salam
วันนี้มีเรื่องราวความประทับใจจากต่างแดนมาเล่าให้พี่น้อง
ในเว็บบอร์ดแห่งนี้ได้อ่านกันอีกแล้วค่ะ

ขอพื้นที่ให้คนอยากเล่่าได้โม้หน่อยนะคะ อิอิอิ
วันนี้เป็นอีกวันที่รู้สึกว่าโลกดูสดใสหลังจากเมฆดำและพายุผ่่านพ้นไป...
อะไรๆดูง่ายดาย ไม่ยากเย็นอย่างทีี่คาดคิดเอาไว้...
คุณป้าที่มหาลัย เคยบอกว่าจะแต่งชุดกิโมโนให้เมื่อหลายปีมาแล้ว
แต่พอเอาเข้าจริงก็ลืมบ้าง ยุ่งบ้าง ไม่ได้นัดวันเวลาที่จะไปหาท่านสักที
เจอกันแทบทุกวันที่มหาลัย จนถึงวันนี้ก็ได้ใส่ชุดกิโมโนสักที
เมื่อก่อนไม่ค่อยสนใจกับรายละเอียดในเรื่องนี้นัก...
แต่ด้วยความจริงใจของคุณป้าที่ตั้งใจจะแต่งชุดให้
ก็เลยขอท่านว่า อยากใส่มันในวันรับปริญญาได้ไหม
ท่านบอกว่า ชุดรับปริญญานั้นจริงๆแล้วไม่ใช่กิโมโน
แต่เป็นฮากามะ เป็นชุดเฉพาะกิจ และเฉพาะงานวันรับปริญญาเท่านั้น
แต่หากจะใส่กิโมโนไปก็ไม่แปลกอันใด แต่พอดีท่านไม่ว่าง
ในวันกำหนดรับปริญญาบัตรพอดี ท่านเลยบอกว่่า
จะใส่ไปถ่ายรูปกับผลงานของตัวเองที่จัดโชว์ในหอศิลป์ไหม...
วันนี้ท่านก็เลยแต่งชุดกิโมโนให้ มารับมาส่งเราถึงที่เพื่อไปแต่งตัวที่บ้านท่าน
หากถามว่า อะไรที่ทำให้เราไว้ใจคนที่เราไม่เคยไปบ้านเขาได้ขนาดนี้
ก็อยากจะบอกว่า แววตาจริงใจคู่นั้นค่ะ และการมอบหมาย
ไปยังอัลลอฮฺตาอาลา เลยทำให้กล้าที่จะเชื่อใจ ไว้ใจคุณป้าที่เจอหน้ากันมาสี่ปี
และวางชีวิตไว้กับอัลลอฮฺผู้ทรงปกป้องคุ้มครองเรามาตลอด...
และทุกอย่างย่อมมีครั้งแรก...และท่านก็ทำให้เราประทับจริงๆ
ก่อนแต่งชุด เรานั่งดื่มชาและก็คุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ
อาการป่วยของแม่ เพราะว่าอายุของท่่านก็ไล่เลี่ยกับของแม่ข้าน้อย
แต่ท่านยังดูอ่อนวัยกว่าและแข็งแรงกว่ามาก...
พอบอกท่านว่าแม่เป็นเบาหวาน หมอห้ามทานของหวาน
ท่านก็แนะนำเครื่องดื่มที่ทำจากใบบานาบะที่นำไปตากแห้งว่า
มันมีสรรพคุณช่วยสลายน้ำตาลในเลือด ให้เราดื่มหลังทานอาหาร
หรือของหวานทุกๆครั้ง เพราะมันจะช่วยขับหรือสลายน้ำตาลออกไป
(ก็ไม่รู้ศัพท์ว่าเขาเรียกกันยังไงเหมือนกันค่ะ รู้แต่เพียงว่า
