ผู้เขียน หัวข้อ: บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์  (อ่าน 53445 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 10:11 AM »
0
:o คุณubaid..กล่าวว่า..

เพราะท่านนบีให้ปฏิบัติตามท่าน ไม่ใช่ให้ปฏิบัติตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง มัซฮํบใดพ้องกับซุนนะฮฺของท่านนบีในปัญหาหนึ่งๆ เราก็ปฏิบัติตามมัซฮับนั้น

--คุณubaid..กล่าวว่า.

ถ้างั้น บรรดามัสหับทั้งสี่ มีใครบ้างละครับ ที่ไม่ปฏิบัติตามกีตาบุลลอฮ์และซุนนะนะบี...และการที่เราตามมัสหับนั้น เราก็ตามเฉพาะการวินิจฉัย ปัญหาบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่มันไม่มีจาก2สิ่งนี้เท่านั้น..และการอิติญาดนั้นมันก็สามารถกระทำได้เสมอ..และ 4มัสหับ ทั้ง4 ก็ไม่เคยบังคับให้ตามท่านเหล่านั้น เพราะ..รูกนอีหม่ามได้บอกไว้แล้วในข้อที่2และกาลีมะตุดตัยยีบะนั้นยังคงเข้าอยุ่ในเส้นประสาทของเราเสมอ..อัลลออ์เป็นเจ้า มูฮำมัดนั้นเป็นรอซุ้ลลุ้ลลออ์


..ฉนั้น คุณubaid..คงจะเปิดใจสิ่งที่เรานำมาบอกกล่าวบ้างงว่า เรานั้น ศรัทธาต่ออัลลออ์และร้อซุ้ลเสมอ  และอย่าได้เอาพระองค์มาเทียบเคียงกับมัคโลคต่างๆ และอย่าได้เอาบรรดานบี มาเทียบเคียงกับมนุษย์ปถุชนธรรมดา ให้มัวหมองเลยครับคุณ..ubaid..
[/quote]

ออฟไลน์ ubaid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 10:33 AM »
0
เรื่องบิดอะฮ์ในเชิงหลักภาษานั้น เราไม่ได้มีปัญหาและไม่เคยปฏิเสธ เราจึงไม่ทราบว่าวะฮาบีย์ยกมาอ้างทำไมกัน ซึ่งเหมือนกับพยายามกล่าวหาแก่เราว่า เราไม่เชื่อหลักการดังกล่าวเสียอย่างนั้น ในเรื่องของการแบ่งแยกบิดอะฮ์นั้น มันอยู่ในประเด็นการวินิจฉัย ความแตกต่างต้องเกิดขึ้นอยู่ไม่ต้องสงสัย ทัศนะของนักปราชญ์ของเรานั้น แม้จะแตกต่างกันในการเรียกชื่อ แต่หลักการ , ความหมาย , และมีเป้าหมายเดียวกัน การเรียกชื่อศัพท์ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักปราชญ์ที่ว่า

لا مشاحة فى الإصطلاحات

"ไม่มีการขัดข้องในบรรดาการเรียกศัพท์"

แต่ปัญหาก็คือ วะฮาบีย์พยายามแอบอ้างทัศนะของอุลามาอ์ของเรา เพื่อสนองหลักการแบ่งบิดอะฮ์ของวะฮาบีย์ ไปเป็นบิดอะฮ์ดุนยา ด้วยการแอบอ้างการแบ่งแยกบิดอะฮ์ของอิมามชาฟิอีย์โดยอ้างอิงหลักฐานจากคำพูดของท่านอุมัร(ร.ฏ.)มาสนับสนุน และอ้างว่ามันเป็นบิดอะฮ์ดุนยา ซึ่งดังกล่าวนี้ ไม่มีนักปราชญ์ท่านใดอาจหาญกล่าวอ้างอย่างนั้น

และนักปราชญ์ที่วะฮาบีย์นำมาสนับในเรื่องแบ่งแยกบิดอะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์ ล้วนแต่มีทัศนะที่เป็นบิดอะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์แทบทั้งสิ้น เราจึงไม่ทราบว่าวะฮาบีย์จะอ้างหลักการแบ่งบิดอะฮ์ของตน เพื่อไปต่อต้านทัศนะที่นักปราชญ์เหล่านั้นที่วะฮาบีย์ชอบนำมาอ้างหรือเปล่า?

