สูเราะฮฺอัตตะหฺรีม อายะฮฺที่ 10 - 12คำอ่าน10. เฎาะเราะบัลลอฮุ มะษะลัลลิลละซีนะกะฟะรุมเราะอะตะนูหิว..วัมเราะอะตะลูฏ กะนะตาตะหฺตะอับดัยนิ มินอิบาดินาศอลิหัยนิ ฟะคอนะตาฮุมา ฟะลัมนุฆนิยาอันฮุมา มินัลลอฮิชัยเอา..วะกีลัดคุลุน..นาเราะ มะอัดดาคิลีน
11. วะเฎาะเราะบัลลอฮุมะษะลัลลิละซีนะอามะนุมเราะอะตะฟิรฺเอานะ อิซกอลัต ร็อบบิบนิลี อิน..ดะกะบัยตัน..ฟิลญัน..นะติ วะนัจญินีมิน..ฟิรฺเอานะ วะอะมะลิฮี วะนัจญินีมินัลก็อวมิซซอลิมีน
12. วะมัรฺยะมับนะตะ อิมรอนัลละตี..อะหฺเศาะนัตฟัรฺญะฮา ฟะนะฟัคนาฟีฮิ มิรฺรูหินา วะศ็อดดะก็อต บิกะลิมาติร็อบบิฮา วะกุตุบิฮี วะกานัตมินัลกอนิตีน
คำแปล R1.10. Allah sets forth an example for those who disbelieve the wife of Nuh (Noah) and the wife of Lout (Lot). They were under two of our righteous slaves, but they both betrayed their (husbands by rejecting their doctrine) so they [Nuh (Noah) and Lout (Lot)] benefited them (their respective wives) not, against Allah, and it was said: "Enter the Fire along with those who enter!"
11. And Allah has set forth an example for those who believe, the wife of Fir'aun (Pharaoh), when she said: "My Lord! Build for me a home with you in Paradise, and save me from Fir'aun (Pharaoh) and his work, and save me from the people who are Zalimun (polytheists, wrong-doers and disbelievers in Allah).
12. And Maryam (Mary), the daughter of 'Imran who guarded her chastity; and we breathed into (the sleeve of her shirt or her garment) through our Ruh [i.e. Jibrael (Gabriel)], and she testified to the truth of the words of her Lord [i.e. believed in the words of Allah: "Be!" and he was; that is 'Iesa (Jesus) - son of Maryam (Mary); as a Messenger of Allah], and (also believed in) his Scriptures, and she was of the Qanitin (i.e. obedient to Allah).คำแปล R2.10. อัลเลาะฮฺได้ยกอุทธาหรณ์หนึ่งแก่บรรดาพวกไร้ศรัทธา (ที่เข้ามาผูกสัมพันธ์กับฝ่ายมุสลิม ทั้งที่ตนเองมิได้ศรัทธาว่า เปรียบเทียบได้ดั่ง) ภริยาของนูห์ และภริยาของลู๊ฏ ซึ่งนางทั้งสองอยู่ภายใต้ (การปกครองของ) บ่าวสองคนที่มาจากกลุ่มบ่าวที่ดีของเรา แต่แล้วทั้งสองกลับบ่อนทำลายบ่าวทั้งสอง (กล่าวคือ วาฮิละฮฺภริยาของนบีนูห์กล่าวหานบีนูห์ว่าเป็นบ้า ส่วนวาอิละฮฺภริยาของนบีลู๊ฏ ได้ทำสัญญาแก่พวกไร้ศรัทธาให้เข้ามาฉุดคร่าแขกของนบีลู๊ฏไปทำอนาจาร) ดังนั้น (นบี) ทั้งสองจึงไม่อาจป้องกันนางทั้งสองให้พ้นจาก (โทษทัณฑ์ของ) อัลเลาะฮฺได้สักเพียงสิ่งเดียวก็ตาม และมีผู้กล่าวว่า “เจ้าทั้งสองจงเข้านรก พร้อมกับบรรดาจำพวกที่เข้านรกเถิด”
11. และอัลเลาะฮฺยกอุทธาหรณ์หนึ่งแก่มวลผู้ศรัทธา (ว่าเปรียบได้ดั่ง) ภริยาของฟิรเอาน์ เมื่อนางได้กล่าวว่า “โอ้ผู้ทรงอภิบาลโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้ข้าพเจ้าในสวรรค์และโปรดยังความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าจากฟิรเอาน์และผลงานของเขา และโปรดยังความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าจากกลุ่มทุจริตชนทั้งมวลเถิด
12. และ (เปรียบได้ดั่ง) มัรยัมบุตรหญิงของอิมรอน (ผู้เป็นมารดาของนบีอีซา) ซึ่งนางได้รักษาพรหมจรรย์ของนางไว้ (อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง) ต่อมาเราได้ (บัญชาให้ญิบรีล) เป่าชีวิต (โดยการบันดาล) ของเราเข้าไปในนั้น (แล้วนางก็ตั้งครรภ์) และนางได้เลื่อมใสในพระคำ และคัมภีร์แห่งองค์อภิบาลของนาง (เป็นอันดี) และนางเป็นผู้หนึ่งจากมวลผู้ภักดีทั้งหลายคำแปล R3.10. อัลลอฮฺทรงยกเอาภรรยาของนูฮฺและลูฏ ขึ้นมาเป็นตัวอย่างสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ พวกนางแต่งงานกับบ่าวผู้ดีงามทั้งสองของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อสามีของนาง และเขาทั้งสองไม่สามารถช่วยอะไรนางจากอัลลอฮฺได้ ทั้งสองได้ถูกกล่าวว่า “จงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่จะเข้าไปในนั้นเถิด”
11. และสำหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้นอัลลอฮฺได้ทรงยกเอาภรรยาของฟาโรห์มาเป็นตัวอย่าง เมื่อนางได้วิงวอนว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดสร้างบ้านในสวนสวรรค์ที่พระองค์ให้แก่ฉันและปกป้องคุ้มครองฉันจากฟาโรห์และงานของเขา และโปรดทรงช่วยฉันจากพวกคนชั่วด้วยเถิด”
12. และตัวอย่างของนางมัรยัมลูกสาวของอิมรอน ซึ่งปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้นเราจึงได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในตัวนาง และนางได้ยืนยันวจนะของพระผู้อภิบาลของนางและคัมภีร์ของพระองค์ว่าเป็นความจริง และนางเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เชื่อฟังคำแปล R4.10. อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาถึงภริยาของนูหฺ และภริยาของลู๊ฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่าวของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อเขาทั้งสองให้พ้นจากการลงโทษาของอัลลอฮฺแต่ประการใด จึงมีเสียงกล่าวขึ้นว่า เจ้าทั้งสองจงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับบรรดาผู้ที่เข้าไปในมัน
11. และอัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ศรัทธาถึงภริยาของฟิรเอานฺเมื่อนางได้ กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่ข้าพระองค์ ณ ที่พระองค์ท่านในสวนสวรรค์และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากฟิรเอานฺ และการกระทำของเขา และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม
12. และมัรยัมบุตรีของอิมรอน ผู้ซึ่งรักษาพรหมจารีของนาง แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง และนางได้ศรัทธาต่อบัญญัติต่าง ๆ แห่งพระเจ้าของนาง และ (ได้ศรัทธาต่อ) คัมภีร์ต่าง ๆ ของพระองค์ และนางจึงอยู่ในหมู่ผู้นอบน้อมภักดีทั้งหลายคำแปล R5.๑๐. อัลเลาะห์ทรงยกอุทาหรณ์หนึ่งมาให้คิดและตริตรองสำหรับบรรดาจำพวกไร้ศรัทธาทั้งหลายอุทาหรณ์นั้นคือภรรยาของนบีนูห์ และภรรยาของนบีลูฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวสองคนจากบรรดาบ่าวที่ดีของเรา คือนบีนูห์และนบีลูฏดังกล่าวแล้ว แต่ต่อมานางทั้งสองก็บิดพลิ้วต่อสามีทั้งสองโดยคัดค้านการประกาศศาสนาของสามีและกล่าวหาสามีว่าวิกลจริต ครั้นแล้วสามีทั้งสองก็ไม่อาจป้องกันและช่วยเหลือนางทั้งสองไว้จากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้สักกรณีเดียวก็ตาม และมีผู้ออกคำสั่งแก่นางทั้งสองในวันปรภพว่า เจ้าทั้งสองจงเข้านรกเถิด พร้อมกับบรรดาผู้เข้าอื่น ๆ
๑๑. และอัลเลาะห์ได้ยกอุทาหรณ์อีกสำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาได้นำมาตริตรอง นั่นคือภรรยาของฟิรเอาน์เมื่อนางได้วอนขอต่ออัลเลาะห์ว่า โอ้พระผู้อภิบาล ขอพระองค์ได้โปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่ข้าพเจ้า ณ พระองค์ในสวรรค์ และโปรดยังความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าให้พ้นไปจากฟิรเอาน์และผลงานของเขาด้วย และโปรดยังความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าจากกลุ่มทุจริตชน
๑๒. และเช่นเดียวกับอุทาหรณ์สำหรับศรัทธาชนได้ตริตรองคือมัรยัมผู้เป็นบุตรหญิงของอิมรอนซึ่งนางได้รักษาพรหมจรรย์ของนางไว้ ไม่แตะต้องกับชายใดจนตลอดชีวิต และต่อมาเราก็ได้เป่าเข้าในนางจากชีวิตของเรา และนางได้เลื่อมใสอย่างแท้จริงต่อถ้อยคำต่าง ๆ แห่งพระผู้อภิบาลของนาง และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และนางเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ภักดี(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ
จบสูเราะฮฺที่ 66 อัตตะหฺรีม