อยากทราบประวัติของนบี

[nujjaba]

มะอัฟ ที่ดองไว้นาน    
จัดให้แล้ว  วันละคนพอหอมปากหอมคอเนอะ   

[nujjaba]

ใจดีแถมอีกสักคนก็ได้   

นบีซะกะรียา อะลัยฮิสสลาม

“ และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซะกะรียา เมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์  ขอพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่อย่างเดียวดาย  และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้สืบมรดกอันดียิ่ง  ดังนั้น เราได้ตอบรับการร้องเรียนแก่เขา  และเราได้ประทานบุตรแก่เขาคือ ยะฮฺยา  และเราได้ปรับปรุงแก้ไขภริยาของเขาให้เป็นปกติแก่เขา  แท้จริงพวกเขาแข่งขันกันในการทำความดีและพวกเขาวิงวอนเราด้วยความหวังในความเมตตาของเรา และด้วยความกลัวต่อการลงโทษของเรา และพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตัวเกรงกลัวต่อเรา”  

( ซูเราะฮฺ อัล อัมบิยาอฺ   21 : 89 – 90 )

นบีซะกะรียา สืบเชื้อสายมาจากนบียะกู๊บ 
นักประวัติศาตร์มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสายตระกูลของนบีซะกะรียา
บางคนกล่าวว่า นบีซะกะรียา บุตร อาซัน บุตร บัรกียา  บางคนกล่าวว่า นบีซะกะรียา บุตร บัสวี 
ที่สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของยะฮูซา บุตร นบียะกู๊บ

นบีซะกะรียา ได้อุทิศตนเพียรบำเพ็ญภาวนา รำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่สม่ำเสมอ
ท่านเป็นผู้ที่อดทน มีความมั่นคงในการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า 
นบีซะกะรียา มีภรรยาชื่อ อีชาอฺบุตรี ฟากูด

ขณะที่นบีซะกะรียามีอายุ 120 ปี และภรรยาของท่านมีอายุ 98 ปี
ทั้งสองอยู่ในวัยชราภาพ แต่ทั้งสองก็ยังไม่มีบุตร
นบีซะการียาวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ประทานลูกกับเขาสักคนหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะตาย
อัลลอฮฺทรงตอบรับคำวิงวอนของท่าน

พระองค์อัลลอฮฺทรงส่งมลาอิกะฮฺมาแจ้งแก่นบีซะกะรียาว่า

มลาอิกะฮฺ  :  โอ้ ซะกะรียา เราจะแจ้งข่าวดีกับเจ้าว่า  เจ้าจะมีบุตรชื่อยะฮฺยา
นบีซะกะรียา  :  ข้าจะมีบุตรได้อย่างไร  ในเมื่อภรรยาของข้าพระองค์ก็เป็นหมัน ส่วนข้าพระองค์ก็แก่ชราภาพมากแล้ว
มลาอิกะฮฺ  :  มันง่ายสำหรับพระเจ้าของท่าน ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงอัลลอฮฺได้ให้บังเกิดเจ้ามาก่อน  ทั้งๆที่เจ้ายังไม่ได้มีอะไรเลย
นบีซะกะรียา : แล้วข้าควรจะทำอย่างไรบ้างกับสัญญาณดังกล่าว
มลาอิกะฮฺ  :  เจ้าจงอย่าพูดกับผู้คนเป็นเวลา 3 วัน แต่เจ้าสามารถอ่านคัมภีร์และกล่าวสดุดีต่อพระเจ้าได้ตลอดเวลา

นบีซะกะรียา ไม่ได้พูดเป็นเวลา 3 วัน
ช่วงชีวิตของท่านในเวลานั้นมุ่งสู่การกล่าวสดุดีพระเจ้าทั้งยามเช้าและยามเย็นเพียงอย่างเดียว 
หลังจากนั้นไม่นานภรรยาของท่านก็ให้กำเนิดบุตรชายน่ารัก  เฉลียวฉลาด 
ท่านตั้งชื่อให้เด็กคนนั้นว่ายะฮฺยา   ยะฮฺยาเป็นเด็กน่ารัก 
เขามักจะละหมาดและขอดุอาอฺร่วมกับพ่อแม่ของเขาเสมอ  สามคน พ่อ แม่ และลูก ล้วนเป็นคนดีทั้งสิ้น

นบีซะกะรียา ได้เรียกร้องเชิญชวนให้ชาวบะนีอิสรออีลเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ
ถึงแม้ว่าท่านจะตักเตือนพวกเขาอยู่ตลอด แต่ชาวบะนีอิสรออีลไม่เชื่อฟังท่าน
พวกเขายังโกรธต่อนบีซะกะรียาอีกด้วย   
วันหนึ่ง นบีซะกะรียาได้ตักเตือนคนพาลคนหนึ่ง ให้กลับตัวกลับใจ
เลิกล้มการกระทำความชั่วแล้วกลับมากระทำความดี 
แต่เขาไม่ยอมเชื่อฟังและตั้งตนเป็นศัตรูต่อนบีซะกะรียาอีกด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน นบีซะกะรียาก็ถูกพวกอันธพาลเหล่านั้นสังหารอย่างโหดร้ายทารุณ