******************************************
ที่ผมยกมานั้นก็ไม่ใช่เพื่ออะไรหรอกครับ เพียงแต่จะบอกว่า ที่บรรดาอุละมาอฺแบ่งมานั้นเขาแบ่งตามความหมายในเชิงในภาษา ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างที่พวกท่านยกมา
ส่วนที่ว่า เขาแบ่งตามบิดอะฮฺดุนยา อันนี้ผมก็เคยจะเพิ่งได้ยิน
ขอความกรุณาว่าวะฮิหะบีย์ท่านไหนมีทัศนะเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเอาคำพูดของคนๆหนึ่งที่คิดว่าเขาเป็นวะฮฺหะบี แล้วเหมารวมว่า นี้คือทัศนะของวะฮฺหะบี

ออฟไลน์ ubaid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 10:55 AM »
0
คุณubaid..กล่าวว่า..

เพราะท่านนบีให้ปฏิบัติตามท่าน ไม่ใช่ให้ปฏิบัติตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง มัซฮํบใดพ้องกับซุนนะฮฺของท่านนบีในปัญหาหนึ่งๆ เราก็ปฏิบัติตามมัซฮับนั้น

--คุณubaid..กล่าวว่า.

ถ้างั้น บรรดามัสหับทั้งสี่ มีใครบ้างละครับ ที่ไม่ปฏิบัติตามกีตาบุลลอฮ์และซุนนะนะบี...และการที่เราตามมัสหับนั้น เราก็ตามเฉพาะการวินิจฉัย ปัญหาบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่มันไม่มีจาก2สิ่งนี้เท่านั้น..และการอิติญาดนั้นมันก็สามารถกระทำได้เสมอ..และ 4มัสหับ ทั้ง4 ก็ไม่เคยบังคับให้ตามท่านเหล่านั้น เพราะ..รูกนอีหม่ามได้บอกไว้แล้วในข้อที่2และกาลีมะตุดตัยยีบะนั้นยังคงเข้าอยุ่ในเส้นประสาทของเราเสมอ..อัลลออ์เป็นเจ้า มูฮำมัดนั้นเป็นรอซุ้ลลุ้ลลออ์


..ฉนั้น คุณubaid..คงจะเปิดใจสิ่งที่เรานำมาบอกกล่าวบ้างงว่า เรานั้น ศรัทธาต่ออัลลออ์และร้อซุ้ลเสมอ และอย่าได้เอาพระองค์มาเทียบเคียงกับมัคโลคต่างๆ และอย่าได้เอาบรรดานบี มาเทียบเคียงกับมนุษย์ปถุชนธรรมดา ให้มัวหมองเลยครับคุณ..ubaid
*******************************************
ผมไม่ได้บอกว่ามัซฮับทั้ง4 ไม่ได้ตามอัลกุรอานและสุนนะฮฺ ทุกท่านยึดสายหลักนี้ เพราะใครก็ตามที่ไม่ยึดหลักนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกว่ามุสลิมได้ไง ทุกๆท่านตามหลักนี้ แต่การการวินิจฉัยและอิจติฮาดของแต่ละปัญหาอาจมีความแตกต่างกัน และในความแตกต่างนี้เราจะเลือกทัศนะไหน นั้นคือเราเลือกว่าทัศนะไหนที่มันใกล้เคียงกับซุนนะฮฺมากที่สุด ส่วนทัศนะไหนที่ใกล้เคียงกับซุนนะฮฺนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแต่ละคนไป ซึ่งใครจะเลือกทัศนะไหน ก็แล้วแต่การวินิจฉัยของเขาเอง ฉะนั้นที่เราตามก็คือ หลักฐานของอุละมาอฺที่เขายกมา ไม่ใช่ตามเพราะตัวบุคคล ท่านก็บอกแล้วว่าบรรดามัซฮับไม่ได้บังคับให้ตามท่าน ฉะนั้นในปัญหาหนึ่งเราจะตามมัซฮับหะนะฟีย์ และอีกปัญหาหนึ่งเราจะตามมาลิกีย์ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากที่เราตามเนื่องจากทัศนะของเขาเป็นทัศนะที่แข็งแรงในทัศนะของเรา และบางที่ทัศนะที่เราคิดว่าแข็งแรงอาจเป็นทัศนะที่อ่ออนในทัศนะของคนอื่น
และในหนังสือที่พวกท่านเรียกว่าวะหะบีจะมีกล่าวอยู่เสมอว่า ทัศนะของมัซฮับนี้ว่าอย่างนี้ มัซฮับนี้ว่าอย่างนี้ และทัศนะที่ถูกต้องคือทัศนะทัศนะนี้
ส่วนที่ว่าทำไมเขาจึงมักยกคำพูดของอิบนุตัยมียยะฮฺ อบนุก็อยยิม อันนี้ก็อาจเนื่องจากว่าทัศนะของท่านอาจจะเป็นทัศนะที่มีน้ำหนักมากกว่าในทัศนะของผู้ยกคำพูดมา ซึ่งทัศนะของทั้งสองส่วนมากก็จะมีอยู่ในทัศนะของมัซฮับทั้งสี่

