เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์

<< < (22/39) > >>

คนอยากรู้:

พี่น้องทั้งหลายครับ

แต่ ถ้าเรามองด้วยใจเป็นธรรมต่อพี่น้องมุสลิมที่มีมัสหับต่างๆนั้น เขาเหล่านั้นมีความสุขอยู่กับการมีมัสหับอย่างภาคภูมิใจ และเขาไม่ใส่ร้ายป้ายสี ผู้ร่วมต่างทัศนะ เช่น โจมตี หรือแหน็บแนมการกระทำของพี่น้องในทัศนะของอีหม่าม ฮานาฟีว่า ........การทำกรุบานในวันอีดนั้น จำต้องกระทำเพราะท่านอีม่ามฮะนาฟีนั้นมี อิจมาญว่า สิ่งนี้ต้องวายิบกับมุสลิมทุกคน..โดยอ้างถึง อายะกรุอาน บทที่กล่าวถึงเรื่องการตอบแทนในแม่น้ำสายหนึ่งที่ชื่อว่า อัลเกาซัรที่ท่านนบี(ซล)เพียงให้ความสำคัญมันมากกว่า การกระทำบุญอื่นๆ...หรือการกิยาสการเสียซะกาตฟิตเราะด้วยเงิน หรือการกระดิดนิ้วในตะชาฮุด..
เราต่างให้เกียตริต่อกันเสมอ บางอย่างที่บรรดาชาฟียะกระทำแม้ว่าท่านอีม่ามชาฟีอีไม่กระทำแต่พี่น้องร่วมอะลิสซุนนะต่างมัสหับก็ไม่เคยมีการฮุกมว่า ผิดหรือดอลาละ...
..หลายอย่างที่เป็นความแตกต่างระหว่าการปฏิบัติของทัศนะ ทั้ง4 ล้วนเป็นความแปลกแยกที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง

ถึงขนาดว่า ฮูกมถึงตกนรกเลย...ก็จะมีเพียงแค่วะฮาบียะบางกลุ่มเท่านั้นที่ถือดีว่า ตนนั้นถูกต้องเสมอ..เลยทำให้.เกิดความขัดแย้งกันมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่เราก็คือ ชาวอะลิสซุนนะเหมือนกัน..

ถ้าหากว่าพวกเขาไม่เลยเถิดกับฮะดิสระดับฮะซันของอันนะสาอีแล้ว พวกเขาก็คงไม่ถึงขนาดนี้ แต่นี้พวกเขาให้ความสำคัญมันมากจนเกินไป....โดยเกือบจะกล่าวได้ว่า ฮะดีสบทนี้ เป็แค่ฮะซันที่ใกล้เคียงดออีฟก็ว่าได้ แต่วะฮาบีย์พยายามโยงความเข้าใจว่ามันเป็นฮะซันระดับดี...

เขาอ้างว่าท่านนบีกล่าวว่า...กุ้ลลูบิดอะ ดอลาละ............



นูรุ้ลอิสลาม:
วะฮาบีย์นั้น บางครั้งฮุกุ่มหะดิษซอฮิหฺ ให้กลายเป็นฏออีฟ เพราะไม่ตรงกับทัศนะของพวกเขา  และบางครั้งฮะดิษฏออีฟ กลับกลายเป็นหะดิษซอฮิหฺ เพราะมันไปตรงกับทัศนะที่พวกเขาจะเอา ;D

คนอยากรู้:
ครับ น้องนุ้รุ้ลอิสลาม.

ปัจจุบันนี้วะฮาบีย์ยังกำแหงกล่าวหาพี่น้องที่ทำงาน ดาวะห์ตับลีคว่า  เป็นอีหม่านปลอม หรืออีม่านพันะเทียม
เป็นที่รู้ว่า วะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียมนั้นจะฮุกมตามใบสั่งของ มุรีด  และนอกจากนี้ ชาววะฮาบียะหลายๆท่านในเมือง ไทยที่เดินตาม อิม่าม มุนาญิด จากซาอุฯย่อมกล่สวหาว่า พี่น้องดาวะห์ตับลีค ที่ส่วนมากแล้วมียึดวิชาฟิกฮ์ตามท่านอีม่ามชาฟีอี และมีอะกีดะแบบเดียว อาชาอีเราะ ซึ่งไม่ตรงวกับ วะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียม..ที่มีอะกีดะแบบ มุญัสสิมะของมัสหับดาวุดซอฮีรีย์..

