โพลล์

บรราดาอิมามมุร็อตตัลมัสญิดิลหะรอม ท่านคิดว่าน่าจะเป็น "วะฮะบีย์" หรือไม่

เป็นวะฮะบีย์แน่นอน เพราะ...
1 (16.7%)
ไม่แน่ใจเหมือนกัน ขอคำชี้แจง...
3 (50%)
ไม่เป็นวะฮะบีย์แน่นอน เพราะ...
0 (0%)
เฉยๆ
2 (33.3%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 5

ผู้เขียน หัวข้อ: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม  (อ่าน 6503 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ papaah

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ต.ค. 09, 2007, 12:59 PM »
0
  สมาชิกทุกท่านครับ  เรื่องละหมาด ตะรอเวี๊ยะห์ 20 รอกะอัดเนียะ เขาทำกันมานานแล้วนะครับ ที่มัสยิดฮะรอมเนี่ยะ ผมจำได้ว่าเมื่อผมไปครั้งแรก  เมื่อปี 2499 เขาก็นำละหมาด 20   และไปอีกหลาย ๆ ครั้ง  ถ้าเจอกับรอมฎอน ผมก็เห็นเขาทำกัน 20 รอกะอัต เป็นบางครั้งที่ผมเห็นอิหม่ามบางท่านทำหน้าที่เพียง 8 รอกะอัต เมืออิหม่ามคนใหม่เข้ามารับหน้าที่รอกะอัตที่ 9 ท่านก็นำละหมาดจนครบ 20  และ วิเต้รตอนท้ายอีก 3  والله ผมเคยเห็นอย่างนั้นครับ   salam

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ต.ค. 09, 2007, 03:59 PM »
0
 waalaikumussalam

ปี 2499  แม่ผมยังไม่เกิดเลยครับ   แสดงว่าตอนที่ท่านปะป๋าได้เล่าให้ฟังตอนที่อยู่มักกะฮ์นั้น  เป็นข้อมูลดั่งเดิมที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยครับ   :jazakallah loveit:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ต.ค. 09, 2007, 10:21 PM »
0
 salam

           ผมเคยฟังคนเฒ่าคนแก่แถวบ้านที่เคยไปมักกะฮฺ โดยเฉพาะอิม่ามมัสญิดชุมชนที่ผมอยู่ เค้าบอกว่า แต่ก่อนเวลาละหมาดกันในมัสญิดิลหะรอม มักจะแยกกันทำ ใครมัซฮับไหนก็ตามมัซฮับ  บางคนบอกว่า พอมัซฮับนี้ละหมาดเสร็จ ก็จะมีอีกมัซฮับมาละหมาดต่อเลย ซึ่งดูแล้วเหมือนแยกกันอยู่อะครับ  แต่ต่อมาได้ข่าวว่ารัฐบาลซาอุดิฯ ที่นำโดยกษัตริย์ฟะฮัดนั้น ต้องการที่จะรวมมุสลิมีนทุกคน ทุกมัซฮับภายใต้อิม่ามคนเดียวเท่านั้น เคยฟังโต๊ะครูท่านหนึ่งบอกว่า การกระทำแบบนั้นทำขึ้นเพื่อเป็นการ "อิมติฮานุ้ลกะลิมะฮฺ" หรือ รวมกันเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันแห่งกะลิมะฮฺ ซึ่งการกระทำแบบนี้จำเป็นที่อิม่ามจะต้อง menra'ikan segala madzhab คือว่า จะเป็นจะต้องอิงทุกมัซฮับ เพื่อเป็นรักษาความเป็นหนึ่งแห่งกะลิมะฮฺเอาไว้
            จากแนวคิดนี้ ผมเคยลองคิดดูเล่นๆ คนเดียว แต่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครทราบ ที่นี่ที่แรกนะครับ จริงๆ คือว่า จะเป็นไปได้ไหม หากเราจะรวมทุกมัซฮับให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้คอนเซ็บ "อิมติฮานุ้ลกะลิมะฮฺ" เพราะรู้สึกว่าบางคนจะคลั่งไคล้ในมัซฮับของตนเอามากๆ จริงอยู่ที่นั่นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่ไม่สามารถตัดสินปัญหาศาสนาด้วยตนเองได้ แต่บางคน ไม่สิ ส่วนมากจากคนในปัจจุบัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่มัซฮับอะไร เห็นใครปฏิบัติยังงัยก็ว่าไปตามเค้า บางคนผมเคยเห็นคือ อาบน้ำละหมาดเสร็จ ผายลม หากตามมัซฮับชะฟิอีย์หมดน้ำละหมาด แต่ในบางหนังสือ (ผมจำไม่ได้ชื่อหนังสืออะไร หากจำจะนำมานำเสนอ  :inshallah) บอกว่า น้ำละหมาดไม่หมด ทำให้บางคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้ ปฏิบัติกันไปตามความสะดวก ความชอบของตัวเอง และมักจะมั่ว จาโป ฆาโอ เป็น นาสิ กาบู ไปซะงั้น เอาทุกมัซฮับมาปฏิบัติ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตามมัซฮับไหนอยู่ ณ ตอนนั้น แต่พอถามว่า มัซฮับไหนก็ตอบว่า มัซฮับชะฟิอีย์ บางคนบ่นว่า เกิดความสับสนอะครับ
             ผมนำเสนอเรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่มันเกิดจากความสงสัย และความอยากรู้ของผมเท่านั้นเองอะครับ ผมรู้บางคนที่อ่านกระทู้ผม อาจจะรู้สึกไม่ดี นั่นก็ความผิดผมเอง ผมขอมาอัฟด้วยละกัน แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีคำตอบ และทางแก้ และแน่นอนเช่นกัน ที่ทุกอย่างก็ต้องมีเหตุ และผลตามมาของมัน เรื่องมัซฮับสำหรับผมไม่ใช่ประเด็น ใครเกิดมาเรียนรู้มัซฮับไหนมัซฮับแรก ก็อาจจะตามมัซฮับนั้นๆ ก็ว่ากันไป แต่ประเด็นสำหรับผมเรื่องมัซฮับก็คือ การยอมรับ เปิดใจกว้าง และพร้อมที่จะเรียนรู้ความแตกต่างของมัซฮับ เพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกภาพแห่งอุมมะฮฺมุสลิมีนทุกคน
             รู้สึกว่าจะมีบางคนที่ว่าผมว่า ผมชอบเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ ที่จริงนั้น ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ หากมีความรู้ก็ไม่อยากตะกับบุ้รฺให้มากๆ อะครับ เพราะผมตระหนักเสมอว่า ในเว็บนี้ และที่อื่นๆ มีคนที่รู้กว่าผมอีกเยอะ หากจะนำผมไปเทียบกับคนๆ นั้น ผมก็ไม่ต่างอะไรกับเม็ดทรายกลางทะเลทราย อะครับ
              สิ่งใดที่ผิดพลาดในคำพูด ก็ช่วยกันนะศีฮัตนะครับ เพราะ อัดดีนุน นะศีฮะฮฺ "ศาสนา คือ การนะศีฮัต"

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ต.ค. 09, 2007, 10:48 PM »
0
ผมว่าสมัยนี้ มัซฮับต่างๆ เขาก็ละหมาดร่วมกันอยู่แล้วนะครับ อย่างน้อยมัสยิดผมก็รวมนะ หลักๆเลยฮานาฟี แต่เวลาอิหม่ามของฮานาฟีไม่อยู่ ชาฟิอี นำละหมาดก็ได้ เป็นปกติครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ต.ค. 09, 2007, 11:02 PM »
0
salam

           ผมเคยฟังคนเฒ่าคนแก่แถวบ้านที่เคยไปมักกะฮฺ โดยเฉพาะอิม่ามมัสญิดชุมชนที่ผมอยู่ เค้าบอกว่า แต่ก่อนเวลาละหมาดกันในมัสญิดิลหะรอม มักจะแยกกันทำ ใครมัซฮับไหนก็ตามมัซฮับ  บางคนบอกว่า พอมัซฮับนี้ละหมาดเสร็จ ก็จะมีอีกมัซฮับมาละหมาดต่อเลย ซึ่งดูแล้วเหมือนแยกกันอยู่อะครับ  แต่ต่อมาได้ข่าวว่ารัฐบาลซาอุดิฯ ที่นำโดยกษัตริย์ฟะฮัดนั้น ต้องการที่จะรวมมุสลิมีนทุกคน ทุกมัซฮับภายใต้อิม่ามคนเดียวเท่านั้น เคยฟังโต๊ะครูท่านหนึ่งบอกว่า การกระทำแบบนั้นทำขึ้นเพื่อเป็นการ "อิมติฮานุ้ลกะลิมะฮฺ" หรือ รวมกันเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันแห่งกะลิมะฮฺ ซึ่งการกระทำแบบนี้จำเป็นที่อิม่ามจะต้อง menra'ikan segala madzhab คือว่า จะเป็นจะต้องอิงทุกมัซฮับ เพื่อเป็นรักษาความเป็นหนึ่งแห่งกะลิมะฮฺเอาไว้

