ผู้เขียน หัวข้อ: การศอดดอกัลลอฮฺ  (อ่าน 7850 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
การศอดดอกัลลอฮฺ
« เมื่อ: ม.ค. 18, 2007, 11:44 PM »
0

การกล่าวเศาะดะก็อลลอฮุอะซีม หลังอ่านกรุอาน

คิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ .... ... .. .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 16, 2007, 05:01 AM โดย al-azhary »

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 19, 2007, 08:10 PM »
0
ก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ  การกล่าวซอละวาตท่านนบี  และการกล่าวซ่อดะก๊อลลอฮุลอะซีม  (อัลเลาะฮ์ทรงสัจจะเสมอ)  มันก็อย่างนั้นจริง ๆ นะครับ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 19, 2007, 08:51 PM »
0
ผมกำลังหมายถึง ที่ว่ามันบิดอะ น่ะครับ

เรื่องนี้ เรามาเสวนากันนะครับ

กรุณา อย่าพาดพิง ชื่อบุคคลนะครับ

ผมแค่จะให้ร่วมเสวนา กันแลกเปลี่ยนทรรศนะ และอ้างอิงหลักฐาน เท่านั้นครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 19, 2007, 09:45 PM »
0
ผมกำลังหมายถึง ที่ว่ามันบิดอะ น่ะครับ

เรื่องนี้ เรามาเสวนากันนะครับ

กรุณา อย่าพาดพิง ชื่อบุคคลนะครับ

ผมแค่จะให้ร่วมเสวนา กันแลกเปลี่ยนทรรศนะ และอ้างอิงหลักฐาน เท่านั้นครับ

หาก  Goddut  ต้องการแลกเปลี่ยนทัศนะ งั้นผมขอเริ่มถามว่า น้อง  Goddut  เองมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวครับ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 19, 2007, 10:00 PM »
0
เขากล่าวว่า
เรื่องอิบาดะนั้น ต้องมีแนวทางจากซุนนะ นบี
เรื่องไหนไม่มี ถือเป็น บิดอะ และทุกๆ บิดอะนั้นลุ่มหลง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 23, 2007, 07:27 AM โดย Goddut »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 20, 2007, 09:44 AM »
0
คำว่า "เขากล่าวว่า........" ที่คุณทราบมานั้นคือแนวทางของสะลัฟไหมครับ? และการซอลาวาตพร้อมกันหลังละหมาดนั้น  เกี่ยวกับละหมาดอะไรครับ ?   

และประเด็นนี้  เราต้องค่อยเสวนาเป็นลำดับขั้นตอน  กล่าวคือ เราต้องทราบก่อนว่า  แนวทางใดที่กล่าวว่าเป็นบิดอะฮ์  และแนวทางใดที่กล่าวว่าไม่เป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง  แล้วเราก็จะเข้าประเด็นหลักของมันครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 20, 2007, 03:09 PM »
0

การกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" (ความว่า พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสสมจริงแล้ว) ภายหลังการอ่านอัลกุรฺอานจบแล้วนั้น ไม่มีที่มาจากสุนนะฮฺของท่านนบี, ไม่มีที่มาจากการกระทำของเคาะลีฟะฮฺทั้งสี่ และบรรดาเศาะหาบะฮฺ หรือนักวิชาการสะลัฟก็ไม่กระทำเช่นนั้นเหมือนกัน โปรดอย่าลืมว่า การกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" ถือว่าเป็นการสรรเสริญอัลลอฮฺ นั่นหมายถึง อิบาดะฮฺ เมื่อเป็นอิบาดะฮฺก็ต้องมีหลักฐานจากท่านนบีมุหัมมัด แต่ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานให้อ่านเช่นนั้นภายหลังการอ่านอัลกุรฺอานจบทุกครั้ง อย่าลืมว่าท่านนบีมุหัมมัดอ่านอัลกุรฺอานทุกวัน และวันหนึ่งก็หลายๆ ครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานใดเลยที่ระบุว่า ท่านนบีมุหัมมัดกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" ภายหลังการอ่านอัลกุรฺอาน สรุปคือ การกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" ภายหลังการอ่านอัลกุรฺอานจึงเป็นการอุตริกรรมขึ้นใหม่ในศาสนา (บิดอะฮฺ) ดังหะดีษของท่านรสูลที่ระบุว่า " من أحدث في أمرنا هذا ماليس منه فهو رد " ความว่า "บุคคลใดที่อุตริกรรมใหม่ในกิจการงานของเรา โดยสิ่งนั้นไม่มีในกิจการงานของเรา ถือว่าเป็นโมฆะ (หรือถูกปฏิเสธ)" (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม) ซึ่งข้างต้นยังเป็นคำฟัตวาของอุละมาอ์ซาอุดี้อีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ เชคอุษัยมีน

