ซีฟัตอัล-กะลาม
แนวคิดของสลัฟ (ตามความเข้าใจของวะฮะบีย์ที่อ้างว่าได้ค้นคว้าวิจัยมา) เกี่ยวกับซีฟัต อัล-กะลาม ตามแนวคิดของสลัฟ อัล-กะลามเป็นคุณลักษณะหนึ่งของอัลลอฮฺ เหมือนกับคุณลักษณะอื่นๆ โดยที่พระองค์จะตรัสเมื่อใดก็ตามที่พระองค์ปรารถนา ด้วยวิธีที่พระองค์ประสงค์ พจนารถของพระองค์ประเสริฐที่สุด และเป็นนิรันดร คำดำรัสของพระองค์ไม่ใช่สิ่งถูกสร้าง และไม่เหมือนกับสิ่งที่ถูกสร้าง ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้กับนบีมูซา พจนารถของพระองค์ไม่สิ้นสุด สามารถได้ยิน และเข้าใจได้ อัล-กุรฺอานเป็นส่วนหนึ่งของคำดำรัสของพระองค์
(al-Asbahani,1990:2:198; al-Maqdisi,1993:130; al-Judai'i,1995:79-81)
แนวคิดของคอลัฟ (ตามความเข้าใจของวะฮะบีย์ที่อ้างว่าได้ค้นคว้าวิจัยมา) เกี่ยวกับซีฟัต อัล-กะลาม ตามแนวของคอลัฟ พจนารถของอัลลอฮฺ มีความหมายเป็นหนึ่งเดียว ดำรงด้วยตัวมันเอง
ไม่ผูกพันกับความประสงค์ของพระองค์ พจนารถของพระองค์ไม่สามารถแยกเป็นส่วน ไม่มีเสียงการบัญชา การห้าม การบอกเล่าของพระองค์ คือ สิ่งเดียวกัน พจนารถของพระองค์ หากอธิบายเป็นภาษาอาหรับ มันคือ
อัล-กุรฺอาน หากอธิบายเป็นภาษาฮิบรู คือ
เตารอตฺ หากอธิบายเป็นภาษาซีเรียโบราณ มันคือ
อินยีล(al-Judai'i,1995:362; Ibn 'Abdul Qadir al-Fatani,1382 H.:18)
แนวคิดของคอลัฟต่อซีฟัตอัล-กะลามนั้น ผู้วิจัยเห็นว่า
ไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลดังนี้
การที่คอลัฟกล่าวว่า พจนารถของอัลลอฮฺเป็นนิรันดร มีความหมายหนึ่งเดียวนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะอัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า
قل لو كان البحر مدادا لكلمات ربي لنفد البحر قبل أن تنفد كلمات ربي ولو جئنا بمثله مددا
ซูเราะฮฺ อัล-กะฮฺฟ : 109
มีความหมายว่า
"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) หากว่าทะเลเป็นน้ำหมึก สำหรับบันทึกพจนารถของพระผู้เป็นเจ้าของฉัน
แน่นอน ทะเลจะเหือดแห้งก่อนที่คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าของฉันหมดสิ้นไป
และแม้ว่าเราจะนำมาเยี่ยงนั้นมาเป็นหมึกอีกก็ตาม"
[/b]
อัล-กุรฺอานอายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่า พจนารถของอัลลอฮฺนั้น ไม่ได้มีความหมายหนึ่งเดียว คอลัฟยอมรับว่า นบีมูซานั้นเคยได้ยินคำดำรัสของอัลลอฮฺ แม้ว่าพวกเขาจะขัดแย้งกันถึงความหมายของการได้ยินก็ตาม การได้ยินนี้อาจตั้งสมมติฐานได้ 2 ประการคือ
ประการที่ 1 นบีมูซาได้ยินคำดำรัสของอัลลอฮฺทั้งหมด
สมมติฐานนี้ยอมรับไม่ได้ เพราะเป็นการอ้างว่า นบีมูซาสามารถล่วงรู้พจนารถของอัลลอฮฺ ซึ่งค้านกับอัล-กุรฺอานที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า
ولا يحيطون بشيء من علمه إلا بما شاء
[/b]
(ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 255)
ความว่า
"และพวกเขาจะไม่ล้อมสิ่งใดจากความรู้ของพระองค์ไว้ได้
นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น"
ประการที่ 2 นบีมูซาได้ยินคำตรัสของอัลลอฮฺเพียงบางส่วน จากการดำรัสของพระองค์ทั้งหมด
สมมติฐานนี้ถูกต้อง และบ่งบอกว่า พจนารถของอัลลอฮฺนั้น ไม่ได้มีความหมายหนึ่งเดียว ที่ไม่สามารถแยกส่วนเหมือนกับทัศนะของคอลัฟ (al-Judai'i,1995:79-81)
การที่คอลัฟอ้างว่าพจนารถของอัลลอฮฺไม่ได้ผูกพันกับความประสงค์ของอัลลอฮฺนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะค้านกับคำดำรัสของอัลลอฮฺที่ได้ตรัสว่า
إنما أمره أراد شيئا أن يقول له كن فيكون
ความว่า
"แท้จริงแล้ว พระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด
พระองค์จึงตรัสแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา"
อัล-กุรฺอานอายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่า พจนารถของอัลลอฮฺนั้น มีความผูกพันกับความประสงค์ของพระองค์
------------------------------------------------------------------------------------
ฉบับมาดูเรื่องศีฟัตอัล-กะลาม ตามแนวคิดของซัยยิดกุฏุบฺ ที่ผู้วิจัย (วะฮะบีย์) ได้ทำการค้นคว้า และวิจารณ์ไว้ อินชาอัลเลาะฮฺ วัลลอฮุ อะอฺลัม
วัสสลามุ อลัยกุม