มันอยู่ที่ "ปอด"
"หมอว่ามันอยู่ที่ใจต่างหาก" หมอยงค์สบตาผมแล้วยิ้ม
"ใช่..หมอ มันอยู่ที่ใจ แต่สงสัยใจผมจะไม่แข็งพอ ก็เลยเลิกไม่ได้ซักที" ผมยิ้มบ้าง
"มีคนเคยบอกว่า ถ้าอยากเลิกจริง ๆ ให้ทำแค่สองอย่าง" หมอยงค์พูด ตาและมือก็ยังง่วนอยู่กับการจดอะไรบางอย่างลงแฟ้มประวัติคนไข้ ในห้องพักฟื้นคนไข้นี้มีกันอยู่ 3 คน หมอยงค์กับผม และพยาบาลที่กำลังเปลี่ยนขวดน้ำเกลืออันใหม่
ผมกดรีโมทปรับหัวเตียงให้ยกขึ้น นอนเมื่อยมาทั้งวัน มีหมอยงค์เป็นเพื่อนคุยแล้วค่อยหายเบื่อหน่อย
"อะไรบ้างล่ะหมด สองข้อที่ว่าน่ะ"
หมอยงค์เลิกสนใจแฟ้มประวัติของผมชั่วคราว เงยหน้าขึ้นสบตา
"ข้อแรกอย่าจุดไฟ ข้อต่ไปอย่าใส่ปาก" ทั้งผมและหมอก็หัวเราะร่วนอย่างพร้อมเพรียง วันนี้ได้สัมผัสด้านนี้ของหมอทำให้รู้สึกว่าหมอยงค์ก็เป็นคนอารมณ์ขันเหมือนกัน หลายวันมานี้หมอค่อนข้างเคร่งเครียดและเหมือนวิตกกังวลตลอดเวลา การที่วันนี้มีหมออารมณ์ดีเป็นพิเศษ มันคงเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าอาการของผมดีขึ้นมากแล้ว
"อืม...จริงด้วยครับ.. แต่สองข้องนั้นแหละหมอ ที่ยากที่สุด" ยังยิ้มกับมุขตลกเมื่อสักครู่อยู่
"คราวนี้คุณลุงต้องเลิกให้ได้นะครับ อาการของคุณลุงมันล้ำเส้นมาแล้ว" คราวนี้หมอยงค์กลับไปสู่บุคลิกที่ดูเคร่งขรึมและครุ่นคิดอีกครั้ง
"สารภาพตามตรงเลยว่าในห้อง ไอซียู หมอนึกว่าจะรั้งชีวิตคุณลุงเอาไว้ไม่อยู่แล้ว"
"เฮ้อ...ไม่นึกเลยว่าจะมีคนเอาความตายมาขู่ผมตอนแก่ ตลอดชีวิตผมน่ะไม่เคยกลัวตายมาก่อนเลย"
"เอ่อ... ขอโทษด้วยครับถ้าคุณลุงคิดว่ามันเป็นคำขู่ ผมแค่..."