นบีซะกะรียาเป็นผู้ที่มีความอดทน รำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ ท่านเป็นคนดี
พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ในซูเราะฮฺ อัล อันอาม   6 : 85  มีใจความว่า

“และซะกะรียา ยะฮฺยา อีซา และอิลยาส  ทุกคนนั้นอยู่ในหมู่คนดี”


ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนบีซะกะรียา

-  อีชาอฺ ภรรยาของนบีซะกะรียา เป็นพี่สาวของฮันนะฮฺ ซึ่งเป็นแม่ของนางมัรยัม มารดาของนบีอีซา

-  นบีซะกะรียา ได้ช่วยเลี้ยงดูมัรยัมตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่นบีซะกะรียานำผลไม้ไปให้มัรยัม ท่านก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นผลไม้เป็นจำนวนมากวางเรียงรายอยู่  ท่านจึงถามนางว่า  ผลไม้เหล่านี้ได้มาจากไหน ? มัรยัมตอบว่า  ผลไม้เหล่านี้มลาอิกะฮฺได้นำมาจากพระผู้อภิบาล  พระองค์องค์อัลลอฮฺทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยไม่มีการคำนวณ  จากคำตอบของมัรยัม ทำให้นบีซะกะรียาฉุกคิดขึ้นมาว่า ท่านมีความปรารถนาที่จะมีบุตรไว้สืบทอด  ท่านจึงหมั่นเพียรขอดุอาอฺ  พระองค์อัลลอฮฺได้ตอบรับดุอาอ์ของเขา โดยให้บังเกิดบุตรชื่อนบียะฮฺยา

พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงนบีซะกะรียา ในคัมภีร์อัลกุรอาน ดังต่อไปนี้

-  ซูเราะฮฺ อัล อันอาม   6 : 85
-  ซูเราะฮฺ อัล อัมบิยาอฺ 21 : 89 – 90
-  ซูเราะฮฺ อาลิ อิมรอน 3 : 35 – 41
-  ซูเราะฮฺ มัรยัม 19 : 6 – 15


อ้างอิงข้อมูล : อ.ฟาดิ้ล วันเอเลาะ ( นิตยสารมุสลิมออนไลน์ )

[nujjaba]

อัสสลามมุอาลัยกุม
     
         ไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวประวัติของบรรดานบีอย่างนบีซุอิบ(อ.) นบีซุลกฟลิ(อ.) นบี อิลยาส(อ.) นบี อัลยะซาฮ(อ.) นบี ซะกะรียา(อ.) นบี ยะฮยา(อ.)เลย ช่วยโพสกันหน่อยนะครับ อยากรู้

                                                                                                                                                                                                                           ญาซากัลลอฮ วัสสลาม

คนสุดท้ายตามคำร้องขอ   


นบียะฮฺยา อะลัยฮิสสลาม

"และซะกะรียา ยะฮฺยา อีซา และอิลยาส  ทุกคนนั้นอยู่ในหมู่คนดี "

( ซูเราะฮฺ อัล อันอาม 6 : 85 )

นบียะฮฺยา เป็นบุตรของนบีซะกะรียา ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากบะนีอิสรออีล 
นบีซะกะรียาได้ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺว่า ขอพระองค์ได้ให้บุตรที่ดีแก่เขา 
พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า

“ ที่โน่นแหละ ( ที่ที่นางมัรยัมบอกแก่นบีซะกะรียาเกี่ยวกับผลไม้ที่นางได้รับ ) ซะกะรียาได้วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาโดยกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์  โปรดได้ทรงประทานแก่ข้าพระองค์ซึ่งบุตรที่ดีคนหนึ่ง  แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินคำวิงวอน และมลาอิกะฮฺได้เรียกเขาขณะที่เขากำลังยืนละหมาดอยู่ในอัลมิหฺรอบว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงแจ้งข่าวดีแก่ท่าน ด้วยยะฮฺยา โดยที่จะเป็นผู้ยืนยันพจมานหนึ่ง ( หมายถึงนบีอีซา ) จากอัลลอฮฺ และจะเป็นผู้นำ และผู้รักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ และเป็นนบีคนหนึ่งจากหมู่ชนที่เป็นคนดี ”  

( ซูเราะฮฺ อาละ อิมรอน 3 : 38 - 39 )

ยะฮฺยาเป็นคนมีจิตใจเมตตากรุณาต่อคนทั่วๆไป  เขาไม่เคยแสดงกริยาหยาบคายต่อใครๆ เลย 
อัลลอฮฺทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นศาสนทูตของพระองค์ 
ท่านสั่งสอนประชาชนของท่านให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงองค์เดียว 
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง 
อัลลออฺทรงพอพระทัยแก่เขาอย่างยิ่ง พระองค์ทรงตรัสในอัลกุรอานว่า

“ ความสันติสุขประสบกับเขาทั้งในวันที่เขาเกิดจนกระทั่งวันตาย  และความสันติสุขจะประสบกับเขาในวันที่เขากลับมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ”

ใครก็ตามที่กระทำความดี  และยำเกรงต่ออัลลอฮฺเช่นเดียวกับท่านนบียะฮฺยา  อัลลอฮฺจะทรงประทานชีวิตที่สุขสงบกับเขาอย่างแน่นอน


ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนบียะฮฺยา

-  พระองค์อัลลอฮฺทรงส่งนบียะฮฺยาลงมาเพื่อยืนยันว่า  นบีอีซาจะเกิดขึ้นจากมารดาของท่านด้วยประกาศิตของอัลลอฮฺที่ว่า  كـن    ( จงเป็นขึ้น )  แล้วนบีอีซาก็เกิดมาโดยปราศจากบิดา

-  นบียะฮฺยาได้อุทิศชีวิตเพื่อพระองค์อัลลอฮฺ  เขาถูกฆ่าตายโดย เฮโรโตส ผู้ปกครองปาเลสไตน์
 


อ้างอิงข้อมูล : อ.ฟาดิ้ล วันเอเลาะ ( นิตยสารมุสลิมออนไลน์ )

[al-azhary]

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

เวลาว่าง ๆ  ได้อ่านกระทู้นี้  ก็เพลินดีครับ  เมื่อรู้จักชื่อบรรดาร่อซูล  (อะลัยฮิมุสลาม)  ก็สมควรรู้ประวัติของพวกเขาด้วยเช่นกัน 

ติดหมุดให้ครับ 

والسلام

[โอเลี้ยงสิบบาท]

เสนอให้ครบ  25 ท่านเลยดิ  รวมไว้  เวลาเสิร์ชหา  จะได้หาง่ายๆที่นี่แหละ   
( ป.ล. ยังขอเป็นอ่านเหมือนเดิม    )

[Park Smart]

อัสสลามมูอาลัยกุม

อยากรู้เรื่องราวของท่านนบีอัยยูยบอ่าครับ

พอดีมีรุ่นน้องขอช่วยจะทำส่งงานอ.ครับ

ยาซากัลลอฮล่วงหน้าก็แล้วกันนะครับ

วัสสลาม

[กูปีเยาะฮฺสะอื้น]

แปะไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาเพิ่มหยักในสมอง
เพิ่งเปิดอ่านครั้งแรก

[binti]

 1 ปี ผ่านไป  ยังไม่มีใครมาต่อเลย

อยากอ่านต่ออ่ะ

[Bangmud]

 salam

เอาหนังสือมาเป็นกำลังใจและความหวังก่อนครับ เดี๋ยวจะคัดลอกและนำเสนอเรื่องของนะบียฺต่าง ๆ ที่มีในกุรฺอาน

[nada-yoru]

^
^

วะอะลัยกุมมุสลาม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

 

v
v
v

 

วัสลามค่ะ

[Bangmud]

 salam

ขอเริ่มประวัตินบีอัยยูบไว้สั้น ๆ ก่อนนะครับ อินชาอัลลอฮฺ พรุ่งนี้จะมาต่อให้ (ข้อความเอามาจากหนังสือ "เรื่องราวของบรรดานบี" โดย อิมาม อิบนุกะซีร แปลโดย บรรจง บินกาซัน)

ตัวอายะฮฺกุรอานนั้นแถมให้ นอกเหนือจากคำแปลที่มีในหนังสือ

อิบนุอิสหากได้กล่าวว่า นบีอัยยูบเป็นชาวโรม ชื่อของเขาคือโยป อิบนุโมส อิบนุราเซห์ อิบนุอีเซา อิบนุอิสฮาก อิบนุอิบรอฮีม
แต่ก็มีบางคนกล่าวว่า เขาคือ โยป อิบนุโมส อิบนุรีมิล อิบนุอีเซา อิบนุอิสฮาก อิบนุยะกู๊บ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีรายงานอื่น ๆ
เกี่ยวกับเชื้อสายของเขาด้วย อิบนุอะซากิรฺได้เล่าว่า แม่ของเขาคือลูกสาวของนบีลูฏ และก็มีคนกล่าวเช่นเดียวกันว่า พ่อของเขา
คือผู้ที่มีความศรัทธาในนบีอิบรอฮีมเมื่อตอนที่ท่านได้ถูกโยนเข้าไปในกองไฟ
   ความเห็นแรก เป็นที่ยอมรับได้มากที่สุด เพราะเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของนบีอิบรอฮีมดังที่อัลลอฮฺได้ประกาศไว้ว่า


“และนี่คือข้อพิสูจน์ของเราที่เราได้ประทานแก่อิบรอฮีมต่อประชาชนของเขา เรายกผู้ที่เราประสงค์ขึ้นยังตำแหน่งหลายชั้น แท้จริง
พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้


และได้ประทานลูกหลานแก่เขา เช่น อิสฮาก ยะกู๊บ และเราได้นำทางพวกเขาทุกคนเช่นเดียวกับที่เราได้นำนูฮฺมาก่อนหน้าพวกเขา
และจากวงศ์วานของเขา ได้แก่ ดาวูด สุลัยมาน อัยยูบ ยูซุฟ มูซาและฮารูน เราก็ได้นำทางด้วยเช่นกัน และในทำนองนี้เอง
เราได้ตอบแทนผู้ทำความดี”                 (กุรอาน 6:83-84)

