ผมขออธิบายให้นะครับ
ต้องเข้าใจว่า ฮุก่ม การ กอฎอ แบบหลงลืม หรือหลับนั้นมี เพียงข้อเดียวคือ
1. วายิบต้องชดใช้
ส่วน ฮุก่ม การ กอฎอ แบบที่ลืมโดยเจตนา นั้นมี 2 ข้อ
1. วายิบต้องชดใช้
2. ต้องได้รับโทษ ซึ่งการกอฎอไม่สามารถชดใช้ได้
ส่วนการเตาบัต ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้ว...
นั้นหมายความว่าถึง เราจะอ้างว่า ไม่ต้องละหมาดหรอก เดี๋ยวก็สามารถ กอฎอ ได้ นั้นก็ไม่ได้ทำให้เราพ้นผิด
การที่ใน muslimthai.com บังเขา อ้างว่า การกอฎอ จะทำให้คนขาดละหมาดนั้นจึงไม่จริง
เพราะผู้ขาดละหมาดนั้นต้องได้รับโทษ และแถมยังต้องกอฎอใช้อีกด้วย โทษที่ได้รับอย่างไรก็ต้องเตาบัตอยู่แล้ว ส่วนพระองค์จะยกให้หรือไม่ก็อยู่ที่พระองค์
ซึ่งจะเห็นได้ว่า การขาดละหมาดนั้น หนักหนา มากเสียกว่า การจะขาดเมื่อไหร่ก็ได้แล้วเตาบัตเอา
ฮะดีสที่ผมเคยนำเสนอไปในสายซาฟีอี เป็นฮะดีสอาม ซึ่งกล่าวไว้อย่างครอบคลุม
พวกเขามักอ้างว่า ฮะดีสครอบคลุมเหล่านี้นั้นใช้ไม่ได้ เพราะท่านนบีไม่ได้กล่าวเจาะจง
แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับนำฮะดีสอามเหล่านี้ ไปเจาะจงเรียบร้อยแล้ว
และเขาจะไม่ยอมรับการกิยาส ( เทียบเคียง ) ในเรื่องของอิบาดะ ตามคำกล่าวอ้างของเขา
เช่น ฮะดีส มุอาซ เป็นต้น
" จากชุอฺบะฮ ,จากอบีเอา จากอัลหาริษ บุตร อุมัร บุตรชาย ของข้าพเจ้า ,อัลมุฆีเราะฮ บุตร ชุอฺบะฮ จากชาวเมือง หมศิน จากสหายของท่านมุอาซ บุตร ยะบัลรายงานว่า แท้จริงท่านร่อซู้ล ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขณะเมื่อท่านส่งฉัน (มุอาซ) ไป (ปกครอง) แคว้นยะมัน ท่านกล่าวถามว่า ท่านจะตัดสินอย่างไรเมื่อมีคดีถูกเสนอมายังท่าน
มุอาซกล่าวว่า ฉันตัดสินด้วยกับคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ท่านร่อซู้ลกล่าวว่าถ้าเมื่อท่านไม่พบในคัมภีร์ของอัลลอฮฺ มุอาซกล่าวว่า ฉันตัดสินด้วยซุนนะของร่อซู้ล ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านร่อซู้ลกล่าวว่า ถ้าเมื่อไม่พบในซุนนะของร่อซู้ล และคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ท่านมุอาซตอบว่า ฉันจะวินิจฉัยด้วยความคิดของฉัน และฉันจะไม่ลังเลแต่อย่างใด
ท่านร่อซู้ลจึงใช้มือตบที่อกของมุอาซ (แสดงความพอใจ) พลางกล่าวว่า ขอสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ (อัลฮัมดุลิ้ลลา) ผู้ทรงสนับสนุนผู้เป็นศาสนทูต (ตัวแทน) แห่งร่อซู้ล ในสิ่งที่ร่อซู้ลพึงพอใจ" สุนันอบีดาวูด กิตาบุ้ลเกาะฎออี เล่ม 3 หน้า 303
บังเขา กล่าวว่า แค่ตัดสินเรื่องของการเมืองเท่านั้น ( ดุนยา ) ไม่ใช่เรื่องศาสนา ซึ่ง ในฮะดีสนี้ มิได้บอกเช่นนั้น
และนั้นหมายถึง ไม่ว่าเรื่องใดๆ ของ อิบาดะ บังเขา จะไม่ยอมรับการกิยาสเลย
ผมไม่เข้าใจว่า เวลาเขาอาบน้ำละหมาดนั้น เขาต้องถอดถุงเท้าด้วยหรือไม่ ถ้าเกิดมันถอดลำบากมาก
อนึ่ง การไม่ถอดรองเท้าแล้วอาบน้ำละหมาดนั้น มีตั้งแต่สมัยท่านนบีแล้ว แต่ในสมัยท่านนบีนั้นไม่มีถุงเท้า
หากเขากล่าวได้ว่า เขาไม่ได้ถอดถุงเท้า แต่กระทำเหมือนตอนใส่รองเท้านั้นละก็
นี่แหละคือการกิยาส ที่ไม่มีในสมัยท่านนบี และซอฮาบะ
หากเราจะบอกได้ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอิบาดะ ก็ผิด เพราะการอาบน้ำละหมาดนั้นส่งผลถึงการละหมาดซึ่งเป็นอิบาดะอย่างแน่นอน
