_________________________________
1 ที่ว่ามีอยู่สองความหมายนั้นคือสิ่งที่ถูกระบุไว้ใน ตำรา “อัล-อะวามิ้ล อัล-มิอะฮ์”มีอยู่ และได้ถูกระบุไว้ใน ตำรา “มุฆนิ้ล ละบีบ” มีอยู่ 8 ความหมายด้วยกัน ดังจะทยอยนำมากล่าวในลำดับต่อไป อิงชาอัลลอฮ์.
2 และความหมายนี้ก็นับว่าเป็น ความหมายที่ถูกใช้อย่างมากโดยส่วนใหญ่.
ดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม ดังนี้
- (الغَايَة المَكَانِيَّة) เป้าหมายที่เป็นสถานที่ เช่น โองการที่ว่า (مِنَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ إِلَى الْمَسْجِدِ الْأَقْصَى) “จากมัสยิด อัลหะรอม สู่มัสยิด อัลอักซอ”(ซูเราะฮ์ อัล-อิสเราะอฺ :1)
- (الغَايَة الزَّمَانِيَّة) เป้าหมายที่เป็นเวลา เช่น ฮาดิษที่ว่า فَمُطِرْنَا مِنَ الْجُمُعَةِ إِلَى الْجُمُعَةِ “เราถูกฝนกระหน่ำจากศุกร์หนึ่งกระทั่งอีกศุกร์หนึ่ง” (อัล-บุคอรีย์ ฮาดิษที่ 1016,1019).
-คำที่ตกหลัง “อิลา” เป็น สิ่งสุดท้ายอย่างแท้จริง (الآخِرُ الْحَقِيْقِيُّ) เช่น โองการ (مِنَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ إِلَى الْمَسْجِدِ الْأَقْصَى) ข้างต้น
-คำที่ตกหลัง “อิลา” เป็น สิ่งติดกับสิ่งสุดท้าย(เป้าหมาย) (مُتَّصِلَا بِالآخِرُ) เช่น نِمْتُ اللَّيْلَةَ إِلَى نِصْفِهَا ฉันนอนในตอนกลางคืน จนถึง(เวลาที่ติดกับ)เที่ยงคืน.
3 หรือเรียกอีกอย่างว่า (الْمُصَاحَبَة) “อัล-มุศอหะบะฮ์” ความหมายคือ การที่เราผนวกสิ่งหนึ่งเข้ากับอีกสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าทั้งสองอย่างนั้นจะเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเครื่องหมายที่จะบ่งบอกว่า “อิลา” มีความหมายดังกล่าวนี้ คือ เราสามารถที่จะวางคำว่า “مَعَ” แทนที่คำว่า “إِلَى” ได้อย่างเหมาะสม และไม่ทำให้เปลี่ยนความหมายแต่อย่างใด.
การใช้ความหมาย “อัล-มุศอหะบะฮ์” นี้ ตามทัศนะของ ปราชญ์“อัล-กูฟียีน” และส่วนหนึ่งจาก “อัล-บัศรียีน” ดังโองการที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่มีนักวิชาการบางท่านมีทัศนะว่า “อิลา” ใช้ความหมายเดิมๆของมัน นั่นก็คือ “อินติฮาอฺ อัล-ฆอยะฮ์” โดยให้ “อิลา” ไปเกี่ยวพันกับสิ่งที่ถูกตัดไปเสียแล้ว (مُتَعَلِّقٌ بِمَحْذُوْف) ซึ่งสมมุติขึ้นว่า “مَضْمُوْمًا أو مَضْمُوْمَةً” (ซึ่งแปลว่า ผนวกหรือรวมเข้าด้วยกัน) ซึ่งจากโองการที่กล่าวมาสามารถสมมุติได้ดังนี้
-(وَيَزِدْكُمْ قُوَّةً إِلَى قُوَّتِكُمْ) = وَيَزِدْكُمْ قُوَّةً – مَضْمُوْمَةً - إِلَى قُوَّتِكُمْ
- (أَمْوَالَهُمْ إِلَى أَمْوَالِكُمْ)= أَمْوَالَهُمْ – مَضْمُوْمَةً - إِلَى أَمْوَالِكُمْ
คำถาม : สิ่งที่เป็น “อัลฆอยะฮ์” (الْغَايَة) (คือคำที่ตกหลังจาก “อิลา”)นั้นจะเข้าภายใต้ ความต้องการหรือจุดมุ่งหมาย (الْحُكْم) ของประโยคนั้นๆหรือไม่?