วะฮาบีย์นั้นชอบฮุกมพี่น้องดาวะ พี่รน้องตอรีกัต พี่น้องซุฟี ซึ่งเขากล่าวหาว่าคนเหล่านี้กระทำบิดอะ ที่ไม่มีในสมัยท่านบี..นะอูซุบิ้ลลา...


วะฮาบียะในเมืองไทยนั้นไม่เข้าใจในคำนิยาม ว่า บิดอะหมายถึงอะไร  แต่พวกเขานั้นเปรียบเสมือนคนตาบอดหูหนวก หรือคนที่ว่าตามผู้คนมาอีกที  เหมือนอย่างที่มีคนมาบอกกล่าวเขาอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเขาก็ว่าตามและเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ คนพวกนี้เปรียบเสมือน ผู้ที่ได้ยินเสียงกลองดังแต่ก็ไม่รู้ว่าดังมาจากไหน  แค่เพียงได้ยินเท่านั้นแต่ไม่รู้ต้นตอที่เกิดเสียงดังได้

พวกเขากล่าวกันว่า บิดอะฮในทางศาสนานั้น ไม่มีคำว่า หะสะนะ หรือ บิดอะฮที่ดี เพราะท่านนบี ศอลฯ กล่าวว่า

"كل بدعة ضلالة، وكل ضلالة في النار" [رواه النسائي في "سننه" (3/188 ـ 189

ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด และทุกการหลงผิดนั้น จะอยู่ในนรก ?รายงานโดย อัลนะสาอีย์ ในสุนันของท่าน ? 3/188-189

ซึ่งจริงๆแล้ว  หะดิษนี้ ที่ท่าน อันนะซาอีย์ นำมารายงานนั้น...มีเพียงตัวอักษรแดงที่ผมเน้นคำไว้เท้านั้น ส่วนสำนวนหลังยนั้นบรรดานักหะดิษกล่าวว่า  ท่านนะซาอีย์  เพิ่มคำว่า "และทุกการหลงผิดนั้น อยู่ในนรกเอง"
ผมไม่ทราบว่า การเพิ่มรายงาน จากท่านอันนะซะอีย์นี้ และท่านเองที่กล่าวว่าหะดิษนี้มีความซอเฮี๊ยะ

แต่ที่แน่ๆ  ท่านอิมามมุสลิมและอิมามบุคคอรีย์ ไม่ยอมเอามารายงาน และก็ไม่เคยเห็นว่าอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ท่านใด ได้ทำการยกหะดิษที่เพิ่มคำว่า "และทุกการลุ่มหลงนั้น อยู่ในนรก" ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ผมพูดในเชิงตัวหะดิษ หรือความซอเฮี๊ยะหฺหรือฏออีฟของหะดิษเท่านั้นนะครับ

แต่อุลามะส่วนมากกล่าวว่า หะดิษนี้มันเป็นแค่ระดับฮะซันเท่านั้น

แต่ถ้ามันเป็น ทุกๆบิดอะฮ์ที่ไม่มีรากฐานเดิมจากศาสนา ซึ่งไม่เกี่ยวกับบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ที่มีรากฐานบนหลักการของศาสนา อยู่แล้ว

แต่ในที่นี้ บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น ท่าน อิบนุรอญับ ไม่เรียกว่าเป็นบิดอะฮ์ แต่แก่นแท้แล้ว มันคือ ซุนนะที่อยู่ความหมายบิดอะฮ์ในเชิงภาษา เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีการขัดแย้งกันในหลักการ แต่ขัดแย้งกันในการเรียก

