ผู้เขียน หัวข้อ: การสนทนาระหว่างอิมามญะฟัรอัศศอดิกกับชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะฮ์  (อ่าน 2390 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

นี้คือการแสดงทรรศนะระหว่างอิหม่ามญะฟัรอัศศอดิก(ร.ฏ.)กับชีอะฮ์รอฟิเฏาะห์ผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถ่ายสำเนาออกเป็นสองฉบับ ฉบับแรกเป็นฉบับของตรุกีอยู่ที่คลังพิพิธพันธ์ของชาฮีด อลี บาชา ณ. กรุง อิสตัมบูล อยู่ในหมวดหมายเลขที่2764 ซึ่งประมวลไว้หลายผลงานด้วยกัน เช่นงานประพันธ์ในด้านอากิดะฮ์และอัลฮาดิษ ผลงานการประพันธ์นี้คือ 1 ในผลงานการประพันธ์ทั้ง11ที่ได้ถูกบันทึกไว้ ส่วนฉบับที่สองคือสำเนาฉบับอัซฺซฺอฮิรียะฮ์ ซึ่งได้รวบรวมอยู่ไว้ในหมวดที่111 เป็นผลงานการ ประพันธ์ชิ้นที่19

เนื้อหาของตัวบท

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ

ด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีเสมอ

โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้าฯโปรดช่วยเหลือข้าฯด้วยเถิด

อัชชัยคฺอัลฟะ กิหฺ อะบุลกอซิมอับดุรเราะห์มาน บิน มุฮัมหมัด บิน มุฮัมหมัด บิน ซะอัตอัลอันซิรีย์อัลบุคคอรีย์  ซึ่งทำการอ่านรายงาน ณ. นครมักกะฮ์ (ขอพระองค์ทรงปก ป้องรักษาด้วยเถิด) ในปีฮิจญเราะห์ที่435 ท่านกล่าวว่า ? ได้รายงานกับเราโดย อบูมุฮัมหมัดอัลดุลเลาะห์ บิน มุซาฟิร ท่านได้กล่าวว่า ได้รายงานกับเรา โดยอบูบักรฺ บิน คอลัฟ บิน อุมัร บิน คอลัฟอัลฮะมะซานีย์ ท่านได้กล่าวว่า ได้รายงานโดยอบูฮะซันอะห์หมัด บิน มุฮัมหมัดอัลก๊อดวานีย์ ท่านได้กล่าวว่า ได้ รายงานโดยอลี บิน ซอและห์ ท่านกล่าวว่า ได้มีชายผู้หนึ่งจากพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์มาหาท่านญะฟัรอัศศอดิก(ร.ฏ.) และกล่าวให้สลามกับท่าน อัส สลามมุอ้าลัยกุ้มว่าเราะห์ม่าตุลลอฮ์วะบะร่อกาตุฮ์ ท่านญะฟัรซอดิกจึงกล่าวรับสลามนั้น

ชายรอฟิฏีย์จึงกล่าวถามท่านว่า

1. โอ้บุตร(หลาน)ท่านร่อซูลลุลลลอฮ์ ใครคือผู้ดีเลิศที่สุดหลังจากร่อซูลลุลอฮ์(ซ.ล.)
ท่านญะฟัร (ร.ฏ.) ตอบว่า ? อบูบักรฺอัศศิดดีก(ร.ฏ.) ?

2. เขาจึงถามท่านญะฟัรอัศศอดิกว่า อะไรคือข้อยืนยันในสิ่งดังกล่าวหรือ ?

ท่านญะฟัร(อ.) ตอบว่า ? อัลเลาะห์(ซ.บ.)ตรัสว่า

إِلاَّ تَنصُرُوهُ فَقَدْ نَصَرَهُ اللّهُ إِذْ أَخْرَجَهُ الَّذِينَ كَفَرُواْ ثَانِيَ اثْنَيْنِ إِذْ هُمَا فِي الْغَارِ إِذْ يَقُولُ لِصَاحِبِهِ لاَ تَحْزَنْ إِنَّ اللّهَ مَعَنَا فَأَنزَلَ اللّهُ سَكِينَتَهُ عَلَيْهِ وَأَيَّدَهُ بِجُنُودٍ لَّمْ تَرَوْهَا

 ?หากแม้นพวกเจ้าไม่ช่วย เขา(มุฮัมหมัด) แน่นอนอัลเลาะห์จะช่วยเหลือเขา เมื่อบรรดาพวกเนรคุณได้ขับไล่เขาออก(จากบ้านเมือง)มีเพียงคนที่สองจากจำนวนสองคน(คือนบีมุ ฮัมหมัดกับอบูบักร)เมื่อทั้งสองอยู่ในถ้ำ(ที่หลบภัยจากพวกศัตรูที่ตามมาหมายสังหาร)เมื่อเขา(มุฮัมหมัด) กล่าวกับสหาย(หลับภัย)ของเขา(คืออะบูบักร)ว่า ? ท่านอย่าโศกเศร้าเลยเพราะแท้จริงอัลเลาะห์อยู่ร่วมกับเรา? ดังนั้นอัลเลาะห์ จึงประทานความสงบมั่นของพระองค์แก่เขา(จนคลายความโศกเศร้าและความกลัว) และพระองค์ทรงเสริมกำลังของเขาด้วยไพร่พล(มลาอิกะฮ์เป็นจำนวนมาก)ซึ่งพวกเจ้ามองพวกนั้นไม่เห็น ดังนั้นใครหรือที่จะดีเลิศ ไปกว่าทั้งสอง(นบีมุฮัมหมัดและอบูบักร)ซึ่งอัลเลาะห์เป็นบุคคลที่สาม(ที่อยู่ร่วมกับพวกเขา)?