คำตอบ : ก่อนที่จะเข้าไปตอบคำถามข้างต้นเราจะต้องทราบก่อนว่า ระหว่าง “إلَى” และ “حَتَّى” นั้นมีความสัมพันธ์กันในประเด็นดังกล่าวมาแล้วนี้ ซึ่งการที่“อัลฆอยะฮ์”นั้นจะเข้าภายใต้ ความต้องการหรือจุดมุ่งหมาย (الْحُكْم) ของประโยคนั้นๆหรือไม่นั้น เราสามารถแบ่งออกเป็นสอง กรณีดังนี้
กรณีที่หนึ่ง : เมื่อมีพยานแวดล้อม(อัล-กอรีนะฮ์) (الْقَرِيْنَة) บ่งชี้ว่า “อัล-ฆอยะฮ์” เข้าหรือไม่เข้า ภายใต้ “ฮูกม”ของประโยค ก็ให้ยึดถือตามนั้นได้เลย
1)ตัวอย่าง ประโยคที่มีพยานแวดล้อมบ่งชี้ว่า “อัล-ฆอยะฮ์” เข้า ภายใต้ “ฮูกม”ของประโยค เช่น
قَرَأْتُ الْقُرْآنَ مِنْ أَوَّلِهِ إلَى آخِرِه ฉันได้อ่านคัมภีร์ อัล-กุรอ่าน จากเริ่มแรกกระทั่งสุดท้าย(จบ)(หมายความว่าส่วนสุดท้ายของ อัล-กุรอ่านก็ถูกอ่านไปด้วย)
พยานแวดล้อม ณ ที่นี้คือ จารีตส่วนใหญ่(อัล-อุรฟ์) (الْعُرْفُ) เป็นตัวบ่งชี้ว่าคำในประโยคนี้ถูกใช้ในความหมายครอบคลุม และทั่วถึง (เริ่มจากแรกจนสุดท้ายครอบคลุมหมด)
บางทัศนะเห็นว่า พยานแวดล้อม ณ ที่นี้ คือ กรมีเจตนาที่จะอ่านให้สมบูรณ์(إِرَادَةُ الاسْتِيْفَاء) .
2)ตัวอย่าง ประโยคที่มีพยานแวดล้อมบ่งชี้ว่า “อัล-ฆอยะฮ์” ไม่เข้าภายใต้ “ฮูกม”ของประโยค เช่น โองการที่ว่า
(ثُمَّ أَتِمُّوا الصِّيَامَ إِلَى اللَّيْلِ) “หลังจากนั้นพวกเจ้าจงถือศิลอด(เต็มวัน)จวบจนกระทั่งกลางคืน”(ซูเราะฮ์ อัล-บะกอเราะฮ์ : 187) (กลางคืนไม่เข้า ก็ไม่ต้องถือศิลอด)
พยานแวดล้อมในโองการข้างต้น คือ เป็นที่รู้กันในทางศาสนาว่า การถือศิลอดนั้นถูกบัญญัติเฉพาะกลางวันไปจนกระทั่งส่วนสุดท้ายของกลางวัน และจะสิ้นสุดเมื่อเข้าส่วนแรกของเวลากลางคืน.
กรณีที่สอง : เมื่อมีพยานแวดล้อม(อัล-กอรีนะฮ์)ดังกล่าวมา
กรณีนี้นักวิชาการ มีทัศนะความเห็นที่ต่างกันออกไปสรุปได้ 3 ทัศนะด้วยกันดังนี้
1)ทัศนะที่หนึ่ง “อัล-ฆอยะฮ์” เข้าภายใต้ “ฮูกม”ของประโยคทุกกรณี (ไม่ว่าจะกรณีที่“อัล-ฆอยะฮ์”เป็นชนิดเดียวกับสิ่งที่อยู่ก่อนหน้ามันหรือไม่ก็ตาม) เช่น “سِرْتُ فِي النَّهَارِ إِلَى اللَّيْلِ” ฉันเดินทางในตอนกลางวันจนกระทั่งกลางคืน(ก็ยังเดินทางอยู่)(กลางคืน คนละชนิดกับกลางวัน).
2)ทัศนะที่สอง “อัล-ฆอยะฮ์” เข้า ภายใต้ “ฮูกม”ของประโยค หาก“อัล-ฆอยะฮ์”เป็นชนิดเดียวกับสิ่งที่อยู่ก่อนหน้ามัน และไม่เข้าหากเป็นคนละชนิดกัน เช่น “سِرْتُ فِي النَّهَارِ إِلَى وَقْتِ الْعَصْرِ” ฉันเดินทางในตอนกลางวันจนกระทั่งเวลาเย็นอัสรี(ก็ยังเดินทางอยู่)(เวลาอัศรีชนิดเดียวกับกลางวัน).
3)ทัศนะที่สาม “อัล-ฆอยะฮ์” ไม่เข้าภายใต้ “ฮูกม”ของประโยคทุกกรณี และเจ้า ตำรา“มุฆนิ้ลละบีบ”กล่าวว่านี่เป็นทัศนะที่ถูกต้อง เนื่องจาก พยานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่า“อัล-ฆอยะฮ์” ไม่เข้าภายใต้ “ฮูกม”ของประโยค นั้นมีมากกว่า จึงจำเป็นจะต้องถือตามในประเด็นที่มีการขัดแย้งสงสัยกัน(กล่าวคือในประเด็นที่ไม่มีพยานแวดล้อมบ่งชี้).