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:00 AM »
0
คุณ ubaid

السلام عليكم ورحمة الله وربكاته

ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนทนากับคุณครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ubaid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:09 AM »
0
อ่อ หนังสืออัตตัดมุรียยะฮฺ มีเกือบ300 หน้าอ่ะครับ (รวมทั้งสารบัญ บทนำ ) แต่ที่ผมยกขึ้นมาหน้า 8 ก็เพื่อเอาข้อความที่เผ็นหลักฐานมาเท่านั้น

งั้นขอแรงพี่ๆ ช่วยวิจารณ์หนังสืออัตตัดมุรียยะฮฺหน่อยน่ะครับ ว่าคำพูดไหน ในหน้าไหน ที่เป็นแนวคิดของมุชับบิฮะฮฺ และ มุชัสสิมะฮฺ

เอาเป็นกระทู้ต่างหากก็ยิ่งดีครับ

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:12 AM »
0
คุณubaidครับที่เรายกมานั้นล้วนมีที่มาครับ

คุณกล่าวว่า..ที่ผมยกมานั้นก็ไม่ใช่เพื่ออะไรหรอกครับ เพียงแต่จะบอกว่า ที่บรรดาอุละมาอฺแบ่งมานั้นเขาแบ่งตามความหมายในเชิงในภาษา ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างที่พวกท่านยกมา
ส่วนที่ว่า เขาแบ่งตามบิดอะฮฺดุนยา อันนี้ผมก็เคยจะเพิ่งได้ยิน
ขอความกรุณาว่าวะฮิหะบีย์ท่านไหนมีทัศนะเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเอาคำพูดของคนๆหนึ่งที่คิดว่าเขาเป็นวะฮฺหะบี แล้วเหมารวมว่า นี้คือทัศนะของวะฮฺหะบี

ข้างล่างนี้คือ..หลักฐานที่ผู้ที่อ้างว่ารู้ในทัศนะวะฮาบีย์เขาชอบยกมาอ้างครับ.

เขากล่าว่า..เรื่อง ศาสนา โดยรวมนั้น มีทั้งเรื่อง กิจการทางศาสนา (دينية )(บิดอะทางศาสนา) และ กิจการทางโลก(دنيوية ) (บิดอะทางดุนยา)ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตมนุษย์
 เพราะฉะนั้น บิดอะฮก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. بدعة دنيوية (บิดอะฮดุนยะวียะฮ) หมายถึง การคิดสิ่งใหม่ขึ้นมา ขึ้นมาที่เกี่ยวกับกิจการทางโลก 1.1 หากเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ ต่อสังคมมนุษย์ เรียกว่า บิดอะฮหะสะนะฮ.

1.2 และหากเป็นสิ่งที่ไม่ดี มีผลร้ายต่อบุคคลและสังคม เรียกว่า บิดอะฮสัยยิอะฮ - อุศูลุ้ลฟิกฮ ของ อุสตาซ อับดุลเกาะดีร หะซัน หน้า 176 (ภาษามาเลย์)
ในกิจการทางโลก(ทางดุนยา)นั้น เปิดกว้าง เพราะ ความหลากหลาย ในด้านเผ่าพันธุ์ และสภาพทางคมของมนุษย์นั้น เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลา เพราะฉะนั้น หลักการเกี่ยวกับศาสนาอิสลามในด้านทางโลก จึงมีกฎอยู่ว่า

ผมตัดต่อยกมาให้คร่าวๆครับดูหะดิษข้างล่างนี้ว่าวะฮาบีย์ของคุณนั้นเขามักจะอ้างุงฮาดิสนี้ประจำว่า
عن أنس؛ أن النبي صلى الله عليه وسلم مر بقوم يلقحون. فقال "لو لم تفعلوا لصلح" قال فخرج شيصا. فمر بهم فقال "ما لنخلكم؟ " قالوا: قلت كذا وكذا. قال "أنتم أعلم بأمر دنياكم
มีรายงานจากท่านอะนัสว่า ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เดินผ่านชนกลุ่มหนึ่ง กำลังเพาะต้นอินทผาลัม(โดยการผสมเกสร) แล้วท่านนบีกล่าวว่า ?ถ้าท่านไม่ทำอย่างนั้น ก็จะดี (แล้วพวกเขาก็ทำตามที่ท่านบีแนะนำ) แล้วต้นอินทผาลัมก็ออกมาเสีย แล้วต่อมาท่านได้เดินผ่านพวกเขาอีก แล้วกล่าวถามขึ้นว่า ? ต้นอินทผาลัมของพวกท่าน เป็นอย่างไรบ้าง ? พวกเขาตอบว่า ?ก็ท่านบอกไว้อย่างนี้ อย่างนี้นะซิ (มันจึงเสีย) ท่านนบีก็กล่าวว่า ? พวกท่านรู้ในกิจการทางโลกของพวกท่านดีกว่าฉัน? - รายงานโดย มุสลิม บทที่ 13 บาบที่ 31 ................................................

..ท่านผู้รู้คนเดิมยังพูดต่อว่า นี้แหละครับ กิจการทางโลก(บิดอะทางดุนบยา) เราคิดค้นอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ เช่น ผมทำส่วนยางพารา ผมไม่ต้องรอดูว่า แบบอย่าง(สุนนะฮ)นบี เป็นอย่างไร ท่านไม่ทำสวนยาง แล้วผมจะเอาแบบอย่างที่ใหน แบบนี้ ไม่มีคนปัญญาอ่อนที่ใหน เขาพูดกัน เพราะนี้คือ บิดอะฮดุนยะวียะฮ(บิดอะฮทางโลก)

...เมื่อผมยกมาให้คุณได้เห็นแล้ว คุณจะว่ายังไรต่อครับคุณubaid..
-------------------------------------------------------------

จากนั้นท่านผู้รู้ในทัศนะเดียวกับคุณubaid ยังกล่าวต่อพร้อมยกตัวอย่างมาอ้างว่า..
2. بدعة دينية (บิดอะฮในทางศาสนา) หมายถึง นิยามที่ระบุข้างล่างนี้

โดยแอบอ้างสิ่งที่ท่าน อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า

البدعة: طريقة في الدين مخترعة، تضاهي الشرعية، يقصد بالسلوك عليها ما يقصد بالطريقة الشرعية
บิดอะฮคือ แนวทางในเรื่อง ศาสนา ซึ่งถูกอุตริขึ้นมาใหม่ เลียนแบบศาสนบัญญัติ โดยมีจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติ เหมือนกับจุดมุ่งหมายตาม..ฯลฯ..
----------------------------------------------------------
---คุณubaid  นี้คือหลักฐานที่ที่ผมยกมาว่า วะฮาบีย์นั้น เขาแบ่งบิดอะออกเป็น2จริงๆ คือบิดอะศาสนาและบิดอะดุนยา ตามที่ยกมาแล้วครับ

ออฟไลน์ ubaid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:21 AM »
0
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

เช่นกันครับ

ก่อนอื่นผมอยากบอกว่า ผมรักคุณเพื่ออัลลอฮฺ
ได้มีรายงานจากท่านนบีว่า ท่านได้กล่าวว่า เมื่อท่านรักพี่น้องของท่าน ท่านก็จงบอกเขา ว่าท่านนั้นรักเขา

แต่สิ่งที่ผมอยากแนะนำคือ
การสนทนาไม่ควรใช้ถ้อยคำที่ดูแคลน ดูถูก และรุนแรง เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เรื่องนี้ นักศึกษาย่อมรู้ดีทุกคน แต่บางคน(ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใครจะวะหะบี หรือ ไม่วะหะบีย์) มักไม่ค่อยมีมารยาทในการสนทนาและแสดงทัศนะ
ความคิดที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ที่ผิดและหะรอมคือความขัดแย้งความเป็นพี่น้อง

