بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
อนุญาตให้ทำการละหมาดญะมาอะฮ์ครั้งที่สองได้ครับ
ท่านอบูดาวูด ได้รายงาน จากอบู สะอีด ได้รายงานว่า "มีชายคนหนึ่งเข้ามา ในขณะที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดเสร็จแล้ว ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ผู้ใดประสงค์จะได้รับผลบุญจากการเศาะดะเกาะฮฺในเรื่องนี้ แล้วก็มีชายคนหนึ่ง(ท่านอบูบักร)ลุกขึ้นไปร่วมละหมาดกับชายคนแรก" รายงานโดยอบูดาวูด สุนันอบูดาวูด 1/157
ท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ ได้รายงานจาก อบูสะอีด อัลคุดรีย์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขากล่าวว่า มีชายคนหนึ่งได้เข้ามา ในขณะที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดเสร็จแล้ว ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ผู้ใดประสงค์ที่จะทำการค้ากำไรกับผู้ชายคนนี้บ้าง? แล้วมีชายคนหนึ่งลุกขึ้นร่วมละหมาดพร้อมกับเขา" อัซสุนัน อัลกุบรอ 3/69 - 70
จากนั้น ท่านอัลบัยฮะกีย์ รายงานจากท่าน อัลอะซัน ความว่า "...ดังนั้นท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้ทำการละหมาดพร้อมกับเขา ทั้งที่ท่านได้ทำการละหมาดพร้อมกับนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรียบร้อยแล้ว" อัซสุนัน อัลกุบรอ 3/70
จากฮะดิษดังกล่าว ถือว่าอนุญาตให้ทำการละหมาดญะมาอะฮ์หลังจากละหมาดญะมาอะฮ์แรกเสร็จแล้วได้ สำหรับมัซฮับอิมามชาฟิอีย์นั้น ก็อนุญาตให้กระทำได้ แต่เป็นมักโระฮ์ ซึ่งสาเหตุที่มักโระฮ์ เพราะว่าการทำละหมาดญะมาอะฮ์ที่สองอีกครั้งหนึ่งนั้น เกรงว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกและเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพในสังคม นั่นคือเหตุผลวินิจฉัยของอิมามชาฟิอีย์ ในการฮุกุ่มว่า การละหมาดญะมาอะฮ์ที่สองนั้น เป็นมักโระฮ์ (แต่ก็อนุญาตให้กระทได้)
และบางครั้งนักปราชญ์ที่มีทัศนะว่ามักโระฮ์ละหมาดญะมาอะฮ์ครั้งที่สองนั้น เพื่อเกรงว่าผู้ปกครองจะคิดว่าพวกเขาได้ทำการออกจากการภักดีต่อผู้นำ
ท่านอิบนุชัยบะฮ์ ได้รายงานจาก ท่านมันซูร จากท่าน อัลหะซัน เขากล่าวว่า "บรรดาตาบิอีนรังเกียจการทำละหมาดญะมาอะฮ์(ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง) เพราะเกรงกลัวผู้ปกครอง" หนังสืออัลมุซันนัฟ 2/221
ดังนั้น หากเราจะละหมาดญะมาอะฮ์ ก็สมควรไปให้ทันญะมาอะฮ์แรก แต่ถ้าหากมีภาระกิจรัดตัว ไม่สามารถมาทันญะมาอะฮ์แรกได้ และเขาเข้ามาในมัสยิดแล้วเห็นบุคคลหนึ่งทำการละหมาดอยู่ ก็อนุญาตให้ทำการละหมาดญะมาอะฮ์พร้อมกับเขาได้ และจะได้ผลบุญญะมาอะฮ์เช่นเดียวกัน
والله أعلى وأعلم