อาจารย์ของผมเคยเรียนมักกะฮ์  เป็นศิษย์ของซัยยิดอะลาวีย์  ซึ่งท่านเองก็ไม่เคยบอกว่าละหมาดกันคนละครั้ง  แต่ทว่าเรียนกันคนละมุม  (มีสี่มุมสี่มัซฮับให้เลือกเรียน)  เพราะทุกยุคสมัยนั้นมัสยิดฮะรอมจะมีอิมามคนเดียว   อย่างเช่นท่านซัยยิดอะลาวีย์นี้ก็เป็นอิมามท่านหนึ่งของมัสยิดฮะรอม   แล้วอิมามจะตั้งขึ้นมาคนเดียวทำไม  หากต้องละหมาดกันคนละครั้ง  เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง  อิมามมัสยิดฮะรอมก็คงจะมีอิมามกันสี่คนสำหรับสี่มัซฮับหรือเปล่า?

แต่ที่แน่ ๆ ผมและพีน้องส่วนมากที่นี้ไม่เคยไปเห็นของจริงในยุคสมัยนั้น   คงแต่ได้ยินอาจารย์เล่ากันมาอีกที  ผมว่าเราต้องถามท่าน  papaah  กันดีกว่าครับ  เพราะในช่วง พ.ศ. 2499  ท่านได้เคยอาศัยเล่าเรียนอยู่ที่มักกะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 12:46 AM »
0
 salam

          หรือครับ บังอัลฯ แต่ผมได้ยินเขาบอกต่อๆ มาอย่างงั้นอะคับ เขาบอกด้วยว่า มีอิม่ามคนละมัซฮับ้ลย ซึ่งผมก็อยากรู้ความเป็นจริงเหมือนกัน ฝากไปยังบัง papaah ด้วยละกันนะครับ บังมีประสบการณ์ อิอิ

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 01:32 AM »
0

 salam


ส่วนตัวไม่คิดว่า การละหมาด แปดหรือ ยี่สิบ จะบอกได้ว่าเป็นวะฮะบีย รึเปล่านะ (เดาเอา)
แต่ปกติชอบดูละหมาดที่นั่นกับที่บ้านง่ะ  คนไปแล้วเขาชอบโม้กันว่าตรงนี้อย่างนี้ ตรงโน้นอย่างนุ้น ( ในใจก็คิดว่า เอออ.. ยังไม่ถึงตาฉันมั่งแล้วไป frown )
อีกอย่างคือดูแล้วรุ้สึกอยากรู้ภาษาอาหรับขึ้นมาทันที  เพราะอินเวลาอีหม่ามร้องไห้ ทั้งอายะฮฺกุรอ่าน ทั้งดุอาในละหมาด T_T น่าอิจฉาคนพวกนี้จริง ๆ
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 03:20 AM »
0
salam

          หรือครับ บังอัลฯ แต่ผมได้ยินเขาบอกต่อๆ มาอย่างงั้นอะคับ เขาบอกด้วยว่า มีอิม่ามคนละมัซฮับ้ลย ซึ่งผมก็อยากรู้ความเป็นจริงเหมือนกัน ฝากไปยังบัง papaah ด้วยละกันนะครับ บังมีประสบการณ์ อิอิ

วัสสลามุ อลัยกุม

แสดงว่าเล่าต่อๆ กันมาหรอกหรือครับ  กระผมนั้นสายรายงานไม่ขาดตอนเลยนะครับเพราะได้รับสายรายงานมาจากอาจารย์ที่เรียนอยู่มักกะฮ์และเป็นศิษย์ของอิมามมัสยิดฮะรอมในสมัยนั้นด้วย   และการเป็นอิมามในมัสยิดฮะรอมกันสี่คนเลยนั้น  มันอย่างไรอยู่นะครับ  เพราะตามหลักการแล้วคือ  ไม่อนุญาตให้เลือกอิมามมากกว่าหนึ่งคน   อย่างไรก็ตามเรามาถามปะป๋ากันดีกว่า   myGreat:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ papaah