   อัลลอฮฺได้ทรงยกย่องอัยยูบไว้ในคัมภีร์อัลกุรฺอานว่า


   “เราพบว่าเขาเป็นผู้อดทน เป็นบ่าวผู้ประเสริฐที่หันไปยังพระผู้อภิบาลของเขาในการสำนึกผิดเสมอ” [/size](กุรอาน 38:44)
   อัยยูบเป็นผู้ที่มีความสำนึกผิด นึกถึงอัลลอฮฺด้วยความขอบคุณ อดทนและแน่วแน่ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขา
ได้รับความช่วยเหลือและเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺทรงยกย่องเขา

เอามาเล่าให้เต็มเรื่องในหนังสือเลยแล้วกัน ถ้าประวัตินบีท่านไหนยาว ๆ ถึงจะใช้ย่อเอา

วัสสลาม

[Bangmud]

 salam

นำประวัตินะบียฺ อัยยูบ อะลัยอิสสลาม มาเสนอต่อครับ

    มลาอิกะฮฺกลุ่มหนึ่งได้พูดคุยกันถึงเรื่องมนุษย์ว่าคนที่ถ่อมตนจะได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ในขณะที่คนโอหังจะได้รับความไม่พอพระทัยจากพระองค์ มลาอิกะฮฺท่าน¹หนึ่งได้กล่าวว่า “มนุษย์ที่ดีที่สุดบนโลกคืออัยยูบ มนุษย์ผู้มีลักษณะอันสูงส่ง มีความอดทนเป็นเลิศและมักจะนึกถึงพระเจ้าผู้ทรงเมตตาปรานีของเขาเสมอ เขาเป็นแบบอย่างอันเลอเลิศสำหรับผู้เคารพภักดีอัลลอฮฺ ดังนั้น พระผู้อภิบาลของเขาจึงได้ประทานชีวิตอันยืนยาวและมั่งคั่งเป็นการตอบแทน แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่เคยทะนงตนหรือเห็นแก่ตัว ครอบครัวของเขา บ่าวของเขารวมทั้งคนขัดสน จะมีส่วนในความโชคดีของเขาทั้งสิ้น เขาเลี้ยงอาหารและให้เสื้อผ้าแก่คนยากจนและซื้อทาสมาปล่อยให้เป็นอิสระ เขาทำให้คนที่รับทานของเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นหนี้เขาและเขาเป็นคนใจดี”
   เมื่ออิบลีสได้ยินเช่นนี้ มันก็เริ่มไม่ชอบ มันวางแผนที่จะล่อลวงอัยยูบไปสู่ความเสื่อมเสียและการปฏิเสธ ดังนั้นมันจึงรีบไปหาเขา มันพยายามที่จะดึงอัยยูบออกมาจากการนมาซโดยการกระซิบกระซาบเขาในเรื่องสิ่งดี ๆ ในชีวิต แต่อัยยูบเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงและไม่ยอมปล่อยให้ความคิดชั่ว ๆ มาเย้ายวนเขา ซึ่งทำให้อิบลีสไม่พอใจและเกลียดอัยยูบมากยิ่งขึ้นไปอีก
   อิบลีสได้บ่นกับอัลลอฮฺในเรื่องของอัยยูบ มันกล่าวว่าถึงแม้เขาจะสดุดีอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา เขาก็ไม่ได้ทำออกมาจากความจริงใจ แต่ทำเพื่อเอาใจอัลลอฮฺ เพื่อที่ทรัพย์สินของเขาจะได้ไม่หมดไป ทั้งหมดที่ทำไปล้วนเพื่อเป็นการเอาหน้าและทำออกมาจากความโลภทั้งสิ้น “ถ้าพระองค์ให้ทรัพย์สินของเขาหมดไป พระองค์ก็จะพบว่าเขาจะไม่เอ่ยนามของพระองค์อีกและเขาจะหยุดเคารพสักการะพระองค์”
   อัลลอฮฺได้บอกอิบลีสว่า อัยยูบเป็นผู้ภักดีที่จริงใจที่สุดของพระองค์ เขาไม่ได้เคารพสักการะพระองค์เพราะต้องการจะเอาใจ แต่การเคารพสักการะของเขาออกมาจากหัวใจของเขาและไม่มีเรื่องวัตถุเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เพื่อที่จะพิสูจน์ให้อิบลีสเห็นถึงความจริงใจและความอดทนของอัยยูบ อัลลอฮฺได้มอบให้อิบลีสทำอะไรก็ได้ที่มันและผู้ช่วยเหลือมันต้องการจะทำกับทรัพย์สินของอัยยูบ
   อิบลีสดีใจเมื่อได้รับอนุญาตเช่นนั้น มันรวบรวมพรรคพวกของมันและออกทำลายปศุสัตว์ คนใช้และไร่นาของอัยยูบจนกระทั่งเขาไม่มีอะไรเหลือ หลังจากนั้น อิบลีสก็ปรากฏโฉมออกมาในคราบของชายชราเจ้าปัญญาคนหนึ่งและกล่าวกับเขาว่า “ทรัพย์สินของเจ้าสูญสิ้นไปหมดแล้ว มีคนกล่าวว่าเจ้ากำลังเสียเวลาอยู่กับการวิงวอนต่ออัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา บางคนก็กล่าวว่าอัลลอฮฺได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้าเพื่อที่จะเอาใจศัตรูของเจ้า ถ้าหากอัลลอฮฺมีความสามารถที่จะป้องกันอันตรายได้แล้ว พระองค์ก็น่าจะคุ้มครองทรัพย์สินของเจ้า”
   อัยยูบได้ตอบไปด้วยความเชื่อมั่นของเขาว่า “สิ่งที่อัลลอฮฺเอาไปจากฉันก็เป็นของพระองค์ ฉันเป็นแค่เพียงผู้ดูแลชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น พระองค์ทรงให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และเอากลับจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เช่นกัน” หลังจากกล่าวจบแล้วอัยยูบก็ก้มลงกราบพระเจ้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
