ดูอย่างนักกวีสิคะ เพียงแค่จะบรรยายความงามของดวงอาทิตย์ขึ้น ก็สามารถพรรณนาความงามของมันไปซะยาวยืดหลายบรรทัดได้เลย อิอิ จริงไหมคะ 
คนพิมพ์เก่ง ใช่ว่าจะเป็นคนพูดเก่งเสมอไป และคนพูดเก่ง ใช่ว่าจะเป็นคนพิมพ์เก่งเสมอไป และอาจจะมีทั้งคนพูดเก่ง และพิมพ์เก่งอยู่ในตัว วัลลอฮูอาลัมจร้า
[/color][/size][/b][/center]
แจ่มค่ะ
เท่าที่พี่ติดตามผลงานด้านวรรณกรรมมา
ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเขียนเรื่องสั้นได้เก่งกว่าผู้หญิง...
ส่วนผู้หญิงจะเขียนเรื่องยาวได้เก่งกว่าผู้ชาย(อันนี้ความเห็นส่วนตัวค่ะ)...
ซึ่งอรรถรสที่ได้จะแตกต่างกัน...แล้วแต่ความชอบและความถนัดค่ะ
ส่วนคนที่พิมพ์เก่งแต่พูดไม่เก่งนั้นไม่แปลกเลยค่ะ
เพราะว่าการพิมพ์นั้นเราสามารถเช็คและตรวจทานได้ก่อนโพส
หรือนำเสนอออกไป
คือสมองมีเวลาได้ใคร่ครวญ ประมวลผลมากกว่าการพูด
ที่จะใช้เวลาในการประมวลผลในระยะเวลาสั้นๆ
ย่ิงเป็นการพูดโต้วาที หรือถกกัน ยิ่งต้องมีไหวพริบสูง
สมองต้องประมวลทุกอย่างเร็ว พูดผิดแล้วผิดเลย
พอจะแก้ไขคำพูด(กลับคำ)ทีหลังก็จะดูเสียช้ันเชิงลงไป...
ดังนั้นเวลาพิมพ์หรือเขียนสมองมีเวลากลั่นกรองข้อมูลได้มากกว่าเวลาพูด
ซึ่งเวลาเราพูดกับคู่สนทนาสมองและประสาทสัมผัสของเราต้องรับเร็วตอบเร็ว
ต้องใช้ประสาทหลายอย่างหรือจะเรียกว่าทุกส่วนมารวมกัน
เพื่อประมวลผล...ที่สำคัญมันจะผ่่านจิตใจ แล้วสื่อออกมาทางสีหน้า
ท่าทาง น้ำเสียง จังหวะ มีอารมณ์ มีมิติ ผู้ที่สามารถใช้สิ่งเหล่านั้น
หรือบริหารสิ่งเหล่านั้นได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง ก็จะมีความชำนาญ
และเมื่อชำนาญและฝึกฝนบ่อยๆก็จะเก่งไปเองค่ะ...
(เพราะมนุษย์ขวนขวายสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น)วัลลอฮุอะลัม
เหมือนการเขียน หากปราศจากการฝึกฝนก็ย่อมเก่งไม่ได้เฉกเช่นกันค่ะ
ซึ่งคนที่พูดเก่งแต่เขียนไม่เก่งก็มีเยอะค่ะ
ประมาณว่าจับไมค์ใจมา จับปากกาแล้วมือสั่น เขียนไม่ถูก
ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี...

โดยทั่วไปคนที่พูดเก่ง หากได้รับการฝึกฝนในการเขียน
ก็จะสามารถเขียนได้เก่งในไม่ช้าค่ะ...
เพราะว่า...คนที่พูดเก่งจะมีวาทศิลป์เป็นต่อ...
ส่วนคนเขียนเก่งแต่พูดไม่เก่ง อาจจะเพราะขาดความมั่นใจ
ประมาณว่าจับไมค์ใจสั่น...อยู่ๆคำพูดหรือสิ่งดีๆที่อยู่ในหัวสมองและหัวใจ
บินหนีไป เลยเกิดอาการที่เขาเรียกว่า ป๊อด เหงื่อแตก...ไข้ขึ้น
อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน...
ซึ่งหากฝึกฝนการพูดบ่อยๆก็จะชินและหายสั่นไปเองค่ะ...
ดังนั้น...พรสวรรค์ต้องบวกกับพรแสวงถึงจะแรงกล้าค่ะ
พลั้งผิดเป็นครู เรียนรู้เริ่มใหม่ค่ะ
ปล.ความจริงใจซื้อได้เฉพาะคนที่มีความจริงใจค่ะ
และไม่ต้องเสียใจค่ะหากว่าความจริงใจที่ให้ไปจะดูไร้ค่า
เพราะว่าสิ่งที่ได้มาจากอัลลอฮฺคุ้มค่ายิ่งกว่า...
ดังนั้น...ให้ไปเถอะค่ะ...ส่วนจะได้ความจริงใจกลับมาหรือไม่...
ช่างมัน...หากเราพอใจที่จะให้เสียอย่าง...
สำหรับพี่เรื่องชื่อและนามสกุลไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย
เพราะพ่อแม่พี่เป็นคนตั้งให้
เพื่อนๆหรือคนที่สนิทด้วยก็ไม่ค่อยจะเรียกชื่อจริงกัน
จะช่วยกันตั้งฉายาเรียกกันทั้งนั้น

ชื่อและฉายาตั้งแต่เด็กยันปัจจุบันคำนวณไม่ได้แล้วค่ะ...
เรียกมาไม่ว่ากัน หากจำได้ว่านั่นฉายาฉันเองก็หันทั้งนั้นค่ะ...
แต่ตัวตนและคุณลักษณะที่มีในตัวต่างหากที่สำคัญ...
เป็นสิ่งที่บอกความเป็นเรา...หากเราหลอกตัวเองทุกๆวัน
ใส่หน้ากากทุกวันๆ สักวันเรานั้นจะสับสนตัวเอง หาความเป็นตัวเองไม่เจอ...
แล้วคนที่ไม่รู้จักตัวเองหรือหาตัวเองไม่เจอ
เขาจะหาความสุขที่แท้จริงให้ตัวเองได้อย่างไร...
เขาจะขัดเกลาตัวเองได้ถูกที่ได้อย่างไร
เขาเริ่มจะเกาไม่ถูกที่คัน ปัญหาในชีวิตจะตามมาเพียบ...
พยายามสร้างภาพให้ดูดี กับพยายามสร้างคุณลักษณะนิสัยให้ดูดีนั้นต่างกันค่ะ
เพราะภาพมันก็คือภาพ บ่ใช่ตัวจริงน้อ...
พี่จึงไม่แปลกใจเลยที่อิสลามเราเน้นความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจ...
พร่ามได้ยาวอีกนิ...แต่ว่าพอแค่นี้ดีกว่า...ยังไม่ได้อาบน้ำที
ชักจะได้กลิ่นตุๆแล้วอ่ะ...

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