ผมบอกจากใจจริงว่า ผมชอบท่านในความอิริยะอุตสาหะ แต่ถ้าหากใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวลก็จะเป็นการดีใหญ่ ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาแบบรุนแรงก็ตาม
ادفع بالتي هي أحسن
ทั้งนี้ที่ชี้แนะมานี้ก็เพื่อตัวผมเองด้วย ถ้าผมหยาบคายประการใด ก็ขอมอัฟ ไว้ ณ ตรงนี้ด้วย

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:22 AM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وربكاته

คุณคุณubaid ครับผมยินดีที่ได้ร่วมสนทนากับคุณครับ[/quote]..

แต่ยังไงก็สนทนากับคุณอัลอัชฮารีย์พลางๆก่อนนะครับ.เสร็จธุระแล้วผมจะเข้ามาดูครับ

วัสลาม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:31 AM »
0
อ้างอิงจากคุณubaid

เอาเป็นกระทู้ต่างหากก็ยิ่งดีครับ

งั้น ผมจะไปตั้งกระทู้ให้คุณเองที่กระดาน"เสวนาชี้แจงแนวาทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์" ซึ่งการเสวนาจะเป็นไปด้วยเราเพียงสองคนเป็นหลัก เพื่อการสนทนาจะเป็นระเบียบเรียบร้อย  เพื่อผมจะได้รับความรู้และปรับทัศนะอันนี้ที่มีอยู่ในหนังสือ อัตตัดมุรียะฮ์  ด้วยการชี้แจงของคุณอินชาอัลเลาะฮ์

หนังสือเล่มดังกล่าว ความจริงก็ไม่หนาอะไร  แต่ผู้ที่อธิบายและวิจารณ์นั้น  ได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติม จนหนังสือกลายเป็นเล่มหนา  คุณมีหนังสือฉบับอุบัยกาน ผมก็มีฉบับของอุบัยกานเช่นกัน งั้นเราลองมาศึกษาปรับความเข้าใจในทัศนะนะครับ  คือเราจะมาจับประเด็นหลัก ๆ ที่เราต้องการจะเสวนากัน  อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ubaid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:33 AM »
0
ขอบคุณครับที่อุตาส่าห์หามาให้

ผมก็นึกว่านักปราชคนไหนกล่าวไว้

มันเป็นการเพียงพอแล้วหรือครับที่อ้างคำพูดจากคนไทยคนหนึ่ง แล้วบอกว่านี้คือทัศนะของวะหะบี เพราะพวกเขาเองก็มีอะไรอีกหลายๆปัญหาที่มีทัศนะที่แตกต่างกัน

อนึ่งการกล่าวว่า เขามีทัศนะเดียวกับผม อันนี้ผมว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยดีกว่าครับ เรื่องฆออิบก็ปล่อยให้เป็นเรื่องฆออิบไป

ถ้าไง ถ้าได้จากอุละมาอฺระดับบิ๊กๆ กว่านี้ ผมว่าน่าจะดีกว่าน่ะครับ

ส่วนทัศนะที่ผมยึดคือ ตามที่ผมกล่าวมานั้นแหละครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:38 AM »
0
อ้างจาก: "ubaid"
ที่ผมยกมานั้นก็ไม่ใช่เพื่ออะไรหรอกครับ เพียงแต่จะบอกว่า ที่บรรดาอุละมาอฺแบ่งมานั้นเขาแบ่งตามความหมายในเชิงในภาษา ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างที่พวกท่านยกมา


เป็นเช่นนั้น  คุณก็คงเข้าใจหลักการแบ่งแยกบิดอะฮ์ของเรานะครับ  เพราะมันขัดแย้งในเรื่องคำ ไม่ใช่ฮะกีกัตของหลักการ ส่วนการแบ่งบิดอะฮ์เป็นดุนยานั้น  คุณก็ลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 11:59 AM »
0
อ้างจาก: "ubaid"
มันจะไม่รุนแรงเกินไปหรือเปล่าหรือครับที่ว่าเป็นการกล่าวกุขึ้นมา คุณก็รู้อยู่ว่าคำพูดของอบูหาติมนั้นท่านอัซซะหะบีย์นำมาอ้างในหนังสือของท่าน และอัลลาละกาอีย์ก็นำมาอ้างในหนังสือของท่านเช่นกัน