ยังกล่าวอ้างอีกว่า การละหมาดสุนัตนั้นช่วยได้ จากฮะดีสบทนี้
สิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮจาก การงานของเขาคือ ละหมาด ดังนั้น ถ้ามันดี แน่นอนเขา ก็ประสบความสำเร็จ และปลอดภัย และถ้ามันเสีย แน่นอน เขา สิ้นหวังและขาดทุน และหากสิ่งใดจากละหมาดฟัรดูของเขาบกพร่อง พระเจ้า ผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง ตรัสว่า "พวกเจ้าจงพิจารณาดู ว่า บ่าวของข้ามีสุนัตบ้างไหม แล้วทำให้สิ่งที่บกพร่องจากฟัรดู ให้สมบูรณ์ ด้วยมัน หลังจากนั้น การงานอื่นๆของเขา ก็เป็นไปตามนั้น"
- บันทึกโดย อิหม่ามอะหมัด,อบูดาวูด ,อันนะสาอีย์และอัตติรมิซีย์
หากอิบนุตัยมิยะ ยกฮะดีสนี้มา ก็เป็นการกิยาสเช่นกัน เพราะก็ไม่มีคำไหนกล่าวว่า
การละหมาดสุนัต จะลบล้างเจตนาของการละทิ้งละหมาดฟัรดูได้
เพราะการละหมาดบกพร่องย่อมหมายถึง จิตใจวอกแวก ไม่กุซัวะ อ่านผิดบ้าง ลืมในละหมาดบ้างเป็นต้น มิใช่ขาดละหมาดโดยเจตนา
แปลกที่กิยาสเหมือนๆ กัน แต่ของบรรดาผู้นำทั้ง 4 สำนักคิด ไม่ยอมรับ แต่กลับมารับของอิบนุตัยมิยะ.....
จากคำกล่าวของบรรดา บุคคลที่ดังกล่าวนั้นเลยมาจาก สามศตวรรษ ที่ท่านนบีได้กล่าวไว้
ซึ่งบังเขา กล่าวว่า ท่านนบีบอกว่าประเสริฐในยุค สามศตวรรษจริง
แต่กลับกล่าวอ้างต่อว่า ท่านนบีไม่ได้บอกว่า ฉลาด และมีความรู้กว่า (วัลอิยาซุบิลละ)
ทั้งๆ ที่เป็นฮะดีสอามเช่นกัน แต่บังเขา ก็ต้องการเจาะจงอีกเช่นเคย ว่าท่านนบีไม่ได้บอกว่าเก่งกว่า หรือฉลาดกว่า
เรื่องนี้ บุคคลสายนี้ มีหลายคนที่มักจะให้ความเห็นว่า บุคคลในยุคนี้มีความรู้อาจจะมากกว่าคนในยุคท่านนบีด้วยซ้ำ (ซุบฮานัลลลอฮฺ)
เมื่อเรายกว่า ท่านนบีทำการกิยาสให้ดูเป็นตัวอย่าง
พวกเขาเหล่านั้นก็จะกล่าวว่า "นั่นท่านนบีนะ ทำไมจะกิยาสไม่ได้ แล้วคุณเป็นใครมากิยาส"
แต่พอเขาฮุก่มใครตกนรก และทำบิดอะดอลาละ
พวกเขาเหล่านั้นก็จะกล่าวว่า "ขนาดท่านนบี ยังฮุก่มคนให้ตกนรกได้เลย ทำไมเราจะฮุก่มไม่ได้"
พี่น้องดูเอาเถิดเรื่องใดควรมิควร.... (วัลอิยาซุบิลละ)
เกร็ดความรู้ คำว่า ตักลีด
ตักลีด เป็นคำที่ฝ่ายกลุ่ม วะฮะบี ชอบนำมากล่าวหา พี่น้องสายมัซฮับว่า ชอบตามแบบหูหนวกตาบอด
ซึ่งจริงๆ แล้ว การตามในลักษณะเช่นนี้ คือการตามโดย ไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ที่มา และไม่รู้หลักฐาน
แต่หากเรารู้เหตุผล รู้ที่มา รู้หลักฐาน นั้นไม่ได้หมายความว่าเราตักลีด
ยกตัวอย่าง เมื่อเราเอามือกอดอกในเวลาละหมาด มีคนถามว่าทำไมเอามือกอดอก เราบอกไม่ทราบเห็นเขาทำกัน นี่แหละคือ ตักลีด
ดังนั้นเราก็ต้องศึกษาว่าทำไมถึงเอามือกอดอก และแน่นอนคนเอาวาม อย่างพวกเราก็จำเป็นต้องตักลีดอยู่แล้ว
เราต้องศึกษาหลักการก่อน ส่วนหลักฐานนั้นก็ค่อยศึกษาไป จะได้มีความรู้ตามที่ศาสนาได้วางรากฐานเอาไว้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
สรุป
หลักฐานส่วนใหญ่ที่บังเขา นำเสนอ เป็นคำฟัตวาของบุคคลข้างต้น แนะนอนไม่มีตัวบทจับต้องได้เช่นกัน
ดังนั้นก็จึงอยู่ที่เราจะรับการกิยาสของ ใครเท่านั้น แต่หากมาบอกว่าทรรศนะนี้ถูก อีกทรรศนะผิด มีมวยแน่นอน
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...