"เอาเถอะหมอ ผมเข้าใจว่าหมอหวังดี" ผมผยักหน้าเล็กน้อย
"ตอนนี้คุณลุงเหลือปวดอยู่ข้างเดียวแล้วนะครับ แล้วไอข้างเดียวนั้นน่ะ มันก็ชำรุดทรุดโทรมลงมากแล้วด้วย คุณลุงคิดดูซิครับ กันกรองบุหรี่ขาว ๆ น่ะพอสูบไม่ทันจะหมดมวน ก้นกรองก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไหม้เลย... นั่นแค่ใช้กรองบุหรี่ไม่ถึงสามนาที... แล้วปอดของคุณลุงน่ะกรองครันบุหรี่มาตั้งเกือบ 50 ปี จินตนาการดูซิครับ ว่าตอนนี้มันจะมีสภาพแบบใหน"
เมื่อพยาบาลเสร็จภารกิจสุดท้าย คือเปลี่ยนถุงปัสสาวะให้ผมก็มายืนรอหมอห่าง ๆ หมอยงค์หันไปส่งสัญญาณให้พยาบาลอออกไปก่อน สงสัยวันนี้หมอคงจะอยู่คุยกับผมต่ออีกซักพัก ดีเหมือนกันสามสี่วันมานี้ใช้ชีวิตอยู่กับการนอน
"ถ้าโรงพยาบาลจะส่งใครมาโน้มน้าวใจให้ผมเลิกบุหรี่ ก็น่าจะส่งนักจิตวิทยามาน่ะ ไม่น่าจะต้องรบกวนหมอผ่าตัดมือข้างหนึ่งมาทำหน้าที่นี้เลย" ผมแซวยิ้ม ๆ
"แหม..คุณลงครับ นี่ไม่ใช่คอร์สบำบัดผู้ติดบุหรี่หรอกครับ ผมเตือนเป็นการส่วนตัวน่ะ ที่สำคัญโรงพยาบาลเขาก้ไม่ได้เพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้ผมด้วย" ท้ายประโยคหมอเอามือป้องปากและยิ้มเผล
"ล้อเล่นน่ะ ผมรู้ว่าหมอพูดเพราะเป็นจรรยาบรรณ" ผมชักชอบอัธยาศัยหมอคนนี้แล้ว
หมอยงค์หยับแว่นเดาะลิ้นหนึ่งครั้งราวกับนึกอะไรบางอย่างออก
"คุณลุงพูดถึงจรรยาบรรณ ผมก็นึกอยากแหกจรรยาบรรณแพทย์ดูสักครั้ง"
น้ำเสียงหมอยงค์ฟังดูแฝงทำนองตื่นเต้นอยู่ในที ทำให้ผมพลอยนึกสนุกไปด้วย
"อะไรครับ..หมอจะชาร์จค่ารักษาผมเหรอ" ผมเย้า
"คุณลุงอยากเห็นปวดของตัวเองใหม"
ยอมรับว่าผมอึ้งเล็กน้อยกับข้อเสนอของหมอยงค์
"ปอดข้างที่ผ่าออกมาในเอกสาระรุบว่าคุณลุงสั่งให้เอาไปฝังในสุสานมุสลิม"
"ถูกต้องคับ...ก็ผมเป็นมุสลิมนี่!" ผมโยกศีรษะขึ้นลงเบา ๆ ช้า ๆ"
"และเย็นนี้มันจตะถูกนำมาฝังตามเจตนารมณ์ของคนไข้ง...และนี่ก็ยังเช้าอยู่เลย"
หมอลดเสียงเบาเมื่อถึงท้ายประโยค
"หมายความว่าหมอเอาออกมาได้"
"ถูกต้องครับง... ผมก็เป็นหมอนี่"
หลังจากผมตกลงใจว่าดูปอดตัวเอง หมอก็อาสาจัดการเรื่องนี้ให้ ผมไม่รู้ว่าหมอยงค์แค่นึกสนุกฝืนกฏโรงพยาบาลขโมยปวดมาให้คนไข้ดู หรือหมอไม่ได้ฝืนกฏอะไรหรอก แต่เป็นแค่กุศโลบายในการทำให้ผมสนใจใครจะไม่รู้ จะอะไรก็ตามผมไม่ค่อยสน เพราะผมว่ามันน่าสนใจจริง ๆ ก็จะมีมนุษย์ซักกี่คนที่ได้เห็นปวดของตัวเองด้วยตาเปล่า
หลังจากนั้นหมอก็ขอเวลาครึ่งชั่วโมงไปดำเนินการตามแผน ที่ผมทำก็แค่นอนรออยู่บนเตียง พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วยเป้นการฆ่าเวลา
ดังนั้น คงราว ๆ ตีสอง
อาการกำเริบ ผมไอจนหมดแรง ไอจนใส้แทบจะหลุดออกมาด้วย รู้สึกเหมือนหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปไม่ทัน ใจมันจะขาด อาการหาอบรุนแรงซะจนแทบจะเอื้อมมือไปกดปุ่มสัญญาณเรียกพยาบาลไม่ไหว แต่ด้วยตระหนักดีว่าถ้าติดต่อพยาบาลไม่ได้ถายใน 5 นาทีนี้ ผมคงไม่รอดแน่
วินาทีนี้เองที่ผมสัมผัสได้ชัดเจนถึงความรู้สึก "กลัวตาย" ผู้รู้คุณค่าของชีวิตแล้ว สิ่งที่ผมเห็นเมื่อตอนกลางวัน มันตามมาหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ จะทำให้ผมหลับตาลงได้อย่างไร เมื่อภาพ "ปลอดตัวเอง" ในโหลพลาสติกใส มันลอยวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา สภาพของมันไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้วเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำมันเครื่องสกปรก ผมต้องพยายามทำใจให้เชื่อว่าผู้ขี้ริ้วสกปรก ๆ นี่คือปวดของผมเอง มิใช่เพียงภาพปวดพัง ๆ ที่ลอยหลอกหลอนผมเท่านั้น
"มันเป็นอะมานะฮ์จากอัลเลาะฮ์น่ะ" เสียงมัรวานเพื่อนของผมที่พูดกับผมเมื่อสองปีก่อนตอนที่เข้าโรงพยาบาลครั้งแรกดังขึ้นมาอีกครั้งในสมอง "รักษมันให้ดีน่ะ" ดังอยู่อย่างนั้นทั้งคืนจนนอนไม่ได้ "มันเป็นอะมานะฮ์จากอัลเลาะฮ์รักษามันให้ดีน่ะ" ทั้งเสียงมัรวาน ทั้งภาพปวดที่หมอยงค์เอาาให้ดูปรากฏสลับฉากกันในหัว
"นี่ไงครับปวดของคุณ"... "มันเป็นอะมานะฮ์จากอัลเลาะฮ์ รักษามันไว้ให้ดี"
"ผมเอามาให้คุณลุงดูได้ซักครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวผมต้องไปคืนเจ้าหน้าที่แล้ว" ฝังในสุสานอิสลามตามเจตนารมณ์ของคุณลุง" .. "รักษามันไว้เถิด" .. "คุณลุง...เลิกบุหรี่เถอะครับ นึกซะว่าทำเพื่อคนที่ลุงรัก"
ในที่สุดผมก็คว้าปุ่มสัญญาณได้ ผมกระดับกดเร็ว ๆ ถี่ ๆ ผมยังไม่อยากตาย ผมยังไม่พร้อมที่จะตาย ไม่กี่วินาทีพยาบาลสองคนก็เข้ามาในห้อง คนหนึ่งเอาหน้ากากออกซิเจนมาสวมให้ผม อีกคนสาละวนอยู่รอบ ๆ เตียงคนไข้ของผม สติของผมขาดหายเป็นห้วง ๆ จำได้ว่าพยาบาลทั้งสองคนเต็มที่ที่จะช่วยชีวิตผมเอาไว้ แล้วความรู้สึกก็หายไปอีกครั้ง หลังจากนั้นผมก็รู้สึกตัว พบว่านีออนบนเพดานมันวิ่งได้ วิ่งไปเรื่อย ๆ สันนิษฐานว่าผมกำลังถูกเข็นไปที่ใดที่หนึ่ง คงเป็นห้องไอซียู
วันนี้เป็นวันที่เงียบมาก ทุกอย่างสงบนิ่ง นิ่งสงบจนผมขนลุก หมองยงค์เข้ามาคุยด้วยซักสิบนาที เมื่อช่วงเช้าสาย ๆ ลูกสาวผมก็พาหลานสาวมาเยี่ยมครอบครัวผมตกใจกันมาก พอได้ข่าวว่าผมเข้าห้องไอซียูอีก ปีนี้ผมมีธุระในห้องนั้นบ่อยเกินไปแล้ว ห้าครั้งภายในสี่เดือน
วันนี้ผมขอให้พยาบาลปิดแอร์และเปิดหน้าต่างรับลมพยาบาลขออนุญาตหมอแล้วจึงเปิดให้ ถึงโรงเรียนจะตั้งอยู่กลางกรุงเทพ แต่ด้วยความสูงถึงสามสิบชั้นก็ทำให้ปลอดภัยจากมลพิษ สายลมพัดม่านปลิวเป็นระยะ ถึงหมอจะอนุญาตให้เปิดหน้าต่างได้ แต่ก็ยังไม่อนุญาตให้ผมเอาหน้ากากออกซิเจนออก ผมจึงรู้สึกว่ายังไม่ได้สูดอากาศ อากาศบริสุทธิของมนุษย์ที่ครอบจมูกผมอยู่มันแปร่ง ๆ ชอบกล
เมื่อคืนเป็นช่วงเวลาที่ผมเข้าใกล้ความตายมากที่สุด หลังจากรอดชีวิตมาจากสถานการณ์นั้นได้ มันทำให้ผมคิดตกในหลายเรื่อง ผมไม่เอาแล้ว...บุหรี่ จบกันทีที่เสียใจที่สุดก็ตรงที่มันเป็นการเลิกบุหรี่ที่ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี ถึงคราวนี้ผมจะเลิกมันสำเร็จ ก็ไม่ได้แปลว่าผมชนะมัน มันต้อนผมซะจนมุม ผมจึงเลิก นี่แหละทำให้ผมรู้สึกว่า ผมหันหลังให้มันอย่างไร้ศักดิ์ศรี สภาพจิตใจผมคงจะดีกว่านี้ หากว่าผมเลิกมันตอนยังหนุ่มแน่น สมัยที่ปวดยังแดงสด สมัยที่คนในวันเดียวกันเขายังไม่เลิกบุหรี่กัน
ถ้าผมเลิกในขณะที่ยังแข็งแรง ผมคงกลับไปยบอกอัลเลาะฮ์เต็มปากได้ว่า ผมเลิกมันเพื่อพระองค์ ไม่ได้เลิกเพราะคำสั่งหมอ ไม่ได้เลิกเพราะกลัวตาย แต่ตอนนี้ผมชัดไม่แน่ใจแล้วว่า ถ้าผมบอกว่าผมเลิกมันเพื่ออัลเลาะฮ์ พระองค์จะทรงเชื่อหรือเปล่า เพราะแม้กระทั่งตัวเองก็ยังไม่แน่ใจตเลยว่า ที่เลิกอยู่นี้...ผมกำลังทำเพื่อใคร
ผมสาบานหนักแน่นว่าหลังจากบุหรี่มวนนี้ ผมจะไม่มีวันแตะต้องมันอีกเป็นอันขาด!
บุหรี่หนึ่งตัวพร้อมไฟแช็คตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเอามาตั้งไว้ ผมเลื่อนหน้ากากออกซิเจนที่ครอบจมูกลงมาไว้ที่ปลายคาง มือหนึ่งยัดก้นบุหรี่เข้าปาก มืออีกข้างที่จับไฟแช็คอยู่จุดไฟขึ้นทันที
"บุหรี่มวนนี้แทนคำสาบาน"
"แชะ"
"ฟุพพ" ไฟลุกท่วมอย่างรวดเร็ว
"ฟู่" ไปลุกท่วมตัวท่วมเตียง ตามไปติดผ้าม่าน ผมดิ้นพล่านอยู่ในกองไฟ
"รักษามันไว้ให้ดีน่ะ"..."นี่ครับปวดของคุณ"..."มันก็เป็นอมานะฮ์จากอัลเลาะฮ์ รักษามันไว้ให้ดีน่ะ"..."ก็อย่างที่บอกนะครับ เจ้าหน้าที่ต้องเอาไปฝังในสุสานอิสลามตามเจตนารมณ์ของคุณลุง"..."รักษามันไว้ให้ดี"..."คุณลุง...เลิกบุหรี่เถอะครับ นึกซ่ะว่าทำพื่อคนที่ลุงรัก"..."โรงพยาบาลโทรไปที่บ้านตอนดึก หนูใจหายวูบเลย"..."จำไว้น่ะนักเรียน"..."ออกซิเจนไม่ติดไฟ แต่มันจะทำให้ไฟติด"..นี่ครับปวดของคุณ"..."รักษามันไว้ให้ดี"..."เป็นอะมานะฮ์จากอัลเลาะฮ์.."
อ้างอิงจาก : ไคโรสาร 50