   เมื่ออิบลีสเห็นเช่นนั้น มันก็รู้สึกผิดหวัง ดังนั้น มันจึงได้กล่าวกับอัลลอฮฺว่า : “ฉันจัดการทรัพย์สินของอัยยูบเสียจนเกลี้ยงแล้ว แต่เขาก็ยังคงกตัญญูรู้คุณต่อพระองค์อยู่ อย่างไรก็ตาม เขาก็เพียงแต่ปิดบังความผิดหวังของเขาไว้เท่านั้น เพราะเขายังมีลูกอีกหลายคน การทดสอบพ่ออย่างแท้จริงก็ต้องอาศัยลูกของเขา แล้วพระองค์จะได้เห็นว่าอัยยูบปฏิเสธพระองค์อย่างไร?”
   อัลลอฮฺได้ให้อำนาจอิบลีสอีก แต่พระองค์ได้ทรงเตือนว่า มันไม่มีทางทำให้ความศรัทธาในพระเจ้าและความอดทนของอัยยูบลดลงได้
   ดังนั้น อิบลีสจึงได้รวบรวมพรรคพวกของมันอีกครั้งหนึ่งและเริ่มแผนการชัวร้ายของมัน มันเขย่ารากฐานของบ้านที่ลูก ๆ ของอัยยูบอาศัยอยู่จนบ้านพังและคนในบ้านเสียชีวิตหมด หลังจากนั้น มันก็ไปหาอัยยูบอีกในคราบของคนผู้หนึ่งซึ่งเห็นใจเขา มันพูดกับอัยยูบด้วยเสียงที่ปลอบโยนว่า “น่าเศร้ามากที่ลูก ๆ ของท่านต้องมาตายในสภาพเช่นนี้ แน่นอนเหลือเกินว่า พระเจ้าของท่านไม่ได้ตอบแทนการเคารพสักการะของท่านอย่างเหมาะสม” เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว อิบลีสก็คอยด้วยความกระวนกระวายใคร่รู้โดยหวังว่า ตอนนี้ อัยยูบคงจะปฏิเสธอัลลอฮฺแล้ว
   แต่อัยยูบก็ทำให้มันต้องผิดหวังอีกครั้งหนึ่งโดยเขาได้กล่าวว่า “บางครั้งอัลลอฮฺก็ให้ บางครั้งพระองค์ก็เอากลับ บางครั้งพระองค์ก็พอพระทัยการกระทำของเรา บางครั้งก็ไม่พอพระทัย สิ่งใดก็ตามที่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายต่อฉัน ฉันจะยังมั่นคงในความเชื่อมั่นของฉันและยังกตัญญูต่อพระผู้สร้างฉัน” กล่าวจบ อัยยูบก็ก้มกราบพระผู้อภิบาลของเขา ดังนั้น อิบลีสจึงรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก
   หลังจากนั้น อิบลีสก็กล่าวกับอัลลอฮฺอีกว่า “พระเจ้าของฉัน ทรัพย์สินของอัยยูบก็สูญสิ้นไปหมดแล้ว ลูก ๆ ของเขาก็ตายหมดเช่นกัน แต่เขายังเป็นคนที่มีสุขภาพดี เขาก็ยังคงจะสักการะพระองค์ต่อไปโดยหวังว่าจะมีสุขภาพดีและมีลูกมากขึ้น ขอให้ฉันมีอนาจเหนือร่างกายของเขาด้วยเถิด เพื่อที่ว่าฉันจะทำให้สุขภาพของเขาอ่อนแอ แล้วเขาจะเลิกเคารพสักการะพระองค์และจะกลายเป็นผู้ไม่เชื่อฟัง”
   อัลลอฮฺต้องการที่จะสอนบทเรียนอิบลีสว่าอัยยูบเป็นบ่าวที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าของเขา ดังนั้น พระองค์จึงได้ตอบคำขอครั้งที่สามของมัน แต่ได้วางเงื่อนไขว่า “ฉันจะให้เจ้ามีอำนาจเหนือร่างกายของเขา แต่ไม่มีอำนาจเหนือจิตใจ สติปัญญาหรือหัวใจของเขา เพราะในสิ่งดังกล่าวนี้ มีความรู้ในเรื่องฉันและศาสนาของฉันอยู่”
   เมื่อได้รับอำนาจใหม่ อิบลีสก็เริ่มโจมตีร่างกายของอัยยูบด้วยโรคภัยไข้เจ็บจนกระทั่งร่างกายของเขาซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก และได้รับความเจ็บปวดอย่างหนัก แต่ถึงแม้จะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างไรก็ตาม อัยยูบก็ยังมั่นคงในความศรัทธาของเขาด้วยความอดทนโดยไม่ปริปากบ่น บ่าวผู้ยำเกรงของอัลลอฮฺจะไม่ท้อแท้สิ้นหวังหือหันไปขอความช่วยเหลือต่อผู้ใดนอกไปจากยังคงหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ ในขณะที่อัยยูบเจ็บป่วยอยู่นั้น แม้แต่ญาติใกล้ชิดของเขาก็ยังทิ้งเขาไป มีแต่ภรรยาที่น่ารักและซื่อสัตย์ของเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่กับเขา ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์นี้นางได้แสดงความรัก ความเมตตาต่อเขาและคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี นางเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขและผู้ปลอบโยนเพียงคนเดียวของเขาตลอดระยะเวลาแห่งความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย
   อิบนุอะซากิรฺ เล่าว่า “อัยยูบเป็นคนที่มีทรัพย์สินมากมายทุกอย่าง ไม่ว่า สัตว์ ทาส แกะ ที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลและลูก แต่สิ่งเหล่านี้ได้หมดไปจากเขาและเขาก็ได้รับความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายด้วย ไม่มีอวัยวะส่วนใดที่ไม่ได้รับความเจ็บป่วย นอกจากหัวใจและลิ้นของเขาที่เขาใช้มันไปในการสดุดีอัลลอฮฺตลอดทั้งวันทั้งคืน เขาเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายเป็นเวลานานจนกระทั่งผู้มาเยี่ยมเขารู้สึกรังเกียจ เพื่อน ๆ ของเขาหลายคนหนีออกไปจากเขาและหลังจากนั้นก็ไม่มาหาเขาอีก ไม่มีใครเห็นใจเขานอกจากภรรยาของเขา นางดูแลเขาเป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยดูแลนางมาเป็นอย่างดีเช่นกัน”


1. ในต้นฉบับใช้คำว่า องค์ แต่เห็นว่า ใช้คำว่า ท่าน จะเหมาะสมกว่า

[Bangmud]

 salam

    ดังนั้น อิบลีสจึงผิดหวัง มันปรึกษากับพรรคพวกของมัน แต่พรรคพวกของมันก็ไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรได้ พวกมันถามว่า “เป็นไปได้อย่างไรกันซิที่ความฉลาดของท่านไม่สามารถทำอะไรอัยยูบได้ทั้ง ๆ ที่ท่านประสบความสำเร็จในการล่อลวงอาดัมบิดาของมนุษย์ออกมาจากสวรรค์ ?”
   อิบลีสได้ไปหาภรรยาของอัยยูบในรูปของมนุษย์และถามว่า “สามีของเธออยู่ที่ไหน ?”
   นางได้ชี้ไปยังร่างที่เกือบไร้ชีวิตที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงและกล่าวว่า “เขาอยู่นั่นไง เป็นตายเท่ากัน”
   อิบลีสได้ย้อนความจำของเธอไปในวันที่อัยยูบมีสุขภาพดี มีความมั่งคั่งและมีลูกหลานมากมาย ทันใดนั้นความทรงจำอันเจ็บปวดจากความทุกข์ทรมานมาหลายปีก็กลับมาครอบงำเธอจนเธอระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาพร้อมกับน้ำตานองหน้า เธอได้กล่าวกับอัยยูบว่า “ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานจากพระเจ้าไปอีกนานแค่ไหนซิ ?” เราจะต้องอยู่โดยไม่มีทรัพย์สิน ลูกหรือเพื่อนตลอดไปกระนั้นหรือ ?” ทำไมท่านไม่วิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ขจัดความทุกข์ทรมานนี้ไปเสียที ?”
   อัยยูบถอนหายใจและตอบนางด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า “อิบลีสต้องกระซิบและทำให้เธอไม่พอใจเป็นแน่ บอกฉันหน่อยซิว่าฉันมีสุขภาพที่ดีและมีความมั่งคั่งมาเป็นเวลากี่ปี ?”
   “แปดสิบปี” เธอตอบ
   “แล้วฉันทุกข์ทรมานมาเช่นนี้เป็นเวลากี่ปี ?” อัยยูบถาม
   “เจ็ดปี” เธอตอบ
   ดังนั้น อัยยูบจึงบอกเธอว่า “นั่นแหละที่ฉันละอายใจที่จะวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ช่วยขจัดความทุกข์ยากออกไปจากฉัน เพราะช่วงเวลาที่ฉันทุกข์ทรมานนั้น ยังไม่เกินกว่าเวลาที่ฉันมีสุขภาพดีและมีทรัพย์สินมั่งคั่งเลย ดูเหมือนว่าความศรัทธาของเธอจะอ่อนแอแล้ว เธอไมพอใจกับชะตากรรมที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดให้ ถ้าหากฉันมีสุขภาพดีอีกครั้งหนึ่ง ฉันสาบานว่าจะลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยน 100 ที นับแต่วันนีไป ฉันจะไม่กินหรือดื่มอะไรจากมือของเธออีก ปล่อยฉันไว้ตามลำพังและให้พระเจ้าทำกับฉันตามที่พระองค์ทรงพึงพระทัย”
   เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภรรยาของอัยยูบก็ร้องไห้ออกมาด้วยความขมขื่น นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทิ้งเขาไปและไปหาที่อื่นพักพิง เมื่ออยู่ในสภาพที่สิ้นไร้ไม้ตอกเช่นนั้น อัยยูบได้หันไปยังอัลลอฮฺ ไม่ใช่เพื่อโอดครวญ แต่เพื่อขอความเมตตาจากพระองค์ :