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 10:19 AM »
0
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรตินะครับ  และก็ขอออกตัวว่า  ไม่นึกว่าจะได้รับความสนใจถึงขนาดนี้  ผมขอยืนยันครับว่า  ผมเห็นพฤติกรรม หรือการกระทำการละหมาดตะรอเวี๊ยะห์ของท่านอิหม่ามเหล่านั้นดังที่ผมได้เล่าไว้แต่แรก  และในการตอบของผมครั้งนี้ ผมก็ขอยืนยันด้วยคำ  والله เช่นเดิม และเท่าที่ผมดูการถ่ายทอดผ่านดาวเทียม  บางวัน (กลางคืน)เราจะเห็นเขาเปลี่ยนอิหม่ามกันอยู่นะครับ  salam

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ต.ค. 12, 2007, 01:45 PM »
0
ผมญะฮิลมากๆ

ถูกต้องน่ะคร๊าบ.............. hehe

ออฟไลน์ papaah

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ต.ค. 12, 2007, 03:41 PM »
0
ขอความสุขศานติ จากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จงมีแต่ทุกท่านครับ  ก็นึกว่ากระทู้คงจะยุติลงแล้ว  แต่จากการถามของคุณอัล-ฟาตอนี และคุณอาจารย์ อัล-อัซฮารีย์  ยังมีข้อกังขาอยู่  เรื่องปัญหาของอิหม่ามในการนำละหมาดประจำเวลา ๕ เวลานั้น  ขอเรียนว่า  ที่ผมไปเห็นมาครั้งแรกนั้น  คือเมื่อปี พ.ศ. 2499 เคยเห็นลานตอว๊าฟ ยังแคบนิดเดียว  เคยตั้งข้อสังเกตุว่า ความห่างระหว่างกำแพงรั้วเขตของฮาญะลอิสมาอีล  ถึงขอบลานตอว๊าฟไม่เกิน 30 ก้าว  (หมายถึงลานตอว๊าฟ เมื่อ 50 ปีก่อนนั้นยังไม่ได้ขยายกว้างเท่าขณะนี้ ) ที่ขอบ โดยรอบลานตอว๊าฟนั้น มี "มะกอม" ตั้งอยู่ห่าง ๆ กัน 4 มะกอมใคร ๆ ในสมัยนั้น เรียกว่า มะกอมอิหม่ามทั้งสี่  คือ   1. ฮำบะลี 2. มาลีกี 3. ฮะนาฟี 4. ชาฟิ-อี   ลักษณะของสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่า "มะกอม" นั้น  เท่าที่ผมมองดู  และจำได้ว่า เป็นสิ่งปลูกสร้างง่าย ๆ  คือนอกจากเสา 4 ต้น กว้างยาวคงจะประมาน 3 คูณ 3 เมตร เท่านั้น และก็มีหลังคาเท่านั้น  รั้วรอบก็ไม่มี  ผมขอเปรียบเทียบโดยมิได้มีเจตนาดูหมิ่น เหยียดหยามนะครับ  ขอสาบาน  والله  ว่าลักษณะคล้ายศาลาในที่ต่าง ๆในเมื่องไทยนี่แหละ  จากการบอกเล่า  ของคนที่อยู่ก่อนผมไป  ก็บอกว่า  มันคือที่สอนหนังสือของ ครูอาจารย์ในสังกัตของมัสฮับเหล่านั้น ตามชื่อของอิหม่ามประจำ "มะกอม" เหล่านั้น  ผมขอเน้นนะครับการบอกเล่าของผมนี้  คือเหตุการณ์ที่ผมได้เห็น เมื่อ 50 ปีเศษ นี่เอง  และก็ในปีที่ผมเห็นนั้น  ก็มิได้มีการสอนหนังสือตามแนวทางความคิเห็นของท่านอิหม่ามเหล่านั้น  แต่อย่างใด  คงเป็นสิ่งก่อนสร้างเพื่อการรำลึกถึงเท่านั้น    ผิดกับ "มะกอม อิบรอฮีม" ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงข้ามประตู "บัยติลลาฮ์" ซึ่ง " มะกอม อิบรอฮีม" นี้จะมีความสวยเด่นเป็นสง่าแม้ว่า ขนาดจะเท่ากัน  แต่หลังคาของ "มะกอมนี้" มีโดยขนาดพอเหมาะตัวมะกอมอยู่ข้างบน  ที่นี่จะมีคนคอยแย่งกันเข้าไปละหมาดสุนัดไม่ขาดระยะ  