ผู้เขียน หัวข้อ: การซอละวาต พร้อมกันทุกคน ในทุกเวลา ได้หรือไม่ ?  (อ่าน 3426 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด

การซอละวาต พร้อมกันทุกคน ในทุกเวลานั้นได้หรือไม่ ?

ในส่วนเรื่องนี้กลับขัดต่อการให้ความเห็นของตัวบุคคลหนึ่งในอีกทรรศนะหนึ่งโดยสิ้นเชิง
กล่าวคือ
การซอละวาตนั้น มีฮะดีสมากมายหลายบทกล่าวอ้าง
แต่ พวกเขาเหล่านั้นกลับอ้างว่า แต่ไม่มีการกล่าวหลังทำละหมาด จึงเป็นบิดอะ

หากแต่สอบถามไปว่า เมื่อเราเดินๆ อยู่ หรือนั่งเฉยๆ เราจะกล่าวซอละวาตได้หรือไม่ ?
แนวนอนการซอละวาตเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นจึงถือว่าได้

ดังนั้น ไฉนเลย การกล่าวซอละวาตหลังละหมาดก็ดี การศอดอกัลลอฮฺ ก็ดีกลับเป็นบิดอะ ไปเสียได้ ?

------------------------------------------------------------------------


"บุคคลใดที่เศาะละวาตนบีหนึ่งครั้ง พระองค์อัลลอฮฺทรงอวยพรให้แก่เขาสิบครั้ง" (บันทึกโดยมุสลิม,

อบูดาวูด และติรฺมิซีย์)

กับอีกท่อนนึง

การเศาะละวาตหลังนมาซฟัรฺฎูทุกครั้งพร้อมๆ กัน หรือการรวมตัวกันเศาะละวาตพร้อมๆ กันในวาระใดก็

ตาม ถือว่าเป็นการทำบิดอะฮฺ ( بدعة ) ทั้งสิ้น, ส่วนที่ถามว่ามีหลักฐานให้กระทำหรือไม่นั้น คำตอบคือ
การเศาะละวาตหลังนมาซฟัรฺฎูพร้อมๆ กันไม่มีหลักฐานนั่นแหละครับที่เราไม่สามารถกระทำได้ เพราะใน

เรื่องของบทบัญญัติของศาสนา หากไม่มีหลักฐานบ่งชี้ให้กระทำก็ไม่อนุญาตให้เรากระทำนั่นเอง เช่นนั้น

จึงวาญิบสำหรับมุสลิมทุกคนจะต้องออกห่างจากการทำบิดอะฮฺ

------------------------------------------------------------------------

วัสลาม

ออฟไลน์ นายส้มปาก

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 11
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สำหรับ คณะใหม่หรือกมมุดอแถวบ้านผมนั้น เขาถือว่า สิ่งใดที่ท่านบีไม่ทำประจำ สิ่งนั้นเป็นบิดอะครับ

ฉนั้น..กมมูดอนั้นละหมาดเส็จบางคนเขาก็ออกไป ..บางคนก็ขอดุอาโดยทำปากมุบมิบแต่ ไม่ยกมือ  และก็ไม่มีซอลาวาตใดๆ.

แต่สำหรับคณะเก่านั้นมีการขอเป็นวงและเป้นกลุ่ม อีหม่ามจะนำการขอและจะกล่าวดังๆให้มะมูมได้ยิน และกล่าวพร้อมๆกันวา อามีน..ยาอัลลอฮ์

ซึ่งขอเส็ดก็มีการวอลาวาตนะบี  เพราะท่านรอซุ้ลกล่าวว่าดุอาที่ถูกตอบรับนั้นคือดุอามที่ซอลาวาตต่อ นบีของท่าน..

ก็ไม่รู้ว่า กมมูดอมีหลักฐานอย่างไรที่ห้ามยกมือ..

เคยไปดูที่เวปมุรีด  เห็นคุณไออาเอฟและลุกศิษย์ของอ.มุรีด   บอกว่าสิ่งไหนที่นบีไม่ทำประจำห้ามกระทำ และมันเป้นบิดอะ  ผมดูแล้วก็งงครับ เวปกมมูดอเวปนี้..

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ครับ

เพราะว่า เขายังเคย ฟัตวา ว่า เนื่องจาก เนื้อสุกร นั้น ไม่มีตัวบทหลักฐานที่แน่นอน

ดังนั้น หากใครล้าง รอยสุกร ออก ( เช่น เปื้อนเนื่องจากถูกเนื้อสุกร เป็นต้น )

ให้ล้างน้ำธรรมดาเท่านั้น โดยยกให้เป็น นะยิส ประเภทที่ 2 คือ มู่ตาวะสิเตาะ (นะยิสปานกลาง) ซึ่งก็เป็นไปได้ตามแต่ละทรรศนะ

แต่สุดท้ายที่ดูจะผิดแผลกคือ การกล่าวต่อว่า หากล้าง 7 น้ำ นั้นถือว่า บาป



วัสลาม...

ออฟไลน์ salahudin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 46
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อืม.................. นั่งรถยนตร์ เครื่องบิน ดูทีวี ฟังวิทยุ ใส่นาฬิกา ใช้โทรศัพท์ ตายล่ะหว่า................................ บิดอะฮฺทั้งน้านนนนนนนน
                นบีไม่เคยทำเลยนะเนี้ย................รึไม่จริง
                 ศาสนาเปิดกว้างแต่ทำไมชอบทำให้เเคบ...... แบบมักง่าย

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เกินไปครับคุณ เรื่อง ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา หรือการทำอิบาดะ ไม่ถือเป็นบิดอะ อยู่แล้วครับ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ขุดเพื่อให้ตอบ

ว่า ซอละวาตนบี

พร้อมกันหลังอา ดุอา ทำได้หรือไม่

คำอ่าน

"ซอลลัลลอฮุอะลา มุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัย วะซัลลัม ........ "

ออฟไลน์ salahudin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 46
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ตกลงว่างัยเนี่ย

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ขุดเพื่อให้ตอบ

ว่า ซอละวาตนบี  พร้อมกันหลังอา ดุอา ทำได้หรือไม่  คำอ่าน "ซอลลัลลอฮุอะลา มุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัย วะซัลลัม ........ "

ทำไมจะทำไม่ได้ละครับ  ในเมื่ออัลกุรอาน ระบุไว้ว่า

يا أيها الذين أمنوا صلوا عليه وسلموا تسليما

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย  พวกเจ้าจงทำการซ่อลาวาตต่อเขา(ท่านนบี)และจงกล่าวสลามอย่างแท้จริง"

อายะฮ์นี้  ใช้คำว่า صلوا  "พวกท่านจงซ่อลาวาต"  ซึ่งอยู่ในรูปของพหูพจน์  ทำซ่อลาวาตกันหลายคน  ซึ่งการซ่อลาวาตนี้  อยู่ในรูปของ มุฏลัก ( مطلق ) ความหมายแบบกว้าง ๆ  คือ ใช้ให้ซ่อละวาตโดยมีคำสั่งใช้แบบกว้าง ๆ และคงดำเนินอยู่ในรูปกว้าง ๆ นี้  ดังนั้น ผู้ใดอ้างว่า การซ่อลาวาตในรูปแบบญะมาอะฮ์ เป็นสิ่งที่ต้องห้าม  ก็ต้องมีหลักฐานมาระบุจำกัดเจาะจง ( مقيد )  ดังนั้น ถ้าหากไม่มีหลักฐานมาระบุจำกัด  แน่นอนว่า หลักฐานอัลกุรอาน  ก็จะคงดำเนินอยู่ในความหมายแบบ  มุฏลัก ( مطلق )  ผู้ใดที่ทำการอ้างฮะรอมบิดอะฮ์โดยไม่มีหลักฐานมาระบุ  เขาย่อมอุตริกรรมฮุกุ่มขึ้นมา  วัลลอฮุอะลัม 

 

GoogleTagged