-------------------------------------------------------------------------

ท่านนบีระบุอย่างชัดเจนว่า " كل بدعة ضلالة " ทุกๆบิดอะฮฺนั้น คือความหลงผิด, ส่วนรูปแบบของการทำบิดอะฮฺก็เช่นกัน ไม่ว่าจะมีพิธีกรรมที่กล่าวมาข้างต้น หรือจะมีพิธีกรรมในรูปแบบอื่นก็ตามล้วนเป็นสิ่งที่อุตริกรรม (บิดอะฮฺ) ทั้งสิ้นนะครับ วาญิบ (واجب ) สำหรับมุสลิมทุกคนจะต้องไม่กระทำสิ่งเหล่านั้น

-------------------------------------------------------------------------

คิดเห็นว่าอย่างไรครับพี่น้อง ?

เนื้อหานั้น ผมได้นำมาจาก เวปไซต์นึง ที่ ................  เรารู้กันนะครับ

ผมอยากให้เรานำมาเสวนาเท่านั้น มิได้มีเจตนากล่าวถึงบุคคลอื่นครับ

วัสลาม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 23, 2007, 07:28 AM โดย Goddut »

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ม.ค. 20, 2007, 11:39 PM »
0
บิสมิลลาฮิรรอฮ์มานิรรอฮีม

การตัดสินการใดว่าเป็นบิดอะฮ์นั้นต้องตั้งอยู่บนหลักฐานอันชัดเจน เช่น สิ่งนั้นๆเป็นสิ่งที่ขัดกับตัวบทอัลกุรอาน และอัลหะดีษอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นตัวบทที่มีความหมายชัดเจน เป็นต้น พื้นฐานที่เราควรจะจำไว้เสมอคือ

?การไม่เคยมีรายงานเรื่องนั้นๆมาจากท่านนบีนั้น ต่างกับการมีรายงานว่าท่านห้ามสิ่งหนึ่งสิ่งใด?

กล่าวง่ายๆคือ การที่ท่านนบีไม่เคยพูดถึงสิ่งใดนั้นต่างกับการที่ท่านนบีสั่งห้ามสิ่งๆนั้น ฉะนั้นพื้นฐานที่บอกว่าการไม่เคยมีรายงานมาจากท่านนบีในเรื่องๆหนึ่งนั้นแสดงว่าเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่หะรอมนั้นถือเป็นการกล่าวโดยผิวเผินไร้ซึ่งหลักฐาน

จริงอยู่ทุกๆบิดอะฮ์นั้นเป็นสิ่งที่ท่านนบีไม่เคยทำ แต่ไม่ใช่ทุกๆสิ่งที่ท่านไม่เคยทำจะเป็นบิดอะฮ์ อาทิเช่น การละหมาดหลังจากการอาบน้ำละหมาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านบิลาลกระทำเป็นประจำ กระทั่งท่านนบีกล่าวถามท่านว่า ?ท่านบิลาลบอกฉันเถิดว่าท่านทำเช่นไร ฉันจึงได้ยินเสียงเดินของท่านในสวรรค์? ท่านบิลาลกล่าวตอบว่า ?ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากละหมาดตามที่จะสะดวกทำได้หลังจากอาบน้ำละหมาดทุกครั้ง? ซึ่งท่านรอซูลก็ยอมรับในการกระทำนี้ของท่าน แต่กระนั้นก็ไม่เคยมีรายงานว่าท่านรอซูลจะละหมาดหลังจากอาบน้ำละหมาดเยี่ยงที่ท่านบิลาลกระทำ ผลลัพธ์ที่ได้ของหะดีษนี้คือ การละหมาดหลังอาบน้ำละหมาดนั้นเป็นสิ่งที่ดี ?แต่? ท่านรอซูลไม่เคยกระทำ ฉะนั้นจึงอนุมานได้ว่า ?ไม่ใช่ทุกอย่างที่ท่านรอซูลไม่เคยทำจะเป็นบิดอะฮ์เสมอไป? เพราะบางอย่างท่านยอมรับเช่นเรื่องนี้เป็นต้น

ถามว่าทำไม่ท่านถึงยอมรับการกระทำของท่านบิลาล ก็เพราะไม่มีสิ่งใดที่ท่านบิลาลทำขัดกับพื้นฐานใดๆของศาสนา ฉะนั้นการพิสูจน์ว่าสิ่งใดเป็นบิดอะฮ์นั้น นอกจากคำว่าท่านนบีไม่เคยทำแล้ว ผู้อ้างคำนี้ยังต้องหาหลักฐานที่ชัดเจนมาบอกว่าการกระทำนั้นๆขัดกับหลักการของศาสนาจริง...

ตามหลักการอุศูลุลฟิกฮ์แล้วการไม่เคยกระทำการใดของท่านรอซูลนั้นบ่งบอกในเชิงของหุก่มได้อย่างเดียวนั่นก็คือ ?สิ่งที่ท่านไม่เคยกระทำนั้น เราสามารถดำเนินตามท่านโดยการไม่กระทำเช่นกันได้? ส่วนจะกล่าวหาว่าสิ่งนั้นเป็นหะรอมนั้นก็ต้องยกหลักฐานมาพิสูจน์ เพราะสิ่งที่ศาสนาใช้นั้นต้องมีการ ?เรียกร้อง? طلب  หากเป็นการ ?เรียกร้องให้กระทำ? สิ่งๆนั้นก็จะวาญิบ หรือซุนนะฮ์ แล้วแต่สำนวนของการเรียกร้อง ส่วนหากเป็นการ ?เรียกร้องให้ละทิ้ง? สิ่งๆนั้นก็จะเป็นหะรอม หรือมักรูฮ์ แล้วแต่สำนวนของการเรียกร้อง ซึ่งการเรียกร้องให้ทำ หรือให้ทิ้งนั้นล้วนแล้วแต่มีสำนวนเฉพาะของมัน ซึ่งโดยส่วนมากจะมาในประโยคคำสั่ง ซึ่งไม่มีนักวิชาการท่านใดนับ ?การไม่เคยกระทำ? เป็นสำนวนที่บ่งบอกถึงการหะรอมสิ่งนั้นๆ ซึ่งตัวอย่างหะดีษที่ยกไปก็ชัดเจน



มีต่อ............

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ม.ค. 20, 2007, 11:51 PM »
0
เมื่อเรารู้คร่าวๆแบบนี้แล้ว ในประเด็นของเราเรื่องการกล่าว ?ศอดากอลลอฮุลอะซีม? หลังจากการอ่านอัลกุรอานนั้น หากจะพิสูจน์ว่าเป็นบิดอะฮ์นั้นไม่ใช่เพียงว่าท่านรอซูลไม่เคยกล่าว หรือไม่เคยใช้ให้ศอฮาบะฮ์กล่าว ถ้าเช่นนั้นท่านรอซูลก็ไม่เคยใช้ท่านบิลาลให้ละหมาดซุนนะฮ์หลังอาบน้ำละหมาด และท่านเองก็ไม่เคยกระทำ แล้วตามมาตรฐานนี้แล้วละหมาดหลังอาบน้ำละหมาดนั้นจะมีหุกมอย่างไร???

นี่เป็นประเด็นหักล้างข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นบิดอะฮ์โดยยึดมาตรฐานที่ไม่ถูกต้องนัก ส่วนการกล่าวคำดังกล่าวนั้น เราต้องทราบก่อนว่าประโยคดังกล่าวแปลว่า ?อัลลอฮ์ทรงสัจจริงแล้ว? หรือ ?ทรงตรัสจริงแล้ว? ประโยคดังกล่าวถือเป็นการยืนยันในความศรัทธาของผู้พูดที่มีต่อดำรัสของอัลลอฮ์อย่างไม่ต้องสงสัย และทำให้เพิ่มพูนอีมานที่มีอยู่ ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับที่เกิดขึ้นในสงครามอัลอะห์ซาบ อัลลอฮ์ตรัสว่า

وَلَمَّا رَأَى الْمُؤْمِنُونَ الْأَحْزَابَ قَالُوا هَذَا مَا وَعَدَنَا اللَّهُ وَرَسُولُهُ وَصَدَقَ اللَّهُ وَرَسُولُهُ وَمَا زَادَهُمْ إِلَّا إِيمَانًا وَتَسْلِيمًا

?และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาเห็นกลุ่มต่างๆ พวกเขาก็กล่าวว่า นี่แหละคือสิ่งที่อัลลอฮ์ และรอซูลได้ทรงสัญญาไว้ อัลลอฮ์และรอซูลนั้นพูดสัจจริงแล้ว และมันไม่ได้เพิ่มอะไรให้กับพวกเขาเลยนอกจากการศรัทธาและยอมตน?

ในตัฟซีรอิบนุ กะษีร ได้อธิบายถึง ?สิ่งที่ได้ทรงสัญญาไว้? ที่ถูกกล่าวขึ้นในอายะฮ์นี้ว่า ?ท่านกอตาดะฮ์ และท่านอิบนุอับบาสกล่าวไว้ว่า พวกเขา(พวกผู้ศรัทธาที่ถูกเอ่ยถึงในอายะฮ์ดังกล่าว) หมายถึง ดำรัสของอัลลอฮ์ในซูเราะฮ์อัลบากอเราะฮ์ ที่ว่า........อายะฮ์ที่ 214.............. หมายถึง นี่คือการทดสอบที่อัลลอฮ์ และรอซูลได้บอกไว้ ซึ่งชัยชนะนั้นก็จะมาหลังจากนี้ไม่ช้า ฉะนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า ?อัลลอฮ์ และรอซูลพูดไว้จริงแล้ว? ........?

กล่าวคือ การกล่าวศอดากอลลอฮ์ในอายะฮ์นี้นั้นเป็นการกล่าวยืนยันในดำรัสของอัลลอฮ์ที่อยู่ในซูเราะฮ์อัลบากอเราะฮ์ 214 นั่นเอง ซึ่งก็เป็นกรณีเดียวกับที่ใครคนใดคนหนึ่งกล่าวคำดังกล่าวเพื่อยืนยันถึงความศรัทธาสัจจริงที่มีในอายะฮ์อื่นๆ ไม่แตกต่างกันแต่ประการใด ต่างกันเพียงแต่กล่าวหลังจากได้รับทราบอายะฮ์ทันที หรือไม่ทันทีเท่านั้น นี่คือหลักฐานแรก

อายะฮ์ที่สอง อัลลอฮ์ตรัสในซูเราะฮ์ อาละอิมรอนว่า

قُلْ صَدَقَ اللَّهُ فَاتَّبِعُوا مِلَّةَ إِبْرَاهِيمَ حَنِيفًا وَمَا كَانَ مِنَ الْمُشْرِكِينَ

?จงกล่าวเถิด(มุฮำหมัด)ว่า อัลลอฮ์ทรงตรัสจริงแล้ว และจงปฏิบัติตามศาสนาของอิบรอฮีมอันเที่ยงธรรม ซึ่งเขาไม่ได้อยู่ในจำพวกผู้ตั้งภาคี?

ในตัฟซีรอัฏฏอบารีย์กล่าวว่า ?จงกล่าวเถิดมุฮำหมัดว่า อัลลอฮ์ทรงตรัสจริงแล้วในสิ่งที่ทรงตรัสว่า
?อาหารทุกๆชนิดเคยเป็นที่อนุมัติแก่ลูกหลานเผ่าพันธุ์อิสราเอล??..?

หมายถึง จงกล่าวยืนยันความสัจจริงกับดำรัสของอัลลอฮ์ที่บอกไว้ว่าอาหารทุกอย่างหะลาลสำหรับบนีอิสราเอล ซึ่งเป็นอายะฮ์ที่ 94 ก่อนหน้านี้หนึ่งอายะฮ์นั่นเอง นั่นหมายถึงอัลลอฮ์สั่งให้ท่านรอซูลกล่าว ?ศอดากอลลอฮ์? เพื่อยืนยันความสัจจริงของอายะฮ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เป็นกรณีเดียวกันกับที่ใครคนหนึ่งจะกล่าว ?ศอดากอลลอฮ์? หลังจากอายะฮ์ใดอายะฮ์หนึ่งเพื่อยืนยันในความสัจจริงของดำรัสของอัลลอฮ์ แล้วสิ่งนี้จะเป็นบิดอะฮ์ได้อย่างไร

ฉะนั้นการกล่าวศอดากอลลอฮ์เพื่อยืนยันความสัจจริงในดำรัสของอัลลอฮ์ที่ได้อ่าน หรือได้ฟังนั้นย่อมเป็นสิ่งที่อัลลอฮ์ได้เคยใช้ให้ท่านรอซูลปฏิบัติมาแล้ว แล้วการที่ใครจะกล่าวยืนยันความสัจจริงในทุกๆครั้งที่อ่านเสร็จนั้นเป็นบิดอะฮ์ไปได้อย่างไร ซึ่งอายะฮ์แรกที่ยกไปในซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบก็เป็นคำพูดของบรรดาศอฮาบะฮ์ โดยท่านนบีก็ไม่ได้ใช้ให้กล่าว แต่กระนั้นอัลลอฮ์ก็ได้จารึกการกระทำนี้ของพวกท่านไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ แล้วบรรดาศอฮาบะฮ์เอาหลักฐานการกล่าวประโยคดังกล่าวมาจากที่ไหน? แล้วพวกท่านกล้ากล่าวได้อย่างไร? ก็เพราะพวกท่านไม่ได้มีมาตรฐานที่ไม่ถูกต้องเหมือนกับอาจารย์ผู้ตอบคำถามนี้ พวกท่านทราบดีว่าอัลลอฮ์ตรัสว่า
إليه يصعد الكلم الطيب والعمل الصالح
?คำพูด และการงานที่ดีจะขึ้นไปสู่พระองค์?


มีต่อ...........................

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ม.ค. 20, 2007, 11:59 PM »
+1
นอกจากนี้แล้วท่านรอซูลก็ยังเคยกล่าว ?ศอดากอลลอฮ์? อีกดังหะดีษที่บันทึกโดยอันนะซาอีย์


أخبرنا ‏ ‏محمد بن عبد العزيز ‏ ‏قال حدثنا ‏ ‏الفضل بن موسى ‏ ‏عن ‏ ‏حسين بن واقد ‏ ‏عن ‏ ‏عبد الله بن بريدة ‏ ‏عن ‏ ‏أبيه ‏ ‏قال ‏
كان النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏يخطب فجاء ‏ ‏الحسن ‏ ‏والحسين ‏ ‏رضي الله عنهما ‏ ‏وعليهما قميصان أحمران يعثران فيهما فنزل النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏فقطع كلامه فحملهما ثم عاد إلى المنبر ثم قال ‏ ‏ صدق الله
  إنما أموالكم وأولادكم فتنة ‏   
رأيت هذين يعثران في قميصيهما فلم أصبر حتى قطعت كلامي فحملتهما

จากอับดุลลอฮ์ อิบนุ บุรอยดะฮ์ จากบิดาของท่านเล่าว่า ท่านรอซูลนั้นเคยคุฏบะฮ์อยู่ แล้วท่านอัลหะซัน และอัลหุเซนก็เดินเข้า ทั้งสองใส่เสื้อสีแดง พวกท่านยังเดินไม่คล่องนัก(ยังเด็กอยู่) ท่านรอซูลจึงหยุดพูด แล้วลงไปอุ้มทั้งสอง แล้วกลับมาที่มิมบัร แล้วท่านก็กล่าวว่า ?ศอดากอลลอฮ์(อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้จริงแล้วว่า)  ?แท้จริงทรัพย์สินของพวกเจ้า และลูกหลานของพวกเจ้าเป็นสิ่งทดสอบ? ฉันเห็นเด็กสองคนนี้เดินเซมาจึงทนไม่ไหวต้องหยุดพูดและลงไปอุ้มมา?

ตรงนี้ก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าท่านรอซูลเคยกล่าวศอดากอลลอฮ์ เพื่อยืนยันความสัจจริงที่ได้รับรู้จากอายะฮ์อัลกุรอาน แล้วคนที่ทำเยี่ยงเดียวกับที่ท่านรอซูลได้ทำนั้นกลายเป็นคนทำบิดอะฮ์ไปได้อย่างไร???

และการกล่าวศอดากอลลอฮ์เพื่อยืนยันในความสัจจริงของคำของอัลลอฮ์ และรอซูลนั้นก็ยังเป็นกิจวัตรของบรรดาสลัฟด้วย
ในมุสนัดท่านอิมามอะฮ์หมัด บทที่ว่าด้วยหะดีษของผู้ได้เข้าสวรรค์ทั้ง 10 หมวดหะดีษเกี่ยวกับท่านอลี

 يرحم الله ‏ ‏عليا ‏ ‏رضي الله عنه ‏ ‏إنه كان من كلامه لا يرى شيئا يعجبه إلا قال صدق الله ورسوله

ลี จากอุบัยดิลลาฮ์ อิบนุ อิยาฎ อัลกอรีย์ เล่าว่า(เป็นหะดีษยาวตัดมาบางส่วน).........ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวว่า ?ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่านอลีด้วยเถิด ท่านอลีนั้นเมื่อเห็นอะไรที่ชื่นตาชื่นใจท่าน ท่านก็มักจะกล่าวเสมอว่า ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู?




มีต่อ................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 21, 2007, 12:05 AM โดย aswar »

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ม.ค. 21, 2007, 12:28 AM »
0
ในมุสนัดอิมาม อะฮ์หมัดอีกเช่นกันรายงานว่า

فمر رجل بين يديه فقال السلام عليك يا ‏ ‏أبا عبد الرحمن ‏ ‏فقال ‏ ‏عبد الله ‏ ‏وهو راكع صدق الله ورسوله فلما انصرف سأله بعض القوم لم قلت حين سلم عليك الرجل صدق الله ورسوله قال إني سمعت رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏يقول ‏ ‏إن من أشراط الساعة إذا كانت التحية على المعرفة

มีชายคนหนึ่งได้ให้สลามท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มัสอูดที่มัสยิด ท่านไม่รับสลามแต่กลับกล่าวว่าศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู เมื่อละหมาดเสร็จก็มีคนมาถามท่านว่าเหตุใดจึงรับสลามไปเช่นนั้นท่านตอบว่า ท่านได้ยินท่านรอซูลกล่าวไว้ว่า เมื่อใกล้กิยามะฮ์นั้นผู้คนจะให้สลามกันก็แต่กับคนที่ตนรู้จักเท่านั้น...

เมื่อเราบอกว่ากล่าวศอดากอลลอฮ์ได้ การกล่าวศอดากอ รอซูลุลลอฮ์ก็ย่อมทำได้เช่นกันดังหะดีษดังกล่าวนี้ที่ท่านอิบนุ มัสอูดกล่าวยืนยันความสัจจริงให้กับคำพูดท่านรอซูลที่ได้เคยพูดไว้เกี่ยวกับสัญญาณวันกิยามะฮ์นั่นเอง

ในศอเฮียฮ์มุสลิม กิตาบุลอีมาน

 ‏عن ‏ ‏أبي هريرة ‏
عن النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏قال ‏ ‏لا يزال الناس يسألونكم عن العلم حتى يقولوا هذا الله خلقنا فمن خلق الله قال وهو آخذ بيد رجل فقال صدق الله ورسوله قد سألني اثنان وهذا الثالث أو قال سألني واحد وهذا الثاني

จากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ เล่าว่าท่านรอซูลกล่าวว่า ?ผู้คนจะถามเรื่องความรู้กับท่านกระทั่งจะถามว่าอัลลอฮ์ทรงสร้างเรา แล้วใครสร้างอัลลอฮ์?? แล้วท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ก็จับมือผู้ชายคนหนึ่งแล้วกล่าวว่า ศอดากอลลอฮุ วะรอซูลุฮ์ (อัลลอฮ์และรอซูลพูดไว้ถูกต้องจริงๆ) มีคนมาถามฉันสองคนแล้วและคนนี้เป็นคนที่สาม...?

นี่ก็เป็นการกล่าวศอดากอลลอฮ์หลังจากได้พูดคำกล่าวท่านรอซูลจบ ดังนั้นถ้าจะมีคนใดอ่านวจนะของอัลลอฮ์และรอซูลแล้วทำเยี่ยงเดียวกับท่านอบู ฮุรอยเราะฮ์แล้วจะมาว่าว่าทำของบิดอะฮ์ได้อย่างไร???

ในมุสนัดอิมามอะฮ์หมัด

‏عن ‏ ‏أبي عقرب الأسدي ‏ ‏قال ‏
أتيت ‏ ‏عبد الله بن مسعود ‏ ‏فوجدته على إنجاز له ‏ ‏يعني سطحا ‏ ‏فسمعته يقول صدق الله ورسوله فصعدت إليه فقلت يا ‏ ‏أبا عبد الرحمن ‏ ‏ما لك قلت صدق الله ورسوله صدق الله ورسوله قال إن رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏نبأنا ‏ ‏أن ليلة القدر في النصف من السبع الأواخر وإن الشمس تطلع صبيحتها ليس لها شعاع قال فصعدت فنظرت إليها فقلت صدق الله ورسوله صدق الله ورسوله

หะดีษอบี อักรอบ อัลอัสดีย์ กล่าวว่า ฉันไปหาท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มัสอูด ซึ่งฉันพบว่าท่านอยู่บนเนินแห่งหนึ่ง ฉันได้ยินท่านกล่าวว่า ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู? ฉันจึงขึ้นไปหาท่านแล้วถามว่า ท่านอบู อับดิรรอฮ์มาน ท่านเป็นอะไรหรือจึงแต่คำว่า ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู? ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู? ท่านตอบว่า ท่านรอซูลบอกกับเราว่าลัยละตุลกอดร์นั้นอยู่ในเจ็ดคืนสุดท้าย ซึ่งตอนเช้าของมันดวงอาทิตย์จะขึ้นสุกสว่างไม่เป็นลำแสง ฉันจึงขึ้นมาดู แล้วกล่าวว่า ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู? ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู?



มีต่อ..............

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ม.ค. 21, 2007, 12:35 AM »
0
จากมุสนัดอิมาม อะฮ์หมัดเช่นกัน

‏ ‏ابن عباس ‏ ‏قال ‏
جاء رجل إلى ‏ ‏عمر ‏ ‏يسأله فجعل ينظر إلى رأسه مرة وإلى رجليه أخرى هل يرى عليه من البؤس شيئا ثم قال له ‏ ‏عمر ‏ ‏كم مالك قال أربعون من الإبل قال ‏ ‏ابن عباس ‏ ‏فقلت صدق الله ورسوله ‏ ‏لو كان لابن ‏ ‏آدم ‏ ‏واديان من ذهب لابتغى الثالث ولا يملأ جوف ابن ‏ ‏آدم ‏ ‏إلا التراب ويتوب الله على من تاب

มุสนัดอับดิลลาฮ์ อิบนุ อับบาส ท่านเล่าว่า ?มีชายคนหนึ่งมาถามคำถามท่านอุมัร ท่านอุมัรก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามีอะไรไม่ดีหรือไม่ แล้วท่านอุมัรก็ถามเขาว่า ท่านมีทรัพย์สินเท่าไหร่ เขาตอบว่า อูฐ 40 ตัวครับ ท่านอิบนุอับบาสก็กล่าวว่า ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู? ?แม้ว่ามนุษย์มีภูเขาทองคำอยู่ 2 ลูก เขาก็ต้องอยากได้ลูกที่ 3 และจะไม่มีอะไรเติมเต็มท้องของมนุษย์ได้ยกเว้นแต่ดินเท่านั้น และอัลลอฮ์นั้นจะทรงอภัยให้กับผู้ที่เตาบะฮ์?...............?

คำว่า ?แม้ว่ามนุษย์มีภูเขา.............?นั้นเป็นคำท่านรอซูลซึ่งท่านอิบนุ อับบาสก็ได้กล่าวยืนยันถึงความสัจจริงด้วยคำที่ว่า ?ศอดากอลลอฮุวะรอซูลุฮู?

อัลกุรฏุบีย์ได้กล่าวไว้ในตอนต้นของหนังสือตัฟซีรของท่านว่า ท่านหะกีม อัตติรมิซีย์ ได้พูดถึงมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน โดยบอกว่าหนึ่งในมารยาทที่ควรมีก็คือการกล่าวเมื่ออ่านเสร็จว่า ?ศอดากอลลอฮุลอะซีม? หรือประโยคใดก็ได้ที่ให้ความหมายทำนองนี้ โดยท่านกล่าวว่าว
?และด้วยเกียรติของอัลกุรอานนั้นเมื่อเราอ่านเสร็จแล้วให้มีการกล่าวยืนยันพจนารถแห่งพระองค์ด้วย และยืนยันว่าท่านรอซูลนั้นได้ทำหน้าเผยแพร่ดำรัสแล้ว?

อิมาม อัลฆอซาลีย์ได้กล่าวใน อัลเอียะห์ยาอ์เกี่ยวกับมารยาทการอ่านกุรอาน ว่า
?เมื่ออ่านเสร็จให้กล่าวว่า ศอดากอลลอฮุตะอาลา วะบัลละฆอรอซูลุลลอฮ์ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม?

ฉะนั้นสิ่งที่นำมาอ้างอิงเป็นหลักฐานนั้นเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด กล่าวคือ เป็นการกล่าวยืนยันความสัจจริงให้กับดำรัสของอัลลอฮ์ หรือวจนะท่านรอซูลทั้งหมด ไฉนเลยจึงบอกว่าไม่มีหลักฐานเลยจากท่านรอซูล และบรรดาศอฮาบะฮ์? และบอกว่ามันเป็นบิดอะฮ์อุตริกรรมในศาสนา วัลลอฮุอะอ์ลัม


วัสสลาม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 21, 2007, 01:24 AM »
0
جزاك الله أحسن الخير

ครับ  คุณอัสวาร  งั้นผมขอนำเสนอเสริมนะครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 21, 2007, 01:31 AM »
0
ท่านอิบนุอับบาส (ร.ฏ.) ได้กล่าว "ซ่อดะก๊อลลอฮุลอะซีม" หลังจากกล่าวบางอายะฮ์  ซึ่งท่าน อิมามอัลกุรตุบีย์  ได้กล่าวถ่ายทอดไว้ในตัฟซีรของท่าน ญุซฺ 16 หน้า 188  ดังนี้

"ท่านอิบนุบาสกล่าวว่า "เมื่อสตรีคนหนึ่งคลอดบุตรยาก  ก็ให้เขียนสองอายะฮ์และสองถ้อยคำนี้ ในจานใบหนึ่ง  หลังจากนั้น ให้ทำการล้างและให้นางดื่มจากมัน  คือ

    الله الرحمن الرحيم لا إله إلا الله العظيم الحليم الكريم ، سبحان الله رب السموات ورب الأرض ورب العرش العظيم كأنهم يوم يرونها لم يلبثوا إلا عشية أو ضحاها كأنهم يوم يرون ما يوعدون لم يلبثوا إلا ساعة من نهار بلاغ فهل يهلك إلا القوم الفاسقون صدق الله العظيم   
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: การศอดดอกัลลอฮฺ และการซอตละวาต
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ม.ค. 21, 2007, 01:32 AM »
0
เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วทำไม

ผู้รู้ บางท่าน กล่าวว่าไม่มีหรือครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 23, 2007, 07:28 AM โดย Goddut »

 

GoogleTagged