   
   “และอัยยูบ เมื่อเขาได้ร้องเรียนต่อองค์อภิบาลของเขาว่า ฉันได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ และพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดในบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย
   เราได้ยินคำวิงวอนของเขาและได้ปลดเปลื้องความทรมานไปจากเขาและเราได้ให้ครอบครัวของเขากลับคืนไปยังเขาและมากไปกว่านั้นอีก ในฐานะเป็นความเมตตาจากเรา ทั้งที่เพื่อที่มันจะได้เป็นข้อตักเตือนต่อบรรดาผู้เคารพภักดีเรา” กุรอาน(21:83-84)
   อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวถึงอัยยูบว่า :



   “จงนึกถึงเรื่องของอัยยูบบ่าวของเราเมื่อเขาวิงวอนว่าต่อพระผู้อภิบาลของเขา โดยกล่าวว่า “มารร้ายชัยฏอนได้ทำให้ฉันได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนและความทรมาน” เราจึงกล่าวแก่เขาว่าจงกระทืบเท้าของเจ้าบนแผ่นดิน นี่คือน้ำเย็นสำหรับอาบและดื่ม” และเราได้นำครอบครัวของเขากลับมายังเขาและที่มาพร้อมกับพวกเขามากไปกว่านั้นอีกในฐานะที่เป็นความเมตตาจากเราและเป็นข้อตักเตือนสำหรับคนที่มีความเข้าใจ”                                               (กุรอาน38 : 41-43)
   อัยยูบทำตามที่อัลลฮฺบัญชาทันที และสุขภาพของเขาก็ดีขึ้นเกือบภายในทันที ขณะเดียวกัน ภรรยาผู้ศรัทธาของเขาก็ไม่สามารถทนได้ที่ทิ้งเขาไป ดังนั้น นางจึงได้กลับมาหาเขาและขออภัยต่อเขาโดยคิดที่จะรับใช้เขาต่อไป เมื่อเข้ามาในบ้าน นางประหลาดใจมากที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน อัยยูบหายเจ็บไข้ได้ป่วยและมีสุขภาพดีอีกครั้งหนึ่ง นางได้สวมกอดเขาและขอบคุณอัลลอฮฺสำหรับความเมตตาของพระองค์
   แต่ตอนนี้อัยยูบกลับรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยสาบานว่าจะลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนเธอ 100 ที ถ้าเขาหายดี แต่เขาไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด เขารู้ว่าถ้าหากเขาไม่ทำตามคำสาบาน เขาจะต้องมีความผิดที่ทำลายสัญญากับอัลลอฮฺด้วยเช่นกัน ดังนั้น ด้วยความปรีชาญาณและความเมตตาของอัลลอฮฺ พระองค์ได้ทรงช่วยเหลือบ่าวผู้ศรัทธาของพระองค์ด้วยการให้คำแนะนำว่า :
 
   “และจงเอาฟางหญ้ามากำมือหนึ่งแล้วใช้มันฟาดลงไป จงอย่าทำลายคำสาบานของเจ้า” แน่นอนเจ้าพบว่าเป็นผู้อดทน เป็นบ่าวผู้ประเสริฐที่หันไปยังผู้อภิบาลของเขาเสมอ”   (กุรอาน 38:44)
    อบูฮุร็อยเราะฮฺได้เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า : ขณะที่อัยยูบถอดเสื้อผ้าอาบน้ำอยู่นั้น ตั๊กแตนสีทองฝูงหนึ่งได้มารุมตอมตัวเขาและเขาได้จับมันเก็บไว้ในเสื้อผ้าของเขา อัลลอฮฺได้เรียกเขาและกล่าวว่า อัยยูบเอ๋ย ฉันไม่ได้ทำให้เจ้ามั่งคั่งเกินกว่าที่จะต้องการสิ่งที่เจ้ามองเห็นกระนั้นหรือ ?” เขาได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาล ใช่แล้ว แต่ข้าพระองค์ไม่สามารุปัดความโปรดปรานของพระองค์ได้” บันทึกโดย บุคอรี

จบตอนนะบียฺ อัยยูบ อะลัยฮิสสลาม  เรื่องนี้ให้อะไรผมเยอะ พี่น้องได้ข้อคิดอะไรบ้าง ลองนำเสนอดูครับ

วัสสลาม

[nada-yoru]

salam

หลังจากนั้น อิบลีสก็ปรากฏโฉมออกมาในคราบของชายชราเจ้าปัญญาคนหนึ่ง
และกล่าวกับเขาว่า