3. เขากล่าวถามท่านญะฟัรอีกว่า แท้จริงท่านอลีบินอะบีฏอลิบ(อ.)ได้นอนบนที่นอนแทนท่านนบี(ซ.ล.) โดยปราศจากความโศกเศร้าและความหวาดกลัว

ดังนั้น ท่านญะฟัรอัศศอดิก กล่าวแย้งว่า ?ท่านอบูบักรฺก็เช่นเดียวกันที่ได้อยู่ร่วมกับท่านนบี(ซ.ล.)โดยปราศจากความโศกเศร้าและความหวาดกลัว

4. เขาจึงกล่าว คัดค้านท่านว่า แท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงกล่าวขัดแย้งกับสิ่งที่ท่านพูด!
ท่านญะฟัรจึงกล่าวแย้งเขาว่า ? พระองค์ทรงตรัสว่าอะไรหรือ?

เขาตอบว่า พระองค์ทรงตรัสว่า

إِذْ يَقُولُ لِصَاحِبِهِ لاَ تَحْزَنْ إِنَّ اللّهَ مَعَنَا

  ?เมื่อเขา(มุฮัมหมัด)กล่าวกับเพื่อนของเขา(คืออบูบักร)ว่า? ท่านอย่าเศร้าโศกไปเลย เพราะแท้จริง พระองค์ทรงอยู่ร่วมกับเรา? ดังนั้นความโศรกเศร้ามิใช่ความหวาดกลัวดอกหรือ?

ท่านญะฟัรจึงกล่าวตอบกลับไปว่า ? มิใช่เป็นเช่นนั้น! เพราะ ความโศกเศร้ามิไช่ความหวาดกลัว การโศกเศร้าของอบูบักรฺนั้นเป็นเพราะกลัวว่าท่านนบี(ซ.ล.)จะถูกสังหาร เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้รับการยอมรับ(จากพวกกุฟฟาร)ในการนับถือศาสนาของอัลเลาะห์ ดังนั้นท่านอบูบักรจึงโศกเศร้าเพื่อศาสนาของอัลเลาะห์และร่อซูลของพระองค์ มิใช่การ โศกเศร้าของอบูบักรฺเพราะตัวเอง และท่านอบูบักรฺจะไม่เกิดความโศกเศร้าได้อย่างไร! ในเมื่อเหล่าตะขาบมากกว่าหนึ่งร้อยตัวได้ทำความเดือดร้อนแก่เขา แล้วเขาก็อุทานขึ้นอย่างเจ็บปวด !

5. ชายรอฟิฏีย์กล่าวต่อไปว่า แท้จริงอัลเลาะห์ ทรงตรัสว่า:

إِنَّمَا وَلِيُّكُمُ اللّهُ وَرَسُولُهُ وَالَّذِينَ آمَنُواْ الَّذِينَ يُقِيمُونَ الصَّلاَةَ وَيُؤْتُونَ الزَّكَاةَ وَهُمْ رَاكِعُونَ

 ?อันความเป็นจริง มิตรแท้(พวกชีอะฮ์ให้ความหมายว่า ผู้ปกครอง) ของพวกเจ้าทั้งหลาย คืออัลเลาะห์ ศาสนทูตของ พระองค์ และบรรดาผู้มีศรัธทา ซึ่งพวกเขาดำรงละหมาด บริจาคทานซากาซ โดยพวกเขาโค้งนอบน้อม(ต่ออัลเลาะฮฺ)? อัล มาอิดะฮฺ :58

 เขากล่าวว่า อายะฮ์นี้ถูกประทานให้กับท่านอลี(อ.)ในขณะที่ท่านได้ทำการบริจาคทานกับแหวนวงหนึ่งในขณะที่ท่านกำลังทำการโค้งร่อกั๊วะอยู่ ดังนั้นท่านนบี(ซ.ล.)จึงกล่าวว่า

الحمد لله الذي جعلها في وفي أهل بيتي

? การสรรเสริญเป็นอภิสิทธิ์แด่พระองค์ผู้ทรงทำให้อายะฮ์ดังกล่าวอยู่ในตัวฉันและครอบครัวของฉัน ?

ท่านญะฟัร ตอบเขาว่า ? อายะฮ์ที่อยู่ก่อนจากอายะฮ์(ที่ท่านกล่าวมานั้น)ย่อมสำคัญกว่าเสียอีก อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า:

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ مَن يَرْتَدَّ مِنكُمْ عَن دِينِهِ فَسَوْفَ يَأْتِي اللّهُ بِقَوْمٍ يُحِبُّهُمْ وَيُحِبُّونَهُ

 ?โอ้...บรรดาผู้ศรัทธา! ผู้ใดจากพวกเจ้า ที่ได้ถอนตัวจากศาสนาของพวกท่าน แน่นอนอัลเลาะห์จะทรงนำมาซึ่งกลุ่มชนหนึ่ง ซึ่งพระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์? อัลมาอิดะฮ์ :54

 ชาวอหรับได้ตกมุรตัดถอนตัวออกจากศาสนาภายหลังจากท่านร่อซูลเสียชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกัน ณ. ที่ นาฮาวันดฺ และพวกเขาได้กล่าวว่า ? ชายคนหนึ่ง(คือท่านนบี)ซึ่งพวกเขา(บรรดาซอฮาบะฮฺ)ได้ให้ความช่วยเหลือเขานั้น ได้เสียชีวิตแล้ว จนกระทั้งท่าน อุมัร(ร.ฏ.)กล่าวว่า ?ท่านจงยอมรับการละหมาดจากพวกเขาเถิดและจงปล่อยเรื่องซะกาตให้กับพวกเขา? ท่านอบูบักรฺได้กล่าวว่า? หากแม้นว่าพวกเขางดจ่ายซะกาตฉันเพียงอูฐตัวเดียวจากสิ่งที่พวกเขาได้เคยให้ทานซาก๊าตกับร่อซูลุลอฮ์(ซ.ล.)แล้ว แน่นอนฉันจะทำการบกับพวกเขา และ ถ้าหากได้รับการสมทบกับจำนวนที่เท่ากับก้อนหิน  ก้อนดิน ขวากหนาม  ต้นไม้  ญินและมนุษย์แล้ว แน่นอนฉันก็จะทำการรบกับพวกเขา เพียงลำพังผู้เดียว? ดังนั้นอายะฮ์ดังกล่าวนี้จึงเป็นความประเสริฐแด่ท่านอบูบักร(ร.ฏ.)

