ยินดีด้วยค่ะที่สอบเสร็จแล้ว

พี่เองก็กำลังจัดการอพยพ ย้ายที่ เอาอะไรไปไม่ได้มากนัก
รู้สึกเสียใจที่ต้องทิ้งหลายๆอย่่างเอาไว้โดยที่ไม่สามารถเอามันไปด้วยได้
ทั้งคนทั้งสิ่งของ...

ที่ญี่ปุ่นนั้นเวลาจะทิ้งของ ต้องเสียเงินด้วยค่ะ
ของที่ต้องเสียเงินตอนทิ้ง เช่น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า และพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า
พวกของใหญ่ๆ เพราะจะยกให้ใครก็ไม่มีใครเอา

เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้ว และบ้านของคนญี่ปุ่นก็มิได้กว้างขวางพอ
จะรับของใหญ่จากเราได้สุดท้ายก็เลยต้องตัดใจทิ้งไป...
ให้รถมาเอา...
พอคุยกับพ่อ พ่อก็บอกว่า ไม่ต้องขนอะไรกลับมาให้หนักและเปลืองเงินทองเปล่าๆ
กลับบ้านแบบตัวเปล่าๆมาเล้ย ก็เลยแย้งพ่อไปว่า
มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะของบางอย่างมันไม่สามารถหามาใหม่ได้
มันก็เลยต้องแบกกลับไปด้วย 55555
พอบอกพ่อว่าจะเอาหม้อข้าวอันน้อยที่ใช้หุงข้าวกินมาตลอดตอนอยู่ญี่ปุ่น
กลับไปบ้านด้วย พ่อก็หัวเราะ บอกว่าจะเอาหม้อข้าวมาทำไม
ที่บ้านก็มีแล้ว 5555 เลยอธิบายไปว่า มันเป็นความผูกพันที่ตัดกันไม่ขาด
แม้รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้เอาไปแล้วไม่สามารถใช้ที่ไทยได้
เนื่องจากระบบไฟฟ้าต่่างกัน(ความต่างศักย์ไม่เหมือนกัน)
แต่ก็อยากเอาไปงิ เฮ้อ... นี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะยัดใส่กล่องไปได้มั้ยงิ
หากยัดไม่ได้ จะแบกขึ้นเครื่องเลยงิ ไม่อายใครแว้ววววววว... 5555
ตอนเล่าให้พ่อฟัง พ่อหัวเราะลั่น แต่ก็ตั้งใจจะเอากลับไปจริงๆแหล่ะค่ะ
เพราะมันเป็นหม้อข้าวใบแรกในชีวิตที่ซื้อเองและใช้มันมาตลอด
ทั้งขัดฉีฉวีวันเหมือนตอนกับพี่ชายขัดรถมอเตอร์ไซด์ ฉันใดก็ฉันนั้นแหล่ะค่ะ เหอๆๆๆ
สงสารมัน หากจะต้องทิ้งมันให้อยู่กลายเป็นขยะในแดนปลาดิบ อิอิ
จบไปหนึ่งสำหรับเรื่องหม้อข้าว

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกก็คือ...ของพวกนี้เป็นของนอกกาย
บางอย่างท่ีเราอยากเอาไป ก็ไม่สามารถเอาไปได้
อุตส่าห์สร้างสมไปก็เท่านั้นค่ะ เพราะสุดท้ายตอนจะจากไป
ก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง
แม้เราจะรักจะหวงยังไง เมื่อถึงเวลา เราก็ต้องทิ้งมันไป...

หากทำใจ ตัดใจได้ คงไม่เสียใจเท่าไหร่ค่ะ ฮื้อๆๆๆๆๆๆ
พ่อบอกว่่า...นั่นแหล่ะคือเหตุผลที่พ่ออยากให้ลูกๆมีความรู้
เพราะไม่ว่าจะไปอยู่ท่ีไหน มันจะไปด้วย เป็นสมบัติที่ไม่ต้องแบกให้เหนื่อย
และไม่หนัก แต่กว่าจะได้มานั้นยากเย็น และคุ้มค่าเสมอ...
พ่อคือคนที่สร้างบ้านให้คนอื่นๆได้สำเร็จและสวยงามเสมอ
แต่บ้านของตัวเองพ่อกลับสร้างไม่เคยเสร็จเหมือนกับที่สร้างให้คนอื่นๆ
เมื่อก่อนเคยสงสัยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
แต่พอผ่านพบเจอกับอะไรๆในชีวิตจึงเข้าใจว่า...
เพราะพ่อมีสิ่งที่พ่ออยากสร้างอยากออกแบบมันมากกว่าบ้าน
และอยากให้มันดูดีกว่าบ้าน...อยากเห็นมันสำเร็จกว่าการสร้างบ้านของตัวเอง...
เพราะการกระทำของผู้นำของบ้านฟ้องออกมาอย่างนั้น

และจะไม่เสียใจเลย หากพ่อจะสร้างบ้านหลังที่เราอยู่กันไม่เสร็จค่ะ...
และก็จะไม่คิดด้วยว่า พ่อเราไม่มีความสามารถพอจะสร้างบ้านของตัวเอง
ให้เสร็จได้ เพราะว่า....สิ่งที่พ่อสร้างให้เรามันยิ่งใหญ่กว่าบ้าน

เลยรู้สึกว่า...คนที่จะเป็นผู้นำที่เป็นที่รักของสมาชิกหรือผู้ตามได้นั้น...
ส่วนใหญ่แล้ว...มักจะนึกถึงตัวเองหลังสุด...

ปล.ข้าน้อยไม่รู้ว่่า หากเราตาย ความรู้มันจะตามเราไปด้วยมั้ย
แต่ที่รู้ๆ ดีกับชั่ว ตามไปด้วยอย่างมิต้องสงสัยเลย...
นี่มันถึงเวลาที่เราต้องตัดใจทิ้งสิ่งที่อยู่กันมาอย่างโทรทัศน์ เครื่องซักผ้า
ที่นอน หมอน มุ้ง ฯลฯ แล้วใช่ไหม
เฮ้อ...ตัดใจไม่ไหว ทิ้งหม้อข้าวไม่ลงค่ะ
55555555
วัสลามค่ะ...