หากดื่มน้ำที่เอาใบไม้ดังกล่าวที่นำมาต้ม ก็จะลดน้ำตาลในเลือดลงไป)
โดยเฉพาะคนสูงอายุ เพราะว่าคนสูงอายุนั้น บางรายไม่สามารถออกไปไหนได้
การเคลื่อนไหวก็ลำบาก พละกำลังไม่ดีอย่างแต่ก่อน
เลยทำให้อาหารที่ทานเข้าไปไม่ได้เผาผลาญ ใบไม้ที่ว่านั้นจึงสามารถ
ช่วยลดน้ำตาลลงไปได้...และท่านบอกว่านอกจากเจ้าใบนั้นแล้ว
ใบฝรั่งยังช่วยได้ด้วย เพราะท่านอาศัยดูจากทีวีเอา เขาวิจัยออกมา
ว่าช่วยสลายน้ำตาลให้มีปริมาณน้อยลงได้ และยังแนะนำให้ข้าน้อย
ลองทำอาหารเจให้แม่ทานดู เพราะว่าข้าน้อยเล่าให้ฟังว่า
หมอห้ามแม่ทานพวกเนื้อและของมัน สิ่งที่ทานได้ก็พวกปลา
แต่แม่ก็บอกว่าคาว ทั้งที่เมื่อก่อนจะชอบทาน
ท่านเลยบอกว่า คนเราพอแก่ตัวลง อะไรที่เคยทานได้ ก็จะทานไม่ได้
ท่านเลยบอกว่า เมื่อหมอไม่ให้ทานพวกเนื้อ แต่ท่านอยากทาน
ซึ่งมันคือความอยากด้วยความเคยชิน ก็เลยบอกว่า ลองนำเต้าหู้
มาดัดแปลงให้คล้ายๆพวกเนื้อแล้วปรุงอาหารที่ไม่มันดู
อย่างอาหารญี่ปุ่นก็มีหลายชนิด ท่านบอกว่า ถ้ายังมีเวลา
ท่านจะสอนให้ แต่ก็เสียดายค่ะ อีกไม่นานก็ต้องกลับไทยแล้ว
แต่ท่านก็บอกว่า ที่ไหนๆก็มี ลองทำดู ไม่ยาก แม่อาจจะทานได้ก็ได้
เพราะว่ามันมีคุณค่าทางอาหารไม่ต่างจากเนื้อสัตว์
และที่สำคัญ คนเป็นเบาหวานทานได้ แม่ของท่านก็เป็นโรคนี้
และยังแนะนำอีกว่า หากว่าท่านหลงๆลืมๆหรือไม่มีแรงทำอะไร
เราอย่าทำแทนท่าน หรือบอกท่านว่า หนูทำเอง แม่ไม่ต้องทำหรอก
โดยปล่อยให้ท่านนอนสบายๆ เพราะนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ
ยิ่งสมองของท่านเคยได้รับการกระทบกระเทือนหรือเคยช็อค
เพราะขาดอากาศหายใจ สมองจะสั่งการได้ไม่เหมือนเราๆ
และคนญี่ปุ่นที่สูงอายุเป็นโรคนี้กันเยอะมาก...
ท่านเลยบอกว่า ทางที่ดีเราควรให้ท่านได้ทำอะไรๆบ้าง
งานเล็กๆน้อยๆ เวลาท่่านหลงๆลืมๆ เราก็พยายามบอกท่่านว่า
ท่านทำอย่่างนั้นอย่างนี้แล้วนะ พยายามอธิบายท่าน
และบอกให้ท่านทำ เพราะเมื่อมือขยับ สมองจะทำงาน
เมื่อสมองได้ทำงาน มันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากไปหาหมอ
หมอก็ให้ทำอย่างนี้ ซึ่งเราสามารถช่วยท่านได้ ดูแลท่านเองได้...

และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับท่านหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงๆ
ตบท้ายด้วยการแต่งชุดกิโมโนให้ พอแต่งเสร็จท่านก็บอกว่่า
จะยกชุดนี้ทั้งเซ็ทให้ข้าน้อยเป็นของขวัญ เป็นที่ระลึก ตอนนั้นบอกตามตรงเลยค่ะว่า
เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน เพราะก่อนหน้านั้น อยากได้ชุดกิโมโนเช่นกัน
แต่ว่ามันแพง ชุดนึงแบบครบเซ็ทก็เป็นแสน บางชุดก็เป็นล้าน
เพราะแค่เช่ามาใส่ก็ปาไปเป็นหมื่นแล้ว ก็เลยตัดใจไม่ซื้อไม่สนใจไปเลย

แต่วันนี้เหมือนส้มหล่น ได้ชุดกิโมโนสีส้มที่คุณป้าเป็นคนตัดเองกับมือ
มาเป็นของขวัญและยังมีผ้าคลุมสีชมพูที่คุณป้าท่่านถักเองอีก...
ก็เลยไม่รู้จะตอบแทนท่านยังไงไหว ท่านก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก
ท่านอยากให้ และตั้งใจจะให้มานานแล้ว...ส่วนอีกชุดนึงท่านบอกว่่า
มันคนละแบบกัน แขนจะยาวกว่าตัวที่ยกให้ข้าน้อย และก็เป็นสีชมพู
ของลูกสาว ก็เลยยกให้ไม่ได้ แต่จะแต่งให้ก่อนข้าน้อยกลับไทย...
แถมท่านยังไปดูผลงานของข้าน้อย ไปถ่ายรูปด้วยกัน
เพราะก่อนหน้านั้น ท่านก็ถามว่า พ่อกับแม่จะมาดูงานมั้ย...
เพราะว่ามันคือผลงานจบ ก็เลยบอกท่านไปตามตรงว่า
พ่อกับแม่มาไม่ได้หรอกค่ะ ซึ่งตอนแรกๆข้าน้อยก็ไม่ได้คิดอะไร
เพราะรู้สึกเฉยๆ แค่ได้ทำงานส่งทัน ก็ดีใจแล้ว
แต่วันแรกของงาน ข้าน้อยต้องอยู่เวรเฝ้างานตลอดทั้งวัน
เห็นพ่อแม่พี่น้องของเพื่อนๆแต่ละคนมาดูผลงานของลูกๆ
มีถ่ายรูปกัน แล้วก็อดรู้สึกบางอย่างไม่ได้เหมือนกัน
และคิดว่่ามันจะดีสักแค่ไหน
หากวันที่เราสามารถคว้าดาวมาได้ วันที่เราทำผลงานสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน
และมีโอกาสได้ให้คนอื่นเข้ามาดูเข้ามาเห็น มีพ่อแม่ยืนอยู่เคียงข้าง
แต่ด้วยรู้ดีและรู้มาแต่ต้นว่า มันจะเป็นอย่างนี้ เลยทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว...
เพราะก่อนหน้านี้ ที่เคยได้รับรางวัล แต่ไม่มีใครหรือคนที่เราต้องการ
หรือเพื่อนสนิทที่ติดภาระพอดีได้ไปยินดีในงานด้วย วันนั้นไม่มีรูปถ่าย
ไม่มีตากล้อง วันที่เราคิดว่า เราสุดๆแล้ว ก็กลายเป็นวันธรรมดาๆวันนึงไป...
ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับระยะทางที่ห่างกัน...
และวันนี้ก็ดีใจที่ป้าที่แต่งชุดกิโมโนให้ดูจะเข้าอกเข้าใจ มาดูงานของเรา
เหมือนเห็นความสำคัญของมัน และเพืื่อนสนิทก็มาร่วมงานด้วย
แม้จะไม่มีพ่อแม่พี่น้องมาร่วมด้วย แต่แค่นี้ก็มากพอสำหรับเวลานี้ค่ะ...

ทำให้เราอุ่นใจ เติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปได้เยอะเลยค่ะ

เพราะคนที่เขาไม่มีพ่อแม่มาแต่กำเนิดมันย่ิงกว่าเราด้วยซ้ำ...
อัลฮัมดุลลิลลาฮฺ...อัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณายิ่ง
ทำให้นึกถึงดุอาฮฺของพ่อกับแม่ก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น
ท่านบอกว่่า ขอให้ลูกของท่าน(ข้าน้อย)ได้เจอแต่คนดีๆ จิตใจดี
มีแต่คนเอ็นดูและมีคนคอยช่วยเหลือแทนท่่านและพี่น้อง....
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ญี่ปุ่นมา ดุอาฮฺของพ่อกับแม่อัลลอฮฺทรงรับ...
ชีวิตที่ผ่านมา ต้องพบเจอกับความหลากหลาย
บอกตามตรงเลยค่ะว่า เพื่อนที่เป็นมุสลิมจริงๆมีน้อยเหลือเกิน
หากใครบอกว่่า หากจะมองใคร ให้มองที่เขาคบใครเป็นมิตร
อันนี้ไม่ขอค้านเลยค่ะ...แต่ก็อยากจะบอกเหลือเกินว่า...
ใช่ว่าเส้นทางชีวิตเราจะเลือกได้ดั่งที่อยากเลือกเสียทั้งหมด...
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน หรือต้องเดินไปทางไหน
ศรัทธาต่างหากคือตัวตัดสิน...เมื่อก่อนพ่อแม่อยากส่งเข้าเรียนปอเนาะ
อย่างลูกๆคนอื่นๆเขา แต่ท่่านไม่มีความสามารถพอ
และโอกาสที่เดินเข้ามาคือ การได้เรียนโดยที่พ่อกับแม่
ไม่ต้องเสียค่าเทอมมาให้ตลอด แม้กระทั่งปัจจุบัน
และหากมันคือทางเลือกที่จะช่วยพ่อแม่และตัวเองได้ ใยเราจะปฏิเสธ
ที่เหลือและที่ผ่านมา แม้จะหวาดกลัวกับการเดินทาง
ที่ไร้พ่อแม่คอยเคียงข้าง แต่มันก็ต้องยอมรับ น้อมรับว่านั่นคือ
กำหนดจากผู้สร้าง ที่กำหนดเส้นทางมาให้เลือก และเราเลือกเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ในสถานการณ์นั้น... แม้จะรู้ดีว่าที่จะมาหรือที่ที่อยู่ ณ วันนี้
มีพี่น้องมุสลิมน้อยนิดเหลือเกิน และเรายังเด็ก อีหม่านยังอ่อนแอนัก
เราจะฝ่่ามันไปได้หรือไม่ เมื่อก่อนกังวล แต่สิ่งที่ทำให้กล้าตัดสินใจ
คือ ตะวักกัล มอบหมายไปยังผู้ปกป้องคุ้มครองเราที่แท้จริง...
และ ณ วันนี้ ได้เรียนรู้ความหลากหลายของมนุษย์มากกว่าแต่ก่อน
เพื่อนที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้า ยังโทรมาบอกว่า...
ชีวิตเขานั้น เหมือนถูกกำหนดจากใครหรืออะไรบางอย่าง
ที่เรามองไม่เห็น แต่รู้ว่่ามี เขานั่นแหล่ะ คือผู้ที่ทำให้ฉันสุขและฉันเศร้าสุดๆ
บอกตรงๆค่ะว่า ตอนฟังแทบไม่เชื่อหู ยังถามเพืื่อนเลยว่า
เขาที่เธอว่าน่ะใคร เพื่อนบอกว่า ไม่ใช่มนุษย์หรอก
มนุษย์ที่ไหนจะทำกับแบบนี้กับชีวิตฉันได้ ฉันหมดแรงแล้ว
ฉันพยายามสุดๆแล้ว แต่เหมือนมันถูกกำหนดให้เป็นอย่างนี้จริงๆ
ฉันยอมแล้ว...เพื่อนผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าพูดออกมาอย่างนั้นค่ะ...
พูดและคิดเหมือนที่ข้าน้อยคิดและรู้สึก และความรู้สึกนี้จะรุนแรง
และชัดเจนมากเมืื่อเราทำทุกอย่่างจนเต็มกำลัง สุดความสามารถ
หมดแรง หมดหวัง สับสน จนต้องคุกเข่่าลงอ้อนวอนอำนาจนึงที่เรารู้ดีว่่า
มันมีอนุภาพมากมายแค่ไหน...และเรารู้ดีว่่า เราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ใครหน้าไหนก็ช่วยไม่ได้ นอกจากอำนาจลับที่เรากำลังสัมผัสอยู่...
อย่างยาวเลยค่ะ

เล่าสู่กันฟัง หวังว่ามันจะมีสาระมากกว่าไร้สาระนะคะ...
เพราะพยายามคัดแต่เนื้อ แต่ก็อดเติมน้ำไม่ได้เหมือนกัน...

ปล.พี่ๆน้องๆมุสลิมะฮฺท่านใดอยากลองใส่หิญาบกับชุดกิโมโนดู
อินชาอัลลอฮฺ...หากกลับไปไทยแล้วมีโอกาสได้พบปะ เจอกัน
ข้าน้อยยินดีแต่งให้ค่ะ... เพราะจะเอาชุดที่คุณป้าให้มากลับไปไทยด้วยค่ะ
และที่ไทยเองก็มีชุดยูกะตะ(ชุดญี่ปุ่นสำหรับใส่ตอนฤดูร้อน)ที่เคยซื้อ
มาก่อนหน้านี้อยู่แล้วด้วยชุดนึงน่ะค่ะ
(มีสีฟ้าคราม ลายดอกกล้วยไม้ โอบิสีแดงเหลือง และรองเท้าเกี๊ยะด้วย

)
และเคยแต่งให้พี่ๆน้องๆในครอบครัวกันมาแล้ว
ส่วนชุดกิโมโนนั้นสำหรับใส่ตอนฤดูหนาว ทั้งยาวทั้งหนาแต่ว่าลวดลายสวยดี
สีแจ่มมากมาย (ส้มแปร๋นเลยค่ะ) ไม่โป๊แน่นอน ฟันธง!!!

วัสลามค่ะ