ผู้เขียน หัวข้อ: การเดินทางค้นหาสัจธรรมของท่าน ซัลมาน อัลฟารีซีย์  (อ่าน 2215 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

กระทู้นี้ แตกออกมาจากกระทู้เรื่อง
"เล่าสู่-เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะอฺ"

เพราะว่าอยากแบ่งออกมาให้อ่านง่ายขึ้น
ค้นหาง่ายขึ้น...เนื่องจากข้าน้อยประทับใจ
ในท่านซัลมาน อัลฟารีซีย์เป็นอย่างมาก...

มาติดตามกันค่ะ...ถึงประวัติของผู้ที่ข้าน้อยประทับใจสุดๆ

v
v
v
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด


ท่านซัลมาน เกิดที่เมืองอัซฟาฮาน
(อยู่ในประเทศอิหร่านในปัจจุบัน)
แถบนั้นมีศาสนายูดาย (ยิว), คริสต์(นะศอรอ),
โซโรแอสเตอร์(มะยูซีย์-บูชาไฟ)

บิดาของท่านซัลมานเป็นระดับผู้ใหญ่บ้าน
ที่เคร่งครัดในศาสนามะยูซีย์

หน้าที่ของท่านซัลมานคือ
ต้องจุดไฟในโบสถ์ให้สว่างตลอดเวลา

จนวันหนึ่งพ่อของท่านไม่มีเวลาไปทำงาน
จึงให้ท่านซัลมานออกไปทำแทน

ระหว่างทางท่านซัลมานได้พบกับโบสถ์ของชาวคริสต์
ซึ่งขณะนั้นกำลังประกอบศาสนกิจกันอยู่

ท่านซัลมานรู้สึกยินดีกับการทำอิบาดะฮฺของชาวคริสต์
และรู้สึกว่าสิ่งที่ชาวคริสต์ทำ ดีกว่าการบูชาไฟ

ท่านซัลมานถามพวกเขาว่า
แหล่งกำเนิดของศาสนาคริสต์อยู่ที่ใด

ที่ชาม พวกเขาตอบ

ท่านซัลมานจึงตัดสินใจไปชาม

แต่พ่อของท่านทราบเรื่องก่อนจึงจับขังไว้ในโบสถ์

ท่านซัลมานได้กำชับชาวคริสต์กลุ่มนั้นว่า
หากมีคาราวานไปชามผ่านมา ให้บอกด้วย

และท่านซัลมานก็ได้หนีไปเมืองชาม


ที่เมืองชาม ท่านซัลมานได้พบกับชาวคริสต์ดั่งเดิม
(ที่ไม่ได้บูชาเจว็ด)

ท่านได้ไปศึกษาและพำนักอยู่กับบาทหลวงชาวคริสต์
ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง แต่บาทหลวงคนนี้ไม่ซื่อสัตย์
โกงเงินชาวบ้าน

ท่านซัลมานรับใช้บาทหลวงคนนี้ จนบาทหลวงตาย
ท่านซัลมานจึงแจ้งข่าวการคดโกงของบาทหลวง
ให้ชาวบ้านรู้

ชาวบ้านจึงประณามบาทหลวงคนนี้


ท่านซัลมานได้รับใช้บาทหลวงคนใหม่ คนนี้เป็นคนดี
จนบาทหลวงเสียชีวิตไปอีกคน

ก่อนบาทหลวงสิ้นใจ ท่านซัลมานถามว่า
ตนจะไปศึกษาศาสนาต่อได้ที่ไหน

บาทหลวงแนะนำให้ไปหาบาทหลวงที่เมือง เมาซิล
(โมซุล ในอิรัก)

ท่านซัลมานอยู่กับบาทหลวงคนนี้จนบาทหลวงสิ้นชีวิต

ก่อนบาทหลวงสิ้นใจ ท่านซัลมานถามว่า
ตนจะไปศึกษศาสนาต่อได้ที่ไหน

บาทหลวงแนะนำให้ไปหาบาทหลวงที่เมือง นะซิบีน (ในตุรกี)

ท่านซัลมานอยู่กับบาทหลวงคนนี้จนบาทหลวงสิ้นชีวิต

ก่อนบาทหลวงสิ้นใจ ท่านซัลมานถามว่า
ตนจะไปศึกษาศาสนาต่อได้ที่ไหน

บาทหลวงแนะนำให้ไปหาบาทหลวงที่เมือง อัมมูรียะฮฺ

ท่านซัลมานอยู่กับบาทหลวงคนนี้จนบาทหลวงสิ้นชีวิต

ก่อนบาทหลวงสิ้นใจ ท่านซัลมานถามว่า
ตนจะไปศึกษาศาสนาต่อได้ที่ไหน

บาทหลวงคนนี้ตอบว่า

เห็นจะไม่มีใครที่เจ้าจะไปเรียนศาสนาอันบริสุทธิ์ได้แล้ว

เจ้าจงไปยังดินแดนอาหรับ
ไปยังนบีท่านใหม่ที่จะลงมาเป็นท่านสุดท้าย
ยังดินแดนระหว่างหินสีดำ 2 แห่ง
เป็นดินแดนแห่งอินทผลัม เจ้าจงไปที่นั่นและศรัทธาต่อเขา