เพราะนอกจากจะเป็นที่ถูกขนานนามว่ามะกอมอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลามแล้ว ก็ยังเป็นที่สถิตย์ตั้งของก้อนหินรอยเท้าของท่านนบีอิบรอมฮีม  อยู่ตรงหน้ามะกอมด้วย  ครับ ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นคือเรื่องราวของมะกอมอิหม่ามทั้งสี่ที่รอบลานตอว๊าฟบัยติ้ลลาฮ์ เมื่อ 50 ปีเศษมาแล้ว  ในปัจจุบันนี้  "มะกอม" ท่านอิหม่ามทั้งสี่ได้ถูกรื้อไปแล้ว  และ"มะกอมอิบรอฮีม" ก็ถูกรื้อแล้วตามโครงการขยายมัสยิด และลานตอว๊าฟของรัฐบาลสะอูดี้ ฯ คงเหลือแท่นหินรอยเท้าท่านนะบีอิบรอฮีมเท่านั้นที่ตั้งเด่นอยู่กลางลานตอว๊าฟอย่างที่เห็นอยู่  ซึ่งก็เกือบจะถูกรื้อไปแล้ว  เป็นแต่ฝ่ายศาสน (หรือท่านผู้อาลิมขณะนั้น) ท่านคัดค้านไว้ไม่ให้รื้อ  จึงยั้งคงตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่อย่างที่เราเห็นขณะนี้  ส่วนข้อข้องใจของท่านอัล-อัซฮารี และ คุณ อัล-ฟาตอนี ต่อกรณีการนำละหมาดประจำเวลาว่าดำเนินการโดยอิหม่ามทั้งสี่มัสฮบด้วยหรือเปล่านั้น  ขณะที่ผมอยู่นั้น ท่านอิหม่ามทั้งสี่ท่านก็ไม่ได้อยู้แล้ว  และการเรียนการสอนที่"มะกอม" ของท่านก็เลิกราไปแล้ว  เป็นการยืนยันได้ว่ามิได้มีการนำละหมาดประจำเวลาของท่านอิหม่ามทั้งสี่แต่ประการใด   เพราะเท่าที่ทราบ  ทางการสะอูดี้ ฯ แต่งตั้งคณะทำงานบริหารกิจการมัสยิดทั้งสอง คือมักกะฮ์ และมะดินะห์   และฝ่ายบริหารกิจการมัสยิดอัลฮะรอมเขาก็จัดตั้งทีมงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ "อิหม่าม" ประจำเวลา ขึ้น  จัด "คิว" ผู้ทำหน้าที่อิหม่ามประจำเวลา  นั้น ๆ จนถึงปัจจุบัน   ก่อนจบ  ขอเสริมเพื่อท่านผู้ไฝ่รู้จะหาคฃรายละเอียดเพิ่มได้จากท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้ ที่ผมอ้างอิงได้ คือ "อาจารย์ ชาฟีอี  นภากร"  ท่านผู้นี้ท่านอยู่ร่วมสมัยและร่วมชายคาเดียวกันกับบรรดาท่านผู้อาวุโส 4-5 ท่าน คืออัลมัรฮูม อัลเลาะฮ์ญัรฮัม.... ท่านครูอาบีดีน  วิทยานนท์ ท่านครูหมัด (ไฝ) ประเสริฐ  มะหะมัด, ท่านครูยะห์ยา ละตีฟี, ท่านครูสุดใจ   วงศ์อารีย์  ท่านที่ผมได้กล่าวนามมาแล้วนั้น นับได้ว่าเป็นที่รักและโปรดปราน,สนิทสนม ของอาจารย์ชาวอรับในสมัยนั้น คือท่านอาจารย์ไซยิดอามีน กุตตอบี และท่านอาจารย์ไซยิดอะลาวี (ผมจำนามสกุลท่านไม่ได้เสียแล้ว)  และท่านที่มีอายุอยู่คืออาจารย์ ชาฟิอี   นภากร ที่รักของผม ผมยังจำได้ไม่มืลืม  คือฝีมืการต้มแกงของท่าน  คือถ้าวันใดท่านต้องรับหน้าที่เวรหุงหาอาหารประจำวันละก็ท่านจะต้มซุบเนื้ออูฐทุกครั้งศิน่ะ ครับ..... ไม่ทราบว่าผมเสริมมานี้เป็นการนำมะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่า  ถ้าเห็นเป็นการไร้สาระก็กรุณาตัดทอนได้ครับ ท้ายนี้ก็  ขอถือโอกาสส่งความปรารถนยาดีวันอีกมายังเพื่อน ๆ ทุกท่านด้วยก็แล้วกันนะครับ :barakallahfekom:salam 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 13, 2007, 09:43 PM โดย papaah »