6. ชายรอฟิฏีย์กล่าวกับท่านญะฟัรอีกว่า แท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงตรัสว่า

الَّذِينَ يُنفِقُونَ أَمْوَالَهُم بِاللَّيْلِ وَالنَّهَارِ سِرّاً وَعَلاَنِيَةً

?บรรดาผู้ซึ่งบริจาคทรัพย์สินของพวกเขาในยามกลางคืนและกลางวัน ทั้งโดยปิดบังและเปิดเผย?  ถูกประทานให้กับท่านอลี(อ.)ซึ่งท่านมีเหรียญทองหลายดีนาร ดังนั้นท่านจึงทำการบริจาคหนึ่งดีนารในยามกลางวัน หนึ่งดีนารในยามกลางคืน หนึ่งดีนารโดยปิดบังและหนึ่งดีนารโดยเปิดเผย อายะฮ์ดังกล่าวนี้จึงถูกประทานให้แด่ท่านอลี(อ.)

ท่านอิหม่ามาญะฟัร(อ.) จึงกล่าวตอบชายผู้นั้นว่า?มีอายะฮ์ที่ถูกประทานให้แด่ท่านอบูบักร(ร.ฏ.)ที่ประเสริฐกว่าอายะฮ์ดังกล่าวเสียอีก อัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงดำรัสในซูเราะห์อัลลัยล์ว่า:

وَاللَّيْلِ إِذَا يَغْشَى

(ขอยืนยันกับกลางคืน เมื่อมันปกค ลุม)อัลเลาะฮฺได้สาบาน

وَالنَّهَارِ إِذَا تَجَلَّى وَمَا خَلَقَ الذَّكَرَ وَالْأُنثَى  إِنَّ سَعْيَكُمْ لَشَتَّى  فَأَمَّا مَن أَعْطَى وَاتَّقَى  وَصَدَّقَ بِالْحُسْنَى

(และเวลากลางวันเมื่อมันสว่างแจ้ง และขอสาบานต่อพระผู้ทรงบังเกิดเพศชายและเพศหญิง แท้จริงกิจกรรมของพวกเขานั้นย่อมแตก ต่างกัน ดังนั้นสำหรับผู้ที่ให้และยำเกรง และยอมรับในสิ่งที่ดีงาม) นั้นคืออบูบักรฺ

فَسَنُيَسِّرُهُ لِلْيُسْرَى

(แน่นอนเราจักให้เขาสัมฤทธิ์ซึ่งความสุขสบาย)คืออบูบักรฺ อัลลัยล์ :1-2-3-4-6-7

وَسَيُجَنَّبُهَا الْأَتْقَى

(จะห่างไกลมัน(คือไฟอันลุกโพลง)โดยผู้ที่ยำเกรง)คืออบูบักรฺ อัลลัยล์:17

الَّذِي يُؤْتِي مَالَهُ يَتَزَكَّى

(ผู้ซึ่งได้บริจาคทรัพย์สินของเขาโดยมุ่งปลดเปลื้องมนทิล(ออกจากตัวและทรัพย์สินของเขานั้นให้เกิดความบริสุทธิ์)นั้นคืออบูบักร

وَمَا لِأَحَدٍ عِندَهُ مِن نِّعْمَةٍ تُجْزَى  إِلَّا ابْتِغَاء وَجْهِ رَبِّهِ الْأَعْلَى  وَلَسَوْفَ يَرْضَى

และไม่มีผู้ใดมีบุญคุณที่ต้องตอบแทนสำหรับเขา นอกจาก(ที่เขากระทำไปนั้น)เพื่อแสวงหาความพอพระทัยแห่งพระผู้อภิบาลที่สูงส่งของเขา ด้วย ความบริสุทธิ์ใจ และต่อไปเขาจะมีความยินดีอย่างแท้จริง) คืออบูบักร  อัลลัยล์ :18-19-20-21

 อบูบักรฺซึ่งทำการบริจาคทรัพย์ของเขาต่อท่านร่อซูล(ซ.ล.)ถึงสี่หมื่นดิรฮัม จนกระทั้งท่านร่อซูลลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.)มอบเสื้อคลุมเพื่อเป็นเกียรติแด่เขา(อบูบักร)ดังนั้นท่านญิบรีล(อ.)จึงนำโองการที่ถูกประทานแด่อบูบักร(ร.ฏ.) แล้วท่านญิบรีล(อ.) กล่าวว่า?โอ้มุฮัมหมัด ท่านจงนำคำกล่าวสลามจากอัลเลาะห์ให้แด่อบูบักรฺด้วยเถิด? และจงกล่าวกับอบูบักรฺว่า?ท่าน(อบูบักร)มีความยินดีหรือไม่ เนื่องจากความขัดสนของท่าน(ด้วยการบริจาค)เพื่อพระองค์ หรือว่าท่านไม่มีความยินดี? ท่านอบูบักรฺตอบว่า? ฉันจะไม่ยินดีต่อพระผู้อภิบาลของฉันได้อย่างไร? อบูบักรฺกล่าวย้ำว่า?ข้าฯยินดีต่อพระผู้อภิบาลของข้าฯ ข้าฯมีความยินดีต่อพระผู้อภิบาลของข้าฯ และข้าฯมีความยินดีต่อพระผู้อภิบาลของข้าฯ ? ดังนั้น พระองค์ทรงสัญญาแด่เขาว่า  พระองค์จะพึงพระทัยแด่เขา

7. ชายรอฟิฏีย์กล่าวอีกว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงตรัสว่า:

أَجَعَلْتُمْ سِقَايَةَ الْحَاجِّ وَعِمَارَةَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ كَمَنْ آمَنَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ وَجَاهَدَ فِي سَبِيلِ اللّهِ لاَ يَسْتَوُونَ عِندَ اللّهِ

?หรือพวกเจ้าจะถือเอาเพียงการบริการน้ำแก่ผู้บำเพ็ญอัจญ์และการส่ง เสริมมัสยิดอัลฮะรอมเหมือนกับผู้ที่ศรัทธาในอัลเลาะห์ และวันสุดท้ายและเขาได้ต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์ แน่นอนพวกเขานั้นย่อมไม่เท่าเทียมกัน ณ. อัลเลาะห์?อัตเตาบะฮ์ :19

อายะฮ์ดังกล่าวถูกประทานให้แด่ท่านอลี(อ.)