ท่านซัลมานเดินทางไปอาหรับ กับกองคาราวานกองหนึ่ง
แต่ท่านซัลมานถูกโกง ถูกจับตัวไปขายเป็นทาส
ถูกเปลี่ยนมือหลายต่อหลายครั้ง
จนเป็นทาสของชาวยิวที่ตำบลวะดิลกุรอ
(ตอนเหนือของมะดีนะฮฺ)

จนวันหนึ่งญาติของชาวยิว นายของท่านซัลมาน
จากบนีกุรอยเซาะฮฺ ซื้อท่านไป

เมื่อถึงมะดีนะฮฺ ท่านซัลมานมองเห็นว่าดินแดนแห่งนี้
ขนาบด้วยหินสีดำ 2 ด้าน และมีอินทผลัมมากมาย

ท่านซัลมานดีใจ เพราะตรงตามที่บาทหลวงบอกไว้


วันหนึ่งท่านซัลมานปีนต้นอินทผลัม
ได้ยินข่าวการมาของท่านนบี จากชาวยิว
ที่มาคุยกับนายของท่าน

ท่านดีใจรีบปีนลงมาแล้วสอบถาม
จึงโดนนายของท่านต่อยไปหนึ่งหมัด

ท่านซัลมานจำได้ว่าบาทหลวง
เคยบอกว่าสัญลักษณ์ของการเป็นนบี มี 3 ข้อ

1. ไม่รับศอดาเกาะฮฺ

2. รับฮะดียะฮฺ

3. มีเนื้องอกที่หลังมีขน (ตราแห่งการเป็นนบี)

ท่านซัลมานจึงเอาอินทผลัมไปให้ท่านนบี
บอกว่าให้เป็นศอดาเกาะฮฺ แก่ท่าน
เพราะท่านเป็นผู้เดินทาง

นบีรับ และให้ศอฮาบะฮฺกิน แต่ท่านนบีไม่กิน
ท่านซัลมานนับ 1

วันต่อมาท่านซัลมานนำอินทผลัมไปให้อีก
บอกว่าเป็นฮะดียะฮฺ
นบีรับและแบ่งกินกับศอฮาบะฮฺ
ท่านซัลมานนับ 2


วันหนึ่งมีศอฮาบะฮฺท่านหนึ่งเสียชีวิต
ระหว่างที่ท่านนบีกำลังฝังศอฮาบะฮฺท่านนั้น
ท่านซัลมานเดินไป เดินมา ก้มๆ เงยๆ มองหลังท่านนบี

ท่านนบีพอจะทราบว่าซัลมานหาอะไร
ท่านจึงปลดผ้าคลุมออกให้เห็นสัญลักษณ์ที่ 3

ท่านซัลมานก็โผเข้าไปกอดนบี แล้วร้องไห้
กล่าวชะฮาดะฮฺเข้ารับอิสลาม

แต่ท่านซัลมานยังคงเป็นทาสของชาวยิว
จึงมารับใช้ท่านนบี มาช่วยเหลือท่านนบี ไม่ได้

บะดัร, อุฮุด ท่านซัลมานก็ไม่ได้ร่วม


ชาวยิวบอกว่าให้นำ 40 ทองคำ
และอินทผลัม 300 ต้นมาไถ่

ท่านซัลมานไปบอกนบี
นบีได้ทรัพย์เชลยมาจึงให้ท่านซัลมานไปไถ่ตัว
เป็นทองคำขนาดแค่ไข่ไก่
แต่ชั่งแล้วได้น้ำหนักเท่ากับที่ชาวยิวตั้งไว้พอดี

นบีช่วยปลูกอินทผลัม 299 ต้น ท่านซัลมานปลูก 1 ต้น
(ภายหลังทั้ง 299 ต้นไม่มีต้นใดเฉาตายเลย)


ท่านซัลมานได้อิสระ

เกิดสงครามคอนดักขึ้นพอดี
ท่านซัลมานมีบทบาทช่วยเหลือท่านนบีอย่างมาก
ในสงครามครั้งนี้

ท่านซัลมานเสนอกลยุทธ์ให้ขุดหลุมล้อมเมืองมะดีนะฮฺ
เรียกว่าสนามเพลาะ

สงครามครั้งนั้นทุกคนช่วยกันขุดหลุม
และมุสลิมได้รับชัยชนะ

ท่านซัลมานถูกแย่งจากฝั่งมุฮาญีรีน
เพราะท่านเป็นผู้อพยพมา

แต่ทางฝั่งอันศอร บอกว่าท่านเป็นผู้ช่วยเหลือต่างหาก


แต่ท่านนบีบอกว่า

“ซัลมานเป็นพวกฉัน”

ท่านนบีบอกอีกว่า

“หากอีหม่านอยู่ที่ดวงดาวสุรอยยา
คนอย่างซัลมานก็จะไปหา”


ก่อนตายท่านซัลมานร้องไห้
เพราะนึกถึงคำพูดท่านนบีว่าให้ใช้ชีวิตเหมือนคนเดินทาง


แต่ท่านมองว่าท่านมีของเยอะแยะมากมาย
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นท่านมีเพียง ผ้าห่ม 1 ผืน
พรม(ที่นอน) 1 ผืน, ที่รองนั่ง 1 อัน
และเงิน 20 ดิรฮัม



..............................

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

"ก่อนตายท่านซัลมานร้องไห้
เพราะนึกถึงคำพูดท่านนบีว่าให้ใช้ชีวิตเหมือนคนเดินทาง

.............................

แต่ท่านมองว่าท่านมีของเยอะแยะมากมาย
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นท่านมีเพียง ผ้าห่ม 1 ผืน
พรม(ที่นอน) 1 ผืน, ที่รองนั่ง 1 อัน
และเงิน 20 ดิรฮัม"






ประโยคดังกล่าว...อ่านแล้วรู้สึกสะท้านหัวใจ

ประวัติตรงนี้ของท่านซัลมาน อัลฟารีซีย์
ทำให้ข้าน้อยรู้สึกว่า ท่านผู้นี้ยอมสละชีวิตสุขสบาย
ภายในบ้านของพ่อ พ่อที่ร่ำรวย มีเรือกสวนมากมาย
ที่พร้อมจะให้ชีวิตที่สุขสบายให้แก่ท่านในดุนยาได้...

แต่ท่านกลับเลือกที่จะเดินทางเสาะแสวงหาสัจธรรม
และกว่าจะได้พบเจอ ท่านต้องพบกับความยากลำบาก
อย่างมากมาย...

มันเลยทำให้ข้าน้อยรู้สึกมีกำลังใจทุกครั้ง
ที่ได้ฟังประวัติของท่าน...

แม้ในความยากลำบากของท่านซัลมาน
ก็ยังมีความโชคดีที่ยิ่งใหญ่นั่นก็คือ
การได้พบกับท่านรอซู้ล ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ได้กอดท่าน ได้ร้องไห้กับท่าน...ได้ใกล้ชิดท่าน
ได้ช่วยเหลือท่าน...และได้ตายในหนทางของอัลลอฮฺ...

เราผู้เกิดมาในครอบครัวมุสลิมแต่เดิม
จึงจำต้องตระหนักถึงคุณค่าของการตามหาสัจธรรมเช่นกัน
หากไม่อ่านไม่ศึกษา เราก็จะไม่รู้...
เมื่อไม่รู้ก็จะปฏิบัติไม่ถูก หาทางไปไม่ได้ เพราะไม่รู้ซึ่ง
จุดหมายปลายทางที่ควรจะเดินไปจริงๆ...

สุดท้ายเราอาจจะเดินหลงทางโดยไม่ทันรู้ตัว...
กว่าจะรู้ตัว มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้...

ข้าน้อยก็คนนึงที่เคยเดินไปในความมืดมน...
โชคดีที่ตอนนั้นเห็นแสงรำไรตรงปากอุโมงค์...
เลยหลุดมาจากอุโมงค์มืดนั้นได้...

แต่ในความมืด กลับสอนให้ข้าน้อยได้รู้จักคุณค่าของแสง

...อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...

ทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้...แค่คิดแล้วก็ทำเลย...
อย่ารอวันพรุ่งนี้...เพราะบางทีพรุ่งนี้อาจไม่มีจริง...

วัสลามค่ะ...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ hadee

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 26
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ลองฟังประวัติของ ซัลมาน อัล-ฟารีซีย์ ซึ่งเล่าโดย อ.อิสมาแอล วิสุทธิปราณี ดูนะครับ


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=_nwtm1-Zq14" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=_nwtm1-Zq14</a>

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 21, 2013, 10:14 AM โดย hadee »

 

GoogleTagged