“ทรัพย์สินของเจ้าสูญสิ้นไปหมดแล้ว
มีคนกล่าวว่าเจ้ากำลังเสียเวลาอยู่กับการวิงวอนต่ออัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา
บางคนก็กล่าวว่าอัลลอฮฺได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้าเพื่อที่จะเอาใจศัตรูของเจ้า
ถ้าหากอัลลอฮฺมีความสามารถที่จะป้องกันอันตรายได้แล้ว
พระองค์ก็น่าจะคุ้มครองทรัพย์สินของเจ้า”

   อัยยูบได้ตอบไปด้วยความเชื่อมั่นของเขาว่า

“สิ่งที่อัลลอฮฺเอาไปจากฉันก็เป็นของพระองค์
ฉันเป็นแค่เพียงผู้ดูแลชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
พระองค์ทรงให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และเอากลับจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เช่นกัน”



หลังจากนั้น มันก็ไปหาอัยยูบอีกในคราบของคนผู้หนึ่งซึ่งเห็นใจเขา
มันพูดกับอัยยูบด้วยเสียงที่ปลอบโยนว่า

“น่าเศร้ามากที่ลูก ๆ ของท่านต้องมาตายในสภาพเช่นนี้
แน่นอนเหลือเกินว่า พระเจ้าของท่านไม่ได้ตอบแทนการเคารพสักการะของท่าน
อย่างเหมาะสม”

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว อิบลีสก็คอยด้วยความกระวนกระวายใคร่รู้โดยหวังว่า
ตอนนี้ อัยยูบคงจะปฏิเสธอัลลอฮฺแล้ว

   แต่อัยยูบก็ทำให้มันต้องผิดหวังอีกครั้งหนึ่งโดยเขาได้กล่าวว่า

“บางครั้งอัลลอฮฺก็ให้ บางครั้งพระองค์ก็เอากลับ
บางครั้งพระองค์ก็พอพระทัยการกระทำของเรา
บางครั้งก็ไม่พอพระทัย
สิ่งใดก็ตามที่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายต่อฉัน
ฉันจะยังมั่นคงในความเชื่อมั่นของฉันและยังกตัญญูต่อพระผู้สร้างฉัน”


   

วะอะลัยกุมมุสลาม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

ขอบคุณผู้นำเสนอค่ะ...

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนค่ะ...


อ่านเรื่องนบีอัยยูบแล้วซึ้งค่ะ...บททดสอบถึงความศรัทธามั่นนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน...
ไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สิน ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย สุขภาพ และคู่ยาก...

เคยคิดนะคะว่า วันนึงอยู่ๆหากเราไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง
อย่างนบีอัยยูบ ตัวเองจะเป็นเช่นไร จะอดทนไหวหรือเปล่า...
จะยังมั่นคงในศรัทธาอย่างนบีอัยยูบหรือไม่...


อินชาอัลลอฮฺ วัลลอฮุอะลัม

เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตในดุนยา
และทำให้รู้ว่า เราต้องไม่หมดหวังในความเมตตาอันกว้างขวาง
และยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺผู้สร้าง...ผู้ทรงรอบรู้ทั้งด้านหลังและด้านหน้า...

ปล.เคยมีช่วงหนึ่งของชีวิต ที่รู้สึกว่าไม่ว่าจะใช้จ่่ายยังไง
ก็ไม่มีทางที่เงินและทรัพย์ที่มีจะหมดไปได้...
เราไม่มีทางเป็นหนี้ได้หรอก...เพราะมองไม่เห็นว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง...
เราวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างรอบคอบแล้ว...
ร่างกายที่แข็งแรง เพราะเราพยายามดูแลอย่างดี ไม่น่าจะมีอะไร
มาทำให้มันชำรุดลงได้...เพราะเราระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา...
เพืื่อนผองที่คบมา เรารักกันดี เราสนุกสนาน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาหลายครา
จะเป็นไปได้ยังไงที่เพื่อนผองจะรังเกียจเราได้...
และแล้ว มันก็เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงได้ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ...
แต่เราจะขอยังรอแสงแห่งความเมตตาจากผู้สร้างด้วยแสงแห่งความหวัง...
แม้บางเรื่องที่เข้ามาจู่โจม เราจะไม่ทันตั้งตัว
ไม่ทันได้ตระเตรียมกายและใจเอาไว้
แต่เราต้องเรียนรู้และยอมรับมัน...ด้วยใจจริง...และอดทน...ซอบัรฺ
เดี๋ยวมันก็ผ่่านไป...มากสุดก็แค่ตาย...

ทนไม่ได้ แต่ถ้าทนได้ คือความอดทน

วัสลามุอะลัยกุม


 

[nada-yoru]

 salam

รอหนูรอแชอยู่ แต่ไม่รู้แชอยู่หนใด
แชจะมา แชจะมาเมื่อไหร่
แชจะมา แชจะมาเมื่อไหร่
หนูยังรอความรู้จากแช...

รอจนกว่าแชจะมาต่อให้ค่ะ...นานแค่ไหนก็รอค่ะ
(จริงๆก็เหมือนตั้งใจจะเข้ามาทวงอยู่กลายๆ)
 

วัสลามค่ะ