ท่านญะฟัร(อ.)กล่าวว่า?อบูบักรฺก็ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอ่านเช่นเดียว กัน? อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า:

لَا يَسْتَوِي مِنكُم مَّنْ أَنفَقَ مِن قَبْلِ الْفَتْحِ وَقَاتَلَ أُوْلَئِكَ أَعْظَمُ دَرَجَةً مِّنَ الَّذِينَ أَنفَقُوا مِن بَعْدُ وَقَاتَلُوا وَكُلّاً وَعَدَ اللَّهُ الْحُسْنَى                                                                                                                                                ?ไม่เท่าเทียมกันในระหว่างพวกเจ้าอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่ได้ใช้จ่าย(ทรัพย์สิน)และออกทำศึกก่อนหน้าชัยชนะ(ของนบีมุ ฮัมหมัดที่มีเหนือมักกะฮ์)พวกเขามีระดับชั้นที่เหนือกว่าบรรดาผู้จ่าย(ทรัพย์สิน)และออกทำศึกภายหลังจากนั้นและทั้งหมดนั้นอัลเลาะห์ได้สัญญา(การตอบแทน)ที่ดีงามไว้แล้ว)อัลฮะดีด:10


ท่านญะฟัรกล่าวเสริมอีกว่า?ท่านอบูบักรฺคือบุคคลแรกที่ทำการบริจาคทรัพย์สินของเขาเพื่อร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.) เป็นบุคคลแรกที่อยู่ร่วมกับท่านนบี(ซ.ล.)และเป็นบุคคลแรกที่ทำการต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์ ครั้งหนึ่งพวกกุฟฟารมุชริกีนได้มาหาท่านร่อซูล(ซ.ล.)และทำการทุบตีท่านจนกระทั้งบาดเจ็บและมีเลือดออก เหตุการณ์ดังกล่าวได้ล่วงรู้ถึงท่านอบูบักรฺ ดังนั้นอบูบักรฺจึงมุ่งไปสถานที่เกิดเหตุ ณ. ตรอกหนึ่งของมักกะฮ์ เขาจึงกล่าวกับพวกมุชริกีนว่า?ความวิบัติจงประสบแก่พวกเจ้า! เพราะพวกเจ้าจะฆ่าบุรุษคนหนึ่งที่กล่าวว่า พระเจ้าของฉัน คืออัลเลาะห์และผู้ซึ่งนำมากับข้อยืนยันที่ชัดเจนจากพระเจ้าของพวกเจ้า หรืออย่างไร? ครั้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำกล่าวของอบูบักรฺ พวกเขาจึงปล่อย ท่านนบี(ซ.ล.)และจับอบูบักรฺมาทุบตีจนจมูกที่ใบหน้าของเขาแตกและบาดเจ็บ? ดังนั้นท่านอบูบักรฺจึงเป็นบุคคลแรกที่ต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์ เป็น บุคคลแรกที่ร่วมรบกับท่านร่อซูล(ซ.ล.)และเป็นบุคคลแรกที่ทำการบริจากทรัพย์สิน(เพื่ออัลเลาะห์) ท่านร่อซูล(ซ.ล.) กล่าวว่า:

 ما نفعني مال كمال أبي بكر

?ไม่มีทรัพย์สินใดที่ยัง คุณประโยชน์กับฉันยิ่งไปกว่าทรัพย์สินของอบูบักรฺ?

8. ชายรอฟิฏีย์ผู้นั้นกล่าวอีกว่า ?แท้จริงท่านอลี(อ.)ไม่เคยทำการใดที่เป็นภาคีต่ออัลเลาะห์เลยแม้เพียงพริบตาเดียว?

ท่านญะฟัรกล่าวแย้งว่า ?แท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงสรรเสริญอบูบักรฺ ซึ่งเป็นการสรรญเสริญที่เพียงพอจากทุก ๆสิ่งแล้ว ? พระองค์ทรง ตรัสว่า

وَالَّذِي جَاء بِالصِّدْقِ

(และผู้ที่นำมาซึ่งสัจจะธรรม(คือนบีมุฮัมหมัด)

وَصَدَّقَ بِهِ

?และเขารับรองเชื่อในสัจจะธรรมนั้น)คืออบูบักรฺ? อัซซุมัร :33

พวกกุฟฟารทั้ง หลายกล่าวกับท่านนบี(ซ.ล.)ว่า?ท่านคือผู้มุสา? แต่ท่านอบูบักรกลับกล่าวว่า?ท่านคือผู้สัจจริง? ดังนั้นอายะฮ์ดังกล่าวจึงถูกประทานให้แก่อบูบักรฺเพื่อ เป็นข้อยืนยันแด่ท่านอบูบักรฺเป็นการเฉพาะ ดังนั้นท่านอบูบักรฺคือผู้ที่มีความยำเกรง มีความบริสุทธิ์ใจ เป็นผู้ที่ได้รับความพึงพอพระทัย เป็นผู้ที่พอใจ ในพระองค์ เป็นที่ยุติธรรม  เป็นผู้ที่ได้รับความเป็นธรรมและเป็นผู้รักษาไว้ซึ่งสิทธิอย่างสมบูรณ์?