ดังนั้น การดำเนินอยู่ในซุนนะฮ์ ย่อมดีกว่า การวินิจฉัยในเรื่องบิดอะฮ์ แต่ประเด็นที่เราพูดสนทนากันอยู่นี้ คือ การแบ่งบิดอะฮ์ ไปเป็นบิดอะฮ์หะสะนะฮ์และซัยยิอะฮ์ นั้น อยู่ในหลักการหรือไม่? และอนุญาติให้แบ่งได้หรือไม่เท่านั้นเอง ? คำรายงานดังกล่าวนี้ ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ที่มีพื้นฐานบนหลักการของศาสนา

บางครั้ง
วะฮาบีย์มักจะยกคำอ้างของท่าน.

قال ابن مسعود: (اتبعوا ولا تبتدعوا فقد كفيتم) [الدرامي: 175

อิบนุมัสอูดกล่าวว่า? พวกท่านจงเจริญรอยตาม(สุนนะอ)และอย่าอุตริบิดอะฮ แท้จริง(การอิตติบาอ)นั้นทำให้ เพียงพอแก่พวกท่านแล้ว ? อัดดาเราะมี /175 บาบที่ 23


คำกล่าวของท่านอิบนุมัสอูดนั้น คือบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง ซึ่งท่านอิบนุมัสอูดได้พูดกับพวกค่อวาริจ ที่ทำเล่าขานกันและกันในการสรรญเสริญซอฮาบะฮ์บางท่าน และทำการตำหนิประนาม กล่าวกุฟุรกับซอฮาบะฮ์อีกบางส่วน ซึ่งพฤติกรรมอย่างนี้ ย่อมเป็นบิดอะฮ์ โดยที่บรรดาซอฮาบะฮ์ได้เคยกระทำมาก่อน ดังที่ผมจะนำมากล่าวในหลักฐานคำกล่าวและการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์

ดังนั้นท่านอิบนุมัสอูด ไม่ได้ปฏิเสธบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ที่มีรากฐานและอยู่บนหลักพื้นฐานของศาสนา เช่นท่านอิบนุมัสอูด อ่าน อะฮีอัต ในตะชะฮุด ว่า
السلام عليك ايها النيى ورحمة الله ويركاته السلام علينا من ربنا
โดยเพิ่มขึ้นมาเอง กับคำว่า من ربنا หากมันเป็นการเพียงพอแล้ว ทำไมท่านอิบนุมัสอูด ถึงเพิ่มคำดังกล่าวขึ้นมาอีก ทั้งๆที่ท่านนบีไม่ได้เพิ่มไว้ และมีตัวอย่างอีกมากมายจากท่านอิบนุมัสอูด ที่กระทำอิบาอะฮ์ที่ท่านนบีไม่ได้ทำ เช่นละหมาดสุนัตหลังละหมาดซุบหฺ และอื่นๆอีก ซึ่งผมจะนำมากล่าวในหลักฐานคำกล่าวและการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์ ดังนั้น คำกล่าวของท่านอิบนุมัสอูดนี้ ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ที่มีรากฐานและอยู่บนพื้นฐานของศาสนา

เมื่อเป็นเช่นนี้  วะฮาบีสลัฟพันะเทียม จึงเสียหน้าเกือบทุกเรื่องในการโต้แย้ง กับชาว4มัสหับ ดัง การสนทนาที่น้องอัลอัชฮารีย์แปลมาให้เรารับทราบกัน..  ปัจุบันนี้ วะฮาบีย์ก็พยายามหาเรื่องพี่น้องดาวะ ตอรีกัต ซุฟี ฯลฯเพื่อจะสร้างผลงานชิ้นโง่ของเขานั้นเอง

sufriyan:
ครับ บัง ผมจะรอความรู้จากบังต่อครับ

คนอยากรู้:
ขอบคุณครับน้องซุฟีรยาน  อย่าหายไปนานซิครับบังอิงะยาย๊อๆนะครับ555

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version