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ก.พ. 08, 2008, 08:47 PM »
0
السلام عليكم
ขอโทษครีบที่ขุด ผมอยากทราบว่าเมื่อ50ปีก่อนเขาขึ้นเครื่องบินไปหรือว่าขึ้นเรือไปครับ
والسلام
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ kakashi

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 190
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกน้อยๆ ของข้าน้อยเอง
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ก.พ. 08, 2008, 10:13 PM »
0
งั้นผมขุดด้วยเเล้วกัน

ผมอยากได้รูปอิหม่ามของมัสยิดฮารามเเละสภาพของมัสยิดฮาราม เอาหลายๆยุคนะครับ

เคยมีคนเเจกในมุสลิมไทย เเต่รู้สึกจะหายไปกับบอร์ดเก่า

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ก.พ. 08, 2008, 11:06 PM »
0
อัสสลามุ อลัยกุม

              อินชาอัลลอฮฺครับ หากมีโอกาส และเวลาว่างจะเอามาลงนำเสนอ

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ papaah

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 66
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮะบีย์ กับ อิม่ามมัสญิดิลหะรอม
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ก.พ. 09, 2008, 09:03 PM »
0
ขอความสันติสุขจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูว่ะตะอาลา จงมีแด่ทุกท่านครับ  الحمدللهนับว่าเป็นการดลใจจากอัลลอฮ์ ฯ โดยแท้ที่ทำให้ผมเข้ามาเยี่ยมเยียนในเวปไซท์ sunnahstudent ปรากฎว่ากระทู้ "วะฮาบีย์ กับอิ หม่ามมัสยิดฮารอมยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และปรากฎว่าคุณ ILHAM ได้ถามผมถึงการเดินทางไปว่า ผมไปโดยทางไหน ขอเรียนว่าคนไทยเดินทางไปมักกะห์เมื่อ ๕๐ ปีกว่า เขาเดินทางไปโดยทางเรือเดินทะเลครับ  เมื่อประมาณ ๕๐ ปีก่อนรัฐบาลไทยเคยอนุญาตให้ผู้มีความสามารถจัดบริการรับ-ส่งคนไทยเดินทางไปทำฮัจย์ ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอารเบีย โดยทางเรืออยู่หลายปี  เดินทางไปมักกะฮ์โดยทางเรือต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒๕ - ๓๐วัน   ผมมีความรู้สึกว่าเป็นการเดินทางที่มีรสชาดมากครับ ต้องเผชิญทั้งพายุฝน ลมแรง รอนแรมกันไป สตรีบางท่านมีท้องอยู่ถึงกำหนดคลอดก็คลอดกันในเรือนั่นแหละ ใครถึง "อะญั้ล" เขาก็กะฝั่นและเชื้อเชิญผู้โดยผู้ชายในเรือน่ะแหละมาร่วมกันละหมาดญะนาซะฮ์และดุอาให้ .... เสร็จแล้ว "กัปตันเรือ"เขาหยุดเรือให้ แล้วก็ช่วยกันหย่อนลงทะเลใช้ก้อนหินถ่วงที่ข้อเท้า  เห็นจมลิ่ว..... ลิ่ว..... ลงไป เป็นที่ระทึกใจอย่าใครเชียว  ผิดกว่าสม้ยนี้ แยะครับ ละหมาดซุบฮฺที่กรุงเทพ ฯ แล้วไปละหมาด "ซุฮริ" ที่ญิดดะห์ยังได้เลย  จริงไหม ? salam

 

GoogleTagged