9. ชายผู้นั้นกล่าวต่อไปว่า ?แท้จริงการแสดงความรักต่อท่านอลี(อ.) นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ถูกกล่าวไว้ในกิตาบบิลลาห์ พระองค์ทรงตรัสว่า :

قُل لَّا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْراً إِلَّا الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى

? จงประกาศเถิด! ฉันมิได้ขอค่าจ้างจากพวกท่านใน(การประกาศ)สิ่งนั้น(อิสลาม) หากถ้าว่า(ที่ฉันขอก็คือ)ความอาลัยรักในญาติสนิท?(อัซซูรอ:23)

ท่านญะฟัรกล่าวแย้งว่า?อบูบักรฺก็ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอ่านเช่นเดียวกัน อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า

وَالَّذِينَ جَاؤُوا مِن بَعْدِهِمْ يَقُولُونَ رَبَّنَا اغْفِرْ لَنَا وَلِإِخْوَانِنَا الَّذِينَ سَبَقُونَا بِالْإِيمَانِ وَلَا تَجْعَلْ فِي قُلُوبِنَا غِلّاً لِّلَّذِينَ آمَنُوا رَبَّنَا إِنَّكَ رَؤُوفٌ رَّحِيمٌ

?และบรรดา(มุสลิมีน)ที่มาภายหลังจากพวกเขาเหล่านั้นกล่าวว่า?โอ้องค์อภิบาลของเรา ได้โปรดนิรโทษแก่เรา และแก่บรรดา เครือญาติพี่น้องของเรา ที่ได้ล่วงหน้าเรามาก่อนแล้วในการศรัทธาและพระองค์อย่าบันดาลความอาฆาตแค้นในหัวใจของพวกเราให้มีต่อบรรดาผู้ ศรัทธาทั้งมวล โอ้องค์อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์ทรงปราณียิ่ง พระองค์ทรงเมตตายิ่ง? อัลฮัชรุ:10

 และท่านอบูบักรฺคือผู้ที่ล่วงหน้าเรามาก่อนแล้วในการศรัทธา ดังนั้นการขออภัยให้แก่ท่านอบูบักรฺจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น การแสดงความรักต่อเขาก็เป็นสิ่งที่จำเป็นและการแสดงความโกรธเคืองต่อเขานั้นเป็น กุฟุรเช่นกัน

10. ชายรอฟิฏีย์ผู้นั้นกล่าวอีกว่า แท้จริงนบีมุฮัมหมัดได้กล่าวว่า

الحسن والحسين سيدا شباب أهل الجنة ، وأبوهما خير منهما

?ฮาซันและฮูเซ็นคือหัวหน้าของชาวสวรรค์?และบิดามารดา ของเขาทั้งสองย่อมดีเลิศกว่าทั้งสองแน่นอน?

ท่านญะฟัรกล่าวแย้งอีกว่า?อบูบักรฺในทรรศนะของอัลเลาะห์นั้นย่อมประเสริฐกว่า ดังกล่าวนั้น( ท่านญะฟัรรายงานว่า)บิดาของฉันได้รายงานจากปู่ของฉันและปู่ของฉันได้รายงานจากท่านอลีอิบนิอบีฏอลิบ(อ.)ท่านกล่าวว่า?ขณะที่ฉันได้อยู่กับท่าน ร่อซูลตามลำพัง ในขณะนั้นเองท่านอบูบักรฺและอุมัรกำลังขึ้นมาหาท่านร่อซูล(ซ.ล.) ?ท่านร่อซูล(ซ.ล.)กล่าวกับฉันว่า

يا علي هذان سيدا كهول أهل الجنة وشبابهم فيما مضى من سالف الدهر في الأولين وما بقي في غابره من الآخرين ، إلا النبيين والمرسلين .لا تخبرهما يا علي ما داما حيين    
                                 
 "โอ้ อลี เขาทั้งสองคือหัวหน้า บรรดาบุรุษ(อายุ30-50ปี)และเยาวชนชาวสวรรค์ซึ่งนับตั้งแต่บรรพชนรุ่นก่อนและรุ่นหลังเว้นเพียงแต่บรรดานบีและร่อซูลเท่านั้น?และท่านอย่าเล่าให้เขาฟังนะ อลี ตราบใดที่เขาทั้งสองมีชีวิตอยู่?  ดังนั้น  ฉันไม่เคยบอกสิ่งดังกล่าวกับใครเลยจนกระทั่งทั้งสองเสียชีวิต?

11. ชายร่อฟิฏีย์ผู้นั้นกล่าวอีกว่า?ผู้ใดมีความประเสริฐกว่ากัน ระหว่างพระนางฟาฏีมะฮ์บุตรีร่อซูลลุลลอฮ์และพระนางอาอิชะฮ์บุตรีอบูบักรฺ?

ท่านญะฟัรกล่าวว่า

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ يس وَالْقُرْآنِ الْحَكِيمِ ، حم  وَالْكِتَابِ الْمُبِينِ

?ด้วยพระ นามแห่งอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีเสมอ ยาซีน ขอยืนยันด้วยคัมภีร์อัลกุรอ่าน ซึ่งยิ่งด้วยวิทยญาณ? ยาซีน:1-2 ?ฮา มีม ขอยืนยันด้วย คัมภีร์(อัลกุรอ่าน)ที่แจ้งชัด?อัซซุครุฟ :1-2

 แล้วท่านจึงกล่าวตอบชายผู้นั้นว่า?พระนางอาอิชะฮ์บุตรีของอบูบักรฺคือภรรยาของท่านร่อซูล ในสรวงสรรค์ ส่วนพระนางฟาฏีมะฮ์บุตรีของร่อซูลลุลลอฮ์นั้นคือหัวหน้าของบรรดาสตรีในสวรรค์ ผู้ใดตำหนิภรรยาของร่อซูลลุลลอฮ์นั้น อัลเลาะห์จะทรงสาปแช่งเขา และผู้ใดโกรธต่อบุตรีของร่อซูลลุลลอฮ์แน่นอนอัลเลาะห์จะทรงทอดทิ้งเขา

12. ชายผู้นั้นจึงกล่าวค้านว่า?อาอิชะฮ์ทำการรบกับท่านอลี(อ.)ทั้ง ที่นางเป็นภรรยาของท่านร่อซูล(ซ.ล.)

ท่านญะฟัรจึงกล่าวแย้งว่า? ใช่ ความวิบัติ!จงประสบแก่ท่าน อัลเลาะห์ทรงตรัสไว้ว่า

وَمَا كَانَ لَكُمْ أَن تُؤْذُوا رَسُولَ اللَّهِ

?และไม่อนุมัติให้พวก เจ้าก่อความเดือดร้อนแก่ศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์?อัลอะหฺซาบ 53

13. ชายรอฟิฏีย์ผู้นั้นกล่าวถามท่านญะฟัรอีกว่า การเป็นคอลีฟะฮ์ ของอบูบักรฺ อุมัร อุษมาน และท่านอลี นั้นมีอยู่ในอัลกุรอ่านหรือไม่?