คุณไม่สมควรกล่าวว่า  ท่านอัซซะฮะบีย์นำมาอ้างในหนังสือของท่านโดยตรง  เนื่องจากท่านอัซซะฮะบีย์ได้ทำการรายงานอ้างอิงมาจากหนังสือของท่านอัลลาละกาอีย์  ไม่ใช่ท่านอัซซะฮะบีย์รายงานมาจากท่านอบูหาติม เนื่องจากท่านอัซซะฮะบีย์ ในขณะที่อายุ 18 ปี ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลอุลูว์ ว่า

قال الحافظ أبو القاسم الطبرى : وجدت فى كتاب أبى حاتم

ซึ่ง อัลหาฟิซ อบู อัลกอซิม  ก็คือ ท่านอัลลาละกาอีย์   "ดู หนังสือ มุกตะซ๊อร อัลอุลู้ว์ หน้า 206

ดังนั้น  การอ้างว่าท่านอบูหาติมมีหนังสือเล่มนั้น  เราจึงไม่ทราบท่านอบูหาติมมีหนังสือเล่มดังกล่าวและเป็นหนังสืออะไรกัน

คุณแน่ใจมากแค่ใหนว่า ท่าอัลลาละกาอีย์  ไม่ได้มีการเพิ่มเติมคำพูดของอุลามาอ์

แต่เมื่อผมได้ไปเปิดดูจากหนังสือ มุคตะซ๊อร อัลอุลุว์ ของท่านอัซซะบีย์ ที่ทำการย่อโดย ท่าน อัลบานีย์ หน้า 159 เราจะพบว่ามีข้อความที่แตกต่างกันดังนี้

نقل أبو القاسم هبة الله اللالكائي و والشيخ موفق الدين المقدسي وغيرهما بالإسناد عن أبي عبد الله بن ابي حنيفة الدبوسى سمعت محمد بن الحسن، يقول : اتفق الفقهاء كلهم من المشرق إلى المغرب على الإيمان بالقرآن والأحاديث التي جاء بها الثقات عن رسول الله صلى الله عليه وسلم في صفة الرب عز وجل من غير تفسير ولا وصف ولا تشبيه، فمن فسر شيئاً من ذلك فقد خرج عما كان عليه النبي صلى الله عليه وسلم وفارق الجماعة،( فإنهم لم ينفوا ولم يفسروا، ولكن آمنوا بما في الكتاب والسنة ثم سكتوا،
فمن قال بقول جهم فقد فارق الجماعة
)؛ لأنه وصفه بصفة لا شيء

วิจารณ์

คำสิ่งที่ผมได้อ้างอิงไปนี้ จะพบว่ามีคำพูดที่ ท่านอัลบานีย์วงเล็บ(...) เอาไว้ คือคำว่า

( فإنهم لم ينفوا ولم يفسروا، ولكن آمنوا بما في الكتاب والسنة ثم سكتوا، فمن قال بقول جهم فقد فارق الجماعة)

และท่านอัลบานีย์ได้กล่าววิจารณ์มันเอาไว้ว่า

زيادة من اللالكائى

"(คำกล่าวนี้) เป็นการเพิ่มมาจากคำพูดของ อัลลาลิกาอีย์" ดู มุคตะซ๊อร อัลอุลุว์ ของท่านอัซซะบีย์ ที่ทำการย่อโดย ท่าน อัลบานีย์ หน้า 159

เมื่อเป็นเช่นนี้  คุณจะแน่ใจได้สักแค่ใหนว่า จะไม่มีการเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงคำกล่าวของอุลามาอ์  ท่านอัลอัลลาละกาอีย์  ยังเพิ่มเติมข้อความของอุลามาอ์  โดยเฉพาะการโจมตีพวก อัลญะฮ์มียะฮ์  ดังที่กล่าวมาข้างต้น
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 12:04 PM »
0
อ้างจาก: "ubaid"
ตามความเข้าใจอันน้อยนิดของผม ผมเข้าใจว่าคำพูดที่ว่า ?ซึ่งสิ่งที่เขาได้ยินจากท่าน? เป็นญุมละฮฺ อิอฺติรอฎียยะฮฺ ที่กล่าวโดยอัซซะหะบีย์ ซึ่งมีความหมายว่า หนังสือของอบูหาติมที่ท่านอัลละกาอีย์พบนั้น ท่านได้ยินจากท่าน ...แล้วท่านจะได้ยินจากท่านอบูหาติมได้ไง ? มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อุละมาอฺจะมีสายงานถึงเจ้าของหนังสือ อย่างกับที่ท่านอิบนุหะญัร ท่านก็มีสายรายงานของท่านถึงอิหม่ามอัลบุคอรีย์ในหนังเศาะหี้หของท่าน


