4.) การกระวนกระวายใจ และการกลับตัวของท่านอิม่ามฟัครุดดีน อัร-รอซีย์ (606 ฮ.ศ.)
ท่านอิม่ามได้แสวงหาความรู้อันมากมาย และท่านได้นิยมอิลมุกะลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอยู่ในสำนักอัล-อัชอะรีย์ จนกระทั่งท่านได้มีความกระวนกระวายใจบางปัญหา ท่านก็ได้กลับไปยังอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ1 ซึ่งท่านได้ประกาศไว้ว่า
نهاية إقدام العقول عقال
وأكثر سعى الناس للعالمين ضلال
وأر واحنا في وجضة
وغاية دنيانا أروى ووبال
ولم نستفد من بحثنا طول عمرنا
سوى أن جمعا قيل وقالوا
ความว่า
"การสิ้นสุดของความเจริญก้าวหน้าของอัลอิลมุกะลาม คือ ไม่มีที่ไป
และความพยายามของมนุษย์กับอิลมุลกะลามในโลกนี้อันมากมายที่หลงทาง
การมีอิลมุลกะลามในจิตวิญญาณของเรา ทำให้เราไม่มีความสงบ
ผลที่ได้จากอิลมุลกะลามนั้น เป็นสิ่งที่เลวร้าย และไม่มีประโยชน์
การค้นหาอิลมุลกะลามในระยะเวลาอันยาวนาน ไม่มีความหมาย
นอกจากเป็นสิ่งที่ผู้คนเล่าต่อกันไป โดยไม่มีที่มา"
ผู้วิจัยแปลอคติแบบให้เข้าทางตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาเรียกภาษาอาหรับมาหรือเปล่า และผมยังคิดอีกว่า คณาจารย์ที่สอบวิทยานิพนท์นี้ ปล่อยให้คำแปลนี้ผ่านไปได้อย่างไร ?? อิสตัฆฟิรุลลอฮ์
نهاية إقدام العقول عقال
وأكثر سعى الناس للعالمين ضلال
وأر واحنا في وجضة
وغاية دنيانا أروى ووبال
ولم نستفد من بحثنا طول عمرنا
سوى أن جمعا قيل وقالوا
"สิ้นสุดของการย่างเข้าไปของบรรดาสติปัญญานั้นมีเชือกผูก(สิ้นสุดทางไป)
ความพยายามส่วนมากของมนุษย์ให้กับในโลกนี้นั้นเป็นการความลุ่มหลง
และบรรดาจิตวิญญาณของเราอยู่ในความรุ่มร้อน
จุดจบโลกดุนยาของเรามีทั้งความวิบัติและเลวร้าย
และเรามิได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ของเราทั้งชีวิต
นอกจากเพียงเราได้รวบรวม สิ่งที่ถูกกล่าวมาและสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไว้"
ท่านพี่น้องลองเทียบดูครับว่า สิ่งที่ผมแปลกับสิ่งที่ผู้วิจัยแปล มันต่างราวฟ้ากับเหว ซึ่งผู้วิจัยท่านนี้ แปลบิดเบือนและเติมแต่งถ้อยคำเพื่อสนองของสิ่งที่ตนเองต้องการ แล้วผู้ที่แปลอาหรับไม่ได้ ก็หลงเชื่อ ซุบฮานัลลอฮ์!