ท่านญะฟัรตอบว่า" ใช่แล้ว! มีกล่าวไว้ในอัลกุรอ่านและมีกล่าวไว้ในคำภีร์เตาร๊อตและอินญีลด้วยเช่นกัน อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า

وَهُوَ الَّذِي جَعَلَكُمْ خَلاَئِفَ الأَرْضِ وَرَفَعَ بَعْضَكُمْ فَوْقَ بَعْضٍ دَرَجَاتٍ

?และพระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลพวกเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจปกครองแผ่นดินและทรงยกย่องพวกเจ้าบางส่วนให้เหนือ กว่าอีกบางส่วนเป็นหลายฐานันดร? อันอาม :165

พระองค์ทรงตรัสอีกว่า :

أَمَّن يُجِيبُ الْمُضْطَرَّ إِذَا دَعَاهُ وَيَكْشِفُ السُّوءَ وَيَجْعَلُكُمْ خُلَفَاء الْأَرْضِ

?ใครเล่าที่ทรงตอบรับ(คำวอนขอของ)ผู้เดือดร้อน เมื่อเขา ได้ขอพระองค์ และทรงคลี่คลายความเลวร้ายและทรงแต่งตั้งพวกพวกเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดแผ่นดิน(สืบทอดจากประชาชาตืยุคก่อน)? อัลนัมลุ :62

لَيَسْتَخْلِفَنَّهُم فِي الْأَرْضِ كَمَا اسْتَخْلَفَ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ وَلَيُمَكِّنَنَّ لَهُمْ دِينَهُمُ الَّذِي ارْتَضَى

  ?ว่าแท้จริงพระองค์จักทรงสืบทอดอำนาจปกครอง แผ่นดินแก่พวกเจ้า ประดุจเดียวกันกับที่พระองค์ให้การสืบทอดแก่มวล ประชาชาติยุคก่อนจากพวกเขาและพระองค์จักทรงบันดาลความมั่นคงแก่พวกเขาซึ่งศาสนาของพวกเขา? อันนูร :55

14. ชายผู้นั้นกล่าว ถามท่านญะฟัรว่า ใหนหรือ การเป็นคอลีฟะฮ์ของพวกเขาที่ถูกกล่าวในเตาร๊อต?

ท่านญะฟัรกล่าวตอบด้วยคำตำรัสของพระองค์ว่า

مُّحَمَّدٌ رَّسُولُ اللَّهِ وَالَّذِينَ مَعَهُ أَشِدَّاء عَلَى الْكُفَّارِ رُحَمَاء بَيْنَهُمْ تَرَاهُمْ رُكَّعاً سُجَّداً يَبْتَغُونَ فَضْلاً مِّنَ اللَّهِ وَرِضْوَاناً سِيمَاهُمْ فِي وُجُوهِهِم مِّنْ أَثَرِ السُّجُودِ ذَلِكَ مَثَلُهُمْ فِي التَّوْرَاةِ وَمَثَلُهُمْ فِي الْإِنجِيلِ

?มุฮัมหมัด เป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์และบรรดาผู้อยู่ร่วม(อุดมการณ์เดียวกัน)กับเขา คืออบูบักร ล้วนมีพลังเข้มแข็งเหนือพวกไร้ศรัทธา คืออุมัร อีกทั้งมีเมตตาใน ระหว่างพวกเขากันเอง คืออุษมานอิบนุอัฟฟาน เจ้าเห็นพวกเขาทำการก้มและกราบโดยแสวงหาความโปรดปรานและความพอพระทัย จากอัลเลาะห์ คืออลีอิบนุอบีฏอลิบ อันเครื่องสังเกตจากพวกเขามีปรากฏอยู่ในใบหน้าของพวกเขาจากร่องรอยของการกราบ  นั้นเป็นสัญลักษณะของพวกเขาที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์เตารอฮ์และลักษณะของพวกเขาที่ปรากฏอยู่ในคำภีร์อิน ญีล? อัลฟัตฮฺ : 29

ชายผู้นั้นกล่าวแย้งว่า ?หมายความว่าอย่างไรหรือสิ่งที่ถูกกล่าวไว้ในเตารอฮ์และอินญีล? ? ท่านญะฟัรตอบ ว่า?คือมุฮัมหมัดเป็นร่อซูลลุลเลาะห์และบรรดาคอลีฟะฮ์หลังจากท่าน คือ อบูบักร อุมัร อุษมานและอลี? หลังจากนั้นท่านญะฟัรจึงตบอก ชายผู้นั้น! พร้อมกล่าวว่า? ความวิบัติ!จงประสบแก่เจ้า เนื่องจากอัลเลาะห์ทรงตรัสว่า:

كَزَرْعٍ أَخْرَجَ شَطْأَهُ فَآزَرَهُ فَاسْتَغْلَظَ فَاسْتَوَى عَلَى سُوقِهِ يُعْجِبُ الزُّرَّاعَ لِيَغِيظَ بِهِمُ الْكُفَّارَ وَعَدَ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ مِنْهُم مَّغْفِرَةً وَأَجْراً عَظِيماً

 ?ซึ่งระบุว่าเหมือนกับพืชที่ผลิหน่อของมันออกมา แล้วหน่อ นั้นก็ทำให้พืชเจริญงอกงามขึ้น คืออบูบักร จนมันแข็งแกร่ง คืออุมัร แล้วยืนอยู่บนลำต้นของมันได้ คืออุษมาน สร้างความชื่นชมให้แก่ผู้ปลูกเป็นอย่างยิ่งเพื่อทรงทำให้พวกไร้ศรัทธารู้สึกโกรธแค้นต่อพวกเขา คืออลีอิบนุอบีฏอลิบ  อัลเลาะห์ทรงสัญญาไว้แก่บรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงาม จากพวกเขาว่าทรงนิรโทษและประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่(แด่พวกเขาคือบรรดาซอฮาบะฮ์ของร่อซูลลุลเลาะห์(ซ.ล.)? อัลฟัตฮฺ :29

