การกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" (ความว่า พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสสมจริงแล้ว) ภายหลังการอ่านอัลกุรฺอานจบแล้วนั้น ไม่มีที่มาจากสุนนะฮฺของท่านนบี, ไม่มีที่มาจากการกระทำของเคาะลีฟะฮฺทั้งสี่ และบรรดาเศาะหาบะฮฺ หรือนักวิชาการสะลัฟก็ไม่กระทำเช่นนั้นเหมือนกัน โปรดอย่าลืมว่า การกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" ถือว่าเป็นการสรรเสริญอัลลอฮฺ นั่นหมายถึง อิบาดะฮฺ เมื่อเป็นอิบาดะฮฺก็ต้องมีหลักฐานจากท่านนบีมุหัมมัด แต่ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานให้อ่านเช่นนั้นภายหลังการอ่านอัลกุรฺอานจบทุกครั้ง อย่าลืมว่าท่านนบีมุหัมมัดอ่านอัลกุรฺอานทุกวัน และวันหนึ่งก็หลายๆ ครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานใดเลยที่ระบุว่า ท่านนบีมุหัมมัดกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" ภายหลังการอ่านอัลกุรฺอาน สรุปคือ การกล่าว "เศาะดะก็อลลอฮุอะซีม" ภายหลังการอ่านอัลกุรฺอานจึงเป็นการอุตริกรรมขึ้นใหม่ในศาสนา (บิดอะฮฺ) ดังหะดีษของท่านรสูลที่ระบุว่า " من أحدث في أمرنا هذا ماليس منه فهو رد " ความว่า "บุคคลใดที่อุตริกรรมใหม่ในกิจการงานของเรา โดยสิ่งนั้นไม่มีในกิจการงานของเรา ถือว่าเป็นโมฆะ (หรือถูกปฏิเสธ)" (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม) ซึ่งข้างต้นยังเป็นคำฟัตวาของอุละมาอ์ซาอุดี้อีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ เชคอุษัยมีน
-------------------------------------------------------------------------
ท่านนบีระบุอย่างชัดเจนว่า " كل بدعة ضلالة " ทุกๆบิดอะฮฺนั้น คือความหลงผิด, ส่วนรูปแบบของการทำบิดอะฮฺก็เช่นกัน ไม่ว่าจะมีพิธีกรรมที่กล่าวมาข้างต้น หรือจะมีพิธีกรรมในรูปแบบอื่นก็ตามล้วนเป็นสิ่งที่อุตริกรรม (บิดอะฮฺ) ทั้งสิ้นนะครับ วาญิบ (واجب ) สำหรับมุสลิมทุกคนจะต้องไม่กระทำสิ่งเหล่านั้น
-------------------------------------------------------------------------
คิดเห็นว่าอย่างไรครับพี่น้อง ?
เนื้อหานั้น ผมได้นำมาจาก เวปไซต์นึง ที่ ................ เรารู้กันนะครับ
ผมอยากให้เรานำมาเสวนาเท่านั้น มิได้มีเจตนากล่าวถึงบุคคลอื่นครับ
วัสลาม...