كِتَابُ الطَّهَارَةِ
บทว่าด้วยเรื่องความสะอาด
أَنْوَاعُ الْمِيَاهِ
ชนิดของน้ำ
اَلْمِيَاهُ الَّتِيْ يَجُوْزُ بِهَا التَّطْهِيْرُ سَبْعُ مِيَاهٍ: مَاءُ السَّمَاءِ وَمَاءُ الْبَحْرِ وَمَاءُ النَّهْرِ وَمَاءُ الْبِئْرِ وَمَاءُ الْعَيْنِ وَمَاءُ الثَّلْجِ وَمَاءُ البَرَدِ (1) .
น้ำซึ่งอนุญาตทำความสะอาดด้วยกับมันได้นั้นมีอยู่ 7 น้ำ คือ น้ำฝน , น้ำทะเล , น้ำแม่น้ำ , น้ำบ่อ , น้ำตาน้ำ , น้ำหิมะ , และน้ำลูกเห็บ
أَقْسَامُ الْمِيَاهِ
ประเภทของน้ำ
ثُمَّ الْمِيَاهُ عَلَى أَرْبَعَةِ أَقْسَامٍ:
น้ำมี 4 ประเภท
طَاهِرٌ مُطَهِّرٌ غَيْرُ مَكْرُوْهٍ وَهُوَ الْمَاءُ الْمُطلَقُ (2) .
1. น้ำสะอาด สามารถใช้ทำความสะอาด(สิ่งอื่นได้) โดยไม่มักโระฮ์ คือ น้ำมุตลัก(2)
وَطَاهِرٌ مُطَهِّرٌ مَكْرُوْهٌ وَهُوَ الْمَاءُ المُشمَّسُ (3) .
2. น้ำสะอาด สามารถใช้มาทำความสะอาดได้ แต่มักโระฮ์ใช้ คือ น้ำมุชัมมัช(3)
وَطَاهِرٌ غَيْرُ مُطَهِّرٍ وَهُوَ الْمَاءُ الْمُسْتَعْمَلُ (4) وَالْمُتَغَيِّرُ بِمَا خَالَطَهُ مِنَ الطَّاهِرَاتِ (5) .
3. น้ำสะอาด ไม่สามารถใช้ทำความสะอาดได้ คือ น้ำมุสตะอฺมัล (4) และน้ำที่เปลี่ยนแปลงด้วยการมีสิ่งที่สะอาดเจือปนอยู่ (5)
وَمَاءٌ نَجِسٌ وَهُوَ الَّذِيْ حَلَّتْ فِيْهِ نَجَاسَةٌ وَهُوَدُوْنَ القُلَّتَيْنِ (6) أَوْ كَانَ قُلَّتَيْنِ فَتَغَيَّرَ (7) .
4. และน้ำนะยิส คือน้ำที่มีนะยิสตกลงไป โดยที่น้ำไม่ถึงสองกุลละฮ์ (6) และน้ำถึงสองกุลละฮ์ แต่มันเปลี่ยนแปลง (7)
وَالْقُلَّتَانِ خَمْسُمِائَةِ رِطِلٍ بَغْدَادِيٍّ تَقْرِيْباً فِي الأَصَحِّ (

.
สองกุลละฮ์นั้น มี 150 ลิตรบัฆดาดีย์ โดยประมาณ ตามทัศนะที่ชัดเจนกว่า
-----------------------------------
(1) สามารถกล่าวสรุปได้ว่า น้ำที่ใช้ทำความสะอาดได้ ด้วยกับทุก ๆ น้ำที่ไหลพุ่งออกมาจากแผ่นดินหรือตกมาจากฟากฟ้า และหลักฐานเกี่ยวกับการอนุญาตใช้ทำความสะอาดด้วยบรรดาน้ำเหล่านี้ มีหลายอายะฮ์ ส่วนหนึ่งคือ :
อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงตรัสว่า "และพระองค์จะประทานน้ำลงมาเหนือท่านทั้งหลายจากฟากฟ้าเพื่อพระองค์จะให้พวกท่านใช้มันทำความสะอาด" อัลอันฟาล 11
และมีหลายฮะดิษ ส่วนหนึ่งคือ รายงานโดยอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า : มีชายคนหนึ่งถามท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า "โอ้ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ พวกเราโดยสารไปทางทะเล พวกเรานำน้ำไปกับพวกเราได้เพียงเล็กน้อย ถ้าหากพวกเราใช้น้ำนั้นอาบน้ำละหมาดเราก็จะต้องอดน้ำ ดังนั้นพวกเราจะใช้น้ำทะเล อาบน้ำละหมาดได้ไหม? ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า "น้ำทะเลสะอาด และสัตว์ทะเลที่ตายเป็นสิ่งฮะล้าล" (รายงานโดย ห้าคน และติรมีซีย์ (67) กล่าวว่า ฮะดิษนี้ ฮะซัน , ซอฮิห์)
คำว่า "สัตว์ทะเลที่ตายเป็นสิ่งฮะล้าล หมายถึง : รับประทานสัตว์ทะเลที่ตายในทะเลได้ - ไม่ว่าจากปลาหรืออื่น ๆ - โดยมิต้องเชือดตามหลักศาสนา
(2) หลักฐานเกี่ยวกับความสะอาดของน้ำมัตลัก คือ ฮะดิษรายงานโดยบุคอรี (217) และคนอื่น จากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า : มีอาหรับชนบทคนหนึ่ง ลุกขึ้นยืนปัสสาวะในมัสยิด(นบี) ประชาชนได้พากันลุกขึ้นมาหาเขา เพื่อทำให้เขาหยุดการกระทำเสีย แต่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวขึ้นว่า "พวกท่านจงปล่อยเขาเถิด และจงเอาน้ำกระป๋องหรือน้ำภาชนะหนึ่งเทลงไปบนปัสสาวะของเขา เพราะความจริงพวกท่านถูกบังเกิดขึ้นมาให้มีความสะดวกง่ายดายไม่ใช่ถูกบังเกิดขึ้นมาให้มีความยากลำบาก"
(3) คือน้ำที่ตากแดดจนร้อนอยู่ในภายชนะที่เป็นโลหะ และการมักโระฮ์ใช้นั้น เพราะมีการกล่าวว่า น้ำมุชัมมัชเป็นเหตุทำให้เกิดโรคผิดหนังและทำให้เพิ่มอาการโรคผิวหนัง และไม่ถึงว่ามักโระฮ์ใช้นอกจากเสียว่าน้ำจะถูกนำมาใช้เกี่ยวกับร่างกาย และน้ำมุชัมมัชต้องอยู่ในเขตร้อน เช่น ฮิยาซฺ
(4) คือน้ำที่ถูกนำมาใช้ในการยกฮะดัษแล้ว(ไม่ว่าจะเป็นฮะดัษเล็กหรือฮะดัษใหญ่) และหลักฐานที่กล่าวถึงน้ำมุสตะมัลสะอาด(แต่ไม่สามารถใช้ทำความสะอาดได้) คือฮะดิษรายงานโดยบุคอรี (191) และมุสลิม (1616) จาก ญิบิร บุตร อับดิลลาฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า : "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้มาเยี่ยมฉันขณะที่ฉันกำลังป่วยจนไม่ได้สติ ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ได้อาบน้ำละหมาด และเทน้ำที่ใช้อาบน้ำนั้นลงไปบนตัวฉัน"
และถ้าหากน้ำที่ใช้อาบน้ำละหมาดไม่สะอาด ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ก็คงจะไม่เทไปบนร่างของเขา
และหลักฐานที่ระบุว่าน้ำมุสตะมัลไม่สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดได้ คือ ฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม (283) และคนอื่น จากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า : "คนใดคนหนึ่งจากพวกท่านจะต้องไม่อาบน้ำ ในน้ำนิ่ง ในสภาพที่เขามีญุนุบ" พวกเขาถามว่า อบูฮุร๊อยเราะฮ์เอ๋ย แล้วเขาจะทำอย่างไร? อบูฮุร๊อยเราะฮ์ได้กล่าวว่า : ให้เขาจงตักมันขึ้นมา"
ฮะดิษนี้บอกให้รู้ว่า : การลงอาบในน้ำนั้น จะทำให้น้ำสิ้นสภาพจากการจะนำไปทำความสะอาดสิ่งอื่นอีก เพราะถ้ามิใช่เช่นนั้น ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็คงจะไม่ห้ามกระทำเช่นนั้น และน้ำมุสตะมัลในฮะดิษนี้ ถูกตีความว่า เป็นน้ำที่มีปริมาณน้อย(กว่าสองกุลละฮ์) และข้อชี้ขาด(ฮุกุ่ม)ของการอาบน้ำละหมาดเกี่ยวกับน้ำมุสตะมัลนี้ ก็คือข้อชี้ขาดเดียวกับการอาบน้ำ(ยกฮะดัษใหญ่) เพราะความหมายในทั้งสองนั้น อันเดียวกัน ก็คือ เป็นการยกฮะดัษ
(5) คือสิ่งต่าง ๆ ที่สะอาดซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นจากมันโดยทั่วไป และไม่สามารถแยกออกจากน้ำภายหลังจากเกิดการปะปนกันแล้ว เช่นน้ำหอมชะมดเชียง , เกลือ , และอื่น ๆ และการที่น้ำดังกล่าวนี้ไม่สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดได้ เพราะว่ามันกลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกเรียกว่าน้ำในสภาพนี้แล้ว
(6) ผู้บันทึกทั้งห้าได้รายงานจากอับดิ้ลลาฮ์ บุตร อุมัร (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า "ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ขณะที่ท่านถูกถามเกี่ยวกับน้ำที่อยู่ในพื้นแผ่นดินโล่ง(เช่นทะเลทรายและอื่น ๆ) และมีสัตว์ทั้งที่ดุร้ายและไม่ดุร้าย แวะเวียนไปดื่มกิน ท่านได้กล่าวว่า "เมื่อน้ำถึงสองกุลละฮ์ก็จะไม่รับการเป็นนะยิส" และในถ้อยคำหนึ่งของท่านอบูดาวูด (65) : "แท้จริงน้ำนั้นไม่เป็นนะยิส"
สิ่งที่ถูกเข้าใจจากฮะดิษ : คือถ้าหากน้ำน้อยกว่าสองกุลละฮ์ก็จะเป็นนะยิส แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม และมีฮะดิษที่ชี้ถึงความเข้าใจอันนี้ คือ ฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม (287) จากอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "เมื่อใครคนหนึ่งในหมู่พวกท่านตื่นนอน อย่าเอามือของเขาจุ่มลงไปในภาชนะ จนกว่าจะได้ล้างมือเสียก่อนสามครั้ง เพราะเขาไม่รู้หรอกว่ามือของเขา ซุกอยู่ที่ใดบ้าง (ขณะที่นอนหลับ)"
ดังนั้นท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามคนที่เพิ่งตื่นนอนจุ่มมือลงในน้ำ เพราะกลัวว่ามือของเขาจะเปื้อนนะยิสที่มองไม่เห็น และเป็นที่ทราบกันดีว่า นะยิสที่มองไม่เห็นนั้นไม่ทำให้น้ำโยกย้าย ดังนั้นถ้าหากนะยิสที่มองไม่เห็นนี้ จะไม่ทำให้น้ำเป็นนะยิสเพียงแค่กระทบกับน้ำ ท่านนบีก็คงจะไม่ห้ามสิ่งดังกล่าว
(7) หลักฐานน้ำถึงสองกุลละฮ์ แต่มันเปลี่ยนแปลงถือว่าเป็นนะยิสนั้น คือมติของปวงปราชญ์ ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลมัจญ์มั๊วะอฺ ว่า อิบนุ้ลมุนซิร ได้กล่าวว่า "นักปราชญ์ได้มีมติร่วมกันเป็นอิจมาอฺว่า น้ำน้อยหรือน้ำมาก เมื่อมีนะยิสตกลงไป และทำให้น้ำเปลี่ยนสี กลิ่น และรส น้ำนั้นเป็นนะยิส
สำหรับฮะดิษ ที่ว่า "น้ำนั้นสะอาด ไม่มีสิ่งใดทำให้เป็นนะยิสได้ นอกจาก สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนรสและกลิ่น" ถือว่าเป็นฮะดิษสายรายงานฏออีฟ ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า "การนำฮะดิษนี้มาเป็นหลักฐานถือว่าไม่ถูกต้อง" และกล่าวว่า "ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ได้ถ่ายทอดการตัดสินว่าฮะดิษฏออีฟจากนักปราชญ์ฮะษ" (หนังสือมัจมั๊วะอฺ 1/160)
(
สองกุลละฮ์นั้นเท่ากับ 190 ลิตรโดยประมาณ หรือกว้าง 1 ลูกบาศก์ ขอบโดยรอบยาว 58 เซ็นติเมตร
วัลลอฮุอะลัม