ท่านญะฟัรกล่าวต่อชายผู้นั้นอีกว่า? ขอความวิบัติจงประสบแก่เจ้า! เนื่องจากบิดาของฉันเล่าให้ฉันฟังจากปู่ของฉันจากท่านอลี อิบนิอบีฎอลิบว่า ท่านร่อซูลลุลเลาะห์(ซ.ล.)กล่าวว่า?ฉันคือบุคคลแรกที่ฟื้นจากแผ่นดินในสภาพที่ไม่ทนงตนแล้วอัลเลาะห์ก็ทรงประทานเกียตริแก่ฉันอย่างที่ไม่เคยประทานให้แก่นบีท่านใดเลยที่มาก่อนฉัน หลังจากนั้นพระองค์ทรงบัญชาว่า?เจ้าจงนำบรรดาคอลีฟะฮ์หลังจากเจ้า มาใกล้ๆซิ? ดังนั้นฉัน(ร่อซูลลุลเลาะห์)กล่าวถามพระองค์ว่า?โอ้พระผู้อภิบาลของข้าฯ บรรดาคอลีฟะฮ์นั้นมีใครบ้าง? " อับดุลเลาะห์บินอุษมาน(หลานท่านนบีจากบุตรีของท่านผู้เป็นภรรยาของท่านอุษมานบินอัฟฟาน เสียชีวิตตั้งแต่ยังเยาวัย)กล่าวว่า เขาคืออบูบักร ดังนั้นบุคคลแรกที่ฟื้นคืนชีพหลังจากฉันคืออบูบักร จากนั้นเขาได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของพระองค์และได้รับการสอบสวน เพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาจึงได้รับเกียตริด้วยการสวมอาภรณ์สีเขียวสองชิ้นและสภาพที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังค์อะรัชของพระองค์

หลังจากนั้น   ได้มีบัญชาว่า?อุมัรอิบนุค๊อฏ๊อบอยู่ใหน?? ดังนั้นอุมัรจึงถูกเชิญมาในสภาพที่มีรอยเลือดไหลที่ต้นคอของเขา แล้วเขาจึงถูกถามว่า ใครทำกับเจ้าเช่นนี้? อุมัรจึงตอบว่า ทาสคนหนึ่งของมุฆีเราะห์บินชั๊วะบะฮ์ จากนั้นเขาได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของพระองค์และได้รับการสอบสวนเพียงเล็ก น้อย หลังจากนั้นเขาจึงได้รับเกียตริด้วยการสวมอาภรณ์สีเขียวสองชิ้น ในสภาพที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังค์ของพระองค์

หลังจากนั้น  อุษมานได้ ถูกเชิญมาในสภาพที่มีรอยเลือดไหลที่ต้นคอของเขา แล้วเขาจึงถูกถามว่า ?ใครทำกับเจ้าเช่นนี้ ?? อุษมานตอบว่า? คนนั้นบุตรของ คนนั้นและคนนั้นบุตรของคนนั้นจาก นั้นเขาได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของพระองค์และได้รับการสอบสวนเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาจึงได้รับเกียตริด้วยการ สวมอาภรณ์สีเขียวสองชิ้น ในสภาพที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังค์ของพระองค์

หลังจากนั้น  อลีอิบนุอบีฏอลิบจึงถูกเรียกเชิญมาในสภาพที่มีรอยเลือด ไหลอยู่ที่ต้นคอของเขา เขาจึงถูกถามเช่นกันว่า?ใครทำกับเจ้าเช่นนี้?? เขาตอบว่า อับดุรเราะห์มานอิบนุมุลญัม นั้นเขาได้ยืนอยู่เบื้อง หน้าของพระองค์และได้รับการสอบสวนเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาจึงได้รับเกียตริด้วยการสวมอาภรณ์สีเขียวสองชิ้น ในสภาพที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังค์ของพระองค์?

ชายรอฟิฏีย์ผู้นั้นกล่าวถามท่านญะฟัรว่า? โอ้ ลูกหลานร่อซูลลุลลอฮ์ สิ่งที่กล่าวเมื่อครู่นี้มีระบุไว้ในอัลกุรอ่าน หรือ? ท่านญะฟัรอัศศอดิกตอบว่า ใช่แล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า

وَجِيءَ بِالنَّبِيِّينَ وَالشُّهَدَاء

?พร้อมทั้งบรรดาศาสดาและบรรดาผู้เป็นสักขีพยาน(คืออบูบักร อุมัร อุษมานและ อลี)

وَقُضِيَ بَيْنَهُم بِالْحَقِّ وَهُمْ لَا يُظْلَمُونَ

ก็จะถูกนำตัวมาและมีการตัดสินระหว่างพวกเขาเหล่านั้นโดยสัจจะธรรมและพวกเขาจะไม่ถูกฉ้อฉลเลย?

ชายผู้นั้นกล่าวว่า? โอ้ บุตรร่อซูลุลเลาะห์ อัลเลาะห์จะรับการขออภัยโทษของฉัน ในสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยู่เนื่องจากการจำแนกการศรัทธาเพียงบางส่วนระหว่าง ท่านอบูบักร อุมัร อุษมาน และอลี หรือไม่ ? ท่านญะฟัรอัศศอดิกตอบว่า?ประตูแห่งการขออภัยโทษยังคงเปิดอยู่เสมอ ดังนั้นท่านจงขอพรและอภัยโทษ ให้มากแก่พวกเขา และถ้าหากท่านเสียชีวิตในสภาพที่เป็นปรปักษ์ต่อพวกเขาแล้ว แน่นอน ท่านจะจากโลกนี้ไปในสภาพที่มิใช่มุสลิม คุณงามความดี ของท่านเปรียบเสมือนดั่งภาคผลของพวกกุฟฟารที่ เสมือนผงธุลีที่ไร้ค่า

ดังนั้นชายดังกล่าวจึงขอลุกโทษสำนึกผิดต่ออัลเลาะห์และสลัดทิ้งจากแนวทางและคำกล่าวของเขา


แปลโดย อัล-อัซฮะรีย์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ท่านอย่าโศกเศร้าเลยเพราะแท้จริงอัลเลาะห์อยู่ร่วมกับเรา? ดังนั้นอัลเลาะห์ จึงประทานความสงบมั่นของพระองค์แก่เขา(จนคลายความโศกเศร้าและความกลัว) และพระองค์ทรงเสริมกำลังของเขาด้วยไพร่พล(มลาอิกะฮ์เป็นจำนวนมาก)ซึ่งพวกเจ้ามองพวกนั้นไม่เห็น ดังนั้นใครหรือที่จะดีเลิศ ไปกว่าทั้งสอง(นบีมุฮัมหมัดและอบูบักร)ซึ่งอัลเลาะห์เป็นบุคคลที่สาม(ที่อยู่ร่วมกับพวกเขา)?
                กลัวมากกว่าท่านอะลี(อ)มากนะ   ท่านอิมามอะลี(อ)นอนบนที่นอนไม่รู้ว่าศัตรูจะมาเมื่อไร  แต่ท่านอบูบักรอยู่ในถ้ำ    แล้วยังขี้กลัวอีก อย่างนี้เหรอคอลีฟะห์อัศศิดดิก

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอย่าโศกเศร้าเลยเพราะแท้จริงอัลเลาะห์อยู่ร่วมกับเรา? ดังนั้นอัลเลาะห์ จึงประทานความสงบมั่นของพระองค์แก่เขา(จนคลายความโศกเศร้าและความกลัว) และพระองค์ทรงเสริมกำลังของเขาด้วยไพร่พล(มลาอิกะฮ์เป็นจำนวนมาก)ซึ่งพวกเจ้ามองพวกนั้นไม่เห็น ดังนั้นใครหรือที่จะดีเลิศ ไปกว่าทั้งสอง(นบีมุฮัมหมัดและอบูบักร)ซึ่งอัลเลาะห์เป็นบุคคลที่สาม(ที่อยู่ร่วมกับพวกเขา)?
                กลัวมากกว่าท่านอะลี(อ)มากนะ   ท่านอิมามอะลี(อ)นอนบนที่นอนไม่รู้ว่าศัตรูจะมาเมื่อไร  แต่ท่านอบูบักรอยู่ในถ้ำ    แล้วยังขี้กลัวอีก อย่างนี้เหรอคอลีฟะห์อัศศิดดิก

ท่านอย่าโศกเศร้าเลยเพราะแท้จริงอัลเลาะห์อยู่ร่วมกับเรา? ดังนั้นอัลเลาะห์ จึงประทานความสงบมั่นของพระองค์แก่เขา(จนคลายความโศกเศร้าและความกลัว) และพระองค์ทรงเสริมกำลังของเขาด้วยไพร่พล(มลาอิกะฮ์เป็นจำนวนมาก)ซึ่งพวกเจ้ามองพวกนั้นไม่เห็น ดังนั้นใครหรือที่จะดีเลิศ ไปกว่าทั้งสอง(นบีมุฮัมหมัดและอบูบักร)ซึ่งอัลเลาะห์เป็นบุคคลที่สาม(ที่อยู่ร่วมกับพวกเขา)?
กลัวมากกว่าท่านอะลี(อ)มากนะ   ท่านอิมามอะลี(อ)นอนบนที่นอนไม่รู้ว่าศัตรูจะมาเมื่อไร  แต่ท่านอบูบักรอยู่ในถ้ำ    แล้วยังขี้กลัวอีก อย่างนี้เหรอคอลีฟะห์อัศศิดดิก

ช่วงนั้น  ท่านซัยยิดินาอะลี  ยังไม่เป็นที่ขุนเคืองของพวกกุฟฟาร  เมื่อพวกกุฟฟารทราบว่าผู้ที่นอนอยู่นั้น  เป็นท่านซัยยิดินาอะลี  พวกเขาก็ไม่ให้ความสนใจต่อท่าน   เราจะพบว่าในช่วงแรกของการประกาศอิสลามนั้น  ท่านซัยยิดินาอบูบักร  จะทำสร้างความขุ่นเคืองให้แก่พวกกุฟฟารและมักถูกทำร้ายเมื่อทำการปกป้องท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

เขาจึงกล่าว คัดค้านท่านว่า แท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงกล่าวขัดแย้งกับสิ่งที่ท่านพูด!
ท่านญะฟัรจึงกล่าวแย้งเขาว่า ? พระองค์ทรงตรัสว่าอะไรหรือ?

เขาตอบว่า พระองค์ทรงตรัสว่า

إِذْ يَقُولُ لِصَاحِبِهِ لاَ تَحْزَنْ إِنَّ اللّهَ مَعَنَا

?เมื่อเขา(มุฮัมหมัด)กล่าวกับเพื่อนของเขา(คืออบูบักร)ว่า? ท่านอย่าเศร้าโศกไปเลย เพราะแท้จริง พระองค์ทรงอยู่ร่วมกับเรา? ดังนั้นความโศรกเศร้ามิใช่ความหวาดกลัวดอกหรือ?

ท่านญะฟัรจึงกล่าวตอบกลับไปว่า ? มิใช่เป็นเช่นนั้น! เพราะ ความโศกเศร้ามิไช่ความหวาดกลัว การโศกเศร้าของอบูบักรฺนั้นเป็นเพราะกลัวว่าท่านนบี(ซ.ล.)จะถูกสังหาร เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้รับการยอมรับ(จากพวกกุฟฟาร)ในการนับถือศาสนาของอัลเลาะห์ ดังนั้นท่านอบูบักรจึงโศกเศร้าเพื่อศาสนาของอัลเลาะห์และร่อซูลของพระองค์ มิใช่การ โศกเศร้าของอบูบักรฺเพราะตัวเอง และท่านอบูบักรฺจะไม่เกิดความโศกเศร้าได้อย่างไร! ในเมื่อเหล่าตะขาบมากกว่าหนึ่งร้อยตัวได้ทำความเดือดร้อนแก่เขา แล้วเขาก็อุทานขึ้นอย่างเจ็บปวด !
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged