เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์

<< < (24/39) > >>

Goddut:
คุณคงไม่ทราบ
ถ้าพูดถึง บางกอกน้อย
คุณต้องเข้าใจว่า มันมีทั้ง ในรั้ว และ นอกรั้ว มัสยิด
เพราะคนในรั้วมัสยิด เขามัซฮับฮัมบาลี กันทั้งนั้น
และยังมีอีกหลายกลุ่มสังกัด มัซฮับฮัมบาลี ที่เราไม่ได้โจมตี และรักปรองดองกันมากนะครับ
ส่วนคนนอกรั้ว เขาไม่เคยแม้กระทั่ง จะเข้ามาละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด  ( ผมไม่ค่อยอยากเล่าว่าทำไม )

ในหนังสือเรียนของบางกอกน้อยเอง ยังมีเรื่องที่ถูกกลุ่มนอกรั้วกล่าวว่าบิดอะเสียมากมาย ( ไปหาดูได้ครับ )
นี่ยังไม่รวมการเข้าค่าย และเรื่องราวฮุก่ม รวมทั้งเรื่องดุนยา อีกมากมาย

สรุปคือ ไม่ว่าจะอยู่มัซฮับไหน ถ้าตาม 1 ใน 4 ของมัซฮับ จะเป็นบิดอะในสายตาของวะฮะบี ทั้งนั้น
แต่ที่เราเห็นๆ ว่ามัซฮับฮัมบาลี จะแตกต่างนั้น ก็เป็นเพียงทรรศนะนั้นๆ ของแต่ละมัซฮับ แต่ไม่มีการว่าบิดอะกันครับ

เช่น
ออกอีดคนละวัน เพราะถือว่าตามประเทศอื่นหรือไม่ก็ได้ตามทรรศนะ
ไม่ไปเที่ยวงานเมาลิด เพราะเห็นว่ารูปแบบงานไม่ดี และไม่สนับสนุนไป
ไม่มีการเรียนการสอนแบบฟัรดูอีน เพราะระบบฟัรดูอีนของคุรุสภา เป็นสายมัซฮับซาฟีอี
ไม่ต้องจยอัลกรุอาน เพราะใครอ่านก็ได้อยู่แล้วไม่เป็นไร

แต่พี่น้องสายต่างๆ
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิมด้วยกันทำบิดอะ
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิมที่ไม่ออกอีดเหมือนเขาไม่ใช่ซุนนะ
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิมว่าเป็น มุนาฟิก
ไม่เคยเลยที่จะฮุก่มพี่น้องมุสลิม ...... ฯลฯ

และแน่นอน เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันหายไปนานมากแล้วจริงๆ ตั้งแต่สมัย 50 ปีก่อนเราๆ จะเกิดเสียอีก
แล้วเขาก็เข้าใจเป็นอันดีแล้วว่า พี่น้องที่ทำต่างก็มีหลักฐาน

ที่เขากล่าวหาบิดอะต่างๆ ทำให้ดูเหมือนเขามองพี่น้องมุสลิมไม่มีความรู้และไม่มีหลักฐาน โดยคิดว่าตนเองมีหลักฐานอยู่ผู้เดียว (ซึ่งจริงๆ ไม่มีหลักฐานเลย)
และนั่นแหละคือสิ่งที่พวกคนไม่มีความรู้และหลักฐาน มากกว่าที่จะกล่าวหาพี่น้องสายมัซฮับต่างๆ

ขออภัยที่เรียนความจริงให้ทราบ...   ว่าบางกอกน้อยที่คุณว่าจริงๆ เป็นมัซฮับฮัมบาลี ไม่ใช่ สลัฟแบบ วะฮะบี ครับ...
คุณต้องเข้าใจใหม่ครับ คุณน้อง ^^
วัสลาม...

มะเซ็ง:
 เมื่อไม่มีหลักฐาน ฮาล้าลหรือฮารอม วายิบหรือสุนัต ทรรศนะดังกล่าวจึงเป็นบิดอะ "
แล้วก็กลายเป็นว่า จริงๆ แล้ว ตัวเองก็บิดอะด้วย จากเหตุผลด้านบน

เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราก็บิดอะ กันมาตั้งแต่สมัย คอลีฟะ แล้วละครับ

ดังนั้นที่เรากล่าวว่า บิดอะวะฮะบี นั้น ก็เพียงจะบอกให้เขารู้ตัวว่า

ถ้าเขาเลิกเอากฎที่ว่า ไม่มีหลักฐานบิดอะ นั้นทิ้งไป  กลุ่มวะฮะบีเอง ก็ไม่บิดอะ เพราะเรื่องทรรศนะมันก็อุตริกันทั้งนั้น

แต่ถ้ายังอยากจะใช้กฎที่ว่า มาโจมตีใส่ร้ายพี่น้องมุสลิมอยู่อย่างนี้

กลุ่มตัวเอง ก็ไม่พ้นหรอกครับ คำว่า บิดอะ เพราะก็โดนเหมือนๆ กันทั้งหมด

วัลลอฮฺอะลัม

...                   ..............................................................................................

เป็นคำพูดที่เฉียบขาด กินใจดี ตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย..

...เมื่อ..ไม่หลักฐานการห้ามการใช้..ถือว่าเจ๊า กันไป  จะไปว่าเขาทำบิดอะนั้นก็กระไรอยู่..เพราะหลังท่านนบีวาฟาตไป...ท่านอบูบักร์ ยังได้คิดรวบรวมกองทหารเป็นกรมเพื่อปกป้องในงานศาสนาและอีกหลายๆอย่างฯลฯที่ท่านตั้งใจกระทำแต่พระองค์ทรงให่ท่านพักผ่อนเสียก่อน..ยิ่งสมัยท่านอุมัรแล้วชัดเจนมากยิ่งขึ้นไม่ว่า เรื่อง กรม กอง คลัง และการปกครองการรวบรวมอัลกรอาน การสร้างสาธรณะที่เป็นประโยชน์และอำนวยด้านต่างๆล้วนเกี่ยวพันกับงานส่งเสริมที่ดีในงานของสนับสนุนศาสนาของอัลลอฮ์ทั้งนั้น.........ซอฮาบะและผู้รู้ยุคถัดมาหลายๆท่านที่กระทำสิ่งที่เห็นว่าดีในงานศาสนาของพระองค์ก็มีมากมาย  แล้วแต่อัลลอฮ์จะวางกำลังความสามารถให้เขาแต่ละก็ คนถนัดในแต่ละ....บางก็เป็นครูสอนการอ่านอัลกรุอาน สอนการออกเสียง สอนการอธิบาย(ตัฟซีร)สอนวิชานุฮุ-ซะรอฟ.ฯลฯ.บางก็สอนเรื่องอะกีดะเรื่องชารีอัต..
เหล่านี้คือการพยายามทุ่มเทเพื่องานศาสนาของอัลลอฮ์ไม่ให้จมปลักหรือสูยหายไป..กับเวลา..แล้วทัศนะใหม่หรือกมมุดอนั้นไม่เข้าใจเลยหรือว่า..การกระทำในสิ่งที่เป็นความดีแม้การว่าในอัลกรอานและซุนนะไม่ได้บอกไว้  เรามนุษย์สามารถที่จะช่วยเหลือหรือกระทำได้..

ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมทัศนะใหม่จึงหยึดอยู่กับที่ในเรื่องการส่งเสริมในด้านศาสนา..และบางก็ฮุกมว่า บิดอะดอลาละ...จนต้องตกนรก

ทำไมเหมือนกับชาวมัสหับทั้ง4บ้าง.ที่เขาไม่โจมตีการกระทำในแต่ละมัสหับหลังจากที่อุลามะได้ทำการวินิจฉัยและอิตติมาอะแล้ว..เฮ้อ...งง..

ahmedisa:
บิดอะห์ที่พี่น้องในไทยกำลังถูกโจมตีก็คือ อีซีกุโบร์ที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาพราห์ม (ไม่รู้เขียนถูกไหม) และศาสนาพุทธ สังเกตได้จากข้าวเหนียวเหลืองข้าวเหนียวแดง โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบกินนะอร่อยดี แต่เมื่อมามองเรื่องเนื้อหาพิธีการก็ดันไปผสมโรงกับซูฟีย์ตอรีกัตซะนี่ครับ เอากุรอานผสมซิกรฺแล้วมาผสมอีกทีกับพิธีชาวพราห์ม และพุทธ แต่ถ้าพี่น้องตัดเอาข้าวเหนียวเหลืองแดงออกไป แล้วก็3-7วันออกไป การอ่านกุรอานและซิกรฺก็ถือว่าไม่ได้บิดอะห์แน่นอนครับเพราะซอฮาบะฮ์เคยทำไว้  ถ้าพี่น้องไม่อยากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เอเซียอาคาเนก็ลองถามพราห์มที่รู้จักดูว่าประวัติศาสตร์เดิมทีที่พราห์มเติบโตแถบนี้นั้นเขาทำอย่างไรมีข้าวเหนียวเหลืองแดงเซ่นไหว้ไหม แล้วก็ถามเพื่อนพุทธดูว่าเขากำหนดวันขึ้นเนื่องจากอะไร แล้วเขาทำมาตั้งแต่สมัยไหน  ส่วนใครที่ขี้เกียจถามผมแนะนำให้ตีตั๋วขึ้นเครื่องไปหา ราจาพราห์ม ที่อยู่ในเกาะหลายๆเกาะขออินโดฯ เพราะเขายังนุ่งสโร่งแกแจะนายู ยกมือไหว้ จัดข้าวจัดของแบบโต๊ะปาเกบ้านเราทำกันแล้วเอาไปเซ่นไหว้ ตามความเชื่อ

อิสลามให้มองประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับหลักการศาสนาครับ ไม่ได้ให้หลับหูหลับตาตามโต๊ะครู หรือผู้นำอันอ่อนปวกเปียก   
ดังนั้น สี่มัซฮับทำไมต้องฟัตวาชี้ขาดโดยนำฮะดิษซอฮิห์มาใช้บ้าง นำดออีฟมาใช้บ้าง  นั่นก็เพราะเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น บวกกับสภาพความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ท่านจึงใช้วิธีการฟัตวาให้ง่ายๆที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสาย เอาเข้าจริงๆท่านก็ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างบิดอะห์ต่างภายหลังหรอกเพียงเพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างเลยเถิดเอาบางส่วนของท่านอิหม่ามมาขยายความเพื่อความสุขและเพื่อผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้น จริงไหมครับพี่ชาย

al-azhary:

--- อ้างจาก: ahmedisa ที่ ก.พ. 13, 2007, 11:39 AM ---จริงไหมครับพี่ชาย

--- End quote ---

ที่น้องกล่าวมา  ไม่จริงหรอกครับน้องชาย  คำแก้ต่างมันมีอยู่ในเวปไซท์แห่งนี้หมดแล้วนะครับ  พยายามศึกษานะครับ

Goddut:

--- อ้างจาก: ahmedisa ที่ ก.พ. 13, 2007, 11:39 AM ---บิดอะห์ที่พี่น้องในไทยกำลังถูกโจมตีก็คือ อีซีกุโบร์ที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาพราห์ม (ไม่รู้เขียนถูกไหม) และศาสนาพุทธ สังเกตได้จากข้าวเหนียวเหลืองข้าวเหนียวแดง โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบกินนะอร่อยดี แต่เมื่อมามองเรื่องเนื้อหาพิธีการก็ดันไปผสมโรงกับซูฟีย์ตอรีกัตซะนี่ครับ เอากุรอานผสมซิกรฺแล้วมาผสมอีกทีกับพิธีชาวพราห์ม และพุทธ แต่ถ้าพี่น้องตัดเอาข้าวเหนียวเหลืองแดงออกไป แล้วก็3-7วันออกไป การอ่านกุรอานและซิกรฺก็ถือว่าไม่ได้บิดอะห์แน่นอนครับเพราะซอฮาบะฮ์เคยทำไว้  ถ้าพี่น้องไม่อยากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เอเซียอาคาเนก็ลองถามพราห์มที่รู้จักดูว่าประวัติศาสตร์เดิมทีที่พราห์มเติบโตแถบนี้นั้นเขาทำอย่างไรมีข้าวเหนียวเหลืองแดงเซ่นไหว้ไหม แล้วก็ถามเพื่อนพุทธดูว่าเขากำหนดวันขึ้นเนื่องจากอะไร แล้วเขาทำมาตั้งแต่สมัยไหน  ส่วนใครที่ขี้เกียจถามผมแนะนำให้ตีตั๋วขึ้นเครื่องไปหา ราจาพราห์ม ที่อยู่ในเกาะหลายๆเกาะขออินโดฯ เพราะเขายังนุ่งสโร่งแกแจะนายู ยกมือไหว้ จัดข้าวจัดของแบบโต๊ะปาเกบ้านเราทำกันแล้วเอาไปเซ่นไหว้ ตามความเชื่อ

อิสลามให้มองประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับหลักการศาสนาครับ ไม่ได้ให้หลับหูหลับตาตามโต๊ะครู หรือผู้นำอันอ่อนปวกเปียก   
ดังนั้น สี่มัซฮับทำไมต้องฟัตวาชี้ขาดโดยนำฮะดิษซอฮิห์มาใช้บ้าง นำดออีฟมาใช้บ้าง  นั่นก็เพราะเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น บวกกับสภาพความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ท่านจึงใช้วิธีการฟัตวาให้ง่ายๆที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสาย เอาเข้าจริงๆท่านก็ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างบิดอะห์ต่างภายหลังหรอกเพียงเพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างเลยเถิดเอาบางส่วนของท่านอิหม่ามมาขยายความเพื่อความสุขและเพื่อผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้น จริงไหมครับพี่ชาย

--- End quote ---

ย่อหน้าแรกของน้อง ahmedisa  ถูกต้องครับ
แต่ย่อหน้าหลัง บังว่ายังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
บังขอชี้แจงดังนี้

เรื่องของ 4 มัซฮับนั้น เป็นเช่นนี้ครับ
1. อีหม่ามฮะนาฟี  แนวทาง  ใช้ฮะดีสมุรซัล มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) และนำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
2. อีหม่ามมาลิกี     แนวทาง ใช้ฮะดีสมุรซัล มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) และนำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
3. อีหม่ามซาฟีอี    แนวทาง จะไม่นำฮะดีสเดาะอีฟ มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) แต่นำมาเป็นหลักฐานส่งเสริมให้กระทำความดี ( ฟะดออิลุลอะมาล )
4. อีหม่ามฮัมบาลี  แนวทาง  นำฮะดีสเดาะอีฟ มาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการวินิจฉัย(ฮาล้าล หรือฮารอม) ด้วย แต่ต้องไม่มีสายรายงานที่ไม่อ่อนจนเกินไป

อนึ่ง ฮะดีสเดาะอีฟ ไม่ใช่ ฮะดีสเก๊ หรือฮะดีสปลอม แบบ เมาดัวะ ดังนั้นการปฏิเสธฮะดีสเดาะฮีฟ เหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร



ส่วนทรรศนะใดดีกว่าทรรศนะใดนั้น วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version