ถ้าเขาเลิกเอากฎที่ว่า ไม่มีหลักฐานบิดอะ นั้นทิ้งไป  กลุ่มวะฮะบีเอง ก็ไม่บิดอะ เพราะเรื่องทรรศนะมันก็อุตริกันทั้งนั้น

แต่ถ้ายังอยากจะใช้กฎที่ว่า มาโจมตีใส่ร้ายพี่น้องมุสลิมอยู่อย่างนี้

กลุ่มตัวเอง ก็ไม่พ้นหรอกครับ คำว่า บิดอะ เพราะก็โดนเหมือนๆ กันทั้งหมด

วัลลอฮฺอะลัม

...                   ..............................................................................................

เป็นคำพูดที่เฉียบขาด กินใจดี ตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย..

...เมื่อ..ไม่หลักฐานการห้ามการใช้..ถือว่าเจ๊า กันไป  จะไปว่าเขาทำบิดอะนั้นก็กระไรอยู่..เพราะหลังท่านนบีวาฟาตไป...ท่านอบูบักร์ ยังได้คิดรวบรวมกองทหารเป็นกรมเพื่อปกป้องในงานศาสนาและอีกหลายๆอย่างฯลฯที่ท่านตั้งใจกระทำแต่พระองค์ทรงให่ท่านพักผ่อนเสียก่อน..ยิ่งสมัยท่านอุมัรแล้วชัดเจนมากยิ่งขึ้นไม่ว่า เรื่อง กรม กอง คลัง และการปกครองการรวบรวมอัลกรอาน การสร้างสาธรณะที่เป็นประโยชน์และอำนวยด้านต่างๆล้วนเกี่ยวพันกับงานส่งเสริมที่ดีในงานของสนับสนุนศาสนาของอัลลอฮ์ทั้งนั้น.........ซอฮาบะและผู้รู้ยุคถัดมาหลายๆท่านที่กระทำสิ่งที่เห็นว่าดีในงานศาสนาของพระองค์ก็มีมากมาย  แล้วแต่อัลลอฮ์จะวางกำลังความสามารถให้เขาแต่ละก็ คนถนัดในแต่ละ....บางก็เป็นครูสอนการอ่านอัลกรุอาน สอนการออกเสียง สอนการอธิบาย(ตัฟซีร)สอนวิชานุฮุ-ซะรอฟ.ฯลฯ.บางก็สอนเรื่องอะกีดะเรื่องชารีอัต..
เหล่านี้คือการพยายามทุ่มเทเพื่องานศาสนาของอัลลอฮ์ไม่ให้จมปลักหรือสูยหายไป..กับเวลา..แล้วทัศนะใหม่หรือกมมุดอนั้นไม่เข้าใจเลยหรือว่า..การกระทำในสิ่งที่เป็นความดีแม้การว่าในอัลกรอานและซุนนะไม่ได้บอกไว้  เรามนุษย์สามารถที่จะช่วยเหลือหรือกระทำได้..

ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมทัศนะใหม่จึงหยึดอยู่กับที่ในเรื่องการส่งเสริมในด้านศาสนา..และบางก็ฮุกมว่า บิดอะดอลาละ...จนต้องตกนรก


ทำไมเหมือนกับชาวมัสหับทั้ง4บ้าง.ที่เขาไม่โจมตีการกระทำในแต่ละมัสหับหลังจากที่อุลามะได้ทำการวินิจฉัยและอิตติมาอะแล้ว..เฮ้อ...งง..

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #117 เมื่อ: ก.พ. 13, 2007, 11:39 AM »
0
บิดอะห์ที่พี่น้องในไทยกำลังถูกโจมตีก็คือ อีซีกุโบร์ที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาพราห์ม (ไม่รู้เขียนถูกไหม) และศาสนาพุทธ สังเกตได้จากข้าวเหนียวเหลืองข้าวเหนียวแดง โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบกินนะอร่อยดี แต่เมื่อมามองเรื่องเนื้อหาพิธีการก็ดันไปผสมโรงกับซูฟีย์ตอรีกัตซะนี่ครับ เอากุรอานผสมซิกรฺแล้วมาผสมอีกทีกับพิธีชาวพราห์ม และพุทธ แต่ถ้าพี่น้องตัดเอาข้าวเหนียวเหลืองแดงออกไป แล้วก็3-7วันออกไป การอ่านกุรอานและซิกรฺก็ถือว่าไม่ได้บิดอะห์แน่นอนครับเพราะซอฮาบะฮ์เคยทำไว้  ถ้าพี่น้องไม่อยากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เอเซียอาคาเนก็ลองถามพราห์มที่รู้จักดูว่าประวัติศาสตร์เดิมทีที่พราห์มเติบโตแถบนี้นั้นเขาทำอย่างไรมีข้าวเหนียวเหลืองแดงเซ่นไหว้ไหม แล้วก็ถามเพื่อนพุทธดูว่าเขากำหนดวันขึ้นเนื่องจากอะไร แล้วเขาทำมาตั้งแต่สมัยไหน  ส่วนใครที่ขี้เกียจถามผมแนะนำให้ตีตั๋วขึ้นเครื่องไปหา ราจาพราห์ม ที่อยู่ในเกาะหลายๆเกาะขออินโดฯ เพราะเขายังนุ่งสโร่งแกแจะนายู ยกมือไหว้ จัดข้าวจัดของแบบโต๊ะปาเกบ้านเราทำกันแล้วเอาไปเซ่นไหว้ ตามความเชื่อ

อิสลามให้มองประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับหลักการศาสนาครับ ไม่ได้ให้หลับหูหลับตาตามโต๊ะครู หรือผู้นำอันอ่อนปวกเปียก   
ดังนั้น สี่มัซฮับทำไมต้องฟัตวาชี้ขาดโดยนำฮะดิษซอฮิห์มาใช้บ้าง นำดออีฟมาใช้บ้าง  นั่นก็เพราะเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น บวกกับสภาพความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ท่านจึงใช้วิธีการฟัตวาให้ง่ายๆที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสาย เอาเข้าจริงๆท่านก็ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างบิดอะห์ต่างภายหลังหรอกเพียงเพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างเลยเถิดเอาบางส่วนของท่านอิหม่ามมาขยายความเพื่อความสุขและเพื่อผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้น จริงไหมครับพี่ชาย
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #118 เมื่อ: ก.พ. 13, 2007, 01:17 PM »
0
จริงไหมครับพี่ชาย

ที่น้องกล่าวมา  ไม่จริงหรอกครับน้องชาย  คำแก้ต่างมันมีอยู่ในเวปไซท์แห่งนี้หมดแล้วนะครับ  พยายามศึกษานะครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #119 เมื่อ: ก.พ. 13, 2007, 03:30 PM »
0
บิดอะห์ที่พี่น้องในไทยกำลังถูกโจมตีก็คือ อีซีกุโบร์ที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาพราห์ม (ไม่รู้เขียนถูกไหม) และศาสนาพุทธ สังเกตได้จากข้าวเหนียวเหลืองข้าวเหนียวแดง โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบกินนะอร่อยดี แต่เมื่อมามองเรื่องเนื้อหาพิธีการก็ดันไปผสมโรงกับซูฟีย์ตอรีกัตซะนี่ครับ เอากุรอานผสมซิกรฺแล้วมาผสมอีกทีกับพิธีชาวพราห์ม และพุทธ แต่ถ้าพี่น้องตัดเอาข้าวเหนียวเหลืองแดงออกไป แล้วก็3-7วันออกไป การอ่านกุรอานและซิกรฺก็ถือว่าไม่ได้บิดอะห์แน่นอนครับเพราะซอฮาบะฮ์เคยทำไว้  ถ้าพี่น้องไม่อยากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เอเซียอาคาเนก็ลองถามพราห์มที่รู้จักดูว่าประวัติศาสตร์เดิมทีที่พราห์มเติบโตแถบนี้นั้นเขาทำอย่างไรมีข้าวเหนียวเหลืองแดงเซ่นไหว้ไหม แล้วก็ถามเพื่อนพุทธดูว่าเขากำหนดวันขึ้นเนื่องจากอะไร แล้วเขาทำมาตั้งแต่สมัยไหน  ส่วนใครที่ขี้เกียจถามผมแนะนำให้ตีตั๋วขึ้นเครื่องไปหา ราจาพราห์ม ที่อยู่ในเกาะหลายๆเกาะขออินโดฯ เพราะเขายังนุ่งสโร่งแกแจะนายู ยกมือไหว้ จัดข้าวจัดของแบบโต๊ะปาเกบ้านเราทำกันแล้วเอาไปเซ่นไหว้ ตามความเชื่อ

อิสลามให้มองประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับหลักการศาสนาครับ ไม่ได้ให้หลับหูหลับตาตามโต๊ะครู หรือผู้นำอันอ่อนปวกเปียก   
ดังนั้น สี่มัซฮับทำไมต้องฟัตวาชี้ขาดโดยนำฮะดิษซอฮิห์มาใช้บ้าง นำดออีฟมาใช้บ้าง  นั่นก็เพราะเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น บวกกับสภาพความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ท่านจึงใช้วิธีการฟัตวาให้ง่ายๆที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสาย เอาเข้าจริงๆท่านก็ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างบิดอะห์ต่างภายหลังหรอกเพียงเพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างเลยเถิดเอาบางส่วนของท่านอิหม่ามมาขยายความเพื่อความสุขและเพื่อผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้น จริงไหมครับพี่ชาย

ย่อหน้าแรกของน้อง ahmedisa  ถูกต้องครับ
แต่ย่อหน้าหลัง บังว่ายังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
บังขอชี้แจงดังนี้

เรื่องของ 4 มัซฮับนั้น เป็นเช่นนี้ครับ
1. อีหม่ามฮะนาฟี  แนวทาง  ใช้ฮะดีสมุรซัล มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) และนำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
2. อีหม่ามมาลิกี     แนวทาง ใช้ฮะดีสมุรซัล มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) และนำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
3. อีหม่ามซาฟีอี    แนวทาง จะไม่นำฮะดีสเดาะอีฟ มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) แต่นำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
4. อีหม่ามฮัมบาลี  แนวทาง  นำฮะดีสเดาะอีฟ มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) ด้วย แต่ต้องไม่มีสายรายงานที่ไม่อ่อนจนเกินไป

อนึ่ง ฮะดีสเดาะอีฟ ไม่ใช่ ฮะดีสเก๊ หรือฮะดีสปลอม แบบ เมาดัวะ ดังนั้นการปฏิเสธฮะดีสเดาะฮีฟ เหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร



ส่วนทรรศนะใดดีกว่าทรรศนะใดนั้น วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 13, 2007, 03:31 PM โดย Goddut »

 

GoogleTagged