บทความนีอ้างจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [4 ม.ค. 51 ]
ไทย ปากีสถาน และอิรัก (3)
พรรคการเมืองในปากีสถานแตกจนเละตุ้มเป๊ะ แบ่งเป็นกลุ่มพรรคฝ่ายรัฐบาลที่หนุน พลเอก ปัรเวซ มุชัรร็อฟ และกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน ทั้งกลุ่มฝ่ายค้าน กลุ่มฝ่ายรัฐบาลก็แตกแยกทะเลาะ เบาะแว้งกัน เดี๋ยวดีกัน เดี๋ยวฟัดกัน ร่างกฎหมายใดที่เข้าไปสู่สภามัจญ์ลิศ-อี-ชูร่า มักจะมีปัญหา ขัดแย้งรุนแรงตามมาเสมอ เนื้อหาหนังสือพิมพ์แทนที่จะเป็นเรื่องการพัฒนาประเทศข่าวสาร ของปากีสถานกลับเหมือนไทยในกรณีที่มีแต่เรื่องเกี่ยวดองหนองยุ่ง เพียงประโยชน์ของ นักการเมือง
ร่างกฎหมายที่ทำให้นักการเมืองตีกันมากที่สุด คือ Woman's Protection Bill 2006 หรือร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิสตรี พ.ศ.2549 ขอเรียนว่า สถานการณ์ในปากีสถานยุ่งกว่า ไทยตรงที่ นอกจากจะมีประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ยังมีกฎหมายฮุดูด ฮุดูดเป็นประมวลกฎหมายหนึ่ง
ของปากีสถานที่บัญญัติอุบัติตามหลักการของกฎหมายอิสลาม ว่าด้วยอาชญากรรม ความผิดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์นอกสถานภาพสมรส การดื่มแอลกอฮอล์ และการลักขโมย
ภายใต้กฎหมายฮุดูด สตรีปากีสถานที่ถูกข่มขืน หากฝืนนำความมัวหมองไปร้องทุกข์ จะต้องมีพยานชายไม่น้อยกว่า 4 คน หากพยานชายไม่ครบ ก็ถือว่าคดีนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ ศาลจะไม่รับไว้พิจารณาคดี สตรีที่ถูกข่มขืนผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเองก็จะต้องโดนดำเนินคดี ข้อหาล่วงประเวณีอีกด้วย โทษข่มขืนตามกฎหมายฮุดูดก็คือ จะถูกลงโทษด้วยการขว้างปา ด้วยก้อนหินจนตาย
หญิงชายที่มีเพศสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ผ่านการสมรส หากแต่งงานแล้ว ก็ถือว่ามีชู้ ทั้งคู่จะต้องโทษานุโทษด้วยการถูกขว้างปาด้วยก้อนหินจนตายอย่างเหี้ยมหฤโหด หากครองโสดยังไม่ได้แต่งงาน หรือเป็นบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม ก็จะถูกลงโทษ ด้วยการเฆี่ยนอย่างแรง 100 ครั้ง
กฎหมายฮุดูดถูกนำมาใช้ในปากีสถานในสมัยพลเอก มุฮำมัด เซียอุลฮัก เมื่อ พ.ศ.2522 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บรรดาสมาคมชมรมสตรีเรียกร้องให้แก้ไข มาตลอดเกือบ 30 ปี เพราะถือว่าไม่เป็นธรรม แต่ไม่มีรัฐบาลชุดไหน หรือรัฐสภาชุดใด สนใจ มีแต่รัฐบาลของพลเอกมุชัรร็อฟนี่แหละ ที่พยายามแกะเอาคดีความการข่มขืนชำเราเข้าไปอยู่ในการพิจารณาคดีตาม ประมวลกฎหมายอาญา
พรรคมุจญ์ตาฮิดะห์ มัจญ์ลิศ เออะมาล พรรคฝ่ายค้านเคร่งศาสนา ที่ต่อต้านพลเอกมุชัรร็อฟ อย่างรุนแรง ก็ออกมาซัดรัฐบาลและร่างกฎหมายคุ้มครองสตรีว่า ขัดต่อหลักคำสอน ของศาสนาอิสลาม และขัดต่อรัฐธรรมนูญปากีสถาน มาตรา 2 ที่ว่า อิสลามเป็นศาสนา ประจำชาติ แถมขัดกับมาตรา 227 ที่ว่า ต้องไม่มีการบัญญัติกฎหมายใดที่ขัดต่อ อัลกุรอานและหะดิษ
ร่างกฎหมายนี้ทำให้พรรคฝ่ายค้านแตกฉานซ่านเซ็น เพราะพรรคฝ่ายค้านบางส่วน ก็อยากจะเอาใจผู้หญิงด้วยเหมือนกัน บั้นปลายท้ายที่สุดก็โหวตให้ผ่านในที่ประชุม สมัชชาแห่งชาติ ผ่านในวุฒิสภา และวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2549 พลเอกมุชัรร็อฟ ลงนามรับรองร่าง จนกลายเป็นกฎหมายสมบูรณ์ ตรงนี้นี่แหละครับ ที่สร้างกิตติศัพท์ ทำคะแนนให้พลเอกมุชัรร็อฟ
ประเทศไทยมีสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุผลส่วนหนึ่งมาจาก การที่เคยไม่มีการพัฒนาอย่างจริงใจของรัฐบาลกลาง มีอย่างที่ไหน ทรัพยากรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สมบูรณ์ที่สุดแต่ผู้คนกลับ ยากจนข้นแค้น ที่นราธิวาสมีรายได้ครัวเรือนเพียง 9,240 บาทต่อปี มีพลเมืองหลายแสน อย่างนราธิวาสมีประชากรตั้ง 7 แสน แต่มีแพทย์เพียง 85 คน ปัตตานียิ่งมีน้อยไปใหญ่ มีแพทย์ 80 คน ตัวเลขเหล่านี่นี้เอง ที่มุสลิมบางกลุ่ม ในส่วนต่างๆของโลกเอาไปพูดจาสนทนากัน เรื่องที่รัฐบาลไทยไม่พัฒนาภาคใต้ ให้เต็มที่เหมือนภาคอื่น ซึ่งเราต้องแก้ไขข่าวตรงนี้
ปากีสถานมีแคว้นใหญ่สุดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ชื่อว่าบาลูจิสถานแคว้นนี้มีก๊าซธรรมชาติ มาก น้ำมันก็เยอะ แถมอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทองแดง ทองคำ ฯลฯ
ทว่าผู้อ่านท่านเชื่อไหมครับ ผู้คนในแคว้นนี้กลับยากจนมาก ชาวบาลูชกับชนเผ่าต่างๆ จึงจับมือกันต่อต้านรัฐบาล ลอบวางระเบิดสำนักงานของรัฐและสถานที่ราชการต่างๆ มาเป็นเวลานานเท่ากับเมืองไทย ตายไปเกือบ 3,000 คน ข้อเรียกร้องก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แรกเริ่มเดิมทีเรียกร้องสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในการปกครองตนเอง จนขยายกลายมาเป็นการแบ่งแยกดินแดน
รัฐบาลปากีสถานตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ไขหลายชุด แต่ละชุดผุดแต่งานการประชุม แล้วก็เขียนรายงานสรุป สรุปยังไงก็ไม่เป็นที่พอใจของกลุ่มที่ก่อความไม่สงบ เหตุพลีชีพจึงระเบิดเกิดระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ ลามจากหัวเมืองปามเข้ามาจนถึง กลางนครหลวงเข้าแล้ว
ผู้อ่านท่านกรุณาเปรียบ 3 ประเทศที่โลกกำลังจับตา เทียบว่ามีความยุ่งเหยิงวุ่นวายขนาดไหน ไหนจะปัญหาแบ่งแยกดินแดนที่มีการฆ่าแกงกันฆ่ารายวัน ปัญหาการแก่งแย่งชิงอำนาจ การเมืองไม่ลงตัว ฯลฯ มองจากข้างในไม่เห็นดอก ต้องออกมาสนทนากับผู้คนนอกประเทศ เราก็จะเข้าใจว่า อิรัก ไทย และปากีสถานนั้น มีปัญหาไม่ต่างห่างไกลกันเท่าใดเลย
5 ปี มีคนตายจากสถานการณ์ภาคใต้ของไทยไปแล้ว 2,622 ศพ.
นิติภูมิ นวรัตน์