ผมคิดว่าคุณไม่น่าเอาจะเอาการรายงานของ ท่านอัลลาลิกาอีย์ที่รายงานแบบ วะญาดะฮ์  มาเทียบกับการรายงานของท่านอิบนุหะญัรจึงถึงอิมามอัลบาคอรีย์  ซึ่งจากการรายงานของท่านอิบนุหะญัรจนถึงซอฮิหฺท่านอัลบุคอรีย์นั้น  มีสายรายงานที่สืบเนื่องจนถึงหนังสือซอฮิหฺอัลบุคคอรีย์  

แต่ท่านอัลลาลิกาอีย์  ได้รายงานแบบวิญาดะฮ์  คือแค่ไปพบหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาอ้างว่าเป็นของท่านอบูหาติม(ร.ฮ.) ซึ่งเป็นการรายงานที่ไม่ได้รับ อิญาซะฮ์ อนุญาติจากท่านอบูหาติม  และหนังสือดังกล่าวของท่านอบูหาติมนั้น  ได้ทำการยืนยันเพียงแค่ท่านอัลลาลิกาอีย์เท่านั้น  ส่วนท่านอัซซะฮะบีย์ก็ตักลีดรายงานมาจากท่านอัลลาลิกาอีย์อีกครั้งหนึ่ง  ในขณะที่ท่านอัซซะฮะบีย์อายุ 18 เท่านั้น  แต่หลังจากที่ท่านอัซซะฮะบีย์  ได้รำเรียนความวิชาการเพิ่มและแกร่งกล้า  ท่านก็ยกเลิกทัศนะของท่านจากหนังสือ อัลอุวู้ ที่ท่านได้เขียนไว้

ดังนั้น  คุณจะเอากรณีของท่านอิบนุหะญัรกับท่านอัลลากิลาอีย์มาเทียบกันนั้น  ผมคิดว่ามันไม่ตรงประเด็นและเทียบกันไม่ได้ตามหลักพิจารณาหะ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 12:34 PM »
0
อ้างจาก: "ubaid"
เพราะไงๆท่านอัซซะบีย์ก็นำมากล่าวอ้าง ถ้ามันเป็นการกุขึ้นมาแล้วไซร้ ก็เท่ากับว่าท่านอัซซะหะบีย์ร่วมกันเผยแพร่คำเท็จถึงท่านอบูหาติม หรือถ้าหากท่านเห็นว่าหนังสืออัลอุลูวฺเป็นหนังสือของพวกวะฮฺหะบีแต่งขึ้นมาแล้วพาดพิงว่าเป็นหนังสือของอัซซะหะบี อันนี้ก็คืออีกประเด็นหนึ่งต่างหาก


แล้วเป็นไปไม่ได้หรือที่จะมีการกุหนังสือขึ้นให้กับท่านอบูหาติม  และไม่ใช่แค่หนังสืออบูหาติมเท่านั้น  แต่กลับยังกุถ้อยคำหะดิษของท่านอัลบุคอรีย์  ซึ่งอาจจะถูกข้อหากุหะดิษท่านนบี(ซ.ล.)

ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลอุลูว์  ในตัวบทที่ 112  อัลบานีย์ได้กล่าวไว้ใน มุคตะซ๊อร อัลอุลุ้ว์ ตัวบทที่ 40 หน้า 98 โดยรายงานจากท่านอัลบุคอรีย์ว่า

حديت عمران بن حصين أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال : اقبلوا البشرى يا بنى تميم قالوا قد بشرنا فأعظنا قال اقبلوا البشرى يا أهل اليمن قالوا : قد بشرتنا فاقض لنا على هذا الامر كيف كان؟ فقال : كان الله على العرش ، كان قبل كل شيء ، وكتب فى اللوح كل شيء يكون

คุณลองดูเอาล่ะกันครับ  ท่านอัซซะฮะบีย์  ได้กุเพิ่มตัวบทหะดิษบุคคอรีย์กับคำว่า "كان الله على العرش " ซึ่งท่านอัลบุคอรีย์ไม่ได้รายงานไว้ในซอฮิหฺของท่านแม้แต่น้อย  และยิ่งไปว่านั้น  อัลบานีย์ก็ยัง เพิกเฉยจากการกุตัวบทหะดิษดังกล่าวด้วย  อันเนื่องจากว่า อัลบานีย์ไม่จำหะดิษ  แต่สำหรับท่านอัซซะฮะบีย์นั้น  เราขอกล่าวว่า  ท่านแต่งหนังสือ อัลอุลุ้ว์ตอนอายุแค่ 18 ปี  และหลังจากนั้น  ท่านได้ยกเลิกทัศนะของท่านจากหนังสืออัลอุลุว์แล้ว
และหากเราได้ตรวจทานหนังสือของท่านอัซซะฮะรีย์  เราจะพบว่าตอนที่ท่านอายุ 18 ปีที่ได้แต่งหนังสือ อัลอุลุว์ขึ้นมานั้น  ท่านได้ตัดทอนและเปลี่ยนแปลงคำพูดของอุลามาอ์หลายแห่งด้วยกัน  แต่นั่นแหละ  ท่านได้แต่งหนังสือแต่ตอนอายุ 18  เราจึงไม่ขอวิจารณ์ท่านอัซซะฮะบีย์ในเมื่อเขาได้ยกเลิกจากหนังสือ อัลอุลุว์ที่วะฮาบีย์นำมาเผยแพร่เพื่อยืนยันในอากีดะฮ์ของตนเอง วัลลอฮุอะลัม

นอกเหนือจากการที่คุณปกป้องเรื่องกุการหนังสืออบูหาติมแล้ว  ผมคงไม่คิดว่าคุณจะปกป้องท่านอัซซะฮะบีย์และอัลบานีย์ที่ทำการกุถ้อยคำหะดิษนบีที่อยู่ซอฮิหฺบุคคอรีย์และให้การยอมรับ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ก็แล้วแต่  วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บิดอะฮ์ของวาฮาบีย์
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: พ.ย. 23, 2006, 12:54 PM »
0
อ้างจาก: "ubaid"
ส่วนที่ท่านไม่ยอมรับว่าหนังสือ อัรร็อด อะลัล ญะฮฺมียะฮฺ เป็นงานเขียนของอบูหาติม หากแต่มันเป็นหนังสือที่วะฮฺหะบีกุขึ้นลัวมาอ้างว่าอบูหาติมเป็นคนแต่ง???????? ไม่เฉพาะหนังสือเล่มนี้ แต่มีหนังสืออีกหลายๆเล่ม ที่เนื้อหาไม่ถูกเนื้อต้องใจกับทัศนะของตน ก็เลยกล่าวหาไปว่า เป็นหนังสือที่วะฮฺหะบีย์กุขึ้นมา งั้นผมขอคำชี้แจงและหลักฐานประเด็นนี้ด้วย


จะยอมรับอะไรสักอย่างก็ต้องมีหลักฐานยืนยัน  ยิ่งหนังสือของอุลามาอ์แล้ว  ยิ่งต้องมีสายรายงานมายืนยันและเป็นที่ยอมรับของบรรดานักปราชญ์ว่า  มันเป็นหนังสือของอุลามาอ์คนนั้นคนนี้  มีหนังสือเลยเล่มที่วะฮาบีย์พยายามเอามาเผยแพร่ทั้งที่สายรายงานของหนังสือเล่านั้น ไม่ซอฮิหฺ  อย่างเช่นหนังสือ อากีดะฮ์ของอิมามชาฟิอีย์   ที่วะฮาบีย์พยายามนำมาเผยแพร่ทั้งที่ผู้รายงานหนังสือเล่มนั้น  เป็นพวกกุหะดิษ และไม่ได้รับการเชื่อถือ   แค่นี้ก่อน  หากต้องการเพิ่มเติมรายละเอียดก็คุยกันต่อในช่วงต่อไปยามว่าง  อินชาอัลเลาะฮ์

وسنريهم اي منقلب ينقلبون قل جاء الحق وزهق الباطل ان الباطل كان زهوقا
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged