ผู้เขียน หัวข้อ: 0036_ได้หรือไม่ การลูบหน้าหลังเสร็จจากการละหมาด  (อ่าน 8308 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อิสหาก

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 8
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

 ??? ??? ??? อยากทราบรายละเอียดของเรื่องนี้ โดยมีหลักฐานที่ชัดเจน ส่งสัยมานานแล้วครับ :' :- ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 02, 2011, 05:14 PM โดย Al Fatoni »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

การลูบหน้าหรือศีรษะเมื่อเสร็จสิ้นจากการละหมาดนั้น  ถือว่าเป็นสุนัต  หากผู้ใดที่ไม่ทำการลูบหน้า  จึงไม่สมควรไปตำหนิเขา  เนื่องจากมันเป็นสิ่งไม่วายิบ  และกลุ่มที่ไม่ลูบหน้า ก็ไม่สมควรไปกล่าวหาผู้กระทำว่าเป็นบิดอะฮ์   ส่วนกรณีที่วะฮาบีย์มักฮุกุ่มผู้อื่นในเรื่องการลูบเป็นบิดอะฮ์นั้น  เพราะพวกเขาถือว่า การปฏิบัติด้วยหะดิษฏออีฟ  เป็นบิดอะฮ์  ซึ่งผมคิดว่าจุดยืนของพวกเขานี้  ไม่สมควรที่จะเอาไปกำหนดกฏเกนฑ์ให้กับทัศนะอื่น  จนเป็นเหตุกล่าวหาบิดอะฮ์กับทัศนะอื่นจากตน  และพฤติกรรมดังกล่าว  ก็ไม่ได้เป็นแบบอย่างของสะละฟุศศอลิหฺ

وَعَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ أَنَّ الَّنِبيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ إِذَا صَلَّى وَفَرَغَ مِنْ صَلاَتِهِ مَسَحَ بِيَمِيْنِهِ عَلَى رَأْسِهِ وَقَالَ‏: ‏بِسْمِ اللهِ الَّذِيْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ هُوَ الرَّحْمَنُ الرَّحِيْمُ، اللَّهُمَّ أذْهَبْ عَنِّي الْهَمَّ وَالحَزَنَ‏‏

‏รายงานจาก ท่านอะนัส บิน มาลิก ว่า "แท้จริง ท่านนบี(ซ.ล.) เมื่อท่านได้ทำการละหมาด และเมื่อเสร็จสิ้นจากละหมาดนั้น ท่านได้เอามือขวาลูบที่ศรีษะของท่าน และกล่าวว่า "ด้วยพระนามของอัลเลาะฮ์ ผู้ซึ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงเมตตาปราณี โอ้ผู้อภิบาลของฉัน โปรดจงให้ความความโศกและความเศร้าหายไปจากฉันด้วยเถิด"

وَفِيْ رِوَايَةٍ‏:‏ مَسَحَ جَبْهَتَهُ بِيَدِهِ الْيُمْنَى وَقَالَ فِيْهَا‏:‏ ‏‏اللَّهُمَّ أذْهَبْ عَنِّي الْهَمَّ وَالْحَزَنَ‏

มีอีกรายงานหนึ่ง กล่าวว่า " ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ลูบหน้าผากของท่านด้วยมือขวา และกล่าวว่า "ด้วยพระนามของอัลเลาะฮ์ ผู้ซึ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงเมตตาปราณี โอ้ผู้อภิบาลของฉัน โปรดจงให้ความความโศกและความเศร้าหายไปจากฉันด้วยเถิด"

رَوَاهُ الطَّبَرَانِي فِي الأَوْسَطِ وَالَبزَّارُ بِنَحْوِهِ بِأَسَانِيْدِ، وَفِيْهِ زَيْدُ الْعَمِّى وَقَدْ وَثَّقَهُ غَيْرُ وَاحِدٍ وَضَعَّفهُ الْجُمْهُوْرُ، وَبَقِيَّةُ رِجَالِ أَحَدِ إِسْنَادَيِ الطَّبَرَانِي ثِقَاتٌ وَفِيْ بَعْضِهِمْ خِلاَفٌ‏

รายงานโดยท่าน อัฏฏ๊อบรอนีย์ ไว้ใน (มั๊วะญัม) อัลเอาซัฏ และท่าน อัลบัซซาร ก็ได้รายงานเหมือนกันนี้ ด้วยหลายสายรายงาน และในสายรายงานนั้น มี ท่านซัยดฺ อัล-อัมมีย์ ซึ่งเขานั้น มีนักหะดิษไม่ใช่คนเดียวเลย ที่ให้การเชื่อถือ ثقة กับเขา และส่วนมากกล่าวว่า เขานั้นฏออีฟ และนักรายงานที่เหลือจากทั้งสองสายรายงานของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์นั้น ต่างเชื่อถือได้ และในบางส่วนก็มีการขัดแย้งกัน " ดู หนังสือ มัจญฺมะอฺ อัลซะวาอิด ของท่าน นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ เล่ม 10 หน้า 110 หะดิษที่ 16971 และ 16972

จากหะดิษที่กล่าวมานี้ มีสายรายงานที่ ฏออีฟ ถึงขั้นระดับที่สามารถนำมาปฏิบัติได้  เพราะมีนักรายงานที่เชื่อถือได้  และมีตัวผู้รายงานที่ถูกขัดแย้งกันว่า ฏออีฟบ้าง นักหะดิษบางท่านบอกว่าเขาเชื่อถือได้บ้าง  ท่านอิมามอันนะวาวีย์จึงนำมาระบุไว้ในหนังสือ อัล-อัซการ ของท่านในการนำมาปฏิบัติเรื่องคุณค่าอะมัล  และการนำหลักฐานฏออีฟ มาใช้ในเรื่อง คุณงามความดีนั้น ก็เป็นมติของนักปราชญ์หรือเป็นทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมาก ทั้งสะลัฟ และ คอลัฟ

والله أعلى وأعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 10, 2009, 04:03 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged