ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...  (อ่าน 226234 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #375 เมื่อ: เม.ย. 19, 2009, 09:47 PM »
0
พี่น้องว่าอย่างไรครับ เมื่อเพื่อนที่เราคบ จากปกติที่เรารู้จักเขานั้น เขาเป็นที่คนที่พูดไม่ค่อยเก่ง รู้เรื่องศาสนามาบ้างแต่ไม่มากนัก แต่มาวันนี้ เขากลับมีอาการที่ทุกคน (รวมทั้งผม) ดูแล้ว รู้สึกว่า เขาเริ่มมีอาการบางอย่างเกี่ยวกับสมอง หลงๆ ลืมๆ พูดซ้ำไปซ้ำมาเรื่องเดิมๆ แต่เรื่องที่เขาเน้นเดิมๆ นั้นกลับกลายเป็นเรื่องศาสนา บางครั้งตอนที่เขาอยู่ในอาการที่ทุกคนรู้ว่าผิดปกติจากที่ทุกคนเคยรู้จักเขามา เขากลับพูดจาฉะฉาน สิ่งที่เขาพูดเป็นการตักเตือนเรื่องศาสนาล้วนๆ มีการยกอายะฮ์กุรฺอานและหะดีษมาประกอบ พร้อมทั้งบอกความหมายเป็นภาษามลายูชนิดที่ผมฟังแล้วอึ้ง เขาแปลถูกและคำพูดของเขาก็ไม่ติดขัด เขาพูดเป็นภาษามลายูชนิดที่ผมฟังแล้ว หากให้คนมาเลย์มาฟังคงจะเข้าใจได้ไม่ยาก ซึ่งต่างจากที่ผมรู้จักเขามา เขาพูดไม่หยุดหย่อน จนหลายคนพยายามจะปลอบให้เขาหยุด และทำทีเป็นเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาพูด แต่ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุให้เขาพูด เขามักจะโต้กลับเสมอว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น เป็นสิ่งที่เขาต้องพูด เพราะมีคนมาบอกสั่งให้เขาพูด สิ่งที่เขาเป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น สิ่งที่เขาได้รับมานั้น มันประดังและพุงเข้ามาหาเขา ชนิดที่ตั้งตัวไม่ทัน จนเขารับไม่ไหว ผมเห็นเขาพูดแล้ว เหมือนคนที่โดนใครสักคนบังคับพูด แต่เผอิญสิ่งที่เขาพูดกลับเป็นการตักเตือนเกี่ยวกับศาสนา ก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่มันกลับผิดปกติจากสิ่งที่ผมและเพื่อนเคยรู้จักเขามาก่อน เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

             ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ผมพอจะจับประเด็นสำคัญที่เขาพูดได้ ตอนมีอาการที่ว่าข้างต้นนั้น มีดังนี้ "เราต้องบริหารเวลาให้ดี อย่าปล่อยให้เปล่าประโยชน์ จงพิจารณาอายะฮ์ "วัลอัศริ..." (เขาอ่านจนจบสูเราะฮ์พร้อมทั้งแปลเป็นภาษามลายู) พร้อมกันนี้เขาก็พยายามเชื่อมโยงความเกี่ยวพันกันของอายะฮ์วัลอัศริกับหะดีษที่ว่า "อินนะมัลอ๊ะมาลุบินนียาต..." ว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งเพียงใด แต่มนุษย์น้อยคนนักที่จะตระหนักถึงมันทั้งสอง แต่มักจะปล่อยปละละเลย เขาบอกว่า จริงอยู่ที่เวลาละหมาดซุฮฺริ 12 เที่ยงถึง 4 เย็น แต่เราต้องบริหารเวลาให้ดี ไอที่เราว่าไม่ทัน ไม่ใช่เวลา แต่เพราะตัวเราต่างหาก เราบริหารเวลาไม่ดีเอง เราไม่นียะฮ์ที่แน่วแน่ หากเรามีนียะฮ์ (เจตนา) ที่ดีและแน่วแน่วในการงานอะไรสักอย่าง แต่ให้ไม่ทันเพียงใด มันก็ต้องทันให้ได้แหละ ไม่มีหรอกที่ไม่ทัน ที่ไม่ทันเพราะเราบริหารเวลาไม่ดีและมีนียะฮ์ที่ไม่แน่วแน่...
                  เขาบอกด้วยว่า เขารู้สึกเสียใจมากๆ เสียใจแบบสุด เขารู้สึกผิดอย่างถึงจิตถึงใจจริงๆ เพราะเขานียะฮ์ว่า เมื่อเขาเข้ามหาลัย (หมายถึงได้เรียนศาสนา ซึ่งเขาอยู่เอกเดียวกับผม,ชรีอะฮ์) จะตั้งใจว่า จะเปลี่ยนและปรับปรุงตัวเอง คนรอบข้าง สังคม แต่เขากลับทำไม่ได้เลย เพราะแม้แต่จะควบคุมตัวเอง เขายังทำไม่ได้เลย เขาเสียใจมากๆ เสียใจแบบจับจิตจับใจ เคลียดหนัก กดดัน จนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะนับวัน วันกิยามะฮ์ก็ยิ่งเข้ามาใกล้ แต่เขายังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเสียที จนในที่สุดด้วยความที่เขาเสียใจอย่างสุดๆ นี้ ทำให้มีคนหรือสิ่งหนึ่งมาบอกเขา เพื่อให้เขาบอกสิ่งนี้แก่ทุกคน ผม (ผู้เล่า) ถามกลับไปว่า เขาหรือสิ่งนั้น (เขาใข้คำว่า "ยอ" ซึ่งผมไม่รู้ว่าหมายถึง "อิยอ" ที่แปลว่า มัน ใช้กับสิ่งของ หรือ "ดิยอ" แปลว่า เขา ใช้กับคน กันแน่) คืออะไร เขาก็ตอบว่า เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดีนะ ว่า "ยอ" เป็นอะไร แต่เขารู้สึกว่า "ยอ" มาแบบประดังหรือพุงเข้ามาในความคิดของเขาตอนหลับ จนเขาตั้งสติไม่ทัน รับไม่ไหว กึ่งดีกึ่งป่วย ไม่รู้เริ่มอย่างไรดี แต่เขารู้อย่างเดียวว่า ต้องนำสิ่งนี้ไปบอกทุกคน แต่เขาขอบอกทีอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป เขาบอกด้วยว่า สิ่งที่เขาพูดอยู่นี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น ตอนแรกเขากลัวว่า จะไม่มีคนฟังเขา และกลัวว่าจะมีคนมาว่าเขาเป็นบ้า แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องพูดสิ่งนี้...
                     เขาบอกว่า สิ่งที่เขาประสบนั้น มันคล้ายๆ กับวฮีย์ แต่สิ่งที่เขาได้รับไม่ใช่วฮีย์ มันคล้ายๆ กับการดลใจที่ประดังพุงเข้ามา เขาเปรียบว่า นบีได้รับวฮีย์ครั้งแรก นบีรู้สึกกลัว ตัวสั่น ตั้งสติไม่ทัน เขาก็มีอาการคล้ายๆ แบบนั้น แต่เขาก็พยายามเน้นว่า สิ่งที่เขาประสบนั้นจะเปรียบกับวฮีย์ไม่ได้เลย หากมีส่วนเหมือนก็เพียงเศษเสี้ยวความรู้สึกเท่านั้น ..."

                     ทีจริงมีอีกนะครับ ผมจำได้แค่นี้แหละ ขอบอกได้คำเดียวว่า เพื่อนผมคนนี้ ทำให้ผมต้องอึ้งและ ... ไม่รู้บรรยายอย่างไรอะครับ มันน่าติดตามมาก แต่มันก็ชีวิตจริงของเพื่อนผม ที่ผมกำลังสัมผัสมันอยู่ และยังนึกไม่ออกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะทุกนาทีจะมีการเปลี่ยนแปลงกับเขาอยู่เสมอ - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม

               หมายเหตุ : เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดกระหว่างที่ทำค่าย ก่อนกลับจากค่าย 2-3 วัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 20, 2009, 10:33 AM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #376 เมื่อ: เม.ย. 19, 2009, 11:19 PM »
+1
หวังว่าคงไม่ใช่ค่ายที่พวก'ยอ' กำลังทำอยู่ตอนนี้นะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #377 เมื่อ: เม.ย. 20, 2009, 08:21 AM »
+1
ถ้าเป็นเพื่อนแบฟาตอนีแล้ว คิดว่าเดิมคงไม่น่าจะใช่
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #378 เมื่อ: เม.ย. 20, 2009, 11:05 AM »
0
เหมือนกับอยากจะเชื่อ  แต่ก้อไม่เชื่ออย่างสุดใจ
มาเล่าต่อนะ...อยากอ่าน....

แล้วเดิมเค้าเป็นวะฮาบีย์ไหมหล่ะ smile:

               ในค่ายเป็นสายเก่าหมดครับ โดยเฉพาะเพื่อนคนนี้ แม้จะไม่ค่อยยุ่งเรื่องสายเก่าใหม่ แต่ก็มั่นใจว่าเป็นสายเก่าแน่นอน

            เรื่องที่เกิดขึ้น มันก็คาดเดายากนะ เพราะตอนครั้งแรกที่เกิดขึ้น คือวันที่ 15 เมษา ก่อนกลับค่าย 2 วันนั้น เพื่อนคนนี้ก็เริ่มออกอาการ ครั้งแรกทุกคนคิดว่ามีอาการคล้ายผีเข้า ตอนนั้นรู้กันไม่ถึง 5 คน เพราะคืนนั้นทุกคนต่างวุ้นอยู่กับหน้าที่ของตัวเอง เนื่องจากคืนนั้นเป็นคืนแสดงกิจกรรมของน้องๆ ในค่ายซึ่งจะมีผู้ปกครองมาชม ดังนั้น คืนนั้น ทุกคนจะมุ่งสนใจที่บนเวทีกันเสียส่วนใหญ่ ผมมารู้อีกที ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้ ก็งานเกือบๆ จะสิ้นสุดลงแล้ว อยู่ดีๆ เพื่อนอีกคนที่ผมคบอยู่ด้วย ไปไหนมาไหนด้วยกันนั้น ถามผมว่า รู้ยัง ว่าไอ...(ชื่อเพื่อน) เป็นอะไร ผมก็ตอบว่า เป็นไรอะ จากนั้นเขาก็เล่าอย่างที่ผมบอกไป

            เรื่องนี้มันแปลกที่ว่า เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนที่ค่อนจะไปในทางที่ดี คือกลายเป็นคนที่พูดแต่เรื่องศาสนา พูดจาฉะฉาน เนื้อหาที่พูดเป็นระบบระเบียบมากๆ ไม่มั่ว ฟังเข้าใจง่าย ต่างจากตอนที่เขาเป็นปกติธรรมดา ที่เวลาคุยมักจะตะกุกตะกักนิดหนึ่ง สายตาลอกแลก แกมยิ้มบ้างเวลาพูด แต่พอมาดูช่วงที่เขาเกิดอาการอย่างว่า กลับกลายเป็นว่าพูดแบบมั่นใจ สายตาจ้องที่ผู้ฟัง กิริยาท่าทางดูมั่นคง และเน้นหนักเรื่องศาสนาอยู่ตลอดเวลา เน้นว่าวันกิยามะฮ์ใกล้เข้ามาแล้ว เรารู้ตัวบ้างไหม วันนี้เรานับสัญญาณวันกิยามะฮ์ได้กี่ประการแล้ว หรือเรากำลังเผลอเรอกันอยู่ เราต้องบริหารเวลาและคงเจตนาไว้ให้มั่น ไม่ปล่อยหรือใช้ไปแบบเปล่าประโยชน์ และอาการเช่นนี้ ไม่ใช่เกิดกับเพื่อนของผมคนนี้เพียงคนเดียว แต่เกิดกับเพื่อนที่เป็นประธานค่ายด้วย แต่คนหลังนี้จะเป็นน้อยกว่าเท่านั้นเอง

             สิ่งที่ทั้งสองคนนี้เน้นเหมือนๆ กันก็คือ เรื่องที่ว่าฉันได้รับฮิดายะฮ์จากอัลลอฮฺ ฉันได้รับฮิดายะฮ์จากอัลลอฮฺ บอกสิ่งนี้ให้ชาวบ้านรู้ด้วยนะ ขอร้องนะ ช่วยบอกด้วย ฉันไม่ไหวแล้ว ประการต่อมา ทั้งสองจะเน้นเรื่อง "อินนะมัลอ๊ะมาลุบินนิยาต..." ว่าทุกคนจะทำอะไรต้องมีเจตนาที่แน่วแน่ ไม่ทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน มิฉะนั้น จะทำให้ตัวเองสับสนและอาจจะคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ประการต่อมา จะเน้นเรื่อง "วัลอัศริ..." การบริการเวลา และพยายามจะเชื่อมโยมเรื่องนียะฮ์กับวัลอัศริเข้าด้วยกัน ว่ามันเกี่ยวพันอย่างแน่นแฟ้นเพียงใด พร้อมทั้งเน้นว่า เราต้องพัฒนา ปรับปรุงตัวเอง ครอบครัวของเรา สังคมของเราและคนรอบข้างของเรา หากเราทำได้ดังนี้ หากจะตายก็ตายอย่างภาคภูมิใจและคุ้มแล้วที่เกิดกับชีวิตที่อัลลอฮฺให้มา

             คืนสุดท้ายก่อนกลับจากค่าย ประธานค่ายได้นอนในมัสญิด ซึ่งรถจะมารับตอนประมาณตีหนึ่งกว่า เมื่อประธานตื่น, ประธานก็เรียกรองประธานซึ่งกำลังจะปลุกประธานละหมาดฮาญัดอยู่พอดี จากนั้นประธานก็เหลือบหันมาเห็นผมพอดีประจวบกับผมเองก็กำลังจะไปหาประธานด้วย จะถามเรื่องละหมาดฮาญัตว่าจะเอาอย่างไรดี จะให้ผมนำหรือใครนำละหมาดดี, ประธานได้เรียกผม ผมก็ไปที่ประธาน, ประธานก็พูดสั่งให้ผมเป็นผู้นำละหมาดฮาญัตและช่วยขอดุอาอฺให้เพื่อนๆ ทุกคนสลามัตในการเดินทางและภยันตรายทั้งหมด จากนั้นประธานก็หันมาคุยกับรองฯ แล้วสั่งรองฯ ว่า กูมีสิ่งหนึ่งที่อยากให้มึงช่วยกูบอกชาวบ้านให้หน่อย กูขอร้อง กูขอร้องจริงๆ นะ ช่วยบอกชาวบ้านให้หน่อย พอได้ยินอย่างนี้ ผมสังเกตเห็นรองฯ ทำหน้าไม่สู้ดีแกมแปลกใจไม่อยากจะฟัง และพยายามเบี่ยงไปเรื่องอื่น พร้อมกับบอกว่า อย่าห่วงเลย มึงไว้ใจกูนะ เออ เดียวกูบอกชาวบ้านให้เอง ด้วยคำพูดของกู มึงไว้ใจกูนะ ก็สามารถบอกชาวบ้านได้ ด้วยความคิดและคำพูดของกูเอง จากนั้นประธานก็แย้งว่า ไม่ได้ มึงต้องบอกตามนี้ ไม่ได้ๆ กูขอร้อง มันช่วยบอกสิ่งนี้ให้ชาวบ้านด้วย กูได้รับฮิดายะฮ์จากอัลลอฮฺ กูได้รับฮิดายะฮ์จากอัลลอฮฺ (พร้อมกับยกมือในลักษณะชี้ด้วยนิ้วชี้เชิงสั่งสอน) จากนั้นผมกับรองฯ ก็เอ่ยถามเกือบจะพร้อมๆ กันว่า มันคืออะไร, ประธานก็ตอบว่า "จงบอกชาวบ้านว่า ผมอดทนกัดฟันต่อสู้เพื่อศาสนาของอัลลอฮฺมาแล้ว หลังจากนี้ ผมจะดูว่าพวกคุณจะอดทนกัดฟันต่อสู้เพื่อศาสนาของอัลลอฮฺได้เหมือนอย่างที่ผมทำหรือไม่" แค่นี้แหละ กูฝากมึงบอกชาวบ้านด้วย ก่อนขึ้นรถ เพราะตะเดี๋ยว กูจะไม่พูดกับใครทั้งสิ้น กูเพลีย กูไม่ไหวแล้ว กูขึ้นรถ กูจะหลับ หลับ หลับยาวไปเลย, รองก็ตอบว่า เออๆ มึงไว้ใจกูเหอะ, ประธาน: มึงอย่าลืมนะ จากนั้นรองฯ ก็ชวนให้ประธานรีบลุกไปอาบน้ำละหมาดเพราะได้เวลาละหมาดฮาญัตแล้ว เราละหมาดกันประมาณเที่ยงคืนโดยมีผมเป็นอิมาม ... (ค่อยมาเล่าต่อ) - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #379 เมื่อ: เม.ย. 20, 2009, 11:28 AM »
+1
ดีก็ว่า เลวก็ด่า คนเรา



ว่าแต่ ดูๆแล้วไปทางญูแวหรือเปล่า
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #380 เมื่อ: เม.ย. 20, 2009, 12:50 PM »
0
ดีก็ว่า เลวก็ด่า คนเรา



ว่าแต่ ดูๆแล้วไปทางญูแวหรือเปล่า

               ไม่รู้ดิ วัลลอฮุอะอฺลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #381 เมื่อ: เม.ย. 22, 2009, 01:40 PM »
+1
จากกระทู้นี้
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=4467.msg40291;topicseen#new

อยากให้ดูรูปพวกนี้จึงเลย











จะมีข้ออ้างว่าไม่มีที่ละหมาดอีกมั๊ย 5555
อีมานสูงอย่างแรงเลย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #382 เมื่อ: เม.ย. 22, 2009, 06:34 PM »
+1
แน่ใจนะว่าไม่เคยได้ยินน่ะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #383 เมื่อ: เม.ย. 23, 2009, 02:05 PM »
0
จากกระทู้นี้
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=4467.msg40291;topicseen#new

อยากให้ดูรูปพวกนี้จึงเลย











จะมีข้ออ้างว่าไม่มีที่ละหมาดอีกมั๊ย 5555
อีมานสูงอย่างแรงเลย

มาชาอัลลอฮ์จริง ๆ เลยค่ะ
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #384 เมื่อ: เม.ย. 30, 2009, 05:46 PM »
+1
อ้างถึง

คำถามที่ : 11985
คำถาม : อยากถ่ามว่าละหมาดรวมได้หรือเปล่า
อัสสาลามูอาลัยกูม อ. มูริด
อ. มูริดครับผมแต่งงานกันคนมูอัลลัฟ และแฟนผมทำงาน 7 และเป็นงานที่ต้องเข้ากะ บางครั้งแฟนผมเข้างาน เวลา 12.45 - 22.45 น. ผมก็ไห้แฟนผมเข้าละหมาดรวม คือ ละมาดดุหรี กับอัสรี และพอแฟนกลับผมก็ไห้แฟนละหมาดรวม คือ ละมาดอีซา กับมัฆรีบอยากถาม อ.มูรีดว่า ที่ผมทำนันทำได้รือเปล่า
(ผมชอบเว็บของ อ.มูรีด นะเพราะมันเป็นประโยชน์สำคนมุสลิมที่ต้องการศึกษาอิสลาม)

by: baren - baharen@hotmail.com - 28/4/2009

อ้างถึง
คำตอบ :

อัสสลามุอะลัยกุมครับ

คำตอบ กรณีที่เราไม่สามารถนมาซอัศริได้ อันเนื่องจากมีอุปสรรคดั่งที่กล่าวมาข้างต้น เช่นนี้ ศาสนาอนุญาตให้เรารวมนมาซได้นะครับ กล่าวคือ ให้ภรรยาของผู้ถามนมาซซุฮฺริ 4 ร็อกอะฮฺ จากนั้นก็ให้นมาซอัศริอีก 4 ร็อกอะฮฺ (ในเวลาของนมาซซุฮฺริ) แล้วก็เข้าไปทำงาน ส่วนกรณีภายหลังเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็ให้ภรรยาของเรานมาซมัฆริบ 3 ร็อกอะฮฺ จากนั้นก็ให้นมาซอิชาอ์ 4 ร็อกอะฮฺ ซึ่งการทำเช่นนี้ถือว่าอนุญาตให้กระทำ เพราะถือว่าเราอุปสรรคนั่นเองครับ. والله أعلم
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 30/4/09 07:40


ดูมักง่ายจังเนอะคนตอบ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #385 เมื่อ: พ.ค. 02, 2009, 12:58 AM »
0
อ้างถึง

คำถามที่ : 11985
คำถาม : อยากถ่ามว่าละหมาดรวมได้หรือเปล่า
อัสสาลามูอาลัยกูม อ. มูริด
อ. มูริดครับผมแต่งงานกันคนมูอัลลัฟ และแฟนผมทำงาน 7 และเป็นงานที่ต้องเข้ากะ บางครั้งแฟนผมเข้างาน เวลา 12.45 - 22.45 น. ผมก็ไห้แฟนผมเข้าละหมาดรวม คือ ละมาดดุหรี กับอัสรี และพอแฟนกลับผมก็ไห้แฟนละหมาดรวม คือ ละมาดอีซา กับมัฆรีบอยากถาม อ.มูรีดว่า ที่ผมทำนันทำได้รือเปล่า
(ผมชอบเว็บของ อ.มูรีด นะเพราะมันเป็นประโยชน์สำคนมุสลิมที่ต้องการศึกษาอิสลาม)

by: baren - baharen@hotmail.com - 28/4/2009

อ้างถึง
คำตอบ :

อัสสลามุอะลัยกุมครับ

คำตอบ กรณีที่เราไม่สามารถนมาซอัศริได้ อันเนื่องจากมีอุปสรรคดั่งที่กล่าวมาข้างต้น เช่นนี้ ศาสนาอนุญาตให้เรารวมนมาซได้นะครับ กล่าวคือ ให้ภรรยาของผู้ถามนมาซซุฮฺริ 4 ร็อกอะฮฺ จากนั้นก็ให้นมาซอัศริอีก 4 ร็อกอะฮฺ (ในเวลาของนมาซซุฮฺริ) แล้วก็เข้าไปทำงาน ส่วนกรณีภายหลังเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็ให้ภรรยาของเรานมาซมัฆริบ 3 ร็อกอะฮฺ จากนั้นก็ให้นมาซอิชาอ์ 4 ร็อกอะฮฺ ซึ่งการทำเช่นนี้ถือว่าอนุญาตให้กระทำ เพราะถือว่าเราอุปสรรคนั่นเองครับ. والله أعلم
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 30/4/09 07:40


ดูมักง่ายจังเนอะคนตอบ

ทัศนะแบบนี้นั้มีอยู่ครับในด้านฟิก
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #386 เมื่อ: พ.ค. 02, 2009, 01:58 AM »
+1
แต่มันเลี่ยงได้นี่ ในเซเว่นก็มีห้องของพนักงานอยู่ เจียดเวลาแค่ไม่ถึง5นาทีก็ไม่ได้เชียวหรือ แล้วก็เซเว่นไม่ได้มีพนักงานคนเดียวซะหน่อย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #387 เมื่อ: พ.ค. 02, 2009, 10:00 AM »
0
 salam

มีบทวิภาษมากมายที่ต้องทำการชี้แจง แต่ตั้งกระทู้ไว้ก่อน ไม่รู้จะวิภาษชี้แจงเรื่องใหนก่อน เฮอะ ๆ ...ยิ่งยังมีถามตอบปัญหาศาสนาอีก เอาเข้าไปพี่น้อง...หากช้าก็มะอัฟพี่น้องด้วยล่ะกันนะครับ (เข้ามาบ่น) ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #388 เมื่อ: พ.ค. 02, 2009, 10:39 AM »
+1
ปล่อยๆไปบ้างก็ดีบัง เดี๋ยวเก็บกด 5555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องที่ฉันอยากเล่า...
« ตอบกลับ #389 เมื่อ: พ.ค. 02, 2009, 01:09 PM »
0
อ้างถึง

คำถามที่ : 11985
คำถาม : อยากถ่ามว่าละหมาดรวมได้หรือเปล่า
อัสสาลามูอาลัยกูม อ. มูริด
อ. มูริดครับผมแต่งงานกันคนมูอัลลัฟ และแฟนผมทำงาน 7 และเป็นงานที่ต้องเข้ากะ บางครั้งแฟนผมเข้างาน เวลา 12.45 - 22.45 น. ผมก็ไห้แฟนผมเข้าละหมาดรวม คือ ละมาดดุหรี กับอัสรี และพอแฟนกลับผมก็ไห้แฟนละหมาดรวม คือ ละมาดอีซา กับมัฆรีบอยากถาม อ.มูรีดว่า ที่ผมทำนันทำได้รือเปล่า
(ผมชอบเว็บของ อ.มูรีด นะเพราะมันเป็นประโยชน์สำคนมุสลิมที่ต้องการศึกษาอิสลาม)

by: baren - baharen@hotmail.com - 28/4/2009

อ้างถึง
คำตอบ :

อัสสลามุอะลัยกุมครับ

คำตอบ กรณีที่เราไม่สามารถนมาซอัศริได้ อันเนื่องจากมีอุปสรรคดั่งที่กล่าวมาข้างต้น เช่นนี้ ศาสนาอนุญาตให้เรารวมนมาซได้นะครับ กล่าวคือ ให้ภรรยาของผู้ถามนมาซซุฮฺริ 4 ร็อกอะฮฺ จากนั้นก็ให้นมาซอัศริอีก 4 ร็อกอะฮฺ (ในเวลาของนมาซซุฮฺริ) แล้วก็เข้าไปทำงาน ส่วนกรณีภายหลังเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็ให้ภรรยาของเรานมาซมัฆริบ 3 ร็อกอะฮฺ จากนั้นก็ให้นมาซอิชาอ์ 4 ร็อกอะฮฺ ซึ่งการทำเช่นนี้ถือว่าอนุญาตให้กระทำ เพราะถือว่าเราอุปสรรคนั่นเองครับ. والله أعلم
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 30/4/09 07:40


ดูมักง่ายจังเนอะคนตอบ

พอเรื่องละหมาดก็ทำเป็นเรื่องเล็ก
ม่ายเข้าจายยยยยย
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

 

GoogleTagged